บ้านไม้กลางป่าภาคเหนือ
เวลา 02.30 น. รถหยุดนิ่งที่ลานกว้างของบ้านพักตากอากาศหลังหนึ่ง ล้อมรอบด้วยความมืดสนิท มีเพียงเสียงจิ้งหรีดและลมพัดใบไม้ที่ให้บรรยากาศชวนสะพรึง
หัสนัยน์เปิดประตูรถก่อนจะเดินอ้อมมาด้านข้างเพื่อเปิดประตูรถและปลุกณัฐชาให้ตื่นทันที เสียงของเขาทำให้เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที
"ลงมา" เขาสั่งเสียงเรียบ แต่หนักแน่น
เธอลังเล...แต่สุดท้ายก็ไม่มีทางเลือก ขณะก้าวลงจากรถ ความหนาวเย็นของลมกลางคืนทำให้เธอตัวสั่น มือของเขาจับต้นแขนเธอไว้แน่นเหมือนจะย้ำว่าเธอหนีไม่พ้นเนื้อมือเขาแน่นอน
เขาลากเธอไปยังประตูบ้านพัก แสงไฟสลัวจากดวงไฟเก่าๆ ที่ติดอยู่หน้าบ้านเผยให้เห็นบ้านหลังใหญ่ที่เหมือนถูกทอดทิ้งมานาน แต่บ้านเหมือนพึ่งผ่านการทำความสะอาด พื้นไม้ส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปข้างใน พาเธอเข้าไปในห้องนอน
ในห้องที่เงียบสงัด มีเพียงเสียงหอบหายใจของณัฐชาที่สั่นไหว ร่างกายของเธอแทบไร้เรี่ยวแรงหลังจากที่เขาผลักเธออย่างแรง เธอเซถลาไปข้างหน้า
ร่างบอบบางแทบจะปลิวตามแรงเหวี่ยง หากไม่ใช่เพราะเตียงนุ่ม ๆ คอยรับไว้ เธอคงลงไปกองกับพื้นอย่างน่าสังเวช
ดวงตาคู่สวยของเธอเบิกกว้าง สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว สายตาของเขาที่จ้องมานั้นเหมือนเปลวไฟที่เผาผลาญ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกขังอยู่ในกรงขังของความแค้นที่ไม่มีทางหนีรอดได้ ร่างสูงใหญ่ของเขายืนอยู่เบื้องหน้า ความอึดอัดในอากาศทำให้เธอแทบจะหายใจไม่ออก
ก่อนที่เธอจะทันได้ตั้งตัว เขากระชากต้นแขนของเธอจนร่างบางถลามาแนบชิดกับอกของเขา เธอรู้สึกถึงแรงบีบที่ต้นแขนจนเหมือนกระดูกจะหัก น้ำตาคลอเบ้า แต่เธอไม่กล้าร้องออกมา
“โอ๊ย!...เจ็บ...ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
เธอออกคำสั่งด้วยความโกรธ เผื่อเขายังไยดีความรู้สึกเธอบ้าง
“ถ้า...ถ้า...คุณขืนใจฉัน รับรองว่าชาตินี้ ฉันไม่มีทางให้อภัยคุณแน่”
จำคำฉันไว้เลย ณัฐชากลัวมากแต่จำใจที่ต้องพูดขู่เขา
“หึ...ก็บอกแล้วมันเรื่องของเธอ จะให้อภัยหรือไม่ยังไงวันนี้เธอต้องเป็นเมียผม”
"การแก้แค้น...เริ่มขึ้นแล้ว"
เสียงกระซิบเยียบเย็นของเขาแผ่วข้างหู น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความสะใจปนแค้น ยิ้มบางที่ปรากฏบนริฝีปากของเขายิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกแทงลึกเข้าไปในหัวใจ
"ฉันจะทำให้เธอรู้ว่าความเจ็บปวดคืออะไร"
