Home / โรแมนติก / พาล Blaming Her Sin / ตอน 3 เวลคัมคิส

Share

ตอน 3 เวลคัมคิส

last update Last Updated: 2025-06-14 17:24:16

อธิปจ้องเธอ สักพักริมฝีปากบางเฉียบสีสดก็คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์

"เธอใช่ไหม มอเตอร์ไซค์คันนั้น"

ลลิตรากัดฟันกรอด กำลังจะแหกหน้าเขาด้วยการบอกว่าหมอนี่ขับรถเร็วจนน้ำโคลนกระเซ็นใส่คนริมถนน รถเธอล้ม แถมยังแค่โยนเงินให้ แต่อธิปชิงหันไปหาพ่อของเขาก่อน

"ผมจำได้แล้วพ่อ สองสามวันก่อนเกิดอุบัติเหตุ ขับรถเฉี่ยวมอเตอร์ไซค์ ที่แท้ก็เป็นลูกเลี้ยงของพ่อคนนี้นี่เอง"

อรรถสีหน้าตกใจ หันไปหาลลิตราทันที

"แล้วหนูเป็นอะไรมากไหม ที่บอกว่าแผลตามตัวเพราะรถล้ม ก็เพราะรถนายอาร์ตเองหรือนี่"

"ค่ะ แผลใกล้จะหายแล้วค่ะ"

ลลิตรายกมือแตะโหนกแก้มที่มีพลาสเตอร์ยาปิดอยู่โดยไม่ได้ตั้งใจ อธิปเอ่ยขึ้นมาอีก

"ตอนนั้นผมรีบ ไม่ได้ขอคอนแท็กไว้ ได้เจอกันก็ดีแล้ว วันนี้ฉันจะพาเธอไปหาหมอตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้งก็แล้วกัน"

หญิงสาวแค่นหัวเราะ คิดว่าเขาพูดเล่น จะมาตรวจอะไรกันตอนนี้ ถ้าสมองเธอกระทบกระเทือนป่านนี้ก็คงตายไปแล้วมั้ง

แต่อรรถกลับเห็นเป็นเรื่องจริงจัง

"ดีแล้ว ดี หนูลูกอม ให้พี่เขาพาไปหาหมออีกครั้งก็แล้วกันนะ ลุงก็ผิดเองไม่ได้ถามให้ละเอียดว่าหนูไปโดนอะไรมา"

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณลุงอรรถ หนูไม่เป็นไร"

"เป็นหมอหรือไง ฉันบอกว่าจะพาไปก็ไปสิ หรือรังเกียจพี่ชายคนใหม่จนไม่อยากเข้าใกล้"

-ใช่ โคตรจะรังเกียจ-

หญิงสาวตอบทันควันในใจ แต่แน่นอนว่าไม่ได้พูดออกมา... ยิ่งอรรถทำดีต่อเธอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งเกรงใจจนไม่อยากปะทะคารมกับลูกชายของเขา...ต่อหน้า

"ไปเถอะลูกอม แม่ก็ห่วง เห็นหนูบ่นว่าปวดหัวด้วยไม่ใช่หรือ ไปเถอะนะ"

คราวนี้เป็นลินดาที่เอ่ยออกมา พลางสบตาลูกสาว พยักหน้าน้อย ๆ

แม่คงอยากเอาใจลูกชายของคุณลุงอรรถ การปฏิเสธความหวังดีของอธิป อาจยิ่งทำให้เขาไม่พอใจพวกเธอสองแม่ลูก

หญิงสาวจึงได้แต่กล้ำกลืนความขุ่นเคืองเอาไว้ แล้วพยักหน้าน้อย ๆ

"ก็ได้ค่ะ ไปก็ไปค่ะ"

* * * * *

ลลิตราเดินตามหลังอธิปมาที่โรงจอดรถ เธอปรายตามองรถสปอร์ตสีเหลืองของเขาอย่างไม่ให้ค่า แต่แทนที่จะไปขึ้นรถ เธอเดินผ่านเลยไป ตั้งใจจะไปอีกทาง

"จะไปไหน รถอยู่นี่"

"ไม่ได้อยู่ต่อหน้าลุงอรรถแล้ว ไม่ต้องตอ... ไม่ต้องเสแสร้งหรอก ฉันมีธุระ จะนั่งรถไปเอง"

