แฟรงค์กับเอกอนันต์มารับเตชินท์และเตมีย์ สองแฝดวัยกำลังซนที่โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งใกล้บ้าน ทั้งคู่มีแผนพาสองแฝดไปกินไก่เคเอฟซี แล้วจึงไปร้านหนังสือเพื่อซื้อหนังสือภาษาอังกฤษและหนังสือเสริมทักษะให้สองพี่น้อง ทว่าแฟรงค์ต้องไปหาเจ้านายที่ตอนนี้อยู่โรงแรมแกรนด์มาร์ค โรงแรมชื่อดังบนถนนสุขุมวิท เพื่อนำโปรเจคงานไปให้ เนื่องจากนิพนธ์ทำมือถือตก ส่งผลให้ไม่สามารถโหลดงานในอีเมลได้ นิพนธ์จึงใช้โทรศัพท์ของโรงแรมโทรหาตน เพื่อให้โหลดงานในอีเมลของเขาแทน หากนิพนธ์โหลดงานใส่แฟลช-ไดรฟ์ เรื่องคงไม่ยุ่งจนต้องไว้วานแฟรงค์
“เอกรอแฟรงค์ที่ล็อบบี้นะ แฟรงค์เอางานไปให้พี่แมนก่อน”
“อืม ตามสบายเลย” เอกอนันต์เข้าใจงานของแฟรงค์
“พ่อแฟรงค์ไปไหนฮะลุงเอก” เตชินท์ถาม
“ไปทำงานครับ หาเงินมาให้เสือกับสิงห์กินขนมและได้เรียนหนังสือไงครับ” เอกอนันต์ตอบ “เสือกับสิงห์อย่าซนนะลูก เดี๋ยวพวกลุงๆ ป้าๆ จะดุเอา”
“ฮะลุงเอก”
สองแฝดขานรับพร้อมกัน นั่งเล่นบนโซฟา ความที่อยู่ในวัยซน การนั่งเฉยๆ ระหว่างรอนานเกินสิบนาทีเป็นเรื่องที่ยาก เตชินท์กับเตมีย์เริ่มลุกขึ้นยืน โดยยืนเล่นตรงนั้นก่อน แล้วค่อยๆ ขยับมาเล่นห่างโต๊ะที่ตัวเองนั่ง ซึ่งขณะนั้นเอกอนันต์กำลังโทรศัพท์พูดคุยกับลูกค้า จึงได้แค่มองตาม คิดว่าอยู่ในสายตาของตนและสองพี่น้องไม่ใช่เด็กที่ชอบเล่นทำลายของ แล้วที่เห็นตอนนี้คือ สองแฝดกำลังเล่นเป่ายิงฉุบ
ในขณะเดียวกันบานประตูโรงแรมเปิดกว้าง ร่างสูงใหญ่ของเอเดนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าคิดสงสัย ระหว่างที่เขาเดินทางกลับมาโรงแรมที่พัก หัวเขานึกถึงดวงดาราตลอดเวลา เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงได้นึกถึงหล่อน ดวงตาของดวงดาราที่สบมอง กำลังกระตุ้นความทรงจำครั้งเก่าที่ติดค้างในใจมาจนถึงทุกวันนี้ เขารู้สึกว่า เคยประสบสายตากับดวงตาคู่นี้มาก่อน แต่นึกไม่ออกว่าพบเจอที่ใด มันเหมือนความทรงจำขาดห้วงไปดื้อๆ ความที่จมอยู่กับความนึกคิด ทำให้เขาไม่ทันระวัง
“โอ๊ย!” เตชินท์ร้องเจ็บ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองวิ่งชนอะไรบางอย่างจนล้มลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าบนพื้น ก่อนแหงนมองสิ่งที่ตัวเองชน ความสูงของชายตรงหน้าสูงมาก เด็กชายต้องแหงนมองจนลำคอตึง
เอเดนก้มมองเด็กชายที่วิ่งมาชนตนหรือตนไม่ระวังไปขวางทางวิ่งเล่นของเด็กคนนี้นิ่งค้าง นัยน์ตาสีน้ำทะเลของเด็กชายคนนี้คล้ายสีนัยน์ตาเขาไม่มีผิด แล้วเหมือนมีแรงดึงดูดให้เขาไม่อยากเคลื่อนสายตาไปไหน มองใบหน้าที่มีความคล้ายตนอยู่มากด้วยใจสั่นระรัว