คำพูดของเขาแฝงไปด้วยความเย็นชาที่เยือกเย็นยิ่งกว่าสายลมในค่ำคืนฤดูหนาว ร่างของณัฐชาเริ่มสั่นไหว น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ไหลอาบแก้ม เธอไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ หัวใจเหมือนถูกบีบรัดจนแทบหยุดเต้น
เธอพยายามมองหาเศษเสี้ยวของความอ่อนโยนในดวงตาของเขา แต่สิ่งที่พบกลับเป็นเพียงความโกรธเกลียดที่แทบจะกลืนกินเธอทั้งเป็น
"พี่นัยน์..." เธอเอ่ยชื่อเขาด้วยเสียงแผ่วเบา สั่นเครือเหมือนจะขาดใจ "
พี่เคยเป็นคนที่ฉันไว้ใจที่สุด แต่ตอนนี้... พี่กลายเป็นคนที่ฉันกลัวที่สุด"
น้ำตาของเธอหยดลงบนพื้น แต่เขากลับไม่แม้แต่จะหันมามอง ความเย็นชาของเขาทำให้เธอรู้ว่า... สำหรับเขาแล้ว เธอเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในเกมแห่งความแค้นที่เขาเริ่มต้นขึ้น
น้ำตาของเธออาจไม่มีความหมายสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว เขาคว้าเอวเธอเข้ามาแนบชิดติดกาย เอื้อมมือจับต้นคอเธอเงยหน้าขึ้นอย่างขัดขืนไม่ได้ ปากของเขาประกบปากลงบนปากของเธอ บดขยี้ที่ริมฝีปากของเธออย่างบ้าคลั่ง
ณัฐชารู้ดีว่าเธอสามารถปกป้องตัวเองได้เลย เธอได้แต่เบิกตากว้างน้ำตาไหลริน สองมือทุบตีหัสนัยน์ แต่ไม่มีผลต่อเขา
เขาจูบเนิดนานก่อนปล่อยเธอเป็นอิสระ เธอแทบหายใจไม่ออก ด้วยความโกรธเธอตบหน้าเขาฉาดใหญ่ เขายิ้มเย้ยหยัน
“ถ้าคุณจะขืนใจฉัน ...ฆ่าฉันเลยดีกว่า”
“ฆ่าแน่...แต่ไม่ใช่ตอนนี้” ยิ่งเธอเจ็บปวดมากเท่าไหร่ พ่อเธอยิ่งเจ็บมากเท่านั้น หึหึ
“มานี่”
เขาเหวี่ยงเธอลงบนที่นอนอย่างแรง เธอร้องเพราะหลังกระแทกกับที่นอนแทบหัก เขาชะงักนึกห่วงใยเธอแต่ แต่ด้วยความแค้นที่รอมานาน เขาจึงต้องปิดบังความรู้สึกนั้นไว้
เขาจู่โจมลงจูบที่ริมฝีปากเธออย่ารุนแรงป่าเถื่อนอีกครั้ง เธอไม่อยากเชื่อว่าตนเองต้องเจอกับสิ่งที่ข่มขืนหดหู่ใจเช่นนี้ จากผู้ชายที่เธอเคยแอบชอบเป็นคนหยิบยื่นให้
ปากอ่อนนุ่มสั่นระริก ถูกบดขยี้อย่างไม่ถนุถนอม เขาดุนลิ้นเข้าไปในปากหญิงสาว...ลิ้นของเธอถูกเขาเกี่ยวกระหวัด ดูดดื่มจาบจ้วง มือของเขาคลำคลึงไปที่ทรวงอกที่อวบอิ่มของเธอ อย่างไม่เกรงใจ
“อย่า..ได้โปรดอย่าทำแบบนี้”
เสียงค้านในลำคอ เขาไม่สนใจในคำพูดของเธอ เขาสอดมือเข้าไปในเสื้อ ปลดตะขอชั้นในเธอ ทันใดนั้นเสื้อผ้าของหญิงสาวถูกกระชากออกจนหมดสิ้น
บัดนี้เหลือเรือนร่างที่เปลือยเปล่า แม้ในห้องจะสลัวๆ แต่ก็ยังคงเผยให้เห็นถึง หน้าอกโค้งมนอวบอิ่ม เอวบาง โค้งเว้ากำลังดี เนินเนื้อได้รูป ทุกส่วนของเธอที่อยู่ตรงหน้าเขา ช่างปลุกอารมณ์ให้เขายิ่งนัก
เขาไม่รอช้ากดทับร่างเธอทันที แขนทั้งสองข้างตรึงมือเธอไว้แน่นณัฐชาดิ้นสุดตัวแต่ก็ไม่เป็นผล
“เอาะ!”
