อธิปจ้องเธอ สักพักริมฝีปากบางเฉียบสีสดก็คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์
"เธอใช่ไหม มอเตอร์ไซค์คันนั้น" ลลิตรากัดฟันกรอด กำลังจะแหกหน้าเขาด้วยการบอกว่าหมอนี่ขับรถเร็วจนน้ำโคลนกระเซ็นใส่คนริมถนน รถเธอล้ม แถมยังแค่โยนเงินให้ แต่อธิปชิงหันไปหาพ่อของเขาก่อน "ผมจำได้แล้วพ่อ สองสามวันก่อนเกิดอุบัติเหตุ ขับรถเฉี่ยวมอเตอร์ไซค์ ที่แท้ก็เป็นลูกเลี้ยงของพ่อคนนี้นี่เอง" อรรถสีหน้าตกใจ หันไปหาลลิตราทันที "แล้วหนูเป็นอะไรมากไหม ที่บอกว่าแผลตามตัวเพราะรถล้ม ก็เพราะรถนายอาร์ตเองหรือนี่" "ค่ะ แผลใกล้จะหายแล้วค่ะ" ลลิตรายกมือแตะโหนกแก้มที่มีพลาสเตอร์ยาปิดอยู่โดยไม่ได้ตั้งใจ อธิปเอ่ยขึ้นมาอีก "ตอนนั้นผมรีบ ไม่ได้ขอคอนแท็กไว้ ได้เจอกันก็ดีแล้ว วันนี้ฉันจะพาเธอไปหาหมอตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้งก็แล้วกัน" หญิงสาวแค่นหัวเราะ คิดว่าเขาพูดเล่น จะมาตรวจอะไรกันตอนนี้ ถ้าสมองเธอกระทบกระเทือนป่านนี้ก็คงตายไปแล้วมั้ง แต่อรรถกลับเห็นเป็นเรื่องจริงจัง "ดีแล้ว ดี หนูลูกอม ให้พี่เขาพาไปหาหมออีกครั้งก็แล้วกันนะ ลุงก็ผิดเองไม่ได้ถามให้ละเอียดว่าหนูไปโดนอะไรมา" "ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณลุงอรรถ หนูไม่เป็นไร" "เป็นหมอหรือไง ฉันบอกว่าจะพาไปก็ไปสิ หรือรังเกียจพี่ชายคนใหม่จนไม่อยากเข้าใกล้"-ใช่ โคตรจะรังเกียจ- หญิงสาวตอบทันควันในใจ แต่แน่นอนว่าไม่ได้พูดออกมา... ยิ่งอรรถทำดีต่อเธอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งเกรงใจจนไม่อยากปะทะคารมกับลูกชายของเขา...ต่อหน้า "ไปเถอะลูกอม แม่ก็ห่วง เห็นหนูบ่นว่าปวดหัวด้วยไม่ใช่หรือ ไปเถอะนะ" คราวนี้เป็นลินดาที่เอ่ยออกมา พลางสบตาลูกสาว พยักหน้าน้อย ๆ แม่คงอยากเอาใจลูกชายของคุณลุงอรรถ การปฏิเสธความหวังดีของอธิป อาจยิ่งทำให้เขาไม่พอใจพวกเธอสองแม่ลูก หญิงสาวจึงได้แต่กล้ำกลืนความขุ่นเคืองเอาไว้ แล้วพยักหน้าน้อย ๆ "ก็ได้ค่ะ ไปก็ไปค่ะ" * * * * * ลลิตราเดินตามหลังอธิปมาที่โรงจอดรถ เธอปรายตามองรถสปอร์ตสีเหลืองของเขาอย่างไม่ให้ค่า แต่แทนที่จะไปขึ้นรถ เธอเดินผ่านเลยไป ตั้งใจจะไปอีกทาง "จะไปไหน รถอยู่นี่" "ไม่ได้อยู่ต่อหน้าลุงอรรถแล้ว