หน้าตาเด็กคนนี้เหมือนเขาตอนเด็กไม่มีผิด...เหมือนยันสีผมอีกด้วย
“เป็นไงเสือ เจ็บไหม”
เจ้าของเสียงเรียกความสนใจให้กับเอเดนทันที เขาเบนสายตามองเด็กชายอีกคนที่หน้าตาเหมือนเด็กชายที่กำลังลุกขึ้นยืนไม่ผิดเพี้ยน นั่นหมายความว่า เด็กสองคนนี้เป็นฝาแฝดกัน
“ไม่เจ็บ” เตชินท์ตอบน้องชาย “ขอโทษฮะ”
เตชินท์พนมมือไหว้ขอโทษชายหนุ่มที่ตนวิ่งชน เอเดนไม่เข้าใจคำพูดของเด็กชาย แล้วตอนนี้เขาก็ไม่สนใจเสียงนั้นด้วย สิ่งที่เขาสนใจคือ หน้าตาที่ละม้ายคล้ายตนในวัยเด็ก แต่ก็จะมีจุดต่างให้เห็นคือ เด็กชายคนที่เอ่ยปากขอโทษมีไฝเม็ดเล็กอยู่ตรงจอนหู
“ขอโทษด้วยครับ ผมต้องขอโทษแทนหลานของผมด้วยครับ” เอกอนันต์ที่เห็นเหตุการณ์รีบตัดสายที่กำลังสนทนา แล้ววิ่งมาขอโทษชายชาวต่างชาติหน้าตาหล่อด้วยภาษาสากลทันที “เสือขอโทษคุณผู้ชายเป็นภาษาอังกฤษสิลูก”
“ผมขอโทษฮะ”
เตชินท์ทำตามอย่างว่าง่าย พนมมือไหว้และกล่าวคำขอโทษเป็นภาษาที่อีกฝ่ายเข้าใจ เอเดนยิ้มนำมือไปวางบนศีรษะเด็กชายแล้วขยี้เบาๆ
“ไม่เป็นไร ฉันเองก็ผิดด้วยที่มัวแต่คิดอะไรเพลินๆ เลยไม่ทันได้มองทาง” เอเดนคิดว่าเป็นความผิดของตนด้วย “แล้วหนูเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“ไม่เจ็บฮะ สบายมาก” เตชินท์ตอบกลับด้วยภาษาสากลชัดเจน “คุณลุงเจ็บไปไหมฮะ ผมชนขาคุณลุง ขาคุณลุงหักหรือเปล่าฮะ”
เอเดนยิ้มกับความห่วงใยที่เด็กชายมีต่อตน รู้สึกเอ็นดูเด็กชายสองแฝดที่ยืนยิ้มแฉ่งให้ตนมากกว่าเด็กคนไหนๆ ที่เคยพบเห็น
“ชื่อไรครับ” เอเดนถาม
“คนพี่ชื่อไทเกอร์ คนน้องชื่อไลออนครับ”
เอกอนันต์ตอบแทน เขาบอกชื่อเล่นสองแฝดเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจได้ง่ายกว่าชื่อเล่นภาษาไทย โดยชี้ไปทางเจ้าของชื่อด้วย
“ชื่อเพราะซะด้วย”
เอเดนชม ยิ้มให้สองหนุ่มที่ยิ้มตอบกลับ เขามองหน้าเด็กแฝดด้วยความรู้สึกที่อธิบายได้ยาก อยากเข้าไปกอดและหอม อยากทำความรู้จักให้มากกว่านี้ ในใจเอเดนกระตุ้นเช่นนั้น เอเดนแปลกใจตนเองที่คิดแบบนี้
เหตุใดไม่ทราบได้ เอกอนันต์มีความรู้สึกว่า ชายหนุ่มต่างชาติคนนี้มีใบหน้าละม้ายสองแฝด สีนัยน์ตาก็ใช่ สีผมก็ด้วย จมูกก็โด่งเป็นสัน ริมฝีปากเรียวบางเป็นสีชมพูอ่อนธรรมชาติ ยามเขาคลี่ยิ้มยิ่งดูมีเสน่ห์ ชวนลุ่มหลงและหลงใหล ช่างมีความคล้ายตอนสองแฝดยิ้มมากเหลือเกิน เขายังแอบคิดเล่นๆ ว่า ชายตรงหน้าคนนี้อาจเป็นชายปริศนาคืนนั้นของดวงดารา และเป็นพ่อของเด็กแฝด แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ โลกไม่ได้กลมขนาดนั้น
