Masukชยุตม์พาอัญรสเดินดิ่งไปยังห้องที่เปิดไว้พักด้วยกันกับมารดา ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าที่ไม่มี แต่กระเป๋าสตางค์ก็หายไปด้วย เขาจึงไม่มีคีย์การ์ด จำเป็นต้องกดกริ่งหน้าประตูเพื่อปลุกมารดาแทน ทั้งคู่ยืนรออึดใจหนึ่งประตูห้องถึงได้เปิดออก บุหลันที่มีสีหน้างัวเงีย ไล่มองสภาพของสองหนุ่มสาวแล้วก็ถึงกับตาสว่างทันที
“ชิน... หนูเอม นี่มันอะไรกันลูก”
“ไว้อธิบายทีหลังนะครับแม่ ตอนนี้ผมขอตั้งสติก่อน”
เขาปล่อยมือหญิงสาว เดินแทรกเข้าไปในห้องก่อนเป็นคนแรก บุหลันที่ยามนี้งงเป็นไก่ตาแตก มองตามหลังลูกชายเข้าไป ก่อนจะหันมาเชื้อเชิญให้อัญรสเข้ามาข้างในห้องด้วยอีกคน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันจ๊ะ หนูเอม” เมื่อถามชยุตม์แล้วไม่ได้คำตอบ บุหลันจึงถามเอากับหญิงสาวแทน ซึ่งดูท่าว่าคงจะไม่ได้เรื่องอีกเช่นกัน เพราะเจ้าตัวเอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่บนโซฟามุมห้อง อึดใจหนึ่งบุหลันจึงพบว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่เงียบๆ
ชยุตม์ที่เข้าไปแต่งตัวจนเรียบร้อยเดินกลับออกมา เขามองอัญรสนิ่ง แล้วถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม นับตั้งแต่มะปรางจากไป เขาพยายามตั้งสติอย่างมาก ไม่เคยปล่อยตัวเองให้พลาดลึกซึ้งกับใคร เพราะยังไม่พร้อมให้ผู้หญิงคนอื่นมาแทนที่เมียรัก แต่สุดท้ายเขาก็พลาด พลาดเพราะความเมา แล้วก็พลาดเพราะอัญรสไม่คิดจะขัดขืนหรือห้ามเขา
เธอพูดออกมาเต็มปากเต็มคำว่ารักเขา...
“เรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง เล่ามาให้ละเอียดสิ”
ชายหนุ่มยืนจังก้าอยู่กลางห้องในตอนถาม
“เอม...” เสียงของเธอแหบแห้งจึงเว้นวรรคแล้วกระแอมเบาๆ “เอมขอโทษค่ะพี่ชิน”
“เล่ามา” เขาถามย้ำ ยกแขนขึ้นกอดอก ท่าทางดูเริ่มหงุดหงิด
“เอมเจอพี่ชินในลิฟต์ค่ะ พี่ชินกำลังเมามาก เอมตั้งใจจะพาพี่ชินขึ้นไปส่ง แต่พี่ชินจำไม่ได้ว่าพักอยู่ชั้นไหน แล้วก็บอกเอมว่าอยากอาเจียนด้วย เอมก็เลยพาไปที่ห้องของเอมก่อนค่ะ ตั้งใจว่าจะออกไปตามพนักงานมาช่วยพาไปส่งที่ห้องทีหลัง แต่ว่า...” หญิงสาวเงียบไป
“แต่อะไร” เขาจี้ให้พูดต่อ
“แต่พี่ชินปวดหัว เอมเลยช่วยดูแล จากนั้นพี่ชินก็...” เธอชะงักไปอีก พวงแก้มแดงเรื่อชัดเจน ดวงตากลมโตลุ่มลึกมองไปที่ชายหนุ่มแวบหนึ่ง จากนั้นก็ก้มลงมองมือที่วางอยู่บนตักของตัวเองตามเดิม แม้จะไม่ใช่คนขี้อาย แต่พอเรื่องทุกอย่างเป็นแบบนี้แล้ว เธอก็อดประหม่าไม่ได้จริงๆ
“ก็อะไรเอม” เขายังคงถามต่อไปไม่เลิก
“ชิน น้องเป็นผู้หญิงนะ ชินจะจี้ให้น้องพูดทุกอย่างชัดเจนไม่ได้หรอก แม่ฟังแค่นี้แม่ก็พอรู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องถามน้องแล้วแหละลูก”
บุหลันรีบเอ่ยขัดลูกชาย ไม่เห็นด้วยที่ชยุตม์ถามต่อไปอีก ถึงอย่างไรอัญรสก็เป็นผู้หญิง เป็นฝ่ายที่เสียเปรียบมากกว่า ทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้คือการแสดงความรับผิดชอบเท่านั้น
“ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะเมาแล้วทำเรื่องแบบนั้นลงไป”
เขายกมือขึ้นขยุ้มผมตัวเองแล้วเดินวนไปวนมาอย่างหัวเสีย เคยใกล้ชิดกับคนที่พลาดเพราะความเมามาแล้ว เคยนึกสงสัยมาตลอดว่าหากเมาจนขาดสติ แล้วจะมีอารมณ์ทำเรื่องอย่างว่าได้อย่างไร ดูเหมือนตอนนี้เขาจะได้คำตอบแล้วว่าสิ่งไม่คาดคิดมันเกิดขึ้นได้เสมอ ถ้าคนมันถึงคราวซวย!
