“คุณซ่ง?” ผมเป็นผู้ช่วยของคุณเจียง คุณเจียงสั่งให้ผมมารับคุณครับ” ซ่งหยุนหยุนชะงักครู่หนึ่งเมื่อเห็นฮั่วซุน พลันหลบสายตาอย่างรวดเร็ว เพื่อปกปิดไม่ให้เขารู้ว่าเธอจำหน้าเขาได้ ผู้ชายคนนี้เป็นคนเปิดประตูให้เมื่อครั้งล่าสุดที่เธอเคยไปรักษาผู้ป่วยแทนเสิ่นจือเฉียน หรือเขาเป็นผู้ช่วยของเจียงเหยาจิง? เจียงเหยาจิงคือคนที่ได้รับบาดเจ็บเหรอ? “เชิญครับคุณซ่ง” เมื่อเห็นว่าเธอยืนนิ่ง ฮั่วซุนจึงพูดย้ำอีกครั้ง ซ่งหยุนหยุนรวบรวมความสติแล้วพูดว่า “ฉันต้องไปทำงานค่ะ” เธอปฎิเสธอย่างหนักแน่น เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อยากเจอผู้ชายคนนั้น “คุณซ่งคิดให้ดี ๆ นะครับ สถานะของคุณตอนนี้มันทำให้คุณเจียงไม่พอใจ คุณอาจจะตกงาน หรือเสียวิชาชีพแพทย์ไปเลยก็ได้นะครับ” นี่เป็นการข่มขู่ชัด ๆ ซ่งหยุนหยุนกำหมัดแน่น พ่อของเธอให้แค่ค่าผ่าตัด ส่วนค่ารักษาพยาบาลของแม่เธอล้วนมาจากเงินเดือนของเธอทั้งหมด เธอจะตกงาน หรือเลิกทำอาชีพหมอไม่ได้เด็ดขาด ทางเดียวคือเธอต้องไปกับฮั่วซุนเท่านั้น! “งั้นคุณรอสักครู่ ฉันจะโทรไปขอลางานที่โรงพยาบาลก่อน” เธอขึ้นไปคุยโทรศัพท์ชั้นบน และหยิบมีดผ่าตัดในลิ้นชักใส่ไว้ในกระเป๋าเพื่อเอาไว้ป
เขาคิดจะปล่อยให้ฉันอยู่กับผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เหรอ? แล้วเขาออกมาทำไม? จะมาเยาะเย้ยฉันเหรอ? หึหึ! “เจียงเหยาจิง?” เธอชี้นิ้วไปยังชายที่มีท่าทางอำมหิต หรือเป็นเพราะดื่มแอลกอฮอล์จึงทำให้เธอกล้าขึ้น ตอนนี้เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำว่าความกลัวคืออะไร “คุณ คุณมันก็แค่ไอ้สารเลว!” สีหน้าของเจียงเหยาจิงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม! ฮั่วซุนและป้าหวู่ต่างก้มหน้าลงแทบไม่กล้าหายใจ เธอเดินเซไปมา คว้าเนคไทของเจียงเหยาจิงแล้วดึงเข้าหาตัว “คุณคิดว่าฉันอยากแต่งงานกับคุณนักเหรอ? คุณคิดว่าตัวเองเป็นเทวดาหรือไง?” กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ติดมาจากคลับทำให้เจียงเหยาจิงขมวดคิ้วตลอดเวลา และดูเหมือนว่าสายตาของเขาจะซ่อนความโกรธเอาไว้ เขารีบคว้าข้อมือของเธอแล้วพูดว่า “ผมว่าคุณบ้าไปแล้ว” เธอกล้าไปกับผู้ชายทุกคน? เขาต้องการให้ผู้หญิงคนนี้ถอนตัวเมื่อต้องเจอกับสถานการณ์แย่ ๆ แต่ใครจะรู้ว่าเธอดื้อรั้นเหมือนลา และไม่ยอมปล่อยมือ ตอนที่ซ่งหยุนหยุนตามกู่ฮ่วยไป เขาเองก็เสียใจ อย่างไรผู้หญิงคนนี้ก็เป็นภรรยาของเขา ถึงจะแค่ในนามก็เถอะ ถ้าเธอมีมลทิน เขาก็ไม่พอใจ “คุณนั่นแหละที่บ้า” มือทั้งสองข้างของซ่งหยุนหยุนกระสับกระส่ายตบตีเ