หญิงสาวหายใจถี่ ร้องครวญครางออกมาแผ่วเบา เพียงเพราะเขาจูบไปที่ยอดปทุมมาของเธออย่างดูดดื่ม คราวนี้เธอรู้สึกถึงการควบคุมตัวเองไม่ได้
“เป็นอะไร…ชอบไหม?”
เขากระซิบเสียงแหบพร่า
หญิงสาวตัวสั่นเทาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ มือของเขาเริ่มลูบไล้สำรวจไปทั่วเรือนร่างของเธอ ไม่นานเธอรู้สึกมีแท่งอุ่นๆ บางอย่างสอดแทรกเข้าไปในร่างกายของเธออย่างไม่ได้ตั้งตัว
เธอสะดุ้งเฮือก...ร่างเล็กสั่นสะเทือน เขาครอบครองร่างกายของเธออย่างฮึกเหิม ...บ้าคลั่ง... เสียงเนื้อกระทบเนื้อถ่ายเทความแค้นผ่านทางอารมณ์
เขาเรียกร้องเอาฝ่ายเดียว ... ไม่สนใจความรู้สึกของเธอ แม้จะเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของหญิงสาว... เขาก็ยังไม่มีความเมตตาใด ๆ ความบริสุทธิ์ของเธอถูกทำลายเสียหมดสิ้นแล้วทุกการกระทำของเขา
มีแค่ช่วงเวลาสุดท้ายที่เขาถึงฝั่งปรารถนา เขาพอจะอ่อนโยนกับเธอ เขาจูบกอดปลอบเธออยู่ในอ้อมแขนที่ดูอบอุ่น เพียงเพราะเขาลืมตัวไปชั่วขณะ
ภายใต้แสงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่าง ห้องเงียบสงบและเต็มไปด้วยความอบอุ่นจากอ้อมแขนของเขา ปล่อยให้ความเงียบของค่ำคืนคลุมร่างพวกเขาอย่างอ่อนโยน หัวใจทั้งสองเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน ท่ามกลางความมืดมิดที่ถูกเติมเต็มด้วยการหายใจที่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ
เช้า...วันใหม่
“ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้”
น้ำเสียงห้วนๆ ตวาดใส่เธอ ไม่มีความปรานีในน้ำเสียงนั้น มีเพียงความเย็นชาและความโกรธเกรี้ยวที่ไม่อาจปิดบังได้
เธอเงยหน้ามองเขาอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะรู้สึกถึงแรงกระชากที่ฉุดให้ร่างกายลุกขึ้นจากเตียง
“โอ๊ย…ฉันเจ็บนะ”
เธอพึมพำ น้ำเสียงแผ่วเบาที่ไม่อาจหยุดยั้งความรุนแรงนั้นได้
ทันทีที่ผ้าห่มหลุดออกจากร่าง ความเงียบงันก็เข้าปกคลุม เสียงลมหายใจของเขาหนักแน่นขึ้นเมื่อแสงไฟเผยให้เห็นผิวกายของเธอ ร่างกายที่เปลือยเปล่า ราวกับภาพวาดที่งดงามจนยากจะบรรยาย หัวใจของเขาเต้นรัว ร่างกายสั่นสะท้านในชั่วขณะ
แต่เพียงไม่นาน ความงามนั้นถูกกลบด้วยความเกลียดชัง และเจ็บแค้นที่ฝังลึกในจิตใจ เขาสูดลมหายใจลึก ข่มความอ่อนไหวไว้ภายใต้หน้ากากแห่งความเย็นชา และแรงแค้นที่ยังคงเดือดพล่านอยู่ในอก
เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจ เธอคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน จะเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอได้บ้าง แต่กลับเปล่าเลย เขากดร่างเธอลงกับที่นอน บรรเลงจูบอย่างดูดดื่ม ร่างกายเธออ่อนระทวยไปกับลิ้นสากๆ ที่ลากไปทั่วร่างกายทุกส่วน แบบไม่มีทีท่าจะหยุด มีแต่จะหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ
ณัฐชาเกร็งไปทั้งตัว แม้ว่าเธอจะผ่านครั้งแรกมาแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าความกลัวในใจของเธอจะหายไป เขาทำเหมือนเขาหิวโหยไม่เคยพบเจอมาก่อน เธอครางประท้วง แต่ไม่ช่วยอะไร ไฟสวาทที่ระอุในใจเขาเผาผลาญจนไม่สามารถทานทนได้อีกต่อไป
เขากำแน่นที่สะโพกของเธอ ดึงเธอเข้ามาใกล้ในขณะที่อารมณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ลุกโชน เขาพลันรับรู้ถึงความร้อนแรงที่แผ่กระจายจากทั้งสองร่างความใส่ร่างกายเธออย่างไม่ปรานี นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาย่ำยีเธอ เธอรู้สึกถึงความอับอาย เกลียดชังตัวเองที่ ไม่อาจปกป้องตัวเองได้ ปล่อยให้เขาทำตามอารมณ์เช่นนี้
น้ำตาของเธอไหลลงไปตามแก้มราวกับฝนที่ไม่หยุดตก ความเจ็บปวดในหัวใจของเธอทวีคูณขึ้นจนไม่อาจควบคุมได้ เสียงสะอื้นที่ถูกเก็บซ่อนไว้หลุดออกมาในที่สุด มันเหมือนกับการระเบิดของไฟที่เก็บไว้จนไม่อาจทนได้อีกต่อไป
“สิ่งที่คุณทำกับฉันในวันนี้...ถือว่าฉันจะชดใช้หนี้ความแค้นทั้งหมดแทนพ่อของฉัน”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ปาดน้ำตาที่ไหลพรากจากใบหน้า เธอรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอถูกฟ้าฟาดอย่างแรงจนแทบจะหยุดเต้น ไม่สามารถหายใจได้เต็มที่เพราะความอัดอั้นที่มันท่วมท้นในตัวเธอ
“ต่อจากนี้ไป...ฉันกับคุณถือว่าเราไม่รู้จักกัน”
คำพูดนั้นแหลมคมเหมือนมีดที่กรีดผ่านความเงียบ เธอตะโกนออกมาอย่างหมดแรง
“ฉันเกลียดคุณ...ได้ยินไหม...ฉันเกลียดคุณ!”
เสียงของเธอดังขึ้นท่ามกลางความมืด ความเกลียดชังที่ฝังลึกในใจกลายเป็นแผลที่ไม่อาจรักษาได้
เขามองเธอด้วยความเจ็บปวดในสายตา ลึกๆ แล้วเขาไม่เคยต้องการทำร้ายเธอ แต่ความเกลียดชังที่มีต่อพ่อของเธอมันข่มขืนใจเขา จนเขาต้องกระทำการที่เกินความปรารถนาในใจตัวเอง
“ขอโทษนะที่ทำแบบนี้...เธอไม่น่าเกิดเป็นลูกนายอาคมเลย”
เขาพึมพำในใจ เขารู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างจากเธอ ท่ามกลางความเกลียดชังและความผิดหวังที่ฝังแน่นในจิตใจ