“แล้วนี่ชินจะเอายังไง ถ้านิดมันรู้เข้า มันต้องอาละวาดแน่”
“แม่ดูบนแก้มเอมสิครับ รอยนิ้วมือแดงเถือกขนาดนั้น แม่คงไม่คิดว่าเป็นฝีมือผมหรอกนะ”
“นี่หมายความว่านิดรู้เรื่องแล้วเหรอ?”
“ครับ ผมถึงต้องพาเอมมานี่ไง ไม่งั้นคงโดนอีกเยอะ”
“ตายจริง!” บุหลันรีบปราดเข้าไปหาอัญรส “เจ็บมากไหมหนูเอม”
“เอม... ไม่เป็นไรค่ะ คุณป้า” หญิงสาวส่ายหน้าดิก
“แล้วนี่ชินจะเอายังไง”
เมื่อสาวรุ่นลูกยืนยันอย่างนั้น บุหลันจึงหันไปถามลูกชาย
“ผมไม่รู้ครับ ผมคิดอะไรไม่ออก เรื่องมันเกิดขึ้นกะทันหันมาก”
“พูดแบบนี้ไม่ได้นะชิน เรื่องมันเลยเถิดไปแล้ว แม่ว่าชินคงทำอะไรไม่ได้หรอก นอกจากรับผิดชอบในตัวน้องให้มันถูกต้องซะ”
มารดามีความยุติธรรมและเห็นใจลูกผู้หญิงด้วยกันมากพอ เรื่องของวาสิตาผู้เป็นหลานสาวเพิ่งจะลงตัวไปหมาดๆ ไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องทำนองนี้กับลูกในไส้อีก
“รับผิดชอบงั้นเหรอครับ?”
ชายหนุ่มทวนถามเสียงดัง สีหน้าดูตื่นตระหนกไม่น้อย
“ใช่ รับผิดชอบ ถึงจะไม่ตั้งใจ แต่ถ้าน้องท้องไส้ขึ้นมาจะทำยังไง”
บุหลันไม่ได้อยากพูดถึงเรื่องตั้งครรภ์ให้ลูกชายสะท้านในอกเลย แต่มันคือหลักเหตุผลที่สามารถเกิดขึ้นได้จริง เคยเห็นจากคนใกล้ตัวมาแล้วด้วย หวังว่าชยุตม์คงไม่ทำตัวแย่ๆ ให้เรื่องมันวุ่นวายใหญ่โตเหมือนที่เคยเกิดขึ้นอีก
อัญรสเห็นสีหน้าลำบากใจของชายหนุ่มผู้พี่ก็เจ็บปวดขึ้นมาในอก ขยับลุกขึ้นกำลังจะเอ่ยบางอย่าง แต่เสียงกริ่งจากประตูทำให้เธอหมดโอกาสได้ทำอย่างนั้น บุหลันเดินไปมองบนจอเล็กๆ ข้างประตู พบว่าคนข้างนอกคือวนิดานั่นเอง
“แม่ของหนูมาจ้ะ หนูเอม” นางหันมาบอกเหมือนต้องการดูท่าที
“ค่ะ เอมไม่รบกวนคุณป้ากับพี่ชินแล้ว เอมจะกลับไปคุยกับแม่เอง ขอตัวเลยนะคะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างหนักแน่น แม้รู้ดีว่าตัวเองจะต้องเจอกับขยะอารมณ์ของมารดาอีกมาก แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่สมควรแล้ว ในเมื่อเธอเป็นลูกไม่รักดีจริงๆ ใจง่าย เลือกพลีกายให้ผู้ชายที่เป็นศัตรูของครอบครัว
“เธอแน่ใจเหรอ?”
