เจียงเหยาจิงเงยหน้าแล้วยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาตอบด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขาม “หืม?” เสิ่นจือเฉียนกัดฟันแล้วพูดว่า “ช่างมันเถอะ เพื่อความสุขของคุณ ผมจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็แล้วกัน” เจียงเหยาจิงเหลือบมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “ออกรถ” ฮั่วซุนสตาร์ทรถแล้วขับออกไป เสิ่นจือเฉียนรู้สึกว่าตัวเองต้องทำอะไรบางอย่างให้ซ่งหยุนหยุน ขณะที่เขากำลังหันหลังจะกลับไป เขาเห็นเธอเดินออกมาพอดี “หยุนหยุน” เสิ่นจือเฉียนก้าวไปหาเธอ “ฉันต้องกลับแล้ว” เธอยิ้มให้เสิ่นจือเฉียน เสิ่นจือเฉียนเห็นเธอแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ “คือว่าหยุนหยุน เรื่องที่ต้องหาหัวใจที่เหมาะสมให้แม่ของเธอ พี่จะพยายามเพื่อช่วยหาเต็มที่นะ” เมื่อคิดถึงแม่ เธอก็รู้สึกบีบหัวใจและพยายามซ่อนความรู้สึกไว้ แต่น้ำเสียงไม่สามารถปกปิดได้ เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน “จริงเหรอคะ?” หัวใจเป็นอวัยวะที่รอนานมาก ไม่เหมือนอวัยวะส่วนอื่น บางคนรอไม่ไหวจนต้องตายเสียก่อน “พี่เสิ่น ขอบคุณมากนะคะ” เธอไม่รู้จะแสดงความขอบคุณอย่างไร สายตาของเขาอบอุ่นเล็กน้อย “ไม่เป็นไรหรอก” เสิ่นจือเฉียนรู้สึกสงสารเธอมาก ถ้าเบื้องหลังไม่ใช่เจียงเหยาจิง เธอก็คงเข้าใกล้คว
“คุณซ่ง?” ผมเป็นผู้ช่วยของคุณเจียง คุณเจียงสั่งให้ผมมารับคุณครับ” ซ่งหยุนหยุนชะงักครู่หนึ่งเมื่อเห็นฮั่วซุน พลันหลบสายตาอย่างรวดเร็ว เพื่อปกปิดไม่ให้เขารู้ว่าเธอจำหน้าเขาได้ ผู้ชายคนนี้เป็นคนเปิดประตูให้เมื่อครั้งล่าสุดที่เธอเคยไปรักษาผู้ป่วยแทนเสิ่นจือเฉียน หรือเขาเป็นผู้ช่วยของเจียงเหยาจิง? เจียงเหยาจิงคือคนที่ได้รับบาดเจ็บเหรอ? “เชิญครับคุณซ่ง” เมื่อเห็นว่าเธอยืนนิ่ง ฮั่วซุนจึงพูดย้ำอีกครั้ง ซ่งหยุนหยุนรวบรวมความสติแล้วพูดว่า “ฉันต้องไปทำงานค่ะ” เธอปฎิเสธอย่างหนักแน่น เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อยากเจอผู้ชายคนนั้น “คุณซ่งคิดให้ดี ๆ นะครับ สถานะของคุณตอนนี้มันทำให้คุณเจียงไม่พอใจ คุณอาจจะตกงาน หรือเสียวิชาชีพแพทย์ไปเลยก็ได้นะครับ” นี่เป็นการข่มขู่ชัด ๆ ซ่งหยุนหยุนกำหมัดแน่น พ่อของเธอให้แค่ค่าผ่าตัด ส่วนค่ารักษาพยาบาลของแม่เธอล้วนมาจากเงินเดือนของเธอทั้งหมด เธอจะตกงาน หรือเลิกทำอาชีพหมอไม่ได้เด็ดขาด ทางเดียวคือเธอต้องไปกับฮั่วซุนเท่านั้น! “งั้นคุณรอสักครู่ ฉันจะโทรไปขอลางานที่โรงพยาบาลก่อน” เธอขึ้นไปคุยโทรศัพท์ชั้นบน และหยิบมีดผ่าตัดในลิ้นชักใส่ไว้ในกระเป๋าเพื่อเอาไว้ป