อธิปขมวดคิ้วหน้าบึ้งทันควัน ทั้งชีวิตเขามีแต่หยาบคายใส่คนอื่น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าพูดแบบนี้กับเขาบ้าง

หญิงสาวไม่สนใจว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร เธอหันจะเดินไปข้างหน้า อาณาจักรบ้านรชตใหญ่โตกว้างขวางอย่างกับรีสอร์ทขนาดย่อม กว่าจะเดินไปถึงประตูรั้วใหญ่ก็หลายร้อยเมตร แต่ก้าวไปได้แค่ก้าวเดียวก็โดนใครบางคนกระชากแขนกลับมา

"โอ๊ย! จะทำอะไรเนี่ย!"

"เธอนั่นแหละจะทำอะไร จะแกล้งเล่นตัวให้ฉันง้อหรือไง บอกแล้วว่าให้ไปขึ้นรถ"

"ไม่ขึ้น! ก็ไอ้รถคันนี้เกือบเหยียบฉันตาย ฉันคงจะยอมขึ้นอยู่หรอก"

"นี่ยัยบ้านนอก ถ้าฉันจะเหยียบเธอให้ตาย เธอคงตายไปแล้ว ไม่มาปากแจ๋วอยู่อย่างตอนนี้หรอก"

ชายหนุ่มกร้าวใส่คนตัวเล็ก แม้ลลิตราจะสูงเกินมาตรฐานสาวไทยทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับเขาก็ตัวเล็กอยู่ดี

และยัยตัวเล็กนี่ท่าทางไม่เกรงกลัวเขาเลยสักน้อย

"ไป ขึ้น รถ เพราะฉันบอกพ่อไว้แล้ว ฉันต้องทำตามที่บอกเขาไว้ แล้วพ้นประตูรั้วไปเธอจะลงก็ค่อยลง"

อ้อ...แค่นั้นเอง เขาไม่ได้คิดจะพาเธอไปหาหมอจริง ๆ ตั้งแต่แรก

ลลิตราสะบัดแขนออกจากมือเขา เงยหน้าจ้องมองตาเขียว และยอมเดินกลับไปที่รถโดยไม่ได้พูดอะไร

เมื่อก้าวขึ้นรถสปอร์ตคันนั้น เธอก็รู้สึกแปลก ๆ กลิ่นใหม่ของรถหรูมันกลิ่นแบบนี้เอง แต่กลิ่นที่ชัดที่สุดคือกลิ่นโคโลญจ์จาง ๆ จากคนข้าง ๆ กลิ่นที่สะอาดแต่ชวนให้อึดอัดและใจเต้น

อธิปเหลือบมองคนข้าง ๆ ยัยนั่นไม่ยอมคาดเข็มขัดนิรภัย คงเพราะเตรียมตัวจะลง ตอนแรกเขาอยากจะแกล้งกระชากรถออกให้แรง แต่ก็เปลี่ยนใจ ค่อย ๆ เคลื่อนรถออกจนผ่านประตูรั้ว พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ประจำอยู่ป้อมหน้าบ้านยกมือตะเบ๊ะให้ชายหนุ่มอย่างคุ้นเคย

"จอดตรงหน้านี่แหละ...ค่ะ"

"จะไปไหน ฉันจะให้ติดรถไปด้วย"

"ไม่ต้อง ฉันหารถไปเองได้"

"ตามใจ"

อธิปไม่คิดจะยื้อ เขาจอดรถเลียบขอบถนน แต่ก่อนจะกดเปิดล็อกให้เธอ เขาก็ฉุดแขนเธอไว้อีกรอบ ลลิตราร้องเอ๊ะ พริบตาก็พบว่าอธิปชะโงกหน้ามาดูแผลที่โหนกแก้มของเธอใกล้ ๆ

"จะทำอะไรน่ะ"

เธอเสียงดังขึ้นทันที พลางถดตัวจนชิดกระจกอีกด้าน

สายตาของอธิปยังจับจ้องที่พลาสเตอร์ยาตรงโหนกแก้มนั้น

"น่าเสียดายนะ ถ้าเป็นแผลเป็นเธอคงจะเป็นนางงามอย่างแม่ไม่ได้"

"ช่างฉัน!"