ไม่ต้องตอ... ไม่ต้องเสแสร้งหรอก ฉันมีธุระ จะนั่งรถไปเอง" อธิปขมวดคิ้วหน้าบึ้งทันควัน ทั้งชีวิตเขามีแต่หยาบคายใส่คนอื่น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าพูดแบบนี้กับเขาบ้าง หญิงสาวไม่สนใจว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร เธอหันจะเดินไปข้างหน้า อาณาจักรบ้านรชตใหญ่โตกว้างขวางอย่างกับรีสอร์ทขนาดย่อม กว่าจะเดินไปถึงประตูรั้วใหญ่ก็หลายร้อยเมตร แต่ก้าวไปได้แค่ก้าวเดียวก็โดนใครบางคนกระชากแขนกลับมา "โอ๊ย! จะทำอะไรเนี่ย!" "เธอนั่นแหละจะทำอะไร จะแกล้งเล่นตัวให้ฉันง้อหรือไง บอกแล้วว่าให้ไปขึ้นรถ" "ไม่ขึ้น! ก็ไอ้รถคันนี้เกือบเหยียบฉันตาย ฉันคงจะยอมขึ้นอยู่หรอก" "นี่ยัยบ้านนอก ถ้าฉันจะเหยียบเธอให้ตาย เธอคงตายไปแล้ว ไม่มาปากแจ๋วอยู่อย่างตอนนี้หรอก" ชายหนุ่มกร้าวใส่คนตัวเล็ก แม้ลลิตราจะสูงเกินมาตรฐานสาวไทยทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับเขาก็ตัวเล็กอยู่ดี และยัยตัวเล็กนี่ท่าทางไม่เกรงกลัวเขาเลยสักน้อย "ไป ขึ้น รถ เพราะฉันบอกพ่อไว้แล้ว ฉันต้องทำตามที่บอกเขาไว้ แล้วพ้นประตูรั้วไปเธอจะลงก็ค่อยลง" อ้อ...แค่นั้นเอง เขาไม่ได้คิดจะพาเธอไปหาหมอจริง ๆ ตั้งแต่แรก ลลิตราสะบัดแขนออกจากมือเขา เงยหน้าจ้องมองตาเขียว และยอมเดินกลับไปที่รถโดยไม่ได้พูดอะไร เมื่อก้าวขึ้นรถสปอร์ตคันนั้น เธอก็รู้สึกแปลก ๆ กลิ่นใหม่ของรถหรูมันกลิ่นแบบนี้เอง แต่กลิ่นที่ชัดที่สุดคือกลิ่นโคโลญจ์จาง ๆ จากคนข้าง ๆ กลิ่นที่สะอาดแต่ชวนให้อึดอัดและใจเต้น อธิปเหลือบมองคนข้าง ๆ ยัยนั่นไม่ยอมคาดเข็มขัดนิรภัย คงเพราะเตรียมตัวจะลง ตอนแรกเขาอยากจะแกล้งกระชากรถออกให้แรง แต่ก็เปลี่ยนใจ ค่อย ๆ เคลื่อนรถออกจนผ่านประตูรั้ว พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ประจำอยู่ป้อมหน้าบ้านยกมือตะเบ๊ะให้ชายหนุ่มอย่างคุ้นเคย "จอดตรงหน้านี่แหละ...ค่ะ" "จะไปไหน ฉันจะให้ติดรถไปด้วย" "ไม่ต้อง ฉันหารถไปเองได้" "ตามใจ" อธิปไม่คิดจะยื้อ เขาจอดรถเลียบขอบถนน แต่ก่อนจะกดเปิดล็อกให้เธอ เขาก็ฉุดแขนเธอไว้อีกรอบ ลลิตราร้องเอ๊ะ พริบตาก็พบว่าอธิปชะโงกหน้ามาดูแผลที่โหนกแก้มของเธอใกล้ ๆ "จะทำอะไรน่ะ" เธอเสียงดังขึ้นทันที พลางถดตัวจนชิดกระจกอีกด้าน