อธิปจ้องเธอ สักพักริมฝีปากบางเฉียบสีสดก็คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์
"เธอใช่ไหม มอเตอร์ไซค์คันนั้น" ลลิตรากัดฟันกรอด กำลังจะแหกหน้าเขาด้วยการบอกว่าหมอนี่ขับรถเร็วจนน้ำโคลนกระเซ็นใส่คนริมถนน รถเธอล้ม แถมยังแค่โยนเงินให้ แต่อธิปชิงหันไปหาพ่อของเขาก่อน "ผมจำได้แล้วพ่อ สองสามวันก่อนเกิดอุบัติเหตุ ขับรถเฉี่ยวมอเตอร์ไซค์ ที่แท้ก็เป็นลูกเลี้ยงของพ่อคนนี้นี่เอง" อรรถสีหน้าตกใจ หันไปหาลลิตราทันที "แล้วหนูเป็นอะไรมากไหม ที่บอกว่าแผลตามตัวเพราะรถล้ม ก็เพราะรถนายอาร์ตเองหรือนี่" "ค่ะ แผลใกล้จะหายแล้วค่ะ" ลลิตรายกมือแตะโหนกแก้มที่มีพลาสเตอร์ยาปิดอยู่โดยไม่ได้ตั้งใจ อธิปเอ่ยขึ้นมาอีก "ตอนนั้นผมรีบ ไม่ได้ขอคอนแท็กไว้ ได้เจอกันก็ดีแล้ว วันนี้ฉันจะพาเธอไปหาหมอตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้งก็แล้วกัน" หญิงสาวแค่นหัวเราะ คิดว่าเขาพูดเล่น จะมาตรวจอะไรกันตอนนี้ ถ้าสมองเธอกระทบกระเทือนป่านนี้ก็คงตายไปแล้วมั้ง แต่อรรถกลับเห็นเป็นเรื่องจริงจัง "ดีแล้ว ดี หนูลูกอม ให้พี่เขาพาไปหาหมออีกครั้งก็แล้วกันนะ ลุงก็ผิดเองไม่ได้ถามให้ละเอียดว่าหนูไปโดนอะไรมา" "ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณลุงอรรถ หนูไม่เป็นไร" "เป็นหมอหรือไง ฉันบอกว่าจะพาไปก็ไปสิ หรือรังเกียจพี่ชายคนใหม่จนไม่อยากเข้าใกล้"-ใช่ โคตรจะรังเกียจ- หญิงสาวตอบทันควันในใจ แต่แน่นอนว่าไม่ได้พูดออกมา... ยิ่งอรรถทำดีต่อเธอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งเกรงใจจนไม่อยากปะทะคารมกับลูกชายของเขา...ต่อหน้า "ไปเถอะลูกอม แม่ก็ห่วง เห็นหนูบ่นว่าปวดหัวด้วยไม่ใช่หรือ ไปเถอะนะ" คราวนี้เป็นลินดาที่เอ่ยออกมา พลางสบตาลูกสาว พยักหน้าน้อย ๆ แม่คงอยากเอาใจลูกชายของคุณลุงอรรถ การปฏิเสธความหวังดีของอธิป อาจยิ่งทำให้เขาไม่พอใจพวกเธอสองแม่ลูก หญิงสาวจึงได้แต่กล้ำกลืนความขุ่นเคืองเอาไว้ แล้วพยักหน้าน้อย ๆ "ก็ได้ค่ะ ไปก็ไปค่ะ" * * * * * ลลิตราเดินตามหลังอธิปมาที่โรงจอดรถ เธอปรายตามองรถสปอร์ตสีเหลืองของเขาอย่างไม่ให้ค่า แต่แทนที่จะไปขึ้นรถ เธอเดินผ่านเลยไป ตั้งใจจะไปอีกทาง "จะไปไหน รถอยู่นี่" "ไม่ได้อยู่ต่อหน้าลุงอรรถแล้ว ไม่ต้องตอ... ไม่ต้องเสแสร้งหรอก ฉันมีธุระ จะนั่งรถไปเอง" อธิปขมวดคิ้วหน้าบึ้งทันควัน