"เอาไว้ไปหาหมอให้ทำหน้าใหม่ก็แล้วกัน ฉันออกตังค์ให้เอง หน้าสวย ๆ น่ะมีประโยชน์ จะได้ไว้ใช้จับผู้ชายรวย ๆ เหมือนอย่างแม่เธอไง"

เพียะ!!!

ลลิตราก็ไม่รู้ว่าเธอกล้าซัดฝ่ามือใส่หน้าเขาไปได้อย่างไร มันเป็นไปโดยอัตโนมัติ แม้จะเป็นคนสู้คน แค่เธอก็ไม่เคยทำร้ายใครมาก่อน... อาจเพราะตลอดชีวิตไม่เคยเจอใครปากร้ายใจหยาบแบบคนตรงหน้านี้ก็เป็นได้

แต่แค่วินาทีเดียวที่เธอตบหน้าเขา อธิปก็ตาลุกเป็นไฟแล้วสอดมือจับท้ายทอยเธอไว้ก่อนจะกระแทกริมฝีปากลงมาอย่างแรง

หญิงสาวตาลุกโพลง... ไม่รู้สึกอะไรนอกจากตกใจและ...เจ็บ

จูบแรกที่เธอเพิ่งเคยสัมผัส กลับเป็นการบดขยี้ริมฝีปากจนเจ็บแปลบ

เมื่อได้สติ เธอดิ้นขลุกขลักแล้วรวบรวมกำลังทั้งหมดผลักเขาออก อธิปยอมผละออกไปแต่โดยดี แววตาเขาไม่อ่อนลงเลยแม้แต่น้อยแสดงว่าที่เขาทำไม่ใช่เพราะพิศวาสแต่มันคือการลงโทษล้วน ๆ

และเมื่อเธอเงื้อมือจะตบเขาอีกครั้ง คราวนี้เขาจับข้อมือเธอไว้ได้ทัน ดวงตาเอาเรื่อง

"ลองตบอีกที เธอจะโดนมากกว่าจูบแน่"

"ไอ้ ไอ้คนสกปรก"

"คนสกปรกคือเธอกับแม่มากกว่ามั้ง รู้ไหมว่าผู้หญิงดี ๆ คนหนึ่งต้องกระเด็นออกจากบ้านเพราะแม่ของเธอน่ะ"

"แม่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด!"

"ผู้หญิงที่เป็นชู้ก็เห็นพูดแบบนี้ทั้งนั้น ไม่ได้ทำอะไรผิด ผู้ชายเลือกเองอย่างนั้นสินะ"

ลลิตราปากคอสั่น น้ำตาคลอ ทำร้ายเธอแค่ไหนเธอยังทนได้ แต่ว่าร้ายแม่เธอแบบนี้ หัวใจทั้งสั่นทั้งบีบรัดจนเจ็บไปทั้งอก

"แล้วจะให้ฉันทำยังไง อยากให้ฉันกับแม่ย้ายออกไปอยู่ที่อื่นใช่มั้ย"

แววตาอธิปหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนมุมปากจะแสยะยิ้ม

"ไม่จำเป็น อยู่ที่นี่ต่อไปนี่แหละ แค่อยากจะบอกว่า... ขอต้อนรับสู่บ้านรชตอย่างเป็นทางการ!!!!"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 101 ขีดจำกัดของความอดกลั้น