สายตาของอธิปยังจับจ้องที่พลาสเตอร์ยาตรงโหนกแก้มนั้น "น่าเสียดายนะ ถ้าเป็นแผลเป็นเธอคงจะเป็นนางงามอย่างแม่ไม่ได้" "ช่างฉัน!" "เอาไว้ไปหาหมอให้ทำหน้าใหม่ก็แล้วกัน ฉันออกตังค์ให้เอง หน้าสวย ๆ น่ะมีประโยชน์ จะได้ไว้ใช้จับผู้ชายรวย ๆ เหมือนอย่างแม่เธอไง" เพียะ!!! ลลิตราก็ไม่รู้ว่าเธอกล้าซัดฝ่ามือใส่หน้าเขาไปได้อย่างไร มันเป็นไปโดยอัตโนมัติ แม้จะเป็นคนสู้คน แค่เธอก็ไม่เคยทำร้ายใครมาก่อน... อาจเพราะตลอดชีวิตไม่เคยเจอใครปากร้ายใจหยาบแบบคนตรงหน้านี้ก็เป็นได้ แต่แค่วินาทีเดียวที่เธอตบหน้าเขา อธิปก็ตาลุกเป็นไฟแล้วสอดมือจับท้ายทอยเธอไว้ก่อนจะกระแทกริมฝีปากลงมาอย่างแรง หญิงสาวตาลุกโพลง... ไม่รู้สึกอะไรนอกจากตกใจและ...เจ็บ จูบแรกที่เธอเพิ่งเคยสัมผัส กลับเป็นการบดขยี้ริมฝีปากจนเจ็บแปลบ เมื่อได้สติ เธอดิ้นขลุกขลักแล้วรวบรวมกำลังทั้งหมดผลักเขาออก อธิปยอมผละออกไปแต่โดยดี แววตาเขาไม่อ่อนลงเลยแม้แต่น้อยแสดงว่าที่เขาทำไม่ใช่เพราะพิศวาสแต่มันคือการลงโทษล้วน ๆ และเมื่อเธอเงื้อมือจะตบเขาอีกครั้ง คราวนี้เขาจับข้อมือเธอไว้ได้ทัน ดวงตาเอาเรื่อง "ลองตบอีกที เธอจะโดนมากกว่าจูบแน่" "ไอ้ ไอ้คนสกปรก" "คนสกปรกคือเธอกับแม่มากกว่ามั้ง รู้ไหมว่าผู้หญิงดี ๆ คนหนึ่งต้องกระเด็นออกจากบ้านเพราะแม่ของเธอน่ะ" "แม่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด!" "ผู้หญิงที่เป็นชู้ก็เห็นพูดแบบนี้ทั้งนั้น ไม่ได้ทำอะไรผิด ผู้ชายเลือกเองอย่างนั้นสินะ" ลลิตราปากคอสั่น น้ำตาคลอ ทำร้ายเธอแค่ไหนเธอยังทนได้ แต่ว่าร้ายแม่เธอแบบนี้ หัวใจทั้งสั่นทั้งบีบรัดจนเจ็บไปทั้งอก "แล้วจะให้ฉันทำยังไง อยากให้ฉันกับแม่ย้ายออกไปอยู่ที่อื่นใช่มั้ย" แววตาอธิปหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนมุมปากจะแสยะยิ้ม "ไม่จำเป็น อยู่ที่นี่ต่อไปนี่แหละ แค่อยากจะบอกว่า... ขอต้อนรับสู่บ้านรชตอย่างเป็นทางการ!!!!"อธิปคิดว่าเขาน่าจะพอรอได้จนถึงตีสอง...