คราวนี้ชยุตม์ถามซ้ำ อดกังวลไม่ได้จริงๆ ว่าอัญรสจะเจ็บตัว
“ค่ะ แม่คงอารมณ์เย็นลงมากแล้ว เอมไม่อยากให้แม่อาละวาดพี่ชินแล้วก็คุณป้าอีก เอมขอตัวนะคะ เรื่องที่มันเกิดขึ้น เอาไว้ค่อยว่ากันทีหลังดีกว่าค่ะ อย่างน้อยรอให้เช้าก่อนก็ยังดี” เธอยืนยันหนักแน่น รีบเดินไปที่ประตูแล้วเปิดออกไปทันที
แรกทีเดียววนิดาก็ตั้งท่าจะอ้าปากตะโกนด่าเข้าไปในห้อง แต่เมื่อลูกสาวรีบดึงประตูปิดลงตามหลัง เจ้าตัวจึงหมดโอกาส ใบหน้าขาวผ่องแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ยามนี้ถมึงทึงด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ก็น้อยลงกว่าก่อนนี้อยู่พอสมควร
“ฉันจะคุยกับไอ้สารเลวนั่น รวมทั้งแม่ของมันด้วย!” วนิดาตั้งท่าจะปรี่ไปที่ประตู
“อยากประจานให้คนรู้ว่าเอมเสียตัวให้พี่ชินเหรอคะแม่” คำพูดของลูกสาวหยุดฝีเท้าของมารดาไว้ได้ในทันที
อัญรสยืนนิ่งอยู่กับที่ รออยู่ว่าจะมีแรงกระชากจากมือของแม่อีกหรือไม่ แต่ก็ไม่ วนิดาเบนสายตาจ้องมองเธอแล้วยิ้มหยัน
“นั่นสินะ ถ้าฉันโวยวาย ข่าวอาจจะรั่วไหลจนแกหมดราคา แต่ถ้าฉันเงียบ ฉันก็คงได้ทั้งสองเด้งเลยทีเดียว”
“แม่หมายความว่ายังไงคะ?”
อัญรสกดหัวคิ้วชนกันด้วยความไม่เข้าใจ
“ก็หมายความว่าฉันจะเรียกค่าตัวแกให้หนักๆ เลยน่ะสิ เอาให้พวกมันสองแม่ลูกหมดตัวเลย แล้วฉันก็จะให้แกแต่งงานกับคุณภูให้เร็วที่สุด เผื่อท้องไส้ขึ้นมา ลูกของแกจะได้มีพ่อที่มีหน้ามีตา ไม่ใช่คนทรยศอย่างไอ้ชิน!”
ความคิดและแผนการในหัวของมารดาทำเอาคนเป็นลูกสาวถึงกับนิ่งอึ้งไป แต่ไหนแต่ไรมา วนิดารักและพะเน้าพะนอแค่ลูกชายอย่างอนวัตเสมอ ส่วนลูกสาวคนเดียวอย่างเธอกลับถูกบังคับทุกอย่าง โดนบีบให้ต้องเชื่อฟังทุกทางจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่กับเรื่องของภูวนัย เธอคงยอมตามใจไม่ได้จริงๆ...