ทั้งชีวิตเขามีแต่หยาบคายใส่คนอื่น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าพูดแบบนี้กับเขาบ้าง หญิงสาวไม่สนใจว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร เธอหันจะเดินไปข้างหน้า อาณาจักรบ้านรชตใหญ่โตกว้างขวางอย่างกับรีสอร์ทขนาดย่อม กว่าจะเดินไปถึงประตูรั้วใหญ่ก็หลายร้อยเมตร แต่ก้าวไปได้แค่ก้าวเดียวก็โดนใครบางคนกระชากแขนกลับมา "โอ๊ย! จะทำอะไรเนี่ย!" "เธอนั่นแหละจะทำอะไร จะแกล้งเล่นตัวให้ฉันง้อหรือไง บอกแล้วว่าให้ไปขึ้นรถ" "ไม่ขึ้น! ก็ไอ้รถคันนี้เกือบเหยียบฉันตาย ฉันคงจะยอมขึ้นอยู่หรอก" "นี่ยัยบ้านนอก ถ้าฉันจะเหยียบเธอให้ตาย เธอคงตายไปแล้ว ไม่มาปากแจ๋วอยู่อย่างตอนนี้หรอก" ชายหนุ่มกร้าวใส่คนตัวเล็ก แม้ลลิตราจะสูงเกินมาตรฐานสาวไทยทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับเขาก็ตัวเล็กอยู่ดี และยัยตัวเล็กนี่ท่าทางไม่เกรงกลัวเขาเลยสักน้อย "ไป ขึ้น รถ เพราะฉันบอกพ่อไว้แล้ว ฉันต้องทำตามที่บอกเขาไว้ แล้วพ้นประตูรั้วไปเธอจะลงก็ค่อยลง" อ้อ...แค่นั้นเอง เขาไม่ได้คิดจะพาเธอไปหาหมอจริง ๆ ตั้งแต่แรก ลลิตราสะบัดแขนออกจากมือเขา เงยหน้าจ้องมองตาเขียว และยอมเดินกลับไปที่รถโดยไม่ได้พูดอะไร เมื่อก้าวขึ้นรถสปอร์ตคันนั้น เธอก็รู้สึกแปลก ๆ กลิ่นใหม่ของรถหรูมันกลิ่นแบบนี้เอง แต่กลิ่นที่ชัดที่สุดคือกลิ่นโคโลญจ์จาง ๆ จากคนข้าง ๆ กลิ่นที่สะอาดแต่ชวนให้อึดอัดและใจเต้น อธิปเหลือบมองคนข้าง ๆ ยัยนั่นไม่ยอมคาดเข็มขัดนิรภัย คงเพราะเตรียมตัวจะลง ตอนแรกเขาอยากจะแกล้งกระชากรถออกให้แรง แต่ก็เปลี่ยนใจ ค่อย ๆ เคลื่อนรถออกจนผ่านประตูรั้ว พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ประจำอยู่ป้อมหน้าบ้านยกมือตะเบ๊ะให้ชายหนุ่มอย่างคุ้นเคย "จอดตรงหน้านี่แหละ...ค่ะ" "จะไปไหน ฉันจะให้ติดรถไปด้วย" "ไม่ต้อง ฉันหารถไปเองได้" "ตามใจ" อธิปไม่คิดจะยื้อ เขาจอดรถเลียบขอบถนน แต่ก่อนจะกดเปิดล็อกให้เธอ เขาก็ฉุดแขนเธอไว้อีกรอบ ลลิตราร้องเอ๊ะ พริบตาก็พบว่าอธิปชะโงกหน้ามาดูแผลที่โหนกแก้มของเธอใกล้ ๆ "จะทำอะไรน่ะ" เธอเสียงดังขึ้นทันที พลางถดตัวจนชิดกระจกอีกด้าน สายตาของอธิปยังจับจ้องที่พลาสเตอร์ยาตรงโหนกแก้มนั้น "น่าเสียดายนะ ถ้าเป็นแผลเป็นเธอคงจะเป็นนางงามอย่างแม่ไม่ได้" "ช่างฉัน!" "เอาไว้ไปหาหมอให้ทำหน้าใหม่ก็แล้วกัน