เขาคิดจะปล่อยให้ฉันอยู่กับผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เหรอ? แล้วเขาออกมาทำไม? จะมาเยาะเย้ยฉันเหรอ? หึหึ! “เจียงเหยาจิง?” เธอชี้นิ้วไปยังชายที่มีท่าทางอำมหิต หรือเป็นเพราะดื่มแอลกอฮอล์จึงทำให้เธอกล้าขึ้น ตอนนี้เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำว่าความกลัวคืออะไร “คุณ คุณมันก็แค่ไอ้สารเลว!” สีหน้าของเจียงเหยาจิงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม! ฮั่วซุนและป้าหวู่ต่างก้มหน้าลงแทบไม่กล้าหายใจ เธอเดินเซไปมา คว้าเนคไทของเจียงเหยาจิงแล้วดึงเข้าหาตัว “คุณคิดว่าฉันอยากแต่งงานกับคุณนักเหรอ? คุณคิดว่าตัวเองเป็นเทวดาหรือไง?” กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ติดมาจากคลับทำให้เจียงเหยาจิงขมวดคิ้วตลอดเวลา และดูเหมือนว่าสายตาของเขาจะซ่อนความโกรธเอาไว้ เขารีบคว้าข้อมือของเธอแล้วพูดว่า “ผมว่าคุณบ้าไปแล้ว” เธอกล้าไปกับผู้ชายทุกคน? เขาต้องการให้ผู้หญิงคนนี้ถอนตัวเมื่อต้องเจอกับสถานการณ์แย่ ๆ แต่ใครจะรู้ว่าเธอดื้อรั้นเหมือนลา และไม่ยอมปล่อยมือ ตอนที่ซ่งหยุนหยุนตามกู่ฮ่วยไป เขาเองก็เสียใจ อย่างไรผู้หญิงคนนี้ก็เป็นภรรยาของเขา ถึงจะแค่ในนามก็เถอะ ถ้าเธอมีมลทิน เขาก็ไม่พอใจ “คุณนั่นแหละที่บ้า” มือทั้งสองข้างของซ่งหยุนหยุนกระสับกระส่ายตบตีเ
“ไม่พบ” เจียงเหยาจิงเปิดประตูห้องทำงานแล้วพูดว่า “ขอกาแฟให้ผมสักแก้วสิ” พูดจบเขาก็เดินไปที่โต๊ะ “คุณกู่บอกว่าถ้าคุณไม่ไปพบเขาวันนี้ เขาจะไม่ยอมกลับนะคะ” เจียงเหยาจิงหันไปมองเลขา เลขาพลันก้มหน้าลงทันที “งั้นก็ไปพามาเถอะ” เขานั่งลงแล้วยื่นมือไปปลดกระดุมสูท ไม่นานเลขาก็เข้ามาพร้อมกาแฟในมือและกู่ฮ่วย กู่ฮ่วยเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ “คุณไปหาผู้หญิงคนนั้นมาจากที่ไหน?” เจียงเหยาจิงหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาแล้วสั่งให้เลขาออกไปข้างนอก หลังจากพูดจบ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองกู่ฮ่วย “คุณดูที่เธอทิ้งรอยเอาไว้ให้ผมสิ?” กู่ฮ่วยชี้ไปที่คอของเขา บนคอมีรอยแผลที่เห็นได้ชัด อีกทั้งข้อมือของเขาก็พันผ้ากอซด้วย “อีกนิดเดียวเอ็นขาด” สายตาของเจียงเหยาจิงมองข้ามอาการบาดเจ็บของกู่ฮ่วย ในใจเขากลับรู้สึกมีความสุข เขาแกล้งถามว่า “ไปทำเอาท่าไหนล่ะครับ?” กู่ฮ่วยยังคงหวาดผวา “ผู้หญิงคนนั้นพกมีดมาด้วย? ฝีมือของเธอน่าทึ่งมาก ผมไปโรงพยาบาลแล้วหมอบอกว่าอีกนิดเดียวจะโดนเส้นเลือดใหญ่ ไม่ทันได้เสวยสุข แต่ผมดันเกือบตายซะงั้น ผมก็เลยอยากถามคุณว่า คุณไปเจอผู้หญิงคนนี้ได้ยังไง?” เจียงเหยาจิงอารมณ์ดีเมื่อได้ยินว่าเขา
