Share

บทที่ 4

เธอหลับตาลงแล้วเดินไปเก็บชุดปฐมพยาบาล โดยไม่ลืมว่าตัวเองอยู่ในฐานะหมอ เธอพูดกำชับว่า “ระวังอย่างให้แผลโดนน้ำ ฆ่าเชื้อวันละครั้ง และพยายามสวมเสื้อผ้าหลวม ๆ เพื่อไม่ให้เสียดสีบาดแผลนะคะ”

เธอวางยาลงแล้วพูดว่า “อันนี้สำหรับรับทาน ส่วนอันนี้สำหรับใช้ภายนอกค่ะ”

เจียงเหยาจิงส่งเสียงตอบรับเบา ๆ โดยไม่หันกลับมามอง

ซ่งหยุนหยุนไม่พูดอะไรต่อ

เธอแค่หยิบชุดปฐมพยาบาลแล้วเดินออกไป

เธอนั่งแท็กซี่กลับถึงโรงพยาบาลเกือบสิบเอ็ดโมง จากนั้นก็เดินไปหาของกินที่โรงอาหารของโรงพยาบาล ทันทีที่กลับถึงแผนก ผู้อำนวยการก็เรียกเธอไปพบที่ห้องทำงานของเขา

“ผมจะให้เฉินเหวินเหยียนไปเรียนรู้ที่โรงพยาบาลกลางทหารผ่านศึกเขตสอง” ผู้อำนวยการพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับว่ามีบางอย่างปิดบังอยู่

ซ่งหยุนหยุนตกตะลึงและถามด้วยน้ำเสียงทะเยอทะยาน “คุณบอกว่าจะให้ฉันไปไม่ใช่เหรอคะ?”

“คุณก็รู้ว่าอุปกรณ์การแพทย์เทคโนโลยีชั้นสูงในโรงพยาบาลของเราได้รับการบริจาคจากเทียนจูกรุ๊ป เจียงเหยาจิงสั่งให้ผมดูแลคุณหมอเฉิน ผมเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำ”

ซ่งหยุนหยุนอดรู้สึกประหม่าไม่ได้เมื่อได้ยินชื่อเจียงเหยาจิง แม้เธอจะเป็นภรรยาของเจียงเหยาจิงที่ได้รับการยอมรับจากทั้งสองตระกูล แต่ทั้งสองก็ไม่เคยเจอหน้ากันอย่างเป็นทางการสักครั้ง

เธอเคยเห็นเขาแค่ในนิตยสารและในโทรทัศน์เท่านั้น

เขากับเฉินเหวินเหยียน?

หัวใจของซ่งหยุนหยุนเต้นรัว แต่สีหน้ากลับนิ่งสงบ “งั้นเหรอคะ?”

“ใช่ เรามั่นใจในความเป็นมืออาชีพและทักษะทางการแพทย์ของคุณอยู่แล้ว” ผู้อำนวยการกล่าวปลอบใจ ในบรรดาแพทย์รุ่นเยาว์ เขาเป็นคนที่ชื่นชมเธอมากที่สุด

ซ่งหยุนหยุนลดสายตาลง “เข้าใจแล้วค่ะ”

เธอซึ่งเป็นภรรยาที่ถูกบังคับ ไม่คู่ควรที่จะนึกถึง และเขาก็คงไม่สนใจด้วยซ้ำ

“ช่วงบ่ายฉันมีเคสผ่าตัด งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” เธอกล่าว

เธอรู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องนี้ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้แน่นอน

ผู้อำนวยการถอนหายใจ และปล่อยให้เธอไปทำธุระของเธอต่อ

เธอลุยงานตั้งแต่บ่ายหลังผ่าตัดไปสองเคส เธอจึงรู้สึกอ่อนเพลีย เธอล้างมือและถอดชุดผ่าตัดสีฟ้าออก ก่อนจะทิ้งตัวพักผ่อนบนเก้าอี้

จู่ ๆ เฉินเหวินเหยียนก็เดินเข้ามา

“หมอซ่ง” เธอยิ้ม “ฉันจะเลี้ยงข้าวเย็นเธอเอง”

“พอดีฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำน่ะ” เธอปฏิเสธอย่างสุภาพ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฉินเหวินเหยียนไม่ได้สนิทกันมากนัก เป็นเพียงความสัมพันธ์ทั่วไประหว่างเพื่อนร่วมงาน

พวกเขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน

แต่ก็แค่ระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น

แต่เฉินเหวินเหยียนมีบุคลิกที่แข็งกร้าว ชอบทำตัวเด่นและยังชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น

ส่วนเธอชอบความสงบ ชอบอ่านหนังสือ ดังนั้นทั้งสองคนจึงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ทั้งสองจึงไม่ได้สนิทกัน

“งั้นเหรอ” เฉินเหวินเหยียนสีหน้าเปลี่ยน “จริง ๆ แล้วที่ฉันมาหาเธอ ฉันมีเรื่องบางอย่างจะบอกเธอ”

ซ่งหยุนหยุนยืนขึ้นแขวนเสื้อโดยไม่มองเธอ “อืม ว่ามาสิ”

ไม่รู้เพราะอะไร แต่ตั้งแต่ที่รู้ว่าเธอเกี่ยวข้องกับเจียงเหยาจิง มันยิ่งทำให้เธออยากอยู่ห่างจากเฉินเหวินเหยียนมากขึ้นกว่าเดิม

“เธอคงรู้เรื่องแล้วใช่ไหม? ฉันขอโทษจริง ๆ นะ ฉันไม่รู้ว่าผู้อำนวยการจะ...”

“ไม่เป็นไร” ซ่งหยุนหยุนพูดแทรก

เฉินเหวินเหยียนลดสายตาลงพลางกลอกตา “อีกเรื่อง เธอช่วยเก็บเรื่องที่ฉันไม่ได้เข้าเวรเมื่อคืนเป็นความลับได้ไหม? ฉันกำลังจะได้ไปฝึกงานที่โรงพยาบาลกลาง ฉันไม่อยากให้มีอุปสรรคมาขวาง”

เหตุผลจะว่าถูกก็ไม่ใช่ จะว่าผิดก็ไม่เชิง

ซ่งหยุนหยุนรู้ว่าคนอย่างเธอชอบแบบนี้จึงพูดว่า “ฉันจะไม่บอกใคร”

จริง ๆ แล้วการช่วยเข้าเวรแทนเพื่อนร่วมงานเป็นเรื่องปกติ

ใคร ๆ ก็มีธุระด่วนกันทั้งนั้น

นอกโรงพยาบาล

ฟ้ามืดลง ไฟถนนก็สว่างขึ้น

รถตู้คันหรูสีดำคันหนึ่งจอดหน้าประตู เสิ่นจือเฉียนที่อยู่ในรถพูดโอ้อวดเล็กน้อยว่า “ฝีมือการแพทย์ของน้องสาวผมพอใช้ได้ไหมครับ?”

เจียงเหยาจิงเอนหลังบนเบาะนั่งในรถอย่างเฉื่อยช้า เมื่อนึกถึงวิธีการรักษาบาดแผลของเขา เทียบกับฝีมือของเธอแล้ว ก็ถือว่าดีพอสมควร

“คุณเฉิน” ฮั่วซุนเตือนจากด้านหน้า

เจียงเหยาจิงลดหน้าต่างลง

เฉินเหวินเหยียนเดินเข้ามาหา

ทันทีที่เสิ่นจือเฉียนเห็นเธอ คิ้วของเขายกขึ้นเล็กน้อย “เฉินเหวินเหยียน”

“คุณรู้จักเธอเหรอ?” ฮั่วซุนหันกลับมาถาม

เสิ่งจือเฉียนพยักหน้า “รุ่นน้องของผมครับ”

เจียงเหยาจิงเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาแหลมคม

เธอเป็นคนที่ช่วยตนเมื่อคืน จะเป็นคนเดียวกับคนที่ช่วยรักษาแผลของเขาด้วยหรือเปล่า?

เธอ

ฮั่วซุนถอนใจ “นี่มันภารกิจรักด้ายแดงหรือเปล่า?”

ที่แท้ก็คิดจะเป็นพ่อสื่อให้หัวหน้าหรอกเหรอ?

เสิ่นจือเฉียนขมวดคิ้ว “คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?”

“คุณเจียงคะ”

จู่ ๆ เฉินเหวินเหยียนก็เดินเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาของพวกเขา

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status