ฉันออกตังค์ให้เอง หน้าสวย ๆ น่ะมีประโยชน์ จะได้ไว้ใช้จับผู้ชายรวย ๆ เหมือนอย่างแม่เธอไง" เพียะ!!! ลลิตราก็ไม่รู้ว่าเธอกล้าซัดฝ่ามือใส่หน้าเขาไปได้อย่างไร มันเป็นไปโดยอัตโนมัติ แม้จะเป็นคนสู้คน แค่เธอก็ไม่เคยทำร้ายใครมาก่อน... อาจเพราะตลอดชีวิตไม่เคยเจอใครปากร้ายใจหยาบแบบคนตรงหน้านี้ก็เป็นได้ แต่แค่วินาทีเดียวที่เธอตบหน้าเขา อธิปก็ตาลุกเป็นไฟแล้วสอดมือจับท้ายทอยเธอไว้ก่อนจะกระแทกริมฝีปากลงมาอย่างแรง หญิงสาวตาลุกโพลง... ไม่รู้สึกอะไรนอกจากตกใจและ...เจ็บ จูบแรกที่เธอเพิ่งเคยสัมผัส กลับเป็นการบดขยี้ริมฝีปากจนเจ็บแปลบ เมื่อได้สติ เธอดิ้นขลุกขลักแล้วรวบรวมกำลังทั้งหมดผลักเขาออก อธิปยอมผละออกไปแต่โดยดี แววตาเขาไม่อ่อนลงเลยแม้แต่น้อยแสดงว่าที่เขาทำไม่ใช่เพราะพิศวาสแต่มันคือการลงโทษล้วน ๆ และเมื่อเธอเงื้อมือจะตบเขาอีกครั้ง คราวนี้เขาจับข้อมือเธอไว้ได้ทัน ดวงตาเอาเรื่อง "ลองตบอีกที เธอจะโดนมากกว่าจูบแน่" "ไอ้ ไอ้คนสกปรก" "คนสกปรกคือเธอกับแม่มากกว่ามั้ง รู้ไหมว่าผู้หญิงดี ๆ คนหนึ่งต้องกระเด็นออกจากบ้านเพราะแม่ของเธอน่ะ" "แม่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด!" "ผู้หญิงที่เป็นชู้ก็เห็นพูดแบบนี้ทั้งนั้น ไม่ได้ทำอะไรผิด ผู้ชายเลือกเองอย่างนั้นสินะ" ลลิตราปากคอสั่น น้ำตาคลอ ทำร้ายเธอแค่ไหนเธอยังทนได้ แต่ว่าร้ายแม่เธอแบบนี้ หัวใจทั้งสั่นทั้งบีบรัดจนเจ็บไปทั้งอก "แล้วจะให้ฉันทำยังไง อยากให้ฉันกับแม่ย้ายออกไปอยู่ที่อื่นใช่มั้ย" แววตาอธิปหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนมุมปากจะแสยะยิ้ม "ไม่จำเป็น อยู่ที่นี่ต่อไปนี่แหละ แค่อยากจะบอกว่า... ขอต้อนรับสู่บ้านรชตอย่างเป็นทางการ!!!!""นายก็ไม่ได้ดีไปกว่าแฟนเก่าฉันหรอก เห็นแก่ตัวเหมือนกัน คิดเข้าข้างตัวเองเหมือนกัน และก็...ตอแยฉันไม่เลิกเหมือนกัน""ฉันไม่ได้..."อธิปนึกอยากจะเถียง แต่จำนนด้วยหลักฐาน เขายอมปล่อยมือออกจากเอวบางอย่างเสียดายแต่ยังไม่ยอมก้าวห่างไปไหน "ฉันไม่เหมือนแฟนเก่าเธอ เพราะฉันยังไม่มีพันธะอะไรกับใคร""คุณโชติรสได้ยินแบบนี้เธอคงยิ้มดีใจสินะ""ฉันกับโช เราไม่ได้จริงจังอะไรขนาดนั้น"อธิปแก้ตัว แล้วเขาก็รู้สึกรังเกียจตัวเองขึ้นมานิดๆ ทันทียังไม่นับว่าตอนนี้ลลิตราก็มองมาด้วยความรู้สึกเดียวกัน...