ทุกคนต่างสงสัย ใช่สิ อะไรมันจะบังเอิญได้ขนาดนี้?!! มีธุระกันหมดเลยเหรอ? เฉินเหวินเอียนสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ ถ้าเมื่อกี้เธอหูฝาด แล้วตอนนี้ล่ะ? เธอกวาดสายตาไปมาระหว่างเจียงเหยาจิงและซ่งหยุนหยุน เธอพยายามสังเกต “หมอซ่งมีธุระอะไรเหรอ?” เธอถามหยั่งเชิง ซ่งหยุนหยุนอยากบอกเฉินเหวินเหยียนไปตรง ๆ ว่าเธอคือภรรยาของเจียงเหยาจิง จากนั้นก็ให้เจียงเหยาจิงอธิบายรายละเอียดให้เฉินเหวินเหยียนรู้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เธอกลับไม่กล้าทำ เธอมีปัญหากับผู้ชายคนนี้ไม่ได้ เธอเสียโอกาสในการไปโรงพยาบาลกลางแล้วเรื่องหนึ่ง เธอไม่อยากตกงาน เธอทำได้แต่ก้มหัวและทำท่าเหมือนนกกระทา “ปู่เรียกให้ฉันกลับไป เพราะน่าจะมีเรื่องด่วน ฉันไม่ไปไม่ได้ แต่ก็ไม่คิดว่าคุณเจียงจะมีธุระเหมือนกัน บังเอิญจังเลยนะคะ ฮ่า ฮ่า” เธอหัวเราะแห้ง ๆ เธออยากจะปั่นเขาเล่น แต่เจียงเหยาจิงรู้ทัน “บังเอิญจังเลยครับ ปู่ของผมก็โทรมาเหมือนกัน แล้วคุณปู่ของคุณอยู่ที่ไหนเหรอครับ? ให้ผมไปส่งคุณระหว่างทางไหม?” ซ่งหยุนหยุนแทบจะฝืนยิ้มไม่ไหว ถ้าไม่ใช่เพราะทักษะการควบคุมอารมณ์ที่ดีของเธอ เธอคงจะปาถ้วยชาที่อยู่บนโต๊ะใส่หน้าเขา
ซ่งหยุนหยุนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียง ขณะที่เธอหันหลังกลับไปมอง เธอเผลอดันกล่องใบนั้นตกลงบนพื้น! เจียงเหยาจิงจ้องมองเธอด้วยสายตาโกรธเคือง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวมาก! เธอรีบอธิบาย “ฉัน...ฉันไม่ได้ตั้งใจ...” ขณะที่พูด เธอก็นั่งยอง ๆ และพยายามเอื้อมมือหยิบมันขึ้นมา ขณะที่นิ้วของเธอกำลังจะแตะกล่อง ข้อมือของเธอกลับถูกเขาคว้าไว้อย่างแรงจนกระดูกแทบจะหัก เจ็บ! เธอเจ็บจนเหงื่อซึม และรู้สึกเหมือนมือกำลังจะหัก เจียงเหยาจิงตาแดงก่ำด้วยความโมโห “เอามือสกปรกของเธอออกไป!” เขาพูดพลางพลักเธอออกด้วยกำลังทั้งหมดของเขา ซ่งหยุนหยุนกระเด็นไปข้างหลังหัวโขกมุมตู้ ความเจ็บปวดบีบหัวใจทำให้เธอชาไปชั่วขณะ สมองดังตุบ ๆ เธอรู้สึกได้ว่ามีของเหลวอุ่น ๆ ไหลลงมา มือเรียวเอื้อมไปหลังคอ สัมผัสได้ถึงบางอย่างเหนียว ๆ ไม่น่าแปลกใจ เธอมีเลือดออกแต่ไม่มาก เธอเงยหน้าขึ้นเห็นเจียงเหยาจิงหยิบกล่องขึ้นมาอย่างระมัดระวังผ่านเส้นผมที่ยุ่งเหยิง แค่เห็นท่าทางการเคลื่อนไหวของเขาก็สามารถรับรู้ได้ว่าของสิ่งความสำคัญกับเขามาก เจียงเหยาจิงเปิดกล่องเพื่อตรวจสอบของในนั้นอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าสิ่งที่อยู่ข้างในอาจจะเสียหา