อัญรสรู้นิสัยของมารดาดีจึงไม่ได้พูดจาโต้เถียงในเวลานี้ เธอสงบปากสงบคำ ยอมให้แม่ฉุดข้อมือเดินตรงไปยังลิฟต์เพื่อกลับห้องของตัวเอง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่รู้ได้อย่างไรว่าชยุตม์พักอยู่ห้องไหน แต่ทบทวนอึดใจเดียวก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่เรื่องยาก วนิดาอยากได้อะไรก็ต้องได้เสมอ
อัญรสใจสั่นไปหมด เมื่อคิดว่าต้องถูกมารดาจับคลุมถุงชนกับผู้ชายชั่วช้าอย่างภูวนัย เธอยอมตายเสียดีกว่าที่จะต้องเป็นเมียคนเลว ภูวนัยทำธุรกิจสกปรก เจ้าชู้ชีกอเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า กับเธอเขาก็พยายามเทียวไล้เทียวขื่อไม่เลิก เวลาใดที่มารดาเปิดทางให้ ภูวนัยไม่เคยพลาดเลยที่จะพูดจาหยาบคายและพยายามถึงเนื้อถึงตัวเธอ
ทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากภูวนัยได้ นั่นคือเธอจะต้องทำให้ชยุตม์รับผิดชอบเรื่องคืนนี้ให้ได้ แต่พอเห็นสีหน้าทุกข์ระทมของผู้ชายที่ตัวเองแอบรัก อัญรสก็แทบสิ้นหวัง รู้สึกเสียใจจนเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
ชยุตม์ไม่เคยมองเห็นเธอในสายตาเลย เขาคงยังรักมะปรางมากและไม่มีวันพร้อมสำหรับการเปิดใจกับผู้หญิงคนใหม่ โดยเฉพาะเธอ... น้องสาวและลูกสาวของคนที่เกลียดเขาเข้าไส้
“ไปแต่งตัวให้มันเรียบร้อยซะ แล้วพรุ่งนี้หลังกลับไปที่จันทบุรี ฉันจะจัดการกับไอ้ชินเอง ส่วนแกห้ามพูดกับใครทั้งนั้นเลยนะว่าเสียตัวให้มันแล้ว ถ้าเรื่องคืนนี้แพร่งพรายออกไป แกต้องยืนยันคำเดียวเท่านั้นว่ามันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด เข้าใจไหมยัยเอม!” วนิดากำชับกึ่งข่มขู่ลูกสาว
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำ
“ดี เรื่องเกิดที่นี่ก็ปล่อยให้มันเกิดไป แต่ทันทีที่ถึงจันทบุรีบ้านเรา แกก็จะกลับไปเป็นสาวน้อยใสซื่อบริสุทธิ์คนเดิมทันที แล้วที่สำคัญห้ามลืมเลยนะว่าแกต้องกินยาคุมฉุกเฉินเอาไว้ด้วย กันไว้ดีกว่าแก้” ผู้ให้กำเนิดพูดแล้วส่ายหน้าอย่างฉุนเฉียว จากนั้นก็เดินแยกตัวออกไปทันที
“พี่ชิน ช่วยเอมด้วยนะคะ เอมยอมปล่อยให้แม่บงการชีวิตต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ” หญิงสาวภาวนากับตัวเอง ขอให้ชยุตม์ยอมฝืนใจทำในสิ่งที่เขาควรทำ
ยามนี้ดวงตากลมโตนั้นแดงก่ำและทอประกายสิ้นหวัง เธออยากร้องไห้ แต่ดูเหมือนน้ำตาจะช่วยอะไรไม่ได้เลย ดังนั้นจึงพาตัวเองหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อแต่งตัวให้เรียบร้อยตามคำสั่ง จากนั้นก็ออกมาทิ้งตัวลงบนเตียงนอน ลืมตาโพลงอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งผล็อยหลับไป