“ไม่พบ” เจียงเหยาจิงเปิดประตูห้องทำงานแล้วพูดว่า “ขอกาแฟให้ผมสักแก้วสิ” พูดจบเขาก็เดินไปที่โต๊ะ “คุณกู่บอกว่าถ้าคุณไม่ไปพบเขาวันนี้ เขาจะไม่ยอมกลับนะคะ” เจียงเหยาจิงหันไปมองเลขา เลขาพลันก้มหน้าลงทันที “งั้นก็ไปพามาเถอะ” เขานั่งลงแล้วยื่นมือไปปลดกระดุมสูท ไม่นานเลขาก็เข้ามาพร้อมกาแฟในมือและกู่ฮ่วย กู่ฮ่วยเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ “คุณไปหาผู้หญิงคนนั้นมาจากที่ไหน?” เจียงเหยาจิงหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาแล้วสั่งให้เลขาออกไปข้างนอก หลังจากพูดจบ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองกู่ฮ่วย “คุณดูที่เธอทิ้งรอยเอาไว้ให้ผมสิ?” กู่ฮ่วยชี้ไปที่คอของเขา บนคอมีรอยแผลที่เห็นได้ชัด อีกทั้งข้อมือของเขาก็พันผ้ากอซด้วย “อีกนิดเดียวเอ็นขาด” สายตาของเจียงเหยาจิงมองข้ามอาการบาดเจ็บของกู่ฮ่วย ในใจเขากลับรู้สึกมีความสุข เขาแกล้งถามว่า “ไปทำเอาท่าไหนล่ะครับ?” กู่ฮ่วยยังคงหวาดผวา “ผู้หญิงคนนั้นพกมีดมาด้วย? ฝีมือของเธอน่าทึ่งมาก ผมไปโรงพยาบาลแล้วหมอบอกว่าอีกนิดเดียวจะโดนเส้นเลือดใหญ่ ไม่ทันได้เสวยสุข แต่ผมดันเกือบตายซะงั้น ผมก็เลยอยากถามคุณว่า คุณไปเจอผู้หญิงคนนี้ได้ยังไง?” เจียงเหยาจิงอารมณ์ดีเมื่อได้ยินว่าเขา
ทุกคนต่างสงสัย ใช่สิ อะไรมันจะบังเอิญได้ขนาดนี้?!! มีธุระกันหมดเลยเหรอ? เฉินเหวินเอียนสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ ถ้าเมื่อกี้เธอหูฝาด แล้วตอนนี้ล่ะ? เธอกวาดสายตาไปมาระหว่างเจียงเหยาจิงและซ่งหยุนหยุน เธอพยายามสังเกต “หมอซ่งมีธุระอะไรเหรอ?” เธอถามหยั่งเชิง ซ่งหยุนหยุนอยากบอกเฉินเหวินเหยียนไปตรง ๆ ว่าเธอคือภรรยาของเจียงเหยาจิง จากนั้นก็ให้เจียงเหยาจิงอธิบายรายละเอียดให้เฉินเหวินเหยียนรู้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เธอกลับไม่กล้าทำ เธอมีปัญหากับผู้ชายคนนี้ไม่ได้ เธอเสียโอกาสในการไปโรงพยาบาลกลางแล้วเรื่องหนึ่ง เธอไม่อยากตกงาน เธอทำได้แต่ก้มหัวและทำท่าเหมือนนกกระทา “ปู่เรียกให้ฉันกลับไป เพราะน่าจะมีเรื่องด่วน ฉันไม่ไปไม่ได้ แต่ก็ไม่คิดว่าคุณเจียงจะมีธุระเหมือนกัน บังเอิญจังเลยนะคะ ฮ่า ฮ่า” เธอหัวเราะแห้ง ๆ เธออยากจะปั่นเขาเล่น แต่เจียงเหยาจิงรู้ทัน “บังเอิญจังเลยครับ ปู่ของผมก็โทรมาเหมือนกัน แล้วคุณปู่ของคุณอยู่ที่ไหนเหรอครับ? ให้ผมไปส่งคุณระหว่างทางไหม?” ซ่งหยุนหยุนแทบจะฝืนยิ้มไม่ไหว ถ้าไม่ใช่เพราะทักษะการควบคุมอารมณ์ที่ดีของเธอ เธอคงจะปาถ้วยชาที่อยู่บนโต๊ะใส่หน้าเขา