ผู้เฒ่าเจียงคิดไว้แล้วว่าสักวันมันต้องเป็นแบบนี้ ดูเหมือนว่าตอนนี้พ่อบ้านเฉียนจะเข้าใจแล้ว “เรื่องที่ท่านขอให้ผมหาหัวใจ...” ก่อนที่เขาจะพูดจบ ซ่งหยุนหยุนก็ออกมาพร้อมกับชุดปฐมพยาบาล พ่อบ้านเฉียนรีบหุบปากทันที คุณเจียงยืนขึ้นจากโซฟาพร้อมไม้เท้าแล้วพูดกับซ่งหยุนหยุนว่า “ตามฉันมา” หลังจากพูดจบ ผู้เฒ่าเจียงก็เดินนำไปที่ห้องสมุด ซ่งหยุนหยุนวางกล่องยาไว้บนโต๊ะแล้วเดินเข้าไป ผู้เฒ่าเจียงนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “พ่อแม่ของเหยาจิงเสียชีวิตเร็ว ฉันจึงเลี้ยงดูเขาจนเติบโต ตอนเรียน เขาก็พักหอในมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบ เขาย้ายออกจากบ้านเก่า และเข้ามาบริหารบริษัท เขางานยุ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ และแทบไม่กลับมาอีกเลย” เสียงของผู้เฒ่าเจียงเบามาก พ่อของเจียงเหยาจิงเป็นลูกชายคนโตของเขา ความเจ็บปวดที่คนผมขาวมอบให้คนผมดำจะยังคงเศร้าไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม มีเหตุผลอยู่ว่าทำไมเจียงเหยาจิงถึงไม่อยากกลับมา เขาเดาได้ว่าเจียงเหยาจิงจะจัดการกับครอบครัวของลูกคนที่สองอย่างไรหลังจากที่ตนจากโลกนี้ไป ความอดทนของเจียงเหยาจิงจนถึงตอนนี้ดูได้จากใบหน้าของเขา เขาต้องการให้เจียงเหยาจ
“ผู้อำนวยการ ทำไมคุณถึงถามแบบนั้นคะ?” ซ่งหยุนหยุนมีลางสังหรณ์ไม่ดี “คุณน่าจะรู้ว่าการถูกแบนจากแวดวงวิชาชีพหมายความว่าอย่างไร…” ผู้อำนวยการลังเลที่จะพูด “ผมเกรงว่าอาชีพหมอของคุณจะพัง ไม่มีโรงพยาบาลไหนกล้าจ้างคุณอีก” ซ่งหยุนหยุนตกใจกับเรื่องกะทันหันนี้มาก เธอกำมือและคลายออกพลางพูดซ้ำหลายครั้ง “ผู้อำนวยการ ฉันรักงานนี้มาก ฉันเลิกทำงานนี้ไม่ได้ค่ะ” “ถึงแม้ผมอยากช่วย แต่ผมก็ไม่มีอำนาจพอ” ผู้อำนวยการรู้สึกเสียใจ เขาตระหนักและชื่นชมทัศนคติ และทักษะทางวิชาชีพของซ่งหยุนหยุนมาก แต่เขาไม่มีอำนาจปกป้องเธอ “ถ้าคุณยังอยากทำงานนี้ คุณต้องไปพบเจียงเหยาจิง ถ้าคุณทำให้เขาขุ่นเคืองก็ขอโทษเขาเถอะ ดีกว่าโดนไล่ออก” ผู้อำนวยการเตือนด้วยความหวังดี “ฉัน...” เธอลังเลที่จะพูด ความอคติของเจียงเหยาจิงที่มีต่อเธอสามารถลบล้างได้ด้วยคำขอโทษอย่างเดียวเหรอ? เธอรู้ดีว่าเจียงเหยาจิงทำกับเธอแบบนี้ ไม่เพียงเพราะเธอเกือบจะทำลายของมีค่าของเขาเมื่อคืนนี้ แต่ยังเป็นเพราะเขาไม่พอใจกับความจริงที่ว่า เธอกลายเป็นภรรยาของเขา นี่อาจเป็นการแก้แค้นเธอเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ และบังคับให้เธอคิดจะหย่า เธอสูดล