“เงียบ!” เขาสั่งเสียงดุ“อื้อ!”หญิงสาวดิ้นขลุกขลัก เมื่อถูกดันให้นอนราบกลับลงไปตามเดิม ชยุตม์ไม่ได้ละมือห่างออกไป แต่ขยับตัวกางขาคร่อมทับร่างบอบบางเอาไว้ กักขังเธอให้ตกอยู่ในการควบคุมของเขาอย่างง่ายดาย เพราะเมื่อเทียบสภาพร่างกายแล้ว เขาได้เปรียบกว่าเธอมากจนน่าตกใจ“บอกให้เงียบ! ถ้าไม่เงียบ อดได้ฉันเป็นผัวไม่รู้ด้วยนะ ไหนบอกว่าอยากให้ฉันรับผิดชอบไง” เขาก้มลงกระซิบข้างหู ใบหน้าที่ห่างกันไม่ถึงคืบ ทำให้อัญรสแทบไม่กล้าหายใจ เนื้อตัวของเธอเกร็งทื่อไปหมด ทว่าก็ยอมเงียบไปตามที่เขาบอก นั่นแหละชยุตม์ถึงได้ค่อยๆ ปล่อยมือออกห่างปาก“พี่ชิน ทำไม...”อัญรสกำลังจะถามว่าทำไมเขาถึงบุกรุกเข้ามาอย่างนี้“ผัวจะปีนบ้านเมีย มันแปลกตรงไหน”เขากระดากปากแทบตาย แต่ก็จงใจพูดอย่างถือสิทธิ์“พี่ชิน!”เธอดูตื่นตระหนกมาก ใบหน้าที่ซีดเผือดกำลังบอกอย่างนั้น“เมื่อคืนฉันจำไม่ได้เลยว่าเอากับเธอท่าไหน ไม่รู้ด้วยว่าระหว่างเรามันเร่าร้อนถึงใจหรือเปล่า ฉันเลยอยากกลับมาทบทวนความจำดูหน่อย แล้ววันพรุ่งนี้รับรองเลยว่าเธอจะได้นามสกุลของฉันไปเป็นการตอบแทนแน่ อยากให้ฉันรับผิดชอบเธอมากไม่ใช่เหรอ?” ชายหนุ่มกระตุกยิ้มเหี้ยม“ไม่ได
บ้านหลังงามยามนี้ปิดไฟหมดทุกดวง บ่งบอกให้รู้ว่าคนในบ้านต่างก็พากันหลับใหลไปหมดแล้ว ชยุตม์ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนตัวมากนัก ในตอนที่ปีนกำแพงแล้วกระโดดลงไปบนสนามหญ้าข้างบ้านอย่างคล่องแคล่ว บ้านของอนวัตอดีตเพื่อนรักนั้น ไม่มีส่วนไหนที่เขาไม่คุ้นเคย เขารู้ทุกทางเข้าออกรวมทั้งจุดด้อยทั้งหมด ทำให้การลักลอบเข้าไปบ้านยามค่ำคืนไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อยจุดหมายของชยุตม์คือห้องนอนของอัญรส ผู้หญิงที่เป็นตัวปัญหาใหญ่ในชีวิตตอนนี้ แรกทีเดียวเขาไม่เคยคิดกล่าวโทษเธอเลย รู้ว่าตัวเองก็ผิดที่ดื่มจนเมาแบบนั้น แต่พอได้ยินเธอพยายามใส่ร้ายมะปราง เพราะหวังอยากเข้ามาแทนที่ เขาก็มองสาวน้อยที่คุ้นเคยเปลี่ยนไป เหมารวมทันทีว่าเธอเองก็ต้องรู้เห็นเป็นใจกับวนิดา ที่ต้องการใช้มะปรางมาเป็นข้อต่อรองเรียกเงินจากเขา ส่วนที่บอกว่าอยากให้รับผิดชอบนั้น เธอคงแค่พูดไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาจริงจังแน่นอนแต่วนิดากับอัญรสเล่นผิดคนแล้ว!ชายหนุ่มกระตุกยิ้มเหี้ยมในตอนที่นำชะแลงที่ถือติดมือมาด้วย งัดแงะประตูทางด้านหลังจนเปิดมันออกได้สำเร็จ เขาแทรกตัวผ่านความมืดเข้าไปในตัวบ้าน จากส่วนครัวด้านหลังย่องขึ้นบันไดไปสู่ชั้นบนอย