    "แต่ถ้ารวมหุ้นของพี่ชลกับแม่เข้ามาด้วยกัน...""ก็ยังไม่พออยู่ดี"ชลธิชาบอก สีหน้าเคร่งเครียด เธอไม่ได้หวงหุ้นในส่วนของตัวเองอีกแล้ว นาทีนี้การรักษาอำนาจในบริษัทไว้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด"อาชัชคงคิดดักเอาไว้แล้วทุกทางนั่นแหละ เผลอๆ ที่พ่อล้มไป จะเกี่ยวอะไรกับเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้""คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกพี่ชล"โชติรสพยายามเรียกสติ"อาชัชอาจจะขี้อิจฉาก็จริง แต่คงไม่ถึงกับลงมือทำอะไรแบบนั้น...เอาไว้ฉันขอเวลาคิดสักนิด ว่าเราจะทำยังไงกันต่อไปดี"สองพี่น้องสบตากัน น่าจะเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาที่ชลธิชากับโชติรสเพิ่งจะดูเหมือนพี่น้องที่คลานตามกันมาจริงๆ* * * * * "ปิ่นโตค่ะ"เสียงมะนาวไม่มีน้ำดังขึ้นข้างหลัง ลลิตราที่กำลังตัดแต่งไม้แขวนหน้าเรือนจึงหันกลับมาแล้วก็พบว่าน้ำค้างเป็นคนนำอาหารกลางวันมาให้วันนี้ เด็กสาววางเถาลงบนม้านั่งหน้าเรือนอย่างไม่ใส่ใจ"หนูวางตรงนี้นะ""ขอบใจจ้ะ วันนี้น้ำตาลไปไหนล่ะ"ลลิตราก็ทักถามไปอย่างนั้นเอง ใครจะเป็นคนเอาข้าวมาส่งก็ไม่มีปัญหา ให้เธอเดินไปยกสำรับกับข้าวมาเองยังได้เลยถ้าป้าเดือนไม่ห้ามไว้เสียก่อนแต่เหมือนน้ำค้างรอคำถามนั้นอยู่แล้ว มุมปากเด็กสาวยกยิ้มเล็กน้อ

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 100 งูพิษ

    "ว่ายังไงนะ"ชัชวาลถามย้ำแต่เอาเข้าจริงเขาก็ไม่ค่อยแปลกใจนักหรอกแม้โชติรสจะไม่ได้แสดงความต้องการจะเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารบริษัท เธอถึงกับออกไปทำงานเป็นลูกจ้างคนอื่นด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ หญิงสาวอาจนึกขึ้นมาได้เอง หรือมีใครมากระซิบบอก ว่าควรจะต้องปกป้องอำนาจของบิดาไว้ปลายสายที่โทรหาชัชวาลย้ำถึงประโยคที่ตัวเองได้ยินที่โต๊ะอาหารกรรมการบริษัทวัยห้าสิบฟังครู่หนึ่งแล้วก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะถามกลับ"แล้วทำไมนายถึงกล้าเอาเรื่องนี้มาบอกฉัน""ไม่มีอะไรมากไปกว่าผมต้องการเห็นความอยู่รอดของบริษัทครับ ถ้าบริษัทรอดผมก็รอดไปด้วย"ที่แท้คนที่โทรมาคือกิตติทัศน์ เขาพูดอย่างลื่นไหลสมกับที่เคยเป็นพนักงานขายระดับท้อปเซลล์ชัชวาลที่อยู่อีกฟากหนึ่งยิ้มเหยียดเล็กน้อย แต่ก็ยังถามกลับไปอย่างอารมณ์ดี"แล้วนายคิดว่าใครล่ะที่จะพาบริษัทรอด""ถ้าให้เรียนตามตรง เมื่อก่อนก็ต้องเป็นท่านประธานชาญนั่นแหละครับ แต่ตอนนี้พ่อตาของผมท่านก็ล้มป่วยกะทันหันเสียด้วยไม่ทันได้ฝากฝังอะไรกับใครกว่าจะฟื้นมาเป็นปกติได้ก็คงอีกนานเป็นปีผมเองก็เป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆ ในเมื่อพ่อตาของผมอยู่ในสภาพแบบนี้ตอนนี้ผมก็ไม่เห็นใครจะเหมาะสมเท่ากับท่า