เขามันทุเรศจริงๆ"ช่างฉันเถอะ ฉันมาคุยเรื่องของเรา...อย่าบอกนะว่าเธอไม่เคยรู้สึกกับฉันเลยสักครั้ง..."อธิปยังดื้อดึง ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปากคนตรงหน้ารวดเร็วจนเธอผงะหนีแทบไม่ทัน"เธอรู้สึก ฉันดูออก... ไม่ต้องอายหรอกเพราะฉันก็รู้สึก ฉันแทบบ้าที่รู้ว่าเธออยู่ใกล้แค่นี้แต่ทำอะไรไม่ได้...และฉันไม่คิดจะอดทนอีกต่อไป เธอ...ลูกอม...แฟนเก่าเธอมันแต่งงานไปแล้ว แต่ฉันยังว่าง ฉันให้เธอได้ทุกอย่างขอแค่เธอ..."อธิปละไว้ในฐานที่เข้าใจ ลลิตราแค่นหัวเราะ "นายนี่มันเหลือเชื่อจริงๆ""แล้วมันแปลว่าอะไรล่ะ เยส หรือ โน""แป
"ก็ฉันไม่คิดว่าจะเป็นนายนี่!"ลลิตราเถียง มือยกจับคอเสื้อโดยอัตโนมัติ นึกโล่งอกที่ยังสวมเสื้อชั้นใน และเสื้อนอนผ้าฝ้ายก็ไม่ได้บางจนหมิ่นเหม่"ถ้าไม่ใช่ฉันแล้วเธอเปิดประตูให้ใคร""เปิดให้น้องโอมมั้ง!" หญิงสาวประชด แต่อธิปกลับสีหน้าจริงจัง"ไม่ต้องมากวน! เธอกำลังรอใคร? ถึงได้รีบเปิดประตูแบบไม่คิดอย่างนั้น""เอ๊ะ! มันเรื่องของฉันนะ นายออกไปได้แล้ว มีอะไรไปคุยกับพรุ่งนี้""แต่ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอตอนนี้ เดี๋ยวนี้""ฉันไม่สะดวก"ลลิตราตอบเสียงแข็ง ตามองออกไปนอกประตู หวังให้น้ำตาลหรือแม้แต่น้ำค้างก็ได้ เดินถือถาดอาหารเข้ามาขัดจังหวะอีกเช่นเคยแต่ท่าทางของเธอทำให้อธิปไม่พอใจเพราะคิดว่าเธอกำลังรอใครอยู่จริงๆ เขายื่นแขนที่ยาวกว่าและมีกำลังมากกว่าปิดประตูใส่หน้าเธอดังโครม แถมยังกดล็อกเสร็จสรรพ"นายอธิป! อย่ามาทำตัวแบบนี้กับฉันนะ!""ทำตัวแบบไหน"อธิปเลิกคิ้ว สีหน้ายียวน แต่แววตาที่เข้มขึ้นบ่งบอกว่าเขาไม่อยู่ในอารมณ์ยั่วล้อมีอะไรบางอย่างในท่าทีนั้นที่ทำให้ลลิตรารู้สึกขึ้นมาว่าวันนี้เขาเอาจริง!ถ้อยคำแรงๆ ที่ตั้งใจจะพูดในตอนแรกจึงถูกกลืนกลับไปทันที หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขา ทำใจดีสู้เสือ"นาย...ค
คืนนั้นโชติรสค้างคืนกับอธิปเหมือนเคยแอร์โฮสเตสสาวฉลาดมากพอที่จะรับรู้ได้ว่า แม้ร่างกายของเขาจะยังคงทำงานอย่างเร่าร้อนและมอบความสุขให้เธอล้นปรี่ แต่หัวใจของอธิปไม่ได้อยู่ที่เธอเลยเขาแทบไม่จูบเธอเลยด้วยซ้ำโชติรสรู้สึกเจ็บหน่วงในใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และคนที่รักตัวเองมากอย่างเธอไม่อยากเห็นตัวเองเป็นแบบนี้แต่ขออีกสักครั้งก่อนเถอะ ขออยู่กับเขาอีกสักคืน อีกสักวัน แล้วเธอค่อยตัดใจ โชติรสบอกตัวเองแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา* * * * *ลลิตราไม่ได้เจอหน้าอธิปมาหลายวันแล้ว วันแรกๆ เธอยังเผลอหวาดระแวง กลัวว่าจู่ๆ เขาก็จะโผล่มาแบบไม่ให้สุุ้มให้เสียงเหมือนครั้งก่อนๆ แต่เมื่อได้ยินว่าอธิปไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้วจริงๆ เธอจึงค่อยสบายใจขึ้นอย่างน้อยก็ไม่ต้องรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ร้อนสลับหนาวเหมือนคนจะเป็นไข้ในแทบทุกครั้งที่ได้สบตากับดวงตาสีฟ้าคู่นั้นลลิตราค่อนข้างแน่ใจว่าดวงตาของอธิปเป็นสีฟ้าสดใสแบบน้ำทะเลในวันไร้คลื่นลม แต่ไม่รู้ทำไมเธอมักได้เห็นมันกลายเป็นสีฟ้าเข้มเหมือนกลางทะเลลึกทึ่พร้อมจะดูดกลืนเธอลงไปได้่เสมอและที่ทำให้เธอตัวสั่นคือสายตาแบบนั้น ราวกับมีไว้เพื่อจ้องมองเธอเพียงผู้เดียวหญิงสาวค
"เดี๋ยวชล! ผมอธิบายได้!"จะมีสักกี่ประโยคกันเชียวที่คนเรานึกโพล่งออกมาในสถานการณ์แบบนี้"ไม่ต้องอธิบาย! ถ้าอยากอธิบายค่อยไปพูดต่อหน้าอีนี่ บอกมามันอยู่ที่ไหน!""จะบ้าหรือไงคุณชล จะไปหาเขาทำไม...""ปกป้องมันเหรอ!"ชลธิชาที่อดทนอดกลั้นได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีโผเข้าทุบตีกิตติทัศน์ทันที ชายหนุ่มรีบยกมือปัดป้องเป็นพัลวัน เวลาชลธิชาโกรธ เธอน่ากลัวร้อยเท่า แต่เวลาความโกรธนั้นผสมกับความหึงหวง ก็คูณพันเท่าไปเลย"คุณท้องแก่อยู่นะ! ระวังลูกบ้างสิ""จำได้เหมือนกันเหรอว่ามีเมียมีลูกแล้วนะ! แล้วยังจะกล้ากลับไปหามันอีก เลวๆๆ!!!"หญิงสาวกรีดร้องไม่สนว่ากี่โมงกี่ยาม และยิ่งไม่ห่วงใยว่าจะกระทบกระเทือนลูกในครรภ์ กิตติทัศน์เสียอีกยังรู้สึกกลัวว่าเธอจะทำอะไรรุนแรงจนเป็นอันตรายต่อเด็กในท้อง "ชล! ผมบอกแล้วไงว่าหยุดก่อน! คุยกันก่อน!""ไม่!"ยิ่งห้าม ชลธิชาก็ยิ่งกรีดร้อง กิตติทัศน์กำลังละล้าละลังคิดว่าจะวิ่งหนีออกไปเลยดีหรือไม่ แต่พลันนั้นชลธิชาก็หยุดชะงัก ตาเบิกกว้าง..."ชล..."ชายหนุ่มใจหายวาบ ทำไมจู่ๆ ชลธิชาทำหน้าแบบนั้น เขาเริ่มจะกลัวแล้วนะก่อนที่กิตติทัศน์จะคิดไปเองว่าเมียโดนผีเข้ากะทันหัน ชลธิชาที่หน้าซีดข