ชยุตม์หมดสติตั้งแต่ช่วงค่ำไปราวสองสามชั่วโมง เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่านาฬิกาแขวนผนังบอกเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว เขาเห็นตัวเองนอนอยู่บนเตียงสีขาวในโรงพยาบาล สถานที่ที่เขาเกลียดชังมากที่สุด ชายหนุ่มยกแขนขึ้นมองก็พบสายน้ำเกลือปรากฏอยู่บนหลังมือ เขาไม่ปวดหัวแล้ว ดวงตาไม่ได้พร่ามัวเหมือนก่อนหน้านี้แล้วด้วย มันกระจ่างสว่างไสวดีเมื่อกวาดมองไปรอบห้องแล้วไม่พบใคร เขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะกระชากสายน้ำเกลือออกไปจนมีเลือดไหลซึมออกมา ชยุตม์ดึงกระดาษทิชชูสองสามแผ่นจากโต๊ะข้างเตียงมากดห้ามเลือด ก่อนจะเดินไปค้นหาเสื้อผ้าของตัวเอง ซึ่งพบว่ามันถูกแขวนเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าอย่างเป็นระเบียบชายหนุ่มคว้าทุกอย่างหายเข้าไปในห้องน้ำ กลับออกมาอีกทีก็พบว่ามารดากำลังเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับขนมจุกจิกหลายอย่าง เดาว่าท่านคงกลัวเขาตื่นมาหิว จึงลงไปมินิมาร์ตของโรงพยาบาลที่เปิดตลอดยี่สิบชั่วโมงเพื่อซื้อของกินขึ้นมาตุนเอาไว้ให้“ตายจริง! ชิน ทำไมถึงถอดสายน้ำเกลือเองแบบนี้ล่ะลูก!” บุหลันมองเห็นหยดเลือดบนผ้าปูสีขาวก็ถึงกับหน้าซีด ไม่กล้ามองมือของลูกชายด้วยซ้ำ เนื่องจากตัวเองเป็นคนที่ค่อนข้างกลัวเลือด เห็นทีไรก็อยากจะเป็นลมเสียทุกที“
หากอัญรสท้องไส้ขึ้นมา เด็กในท้องก็คือลูกเขา ดังนั้นจึงไม่แปลกหากเขาจะโกรธเมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ ตอนแรกก็อัญรส ถัดมาก็แม่ของเธอ คนบ้านนั้นไม่มีหัวใจกันเลยหรืออย่างไร ทำไมถึงได้คิดอะไรตื้นๆ กันนัก ถ้าเรื่องมันลงเอยแบบนั้นจริง เขานี่แหละที่จะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ไม่ให้แปดเปื้อนมือสกปรกของคนที่คิดจะทำร้ายเด็กอย่างเด็ดขาด“แกสิใจต่ำ เมียเพื่อนก็ยังแย่งได้!” วนิดาสวนกลับดุเดือด“มะปรางไม่ใช่เมียไอ้อ้น!” ชยุตม์ก้าวออกมาโดยอัตโนมัติ ความโกรธทำให้หูตาพร่าพรายไปหมด“ใจเย็นก่อนชิน อย่าไปแลกกับอีหมาบ้านี่เลย เชื่อแม่” บุหลันคว้าแขนลูกชายแล้วกอดเอาไว้“ฉันขี้เกียจต่อปากต่อคำกับพวกแกแล้ว เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน ที่ฉันยอมลดตัวมาเหยียบที่เรือนหลังนี้ในวันนี้ มันก็อย่างที่บอกนั่นแหละว่าฉันต้องการค่าตัวของยัยเอม ลูกสาวของฉันเป็นสาวบริสุทธิ์ ไม่เคยหลับนอนกับใคร ฉะนั้นแกจะมาหลอกฟันไม่ได้นะไอ้ชิน แกต้องจ่ายมาสิบล้าน!”พูดแล้ววนิดาก็ยิ้มกว้าง หัวใจพองโตคับอก เมื่อจินตนาการว่าเงินทองจำนวนนี้จะทำให้ได้ไปลงทุนในวงการการพนันต่ออีกมากมายแค่ไหนแม้จะดูถูกคนบ้านนี้มาตลอดว่าเป็นเพียงแค่ชาวไร่ชาวสวนเนื้อตัวเหม็นสาบ แ
บุหลันถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้มเกือบตลอดทั้งบ่าย...แรกทีเดียวชยุตม์ก็ไม่ยอมพูดอะไร เอาแต่หนีหน้าเข้าไปทำงานในไร่พร้อมกับนายเชิดคนสนิท กว่าจะยอมกลับมาตะวันก็คล้อยต่ำลับฟ้าไปเสียแล้ว ผู้เป็นมารดาที่กำลังนั่งรับประทานมื้อเย็นอยู่ตามลำพัง เห็นหน้าตาลูกชายดูเคร่งเครียดกว่าที่เคยก็รีบเรียกให้มานั่งร่วมโต๊ะ“มากินข้าวเถอะชิน” บุหลันรู้ดีว่ามีบางอย่างไม่ปกติ“ผมไม่หิวครับแม่ แต่ผมจะนั่งเป็นเพื่อนแม่นะครับ” ชายหนุ่มก้าวเข้ามาหา ลากเก้าอี้ออกแล้วหย่อนกายนั่งลง“ไม่หิวได้ยังไง ออกไปตั้งแต่ก่อนเที่ยง แล้วก็กลับจนทุ่มกว่า ยังไงก็ต้องหิว” สิ้นคำพูดนั้นหญิงสูงวัยก็หันไปพยักหน้าให้แม่บ้านที่ชื่อส้มโอทันทีเจ้าตัวค้อมศีรษะน้อยๆ แทนคำพูด ก่อนจะขยับเข้ามาตักข้าวจากโถกระเบื้องเคลือบใส่ลงในจานให้กับเจ้านายหนุ่มทันที จากนั้นก็รินน้ำเย็นใส่ลงในแก้วให้ด้วย ซึ่งชยุตม์เลือกยกมันขึ้นดื่มจนเกือบหมดแก้ว“ที่ไปคุยกับหนูเอมมาเมื่อเช้า มันไม่เข้าท่าใช่ไหม ถึงทำหน้ายักษ์ตลอดเวลาแบบนี้” มารดาถามโดยไม่สบตา ยังคงใช้ช้อนกลางตักแกงเทโพใส่จาน แล้วรับประทานต่อไปเหมือนไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวล เห็นแบบนั้นชยุตม์ที่เพิ่งหยิบช้อนส้
“ฉันไม่เคยคิดให้ใครมาแทนที่มะปราง” เขาพูดโพล่งออกไป“เอมรู้ค่ะ แต่อดีตก็คืออดีต พี่มะปรางตายไปแล้ว แต่เรา...”“ไม่มีคำว่าเรา มีแค่ฉันกับเธอเท่านั้น แล้วฉันก็ยืนยันคำเดิมว่าฉันแต่งงานกับเธอไม่ได้”“งั้นพาเอมไปอยู่ด้วยก็พอ เอมกินน้อย ไม่เรื่องมาก เลี้ยงง่ายค่ะ”“เธอเป็นคนนะ ไม่ใช่หมาพุดเดิล” เขาสวนเสียงดุ“พี่ชินคงไม่รู้ว่าการเลี้ยงหมาสักตัวนี่ต้องเอาใจใส่มากเลยนะคะ แต่เอมไม่ต้องการแบบนั้น ขอแค่ให้เอมได้ไปอยู่ใกล้ๆ พี่ชิน ได้คอยดูแลพี่ชินก็พอ เอมจะไม่เรียกร้องสถานะอะไรเลย เอมสัญญา” หญิงสาวยังคงอ้อนวอนไม่เลิก นั่นยิ่งทำให้ชยุตม์ยิ่งหัวเสีย“ไม่มีทางอื่นหรือไง ฉันไม่พร้อมให้ผู้หญิงคนไหนมายุ่งด้วยทั้งนั้น”“เพราะพี่มะปรางอีกแล้วสินะ” อัญรสแค่นยิ้ม เจ็บปวดจนอดตัดพ้อไม่ได้“ใช่ มะปรางตายไปยังไม่ถึงปีด้วยซ้ำ” ชยุตม์ไม่ปฏิเสธ“เวลาไม่สำคัญสำหรับการมูฟออนหรอกค่ะ”“แต่กับฉันมันสำคัญมาก ฉันไม่อยากให้เธอมาแทนที่มะปราง”“พี่มะปรางรักพี่ชินอย่างที่พี่ชินรักเธอหรือเปล่าก็ไม่รู้นะคะ” อัญรสหลุดปากพูดออกไป“หมายความว่ายังไง? นี่จะหาเรื่องออกรับแทนไอ้อ้นอีกใช่ไหม!”“ไม่ใช่ค่ะ เอมแค่จะบอกว่าพี่มะปรางไม่ได