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 99 ประชุมบอร์ด

    การล้มป่วยของนายชาญ วรเศรษฐกุลเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเคยคาดคิด แม้แต่เจ้าตัวเองก็เช่นกัน แม้อายุจะเกือบเข้าเลขหกแล้วแต่ชาญเป็นคนสุขภาพแข็งแรง ดูแลตัวเองอย่างดีตลอดเวลาทั้งรูปร่างหน้าตาและสุขภาพภายใน ทุกหกเดือนที่ตรวจร่างกายไม่เคยมีสัญญาณความป่วยไข้ใดๆ แม้แต่น้อย เผลอๆ เขายังจะแข็งแรงกว่าวิภาที่เป็นเมียด้วยซ้ำเมื่อเส้นเลือดในหัวใจของเขาแตกและต้องพักฟื้นยาวๆ แบบนี้ ทั้งเมียและลูกก็ถึงกับช็อกกันไปหมด สภาพที่อ่อนแอลงภายในข้ามคืนของสามีทำให้วิภาต้องกลั้นน้ำตาอยู่บ่อยครั้ง หล่อนสงสารผัวหล่อนเหลือเกิน โชคดีที่หล่อนเป็นคนแข็ง จึงตั้งสติได้ไวโชติรสก็เหมือนจะได้เลือดแม่ด้วยเพราะแม้หวาดกลัวแค่ไหนแต่เธอก็ไม่แสดงออกมากนัก...ไม่เหมือนชลธิชา รายนั้นทำท่าเหมือนชาญอาการเพียบหนักไปเสียแล้ว"พ่อฟื้นก็จริง แต่ก็ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลาไม่ใช่หรือไง..."ชลธิชาทุ่มเถียงกับน้องสาวตอนที่อยู่กันตามลำพัง ท่าทางคนเป็นพี่ทั้งกังวล เครียด และใจเสีย อาจเพราะบิดาคือคนที่ตามใจและเหมือนจะเข้าใจเธอทุกอย่างมาตลอด เป็นไปได้ว่าชลธิชาอาจจะผูกพันและรักพ่อมากกว่าที่ทุกคนเห็น"ก็แค่ช่วยพักฟื้น การผ่าตัดเป็นไปด้วยดีนะพี

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 98 เมื่อโชคชะตากำหนดเอาไว้แบบนี้

    หากเป็นคู่อื่นที่รักกัน ยิ่งหมั้นหมายกันแล้วก็คงจะยิ่งใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น หวานซึ้งมากขึ้น หรือพูดคุยกันมากขึ้นถึงแผนการในอนาคต...อย่างน้อยๆ ก็อนาคตอันใกล้เช่นเรื่องการแต่งงานแต่นี่เหมือนจะเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งเดือนที่ชายหนุ่มกับหญิงสาวออกมากินข้าวด้วยกันอธิปเลือกภัตตาคารในโรงแรมที่หรูหราและเชฟเลื่องชื่อ อย่างน้อยเขาก็อยากให้บรรยากาศช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างกันเพราะถึงตอนนี้แล้วต่างก็รู้กันดีว่าที่หมั้นหมายอยู่นั้นเป็นเรื่องของหน้าตาทางสังคมล้วนๆแม้อธิปจะคิดถึงตัวเองเป็นใหญ่แต่เขาก็ไม่ใจร้ายจนเกินไป ชายหนุ่มถามไถ่ถึงเรื่องราวของเธอระหว่างที่ไม่ได้เจอกันเกือบเดือน "โชไม่เป็นอะไรแล้วล่ะค่ะคุณอาร์ต ร่างกายฟื้นตัวดีแล้ว ผู้หญิงเรามีร่างกายที่แข็งแกร่งมากกว่าที่คุณคิดนะคะ ไม่อย่างนั้นเราคงไม่ได้เป็นเพศแม่แล้วก็คลอดลูกกันได้หลายๆ คนในชั่วชีวิตหนึ่งหรอกค่ะ"โชติรสพูดโดยไม่ได้คิดอะไรมากแต่อธิปสีหน้ารู้สึกผิดเรื่องที่เขาเตรียมจะมาพูดกับเธอจึงยังพูดไม่ออกแต่โชติรสเป็นคนฉลาด เธอฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย"กินข้าวกันก่อนนะคะ แล้วมีอะไรค่อยคุยกันก็ได้ เราไม่ได้รีบไปไหนใช่ไหม"เธอพูดถู