แต่เพียงแค่เที่ยงคืน เขาก็พาโชติรสนั่งแท็กซี่กลับไปที่เพนท์เฮาส์ของตัวเองทันทีอย่างคนที่ไม่สามารถอดทนรอได้อีกต่อไป... แค่มองตากันครั้งแรก ชายหนุ่มก็รู้ว่าคืนนี้จะไปลงเอยที่ตรงไหน เขาเองก็ร้อนรุ่มมาทั้งวัน ก็คงตั้งแต่ดันไปจูบยัยลูกสาวแม่เลี้ยงของเขาเข้าให้นั่นแหละโชติรสไม่มีเวลากวาดสายตามองรอบ ๆ เพนท์เฮาส์หรูของอธิปด้วยซ้ำ เพราะทันทีที่สองร่างผ่านก้าวเข้าประตูห้องได้ อธิปก็แทบจะผลักเธอติดผนัง ลิ้นและริมฝีปากโรมรันพันตูกันอย่างหิวกระหาย เสื้อสีดำของโชติรสแทบปกปิดอะไรไม่ได้ เพียงแค่เขาล้วงมือเข้าไปก็สัมผัสเนินเนื้อข้างใต้ได้แทบทุกอณู"จะทำตรงนี้เลยเหรอคะ"จังหวะหนึ่งที่โชติรสผละริมฝีปากออกห่างเขาเพื่อหอบหายใจ เธอถามเสียงสั่นพร่าอธิปตอบกลับมาเสียงกระเส่าพอกัน "ได้ทุกที่""งั้นขอบนเตียงได้มั้ย โชผิวบางน่ะ"ดวงตาสีฟ้าของอธิปหรี่ลงเล็กน้อย พริบตาเดียวร่างสูงโปร่งของแอร์โฮสเตสสาวก็ถูกอุ้มลอยหวือขึ้นจากพื้น เสียงโชติรสหวีดร้องเบา ๆ อย่างไม่ทันตั้งตัว อธิปอุ้มหญิงสาวก้าวยาว ๆ ไปที่ห้องนอนจุดหมายคือเตียงกว้างขนาดซูเปอร์คิงไซส์ สั่งทำพิเศษสำหรับคนตัวสูงเกื
ยลดามองไปตามสายตาพี่ชาย แล้วก็นิ่งอึ้งไกลขนาดนี้ก็ยังมองเห็นผู้ชายตัวสูงผมยาวย้อมสีทองโดดเด่นแต่ไกลแต่อะไรก็ไม่เท่ากับเสื้อกีฬายี่ห้อดังสีเขียวสะท้อนแสง กางเกงสีส้ม รองเท้าสีเหลือง...บพิตรยิ้มกว้างเห็นฟันขาวทุกซี่มาแต่ไกล ก่อนจะกึ่งกระโดดกึ่งก้าวยาว ๆ ขึ้นมาหายศกรแล้วกระโดดกอดกันอย่างรักใคร่อธิปที่เดินตามหลังมาส่ายหน้า ไม่รู้ทำไมไอ้เพื่อนคนนี้มันดีดนักถ้าไม่รู้จักกันคงคิดว่าบพิตรเป็นพวกเล่นยาเพราะพลังล้นเหลือเหลือเกิน"โหพี่บอม โคตรคิดถึงเลย ไหนว่าจะยังไม่กลับไทยง่าย ๆ ไง""ไม่กลับไม่ได้ แม่กูยึดบัตรเครดิตไปหมดแล้ว อยู่ต่อก็เหี่ยวแห้งหัวโต"บพิตรตอบตามตรงตามประสาคนจริงใจก่อนหันมาแนะนำเพื่อนที่มาด้วย"ไอ้ยอช นี่เพื่อนพี่ชื่ออาร์ต เพื่อนรักเพื่อนสนิทเลย...ไอ้อาร์ตนี่น้องกู รู้จักกันที่ลอนดอน ชื่อไอ้ยอช"ยศกรยกมือไหว้อย่างนอบน้อมผิดกับลูกหลานไฮโซทั่วไปที่เห็นในละครคุณธรรม"หวัดดีครับพี่อาร์ต ผมชื่อยศครับพี่ แต่ตอนอยู่ลอนดอนเพื่อนฝรั่งเรียกยอช พี่จะเรียกผมว่ายอชอีกคนก็ได้ครับ..."อธิพยักหน้าทักทายเพื่อนรุ่นน้องคนใหม่ ไม่แปลกใจทำไมยศหรือยอชถึงสนิทกับบพิตรได้...ท่าทางคงเป็นพวกไฮเปอร์เห