“มีอะไรกันหรือเปล่าเอก”
แฟรงค์ที่เดินมาพร้อมกับนิพนธ์เอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าคนรักกับสองแฝดอยู่กับชายหนุ่มชาวต่างชาติรูปงาม นิพนธ์มองชายร่างสูงใหญ่ด้วยความตกใจ รีบเดินเข้าไปหา
chapter 7“สวัสดีครับคุณเอเดน ไม่นึกว่าจะได้เจอคุณเอเดนที่นี่”คำทักทายที่แฟรงค์กับเอกอนันต์ได้ยิน บอกให้รู้ว่า นิพนธ์รู้จักชายแปลกหน้าคนนี้“ผมพักที่นี่ครับ” เอเดนทักกลับ สีหน้าสงสัยเพราะนึกไม่ออกว่าเคยเจอคนทักตอนไหน เมื่อไหร่ “คุณคือ...”“ผมนิพนธ์ไงครับ ผมกับคุณเคยคุยกันผ่านการประชุมทางไลน์เมื่อเดือนก่อน โปรเจคโรงแรมริเวอร์สกายในจังหวัดภูเก็ตไงครับ บริษัทของคุณให้บริษัทของผมออกแบบภายในให้ วันนี้ผมเอางานมาเสนอให้คุณโอลิเวอร์ครับ” นิพนธ์ทวนความทรงจำให้เอเดน“อ๋อครับ จำได้แล้วครับ ขอโทษด้วยที่จำคุณไม่ได้” เอเดนกล่าวคำขอโทษพรอ้มรอยยิ้มบาง“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจครับ” นิพนธ์ตอบกลับ “แล้วไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นครับ”“ไม่มีอะไรครับ ผมเดินไม่ระวังเองเลยชนไทเกอร์ครับ” เอเดนเอ่ยยอมรับผิด เขาไม่โทษเด็ก เพราะเด็กก็คือเด็ก เขาเป็นผู้ใหญ่ต้องมีความระวังมากกว่า“ผมจะแนะนำให้คุณเอเดนรู้จักกับแฟรงค์ ผู้ช่วยผมเองครับ แฟรงค์เป็นคนออกแบบโปรเจคนี้ครับแล้วก็เป็นพ่อของเด็กสองแฝดครับ แฟรงค์ คุณเอเดน เจ้าของหุ้นส่วนใหญ่โรงแรมรีเวอร์สกาย”นิพนธ์แนะนำตัวแฟรงค์กับเอเดนรู้จักกัน ทั้งสองจับมือกันตามธรรมเนียมฝรั่ง
chapter 6แฟรงค์กับเอกอนันต์มารับเตชินท์และเตมีย์ สองแฝดวัยกำลังซนที่โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งใกล้บ้าน ทั้งคู่มีแผนพาสองแฝดไปกินไก่เคเอฟซี แล้วจึงไปร้านหนังสือเพื่อซื้อหนังสือภาษาอังกฤษและหนังสือเสริมทักษะให้สองพี่น้อง ทว่าแฟรงค์ต้องไปหาเจ้านายที่ตอนนี้อยู่โรงแรมแกรนด์มาร์ค โรงแรมชื่อดังบนถนนสุขุมวิท เพื่อนำโปรเจคงานไปให้ เนื่องจากนิพนธ์ทำมือถือตก ส่งผลให้ไม่สามารถโหลดงานในอีเมลได้ นิพนธ์จึงใช้โทรศัพท์ของโรงแรมโทรหาตน เพื่อให้โหลดงานในอีเมลของเขาแทน หากนิพนธ์โหลดงานใส่แฟลช-ไดรฟ์ เรื่องคงไม่ยุ่งจนต้องไว้วานแฟรงค์ “เอกรอแฟรงค์ที่ล็อบบี้นะ แฟรงค์เอางานไปให้พี่แมนก่อน” “อืม ตามสบายเลย” เอกอนันต์เข้าใจงานของแฟรงค์“พ่อแฟรงค์ไปไหนฮะลุงเอก” เตชินท์ถาม“ไปทำงานครับ หาเงินมาให้เสือกับสิงห์กินขนมและได้เรียนหนังสือไงครับ” เอกอนันต์ตอบ “เสือกับสิงห์อย่าซนนะลูก เดี๋ยวพวกลุงๆ ป้าๆ จะดุเอา”“ฮะลุงเอก”สองแฝดขานรับพร้อมกัน นั่งเล่นบนโซฟา ความที่อยู่ในวัยซน การนั่งเฉยๆ ระหว่างรอนานเกินสิบนาทีเป็นเรื่องที่ยาก เตชินท์กับเตมีย์เริ่มลุกขึ้นยืน โดยยืนเล่นตรงนั้นก่อน แล้วค่อยๆ ขยับมาเล