ซ่งหยุนหยุนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียง ขณะที่เธอหันหลังกลับไปมอง เธอเผลอดันกล่องใบนั้นตกลงบนพื้น! เจียงเหยาจิงจ้องมองเธอด้วยสายตาโกรธเคือง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวมาก! เธอรีบอธิบาย “ฉัน...ฉันไม่ได้ตั้งใจ...” ขณะที่พูด เธอก็นั่งยอง ๆ และพยายามเอื้อมมือหยิบมันขึ้นมา ขณะที่นิ้วของเธอกำลังจะแตะกล่อง ข้อมือของเธอกลับถูกเขาคว้าไว้อย่างแรงจนกระดูกแทบจะหัก เจ็บ! เธอเจ็บจนเหงื่อซึม และรู้สึกเหมือนมือกำลังจะหัก เจียงเหยาจิงตาแดงก่ำด้วยความโมโห “เอามือสกปรกของเธอออกไป!” เขาพูดพลางพลักเธอออกด้วยกำลังทั้งหมดของเขา ซ่งหยุนหยุนกระเด็นไปข้างหลังหัวโขกมุมตู้ ความเจ็บปวดบีบหัวใจทำให้เธอชาไปชั่วขณะ สมองดังตุบ ๆ เธอรู้สึกได้ว่ามีของเหลวอุ่น ๆ ไหลลงมา มือเรียวเอื้อมไปหลังคอ สัมผัสได้ถึงบางอย่างเหนียว ๆ ไม่น่าแปลกใจ เธอมีเลือดออกแต่ไม่มาก เธอเงยหน้าขึ้นเห็นเจียงเหยาจิงหยิบกล่องขึ้นมาอย่างระมัดระวังผ่านเส้นผมที่ยุ่งเหยิง แค่เห็นท่าทางการเคลื่อนไหวของเขาก็สามารถรับรู้ได้ว่าของสิ่งความสำคัญกับเขามาก เจียงเหยาจิงเปิดกล่องเพื่อตรวจสอบของในนั้นอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าสิ่งที่อยู่ข้างในอาจจะเสียหา
ผู้เฒ่าเจียงคิดไว้แล้วว่าสักวันมันต้องเป็นแบบนี้ ดูเหมือนว่าตอนนี้พ่อบ้านเฉียนจะเข้าใจแล้ว “เรื่องที่ท่านขอให้ผมหาหัวใจ...” ก่อนที่เขาจะพูดจบ ซ่งหยุนหยุนก็ออกมาพร้อมกับชุดปฐมพยาบาล พ่อบ้านเฉียนรีบหุบปากทันที คุณเจียงยืนขึ้นจากโซฟาพร้อมไม้เท้าแล้วพูดกับซ่งหยุนหยุนว่า “ตามฉันมา” หลังจากพูดจบ ผู้เฒ่าเจียงก็เดินนำไปที่ห้องสมุด ซ่งหยุนหยุนวางกล่องยาไว้บนโต๊ะแล้วเดินเข้าไป ผู้เฒ่าเจียงนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “พ่อแม่ของเหยาจิงเสียชีวิตเร็ว ฉันจึงเลี้ยงดูเขาจนเติบโต ตอนเรียน เขาก็พักหอในมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบ เขาย้ายออกจากบ้านเก่า และเข้ามาบริหารบริษัท เขางานยุ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ และแทบไม่กลับมาอีกเลย” เสียงของผู้เฒ่าเจียงเบามาก พ่อของเจียงเหยาจิงเป็นลูกชายคนโตของเขา ความเจ็บปวดที่คนผมขาวมอบให้คนผมดำจะยังคงเศร้าไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม มีเหตุผลอยู่ว่าทำไมเจียงเหยาจิงถึงไม่อยากกลับมา เขาเดาได้ว่าเจียงเหยาจิงจะจัดการกับครอบครัวของลูกคนที่สองอย่างไรหลังจากที่ตนจากโลกนี้ไป ความอดทนของเจียงเหยาจิงจนถึงตอนนี้ดูได้จากใบหน้าของเขา เขาต้องการให้เจียงเหยาจ
“ผู้อำนวยการ ทำไมคุณถึงถามแบบนั้นคะ?” ซ่งหยุนหยุนมีลางสังหรณ์ไม่ดี “คุณน่าจะรู้ว่าการถูกแบนจากแวดวงวิชาชีพหมายความว่าอย่างไร…” ผู้อำนวยการลังเลที่จะพูด “ผมเกรงว่าอาชีพหมอของคุณจะพัง ไม่มีโรงพยาบาลไหนกล้าจ้างคุณอีก” ซ่งหยุนหยุนตกใจกับเรื่องกะทันหันนี้มาก เธอกำมือและคลายออกพลางพูดซ้ำหลายครั้ง “ผู้อำนวยการ ฉันรักงานนี้มาก ฉันเลิกทำงานนี้ไม่ได้ค่ะ” “ถึงแม้ผมอยากช่วย แต่ผมก็ไม่มีอำนาจพอ” ผู้อำนวยการรู้สึกเสียใจ เขาตระหนักและชื่นชมทัศนคติ และทักษะทางวิชาชีพของซ่งหยุนหยุนมาก แต่เขาไม่มีอำนาจปกป้องเธอ “ถ้าคุณยังอยากทำงานนี้ คุณต้องไปพบเจียงเหยาจิง ถ้าคุณทำให้เขาขุ่นเคืองก็ขอโทษเขาเถอะ ดีกว่าโดนไล่ออก” ผู้อำนวยการเตือนด้วยความหวังดี “ฉัน...” เธอลังเลที่จะพูด ความอคติของเจียงเหยาจิงที่มีต่อเธอสามารถลบล้างได้ด้วยคำขอโทษอย่างเดียวเหรอ? เธอรู้ดีว่าเจียงเหยาจิงทำกับเธอแบบนี้ ไม่เพียงเพราะเธอเกือบจะทำลายของมีค่าของเขาเมื่อคืนนี้ แต่ยังเป็นเพราะเขาไม่พอใจกับความจริงที่ว่า เธอกลายเป็นภรรยาของเขา นี่อาจเป็นการแก้แค้นเธอเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ และบังคับให้เธอคิดจะหย่า เธอสูดล
ฮั่วซุนก็ไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกัน เขาเองก็แปลกใจที่เห็นทั้งสองคุยและหัวเราะไปด้วยขณะกินข้าวด้วยกัน ถ้าเขาไม่บังเอิญเดินผ่านหน้าร้าน เขาคงไม่สังเกตเห็น “ลองโทรถามหมอเสิ่นดูไหมครับ?” ฮั่วซุนแนะนำ เจียงเหยาจิงตอบตกลงในลำคอ ฮั่วซุนไปโทรศัพท์ กว่ายี่สิบนาทีผ่านไป เสิ่นจือเฉียนก็มาถึงบริษัท ทันทีที่เขาเข้าไปในห้อง เสิ่นจือเฉียนก็พูดว่า “ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณพอดี...” “คุณรู้จักซ่งหยุนหยุนเหรอ?” ก่อนที่เสิ่นจือเฉียนจะพูดจบ เจียงเหยาจิงก็พูดแทรก เขาพยักหน้างง ๆ “รู้จักครับ เธอเป็นรุ่นน้องของผม และเป็นคนที่รักษาอาการบาดเจ็บของคุณเมื่อครั้งที่แล้ว” เจียงเหยาจิงเอนหลังบนโซฟาหนังสีน้ำตาล ดวงตาของเขามืดลง ขนตายาวและหนาสั่น วันนั้นคือเธอเหรอ? เรื่องนี้ทำให้เขาประหลาดใจ “ใช่ครับ” เสิ่นจือเฉียนเดินเข้ามาและนั่งลง “เหยาจิง คุณช่วยทำดีกับเธอมากกว่านี้หน่อยได้ไหม?” เจียงเหยาจิงยกคิ้วและเอนหลังในท่าสบาย ๆ คนที่รู้จักเขารู้ดีว่า ยิ่งเขาผ่อนคลายและเป็นกันเองมากเท่าไร เขาก็ยิ่งมีความคิดมากขึ้นเท่านั้น เสิ่นจือเฉียนกับซ่งหยุนหยุนสนิทกันมากแค่ไหน? เขารู้สึกไม่หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เ