"ก็หรือไม่จริง นี่ถ้าแกไม่เกิดพลาดขึ้นมา ฉันคงจะไล่มันออกโทษฐานที่มาเจาะไข่แดงลูกสาวฉัน เผลอ ๆ จะจับมันเข้าคุกด้วย" "ชลอายุ 27 แล้วนะ แม่จะเอาติเข้าคุกข้อหาอะไรไม่ทราบ" "ถ้าฉันจะทำ จะข้อหาอะไรก็หายัดมันได้ทั้งนั้นแหละ" วิภาตอบตาเขียว หล่อนมีลูกสาวแค่สองคนคือชลธิชา กับโชติรส ลำพังไม่มีลูกชายให้ตระกูลสามี ก็รู้สึกเสียหน้าพออยู่แล้ว นี่ลูกสาวคนโตยังจะท้องก่อนแต่ง แถมพ่อของเด็กก็เป็นแค่ลูกจ้างในบริษัทตัวเอง หล่อนนี่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่เกือบเดือน กระทั่งตอนนี้ก็ยังคุกรุ่นอยู่ไม่หาย ชลธิชาหน้างอที่แม่ว่าคนรัก ส่วนโชติรสก็ยังคงยิ้มขัน เธอสนุกเสมอเวลาได้เห็นคนในครอบครัวโดยเฉพาะแม่กับพี่สาวโต้คารมกัน วิภาหันมาตาเขียวใส่ลูกสาวคนเล็กบ้าง "แล้วแกล่ะ มานั่งเจ๋อทำอะไร ไม่ต้องรีบไปสนามบินหรือไง เชียงใหม่เดี๋ยวนี้รถมันติดหนักนะยะโดยเฉพาะเส้นนั้นน่ะ" "แหมแม่ โชเป็นแอร์ฯ นะ คนเป็นแอร์ฯ ไม่รู้จักบริหารเวลา ไปไม่ทันเช็คอินก็ตลกตายล่ะ" "เออ ๆ ลูกแต่ละคนมันเก่งกันทั้งนั้น แล้วพักบินทั้งทีแทนที่จะอยู่บ้าน จะไปทำไมนักหนาก็ไม่รู้กรุงเทพฯ น่ะ" "แล้วกรุงเทพไม่ใช่บ้านหรือไงล่ะ" "บ้านป๊าแกกับอีพวกกะหรี
ลลิตราสาปส่งอธิปอยู่ในใจมาตลอดทางที่กำลังจะไปห้างสรรพสินค้า ริมฝีปากยังรู้สึกร้อนเห่อ "ไอ้คนต่ำช้าสารเลว" หญิงสาวเผลอคำรามออกมา คนขับรถแท็กซี่ถึงกับสะดุ้งนิด ๆ แล้วมองกระจกมองหลังอย่างหวาดระแวง คงนึกเสียวสันหลังอยู่บ้างไม่น้อย ชั่วโมงต่อมา ลลิตราก็มาถึงห้างสรรพสินค้าที่นัดกับกิตติทัศน์เอาไว้... หญิงสาวมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย เธอรีบเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา หยิบตลับแป้งมาตบหน้าเบา ๆ อีกรอบและแตะลิปกลอสสีส้มใสที่ริมฝีปากอีกครั้ง...พยายามลบลืมความรู้สึกและการกระทำหยาบเถื่อนของนายอธิป เธอกำลังจะมาเจอคนที่ควรจะได้เป็นเจ้าของจูบแรกของเธอตัวจริง ดังนั้นเธอต้องกำจัดรอยร้อนผ่าวจากผู้ชายอีกคนออกไปให้หมด "พี่ติ!" หญิงสาวร้องออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นว่าคนรักมารอที่ร้านอาหารก่อนแล้ว กิตติทัศน์เพิ่งกลับจากต่างจังหวัด ชายหนุ่มเป็นผู้จัดการฝ่ายขายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง โครงการบ้านจัดสรรระดับลักซูรี่เพิ่งเปิดตัวที่เชียงใหม่ กิตติทัศน์จึงต้องไปเทรนด์งานให้ลูกน้องที่นั่นถึงสามเดือนและเพิ่งกลับมา วันนี้ลลิตราตั้งใจจะบอกเขาว่าแม่ของเธอแต่งงานใหม่และพวกเธอได้ย้ายเข้าไปอยู่ใ