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 97 จะแต่งเมื่อไร

    "มันพูดงั้นหรือไง โอ้โห นิสัย..."ยลดาตาโตขึ้นอีกเมื่อเพื่อนเอ่ยออกมาแบบนั้น เดาว่าอธิปคงพูดจาหมาๆ เหมือนผู้ชายเห็นแก่ตัวทั่วไป 'แน่ใจได้ยังไงว่าใช่ลูกผม' อะไรทำนองนั้นแต่โชติรสส่ายหน้า"ไม่ใช่ คุณอาร์ตไม่ถามเลยสักคำว่าใช่ลูกเขาหรือเปล่า เขาแค่แสดงความรับผิดชอบทั้งที่ไม่ต้องทำก็ได้...""อ้าว! แล้วที่เมื่อกี้แกบอกว่าไม่ใช่ลูก..."ยลดาถามไม่จบเพราะสังหรณ์ใจแปลกๆ ขึ้นมาเสียก่อน จ้องหน้าเพื่อนรักอย่างไม่ค่อยแน่ใจ"ยังไงนะโช...""ฉันบอกว่าลูกในท้องที่แท้งไป ไม่ใช่ลูกคุณอาร์ตหรอก"ยลลดาอ้าปากค้างโชติรสพยักหน้าช้าๆ"ฉันกับคุณอาร์ตไม่เคยไม่ป้องกัน หรือต่อให้พลาด...นับวันดูก็ไม่น่าจะใช่"คนพูดยังพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบอาจเพราะครุ่นคิดเรื่องนี้มานานสักพักแล้ว ตรงข้ามกับคนฟังที่พูดอะไรไม่ออก สีหน้าเหมือนเห็นผีในวัดตอนกลางวันแสกๆนิ่งกันไปสักพักยลดาจึงค่อยหาเสียงตัวเองเจอถาม อึกอักถามออกไป"งั้น...เป็นใคร แกบอกฉันได้ไหม""บอกได้ แต่อย่าด่าฉันนะ...""ทำไมฉันต้องด่า หรือว่า...อย่าบอกนะว่าพ่อของเด็กในท้องคือพี่บอม..."ยลดาถามออกไปด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง บอมหรือบพิตรเพื่อนสนิทของอธิป คนที่เธอปิ๊งตั้งแต

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 96 จะคลั่งตายอยู่แล้ว

    "อื้อหือ หอมออกไปถึงข้างนอกเลยค่ะคุณลูกอม"น้ำตาลที่เดินหิ้วปิ่นโตเถาใหญ่มาหาลลิตราที่บ้านฝรั่ง เอ่ยขึ้นเมื่อกลิ่นเทียนอบหอมอบอวลไปทั่วบ้านเล็กๆ"วันนี้ทำอะไรหรือคะ""กลีบลำดวนจ้ะ""งือ หนูกับน้ำค้างชอบกินม้ากมาก""ได้กินแน่นอนจ้า ไม่ต้องห่วง หนนี้ปั้นไว้เยอะเลย""อุ๊ย! หนูไม่ได้ตั้งใจจะขอกินฟรีนะคะคุณลูกอม"น้ำตาลรีบบอก เด็กสาวไม่ได้คิดเรื่องนั้นจริงๆ แต่ลลิตรายิ้มส่ายหน้านิดๆ"ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ก็ตั้งใจจะแบ่งไปในครัวอยู่แล้วล่ะ กลัวแต่ว่าจะบ่นว่ากินแต่ของหวานๆ แล้วจะเบื่อกันเสียก่อน""อุ๊ย! ไม่เบื่อหรอกค่ะ ยิ่งยัยพี่น้ำค้างนะ ทำหน้าบึ้งเหมือนไม่ชอบ แต่หนูเอาอะไรไปก็เห็นกินหมดเกลี้ยงทุกที"น้ำตาลวางปิ่นโตไว้ที่อีกมุมหนึ่ง วันนี้ในครัวใหญ่ทำแกงจืดวุ้นเส้นเต้าหู้หมูสับที่มีเห็ดหอมสดๆ เยอะพอๆ กับหมูเพราะรู้ว่าทั้งคุณลินดาและลลิตราชอบกินเห็ดหอมมากๆน้ำตาลมาส่งข้าวเสร็จก็ขอตัวกลับไปช่วยงานในครัวเพราะวันนี้ลลิตรายังไม่จำเป็นต้องมีลูกมือ ลลิตราเรียงขนมถาดสุดท้ายเข้าตู้อบเสร็จแล้วก็รอเวลาขนมสุก เธอแบ่งส่วนที่ทำเสร็จไปก่อนหน้านั้นแล้วจัดใส่จานแล้วเดินไปที่ห้องทำงานที่เพิ่งจัดใหม่ เห็นแ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status