เคยคบหากันมาตั้งหลายปี แต่ลลิตราก็เพิ่งรู้ว่ากิตติทัศน์เป็นคนช่างตื๊อได้ขนาดนี้เขาไม่เพียงหาทางส่งข้อความมาหาเธออยู่เรื่อย ๆ ยังไร้มารยาทถึงขั้นกลับมาที่บ้านรชตเพื่อขอพบเธออีกครั้ง แน่นอนว่าลลิตราไม่ยอมออกไปพบ เธอทั้งไม่สบายใจระคนโมโห จนต้องพิมพ์ไลน์ไปฟ้องเพื่อนในกลุ่มไลน์ที่มีกันอยู่สามคนคือเธอ กันตา และอมาวสีกันตา: เดี๋ยวฉันไปด่ามันให้เองกันตาญาติผู้น้องของกิตติทัศน์พิมพ์ตอบกลับมาพร้อมสติ๊กเกอร์รูปโมโหลูกอม: ไม่ต้องด่าไอ้เกี๊ยว ไม่ต้อง ฉันแค่มาบอกแกเฉยๆ เพราะฉันหงุดหงิดลูกอม: กำลังคิดอยู่ว่าหรือจะยอมไปเจอสักครั้งดี ไปคุยกันให้รู้เรื่องอีกสักที เพราะจะว่าไปตั้งแต่เลิกกันก็ยังไม่เคยคุยกันดีๆ อีกเลยอุ๋ม อมาวสี: แต่ไอ้พี่ติมันแต่งงานไปแล้วนะแก ไปเจอแฟนเก่าที่มีเมียแล้วมันจะดีหรอวะอุ๋ม อมาวสี: งั้นเดี๋ยวฉันสองคนไปด้วยดีไหม ไปคุยให้เด็ดขาดว่าไม่ต้องมายุ่งกันอีก ฉันเดาว่าไอ้พี่ติมันคงอยากจับปลาสองมือ มันคงไม่รู้ว่าแก move on ไปแล้วลลิตราเห็นด้วยกับเพื่อนเธอจึงยอมตอบข้อความของกิตติทัศน์ นัดหมายเขาที่คอมูนิตี้ฮอล์ชื่อดังแห่งหนึ่งที่อยู่ติดสถานีรถไฟฟ้า ตั้งใจจะคุยให้เด็ดขาดว่าไม่ต
ในห้องโดยสารชั้นประหยัด เที่ยวบินจากกรุงโซลประเทศเกาหลีใต้ชายร่างสูงผิวขาวจัด ผมดำ สวมแว่นตาดำ และสวมสูทเนี้ยบเรียบกริบไม่มีที่ติ ตั้งแต่เข้าขึ้นเครื่องมา โชติรสยังไม่เห็นเขาถอดแว่นกันแดดออกเลย แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะผู้โดยสารบางคนก็มีอาการตาแพ้แสงที่แปลกมากกว่าคือบุคลิกและวิธีการพูดจาของเขาเหมือนผู้โดยสารชั้นหนึ่งที่เธอคุ้นชินมากกว่า"ขอบใจนะโช ที่มาช่วย"เพื่อนแอร์โฮสเตสด้วยกันเอ่ยกับหญิงสาวเมื่ออยู่ในห้องจัดเตรียมเครื่องดื่ม ปกติโชติรสได้ดูแลลูกค้าในชั้นธุรกิจและเฟิร์สคลาส วันนี้เป็นกรณีพิเศษของเธอ"ไม่เป็นไรหรอก ผู้โดยสารชั้นประหยัดไม่ค่อยรีเควสอะไรหรอก"หญิงสาวเอ่ยขำๆ เพื่อนหัวเราะเบาๆ ด้วย "แต่ผู้ชายคนนั้น ท่าทางหล่อนะ ไม่เห็นถอดแว่นสักที"จู่ๆ เพื่อนก็เอ่ยถึงคนที่โชติรสเพิ่งนึกถึงเหมือนกัน เห็นได้ชัดว่าในบรรดาผู้โดยสารเกือบทั้งลำ เขาก็ยังดูโดดเด่นที่สุด"ถ้าถอดแว่นแล้วอาจจะไม่หล่อก็ได้มั้ง""วุ้ย! ใครจะไปหล่อเท่าคุณอธิปล่ะ จริงปะ"เพื่อนเอ่ยแซว เพราะรู้กันทั่วแล้วว่าโชติรสเป็นคนรักของอธิป รชต ลูกชายเจ้าของและผู้ก่อตั้งบริษัทในเครือสยามเจ็ตแอร์ไลน์โชติรสยิ้มนิดๆ พอให้น่าเอ็