chapter 5เอเดนมองหน้าแม่ครัวสาวที่จัดว่าสวย แต่เป็นความสวยในระดับล่าง เพราะส่วนใหญ่ผู้หญิงที่เขาพบเจอจะเป็นความสวย ความงดงามระดับพรีเมี่ยม ไม่ดารา นักแสดงก็นางแบบ หรือไม่ก็นางงาม หรือถ้าไม่ใช่อาชีพที่กล่าวมา ความสวยก็จะมีมากกว่าหญิงสาวตรงหน้าที่ไม่มีความโดดเด่นอะไรมากนัก แต่ทำไมถึงชวนมองมากกว่าหญิงสาวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขาก็ไม่รู้ โดยเฉพาะเวลานี้ หล่อนกำลังส่งยิ้มให้เขา ช่างเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสดใส ความสวยระดับล่างยกระดับขึ้นมาทันใด“เมญ่าล่ะคะ” ดวงดาราทักชายแปลกหน้าด้วยภาษาสากล จากรูปลักษณ์ภายนอกบอกให้หล่อนรู้ว่า เขาไม่ใช่คนไทย“อาบน้ำอยู่มั้ง” เอเดนตอบ ก่อนถามกลับ “สำเนียงใช้ได้นี่ เมญ่าสอนเหรอ”ดวงดาราไม่ตอบ แต่ส่งยิ้มให้“คุณจะรับกาแฟไหมคะ”“กลิ่นอาหารที่เธอทำหอมดี มันเรียกว่าอะไร” เขาถามถึงอาหารที่ทำให้ตัวเองหิว“ข้าวต้มปลาค่ะ คุณกินได้ไหมคะ ถ้ากินได้ฉันจะตักให้”“เอาสิ หิวจนแสบท้องแล้ว” เอเดนไม่ปฏิเสธ “คุณนั่งเลยค่ะ ฉันจะตักให้กิน” เอเดนทำตามที่สาวแปลกหน้าที่รู้สึกว่ามีความคุ้นเคยบอก มองดูดวงดาราตักอาหารใส่ชามและนำมาวางตรงหน้าตน ก่อนจะนำถ้วยเล็กๆ ที่มีพริก
chapter 4ดวงดารามาถึงคอนโดสุดหรูราคาห้องละสิบเจ็ดล้านของเมญ่าก่อนเวลาที่เจ้าของห้องบอกสิบนาที ห้องชุดห้องนี้ถือว่าใหญ่มากและเป็นแบบสองชั้น อยู่ในย่านเศรษฐกิจที่ไปมาสะดวก มีรถไฟฟ้าผ่าน มีห้างร้านเดินช็อปปิ้งและร้านอาหารหรูครั้งแรกที่ดวงดารามาที่ห้องชุดแห่งนี้ หล่อนไม่ได้ตื่นเต้นกับห้องชุดของเมญ่าเลยสักนิด ตอนไปเรียนต่อที่ประเทศฝรั่งเศส ห้องพักของดวงดาราหรูและแพงกว่านี้ ห้องนี้ถือว่าธรรมดาสำหรับหล่อนมากพอมาถึงห้องชุด ดวงดาราเริ่มทำหน้าที่ของตน หล่อนทำความสะอาดห้องเพียงแค่ปัดกวาดเล็กน้อย เนื่องจากจะมีแม่บ้านที่คอนโดเข้ามาทำความสะอาดห้องอาทิตย์ละสองครั้ง หล่อนจะทำเพียงแค่ในห้องนอนของเมญ่าเท่านั้น ซึ่งตอนนี้เจ้าของห้องยังไม่ตื่น หล่อนจึงนำเสื้อผ้าของดาราชื่อดังที่ทางร้านซักรีดของคอนโดนำมาส่งไปแขวนใส่ตู้เสื้อผ้าที่อยู่ในห้องแต่งตัว ซึ่งเชื่อมต่อกับห้องนอนขณะที่กำลังแขวนเสื้อผ้าใส่ตู้ หูดวงดาราได้ยินเสียงคุยกันในห้องนอน เสียงหนึ่งเป็นเสียงเมญ่า แต่อีกเสียงเป็นเสียงผู้ชายที่ฟังแล้วไม่ใช่พี่โก้ และที่สำคัญทั้งสองสนทนาด้วยภาษาสากล ทำให้หล่อนรู้ทันทีว่า เมื่อคืนนี้มีคนมานอนร่วมเตียงกับเมญ่า