แปดเดือนต่อมา"โอ๊ย! ปวดท้อง!" ณัฐชาร้องเสียงหลง เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า ความเจ็บปวดจากการคลอดทำให้เธอแทบหมดแรงหัสนัยน์รีบเข้าไปประคองเธอไว้ก่อนจะอุ้มขึ้นรถโดยไม่รอช้า "อดทนนะที่รัก ใกล้ได้เห็นหน้าลูกของเราแล้ว"ณัฐชายิ้มทั้งน้ำตา แม้จะเจ็บปวดแต่หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความสุขเมื่อถึงโรงพยาบาล พยาบาลรีบเข้ามาช่วยดูแล "คุณพ่อจะเข้าห้องคลอดด้วยไหมคะ?"หัสนัยน์พยักหน้าแน่วแน่ "แน่นอนครับ ผมอยากอยู่ให้กำลังใจภรรยาและลูกของผม"เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง จู่ ๆ เสียงร้องของทารกก็ดังขึ้น"ยินดีด้วยนะคะ! คุณได้ลูกสาวค่ะ"หัสนัยน์ยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื้นตัน เขาหันไปกุมมือณัฐชาแน่น น้ำตาของเขาไหลทันที"ขอบคุณมากนะที่ทำให้พี่มีลูกสาวที่น่ารักแบบนี้"ณัฐชายิ้มทั้งน้ำตา ความเหนื่อยล้าจางหายไปเมื่อได้เห็นหน้าลูกน้อยนอกห้องคลอด ครอบครัวทั้งสองฝ่าย พราวฟ้าและณัฐพลต่างรอคอยข่าวดีอย่างใจจดใจจ่อเมื่อพยาบาลเดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม ทุกคนก็เฮด้วยความยินดีณัฐพลหันไปกระซิบข้างหูพราวฟ้า "ฟ้า…พี่อยากมีลูกแล้ว"พราวฟ้าหันมาค้อนใส่ "เราควรแต่งงานก่อนมั้ย? อยู่ ๆ จะมาขอมีลูกเลย พี่พลนี่จริงๆ เลย!"
เย็นวันนี้ ณัฐชามีงานเลี้ยงรุ่นที่จัดขึ้นในโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ทันทีที่เธอก้าวลงบันไดบ้านในชุดราตรีสีครีมเปิดไหล่ เผยให้เห็นความงามสง่าที่โดดเด่น ดวงหน้าแต่งแต้มด้วยเมคอัพอ่อนๆ ริมฝีปากเงางามด้วยลิปกลอสสีชมพูอ่อนที่เพิ่มเสน่ห์ให้ดูอ่อนหวานและมีเสน่ห์ในเวลาเดียวกันณัฐพลที่ยืนรออยู่ด้านล่างมองน้องสาวด้วยสายตาเอ็นดูและชื่นชมไม่ปิดบัง เขายิ้มพลางเอ่ยแซวด้วยน้ำเสียงขี้เล่น“วันนี้น้องสาวพี่สวยมากเลย ดูสง่า หนุ่มๆ ในงานคงมองจนลืมกะพริบตาแน่ๆ”ณัฐชาหัวเราะเขินอาย เธอส่ายหัวเบาๆ พร้อมตอบกลับด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “แหม…ชมกันเองแบบนี้ ใครจะไปเชื่อล่ะค่ะ”บรรยากาศภายนอกเย็นฉ่ำด้วยฝนที่ตกปรอยๆ ท้องฟ้ามืดครึ้ม ไม่มีดาวสักดวงปรากฏให้เห็น เมื่อถึงโรงแรม ณัฐชาเปิดประตูรถแล้วเอ่ยกับพี่ชายก่อนก้าวลง“สี่ทุ่มครึ่งพี่มารับหนูนะคะ ขอบคุณค่ะ” เธอส่งยิ้มอ่อนโยนแล้วเดินเข้าไปในงานอย่างมั่นใจภายในงานเลี้ยง เสียงพูดคุยสลับกับเสียงดนตรีคลอเบาๆ ทำให้บรรยากาศดูคึกคัก เพื่อนๆ ทั้งหญิงชายต่างหันมองณัฐชาเป็นตาเดียวกัน ความงามสะดุดตาของเธอสร้างความประทับใจให้ทุกคน รูปร่างสมส่วน ผิวขาวเนียนละเอียดยิ่งทำให