chapter 3 “เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” คนที่ถามคือเจ้าของรถยนต์หรูที่ก้าวลงมาจากรถ วิ่งมาหาดวงดาราพร้อมกับพี่โก้ ผู้จัดการส่วนตัว “มันทำอะไรเธอไหม” โก้ถามอีกคน ดวงดาราเอาแต่ร้องไห้ ส่ายหน้าเป็นคำตอบ โก้จึงเข้าไปช่วยพยุงให้ลุกขึ้นยืน “โชคดีนะที่ฉันกับเมญ่ามาทัน ไม่งั้นเธอแย่แน่ๆ เลย” “นั่นสิ ทางนี้ยิ่งเปลี่ยวๆ อยู่ด้วย ฉันว่า เราไปขึ้นรถกันเถอะ ยืนอยู่อย่างนี้ไม่ปลอดภัย” เมญ่า ดาราและนางแบบชื่อดังบอก “บ้านเธออยู่ไหน ฉันจะไปส่ง” โก้เงยหน้ามองเมญ่า เขาแปลกใจกับความใจดีของเด็กในสังกัด ที่เขารู้นิสัยดีว่าเป็นอย่างไร เมญ่าไม่เคยช่วยเหลือใครถ้าไม่ได้ประโยชน์ “เธอจะไปส่งผู้หญิงคนนี้ที่บ้านจริงเหรอ” โก้ถามอย่างไม่แน่ใจ “ก็จริงน่ะสิ ปล่อยไว้อย่างนี้เดี๋ยวได้ถูกลากไปทำมิดีมิร้ายอีกหรอก คราวนี้ใครจะช่วยล่ะ” เมญ่าตอบกลับ “ขึ้นรถเถอะพี่โก้ เมญ่าไม่อยากอยู่ตรงนี้นาน” ว่าแล้วทั้งสามก็รีบเดินกลับไปที่รถ ก่อนที่เมญ่าจะบึ่งรถออกจากซอยเปลี่ยวทันที ถ้าไม่ติดว่า บ้านที่หล่อนมาถ่ายทำละครอยู่ในซอยนี้ เมญ่าไม่มีทางนำพาตัวเองมายังสถานที่น่ากลัว
chapter 2 5 ปีต่อมาเสียงทะเลาะวิวาทดังออกมาจากบ้านไม้ชั้นเดียวกลางชุมชนเล้าเป็ด แม้ว่าเสียงที่ทุกคนได้ยินจะเป็นที่ชินชา แต่สำหรับบ้านใกล้เรือนเคียงคือความรำคาญอย่างหนึ่ง ที่แม้ว่าหลายบ้านจะตักเตือนบ้านต้นเสียงให้ลดเสียงและการโต้เถียงภายในครอบครัวลงบ้าง ทว่าก็ไม่เป็นผล ชาตรีเจ้าของบ้านด่ากลับด้วยถ้อยคำหยาบคาย ผสมโรงกับละมุดคนเป็นเมียที่ช่วยสามีด่าชาวบ้านจนเป็นที่ระอา ไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยว บ้านที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดน่าจะเป็นบ้านข้างเคียงทั้งซ้ายและขวา ไม่ว่าจะยามเช้า สาย บ่ายเย็นรวมถึงรอบดึกก็ต้องได้ยินเสียงภาษาดอกไม้ของสองผัวเมียที่ด่ากันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร ยิ่งตอนคนเป็นสามีเมา ไม่ได้มีแค่เสียง แต่มีการตบตีกันด้วย ตามด้วยเสียงปาข้าวของแตกกระจาย “รำคาญสองผัวเมียคู่นี้จริงๆ ทะเลาะกันได้ทุกวัน สมองฉันคิดอะไรไม่ออกก็เพราะบ้านหลังนี้นี่แหละ วางเพลิงดีไหมเนี่ย”เอกอนันต์ยืนริมหน้าต่าง มองไปยังข้างบ้านที่มีเสียงทะเลาะดังข้ามบ้านมากระทบกับหู ทำให้เขาเสียสมาธิในการทำงานไม่น้อย “แจ้งตำรวจดีไหม ให้มาจัดการซะหน่อย จะได้ลดการทะเลาะลงบ้าง” แฟร