แปดเดือนต่อมา"โอ๊ย! ปวดท้อง!" ณัฐชาร้องเสียงหลง เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า ความเจ็บปวดจากการคลอดทำให้เธอแทบหมดแรงหัสนัยน์รีบเข้าไปประคองเธอไว้ก่อนจะอุ้มขึ้นรถโดยไม่รอช้า "อดทนนะที่รัก ใกล้ได้เห็นหน้าลูกของเราแล้ว"ณัฐชายิ้มทั้งน้ำตา แม้จะเจ็บปวดแต่หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความสุขเมื่อถึงโรงพยาบาล พยาบาลรีบเข้ามาช่วยดูแล "คุณพ่อจะเข้าห้องคลอดด้วยไหมคะ?"หัสนัยน์พยักหน้าแน่วแน่ "แน่นอนครับ ผมอยากอยู่ให้กำลังใจภรรยาและลูกของผม"เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง จู่ ๆ เสียงร้องของทารกก็ดังขึ้น"ยินดีด้วยนะคะ! คุณได้ลูกสาวค่ะ"หัสนัยน์ยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื้นตัน เขาหันไปกุมมือณัฐชาแน่น น้ำตาของเขาไหลทันที"ขอบคุณมากนะที่ทำให้พี่มีลูกสาวที่น่ารักแบบนี้"ณัฐชายิ้มทั้งน้ำตา ความเหนื่อยล้าจางหายไปเมื่อได้เห็นหน้าลูกน้อยนอกห้องคลอด ครอบครัวทั้งสองฝ่าย พราวฟ้าและณัฐพลต่างรอคอยข่าวดีอย่างใจจดใจจ่อเมื่อพยาบาลเดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม ทุกคนก็เฮด้วยความยินดีณัฐพลหันไปกระซิบข้างหูพราวฟ้า "ฟ้า…พี่อยากมีลูกแล้ว"พราวฟ้าหันมาค้อนใส่ "เราควรแต่งงานก่อนมั้ย? อยู่ ๆ จะมาขอมีลูกเลย พี่พลนี่จริงๆ เลย!"
เย็นวันนี้ ณัฐชามีงานเลี้ยงรุ่นที่จัดขึ้นในโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ทันทีที่เธอก้าวลงบันไดบ้านในชุดราตรีสีครีมเปิดไหล่ เผยให้เห็นความงามสง่าที่โดดเด่น ดวงหน้าแต่งแต้มด้วยเมคอัพอ่อนๆ ริมฝีปากเงางามด้วยลิปกลอสสีชมพูอ่อนที่เพิ่มเสน่ห์ให้ดูอ่อนหวานและมีเสน่ห์ในเวลาเดียวกันณัฐพลที่ยืนรออยู่ด้านล่างมองน้องสาวด้วยสายตาเอ็นดูและชื่นชมไม่ปิดบัง เขายิ้มพลางเอ่ยแซวด้วยน้ำเสียงขี้เล่น“วันนี้น้องสาวพี่สวยมากเลย ดูสง่า หนุ่มๆ ในงานคงมองจนลืมกะพริบตาแน่ๆ”ณัฐชาหัวเราะเขินอาย เธอส่ายหัวเบาๆ พร้อมตอบกลับด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “แหม…ชมกันเองแบบนี้ ใครจะไปเชื่อล่ะค่ะ”บรรยากาศภายนอกเย็นฉ่ำด้วยฝนที่ตกปรอยๆ ท้องฟ้ามืดครึ้ม ไม่มีดาวสักดวงปรากฏให้เห็น เมื่อถึงโรงแรม ณัฐชาเปิดประตูรถแล้วเอ่ยกับพี่ชายก่อนก้าวลง“สี่ทุ่มครึ่งพี่มารับหนูนะคะ ขอบคุณค่ะ” เธอส่งยิ้มอ่อนโยนแล้วเดินเข้าไปในงานอย่างมั่นใจภายในงานเลี้ยง เสียงพูดคุยสลับกับเสียงดนตรีคลอเบาๆ ทำให้บรรยากาศดูคึกคัก เพื่อนๆ ทั้งหญิงชายต่างหันมองณัฐชาเป็นตาเดียวกัน ความงามสะดุดตาของเธอสร้างความประทับใจให้ทุกคน รูปร่างสมส่วน ผิวขาวเนียนละเอียดยิ่งทำให
เช้าตรู่วันใหม่ที่เต็มไปด้วยแสงแดดอ่อนโยน หัสนัยน์ถือถุงขนมเดินเข้ามาในบ้านของณัฐชา เขาพยายามรวบรวมความกล้าพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความกังวล“สวัสดีครับคุณลุง คุณป้า วันนี้แม่ทำขนมมาให้ ผมเลยเอามาฝากครับ”เขากล่าวเสียงนุ่มนวลพลางยื่นถุงขนมไปวางบนโต๊ะ รพีหันมายิ้มรับด้วยท่าทางใจดี“ของโปรดณัฐชาเลย ขอบคุณมากนะ ฝากขอบคุณแม่เราด้วยล่ะนัยน์”“ได้เลยครับ”หัสนัยน์ตอบด้วยรอยยิ้ม แต่สายตาก็ยังมองหาณัฐชาอย่างลุ้นๆ“แล้วณัฐชาอยู่ไหนเหรอครับ?”อาคม ผู้เป็นพ่อของณัฐชา เงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ พลางพยักหน้าไปทางสวนหลังบ้าน“น่าจะอยู่ที่สวนข้างบ้านนะ”“ขอบคุณครับคุณลุง”หัสนัยน์โค้งศีรษะเล็กน้อย ก่อนหยิบขนมที่ถูกจัดใส่จานแล้วเดินตรงไปยังสวนทันทีที่สวนข้างบ้านในสวนที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาชนิด ณัฐชากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ เธอเพลินอยู่กับการอ่านหนังสือ แต่เมื่อเสียงฝีเท้าของหัสนัยน์ดังใกล้เข้ามา เธอเงยหน้าขึ้นและขมวดคิ้วทันที“แม่พี่ทำขนมที่ณัฐชาชอบมาให้ ลองทานหน่อยนะ”เสียงของหัสนัยน์ดังขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เขาพยายามยื่นจานขนมไปตรงหน้าเธอ ณัฐชาลุกข
คอนโดณัฐชาเสียงเบรกดังเอี๊ยดทำลายความเงียบในลานจอดรถ หัสนัยน์รีบลงจากรถด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความร้อนใจ เขาเดินตรงไปที่ลิฟต์ รัวนิ้วกดหมายเลขชั้นของณัฐชาอย่างไม่รอช้า ในใจเขาสับสนวุ่นวาย คำพูดมากมายผุดขึ้นแต่ไม่มีคำไหนที่รู้สึกว่าเหมาะสมจะเอ่ยออกไปเมื่อพบเธอเมื่อมาถึงหน้าประตูห้องของณัฐชา เขายกมือกดกริ่ง เสียงเรียกดังสะท้อนอยู่ในโถงเงียบสงัด เขายืนรอครู่หนึ่งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ หัสนัยน์ถอนหายใจ รู้สึกถึงน้ำหนักของความเงียบที่กดทับหัวใจ เขาพึมพำกับตัวเองว่าเธออาจโกรธเขาและไม่อยากพบหน้า แต่เขาไม่อาจรอได้นานไปกว่านี้ภายในห้อง เสียงกริ่งดังมาถึงในขณะที่ณัฐชากำลังอาบน้ำอยู่ เธอไม่ได้สนใจมากนัก คิดว่าคนที่มาอาจเป็นพ่อแม่ ซึ่งมีคีย์การ์ดเปิดห้องอยู่แล้ว เธอค่อยๆ ปล่อยให้น้ำอุ่นชะล้างความเหนื่อยล้าของวัน โดยไม่ได้คิดเลยว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือเขาหัสนัยน์มองประตูที่เงียบงัน ก่อนหยิบคีย์การ์ดจากกระเป๋าออกมา เขามองมันชั่วครู่ด้วยความลังเล ก่อนจะใช้มันเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องยังคงอบอุ่นและมีกลิ่นหอมจางๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ เขากวาดสายตามองรอบๆ อย่างระมัดระวัง ก่อนเดินไปนั่งลงบนโซฟาด้