อธิปจ้องเธอ สักพักริมฝีปากบางเฉียบสีสดก็คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์"เธอใช่ไหม มอเตอร์ไซค์คันนั้น"ลลิตรากัดฟันกรอด กำลังจะแหกหน้าเขาด้วยการบอกว่าหมอนี่ขับรถเร็วจนน้ำโคลนกระเซ็นใส่คนริมถนน รถเธอล้ม แถมยังแค่โยนเงินให้ แต่อธิปชิงหันไปหาพ่อของเขาก่อน"ผมจำได้แล้วพ่อ สองสามวันก่อนเกิดอุบัติเหตุ ขับรถเฉี่ยวมอเตอร์ไซค์ ที่แท้ก็เป็นลูกเลี้ยงของพ่อคนนี้นี่เอง"อรรถสีหน้าตกใจ หันไปหาลลิตราทันที"แล้วหนูเป็นอะไรมากไหม ที่บอกว่าแผลตามตัวเพราะรถล้ม ก็เพราะรถนายอาร์ตเองหรือนี่""ค่ะ แผลใกล้จะหายแล้วค่ะ"ลลิตรายกมือแตะโหนกแก้มที่มีพลาสเตอร์ยาปิดอยู่โดยไม่ได้ตั้งใจ อธิปเอ่ยขึ้นมาอีก"ตอนนั้นผมรีบ ไม่ได้ขอคอนแท็กไว้ ได้เจอกันก็ดีแล้ว วันนี้ฉันจะพาเธอไปหาหมอตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้งก็แล้วกัน"หญิงสาวแค่นหัวเราะ คิดว่าเขาพูดเล่น จะมาตรวจอะไรกันตอนนี้ ถ้าสมองเธอกระทบกระเทือนป่านนี้ก็คงตายไปแล้วมั้งแต่อรรถกลับเห็นเป็นเรื่องจริงจัง"ดีแล้ว ดี หนูลูกอม ให้พี่เขาพาไปหาหมออีกครั้งก็แล้วกันนะ ลุงก็ผิดเองไม่ได้ถามให้ละเอียดว่าหนูไปโดนอะไรมา""ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณลุงอรรถ หนูไม่เป็นไร""เป็นหมอหรือไง ฉันบอกว่าจะพาไ
อธิปพูดสวนขึ้นมา สีหน้าเย่อหยิ่ง"และก็ไม่คิดจะมีแม่เลี้ยงคนใหม่ด้วย มีแค่น้านุชเป็นแม่คนเดียวก็พอ"ลินดาหน้าซีดทันตา อรรถหน้าเครียด"เจ้าอาร์ต! ขอโทษน้าลินดาเดี๋ยวนี้!""ขอโทษทำไมครับ ถ้าเมียใหม่พ่อกล้าพอจะแย่งพ่อมาจากน้านุช คำพูดผมแค่นี้ก็ไม่น่าจะทำอะไรเขาได้นะ""ไอ้ลูกเวรนี่ ถ้าแกจะมาทำให้เสียบรรยากาศ ก็ไปซะ จะไปไหนก็ไป"อรรถตัวสั่น เขาไม่เคยดุด่าลูกชายมากไปกว่านี้ แม้จะโกรธจัดอย่างตอนนี้เขาก็ทำได้แค่ชี้มือชี้ไม้ไล่ลูกชายออกไปไกล ๆ แต่อธิปไม่คิดจะไปไหนทั้งนั้น เขาแค่ผิวปากหวือ คำนับให้ลินดาอย่างล้อเลียน โยนกุญแจรถให้คนรถที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่อีกด้านแล้วก็เดินเข้าตัวบ้านไปไม่ใส่ใจใครอีก ไม่แม้แต่จะมองหญิงสาวคนที่เขาเคยขับรถเฉี่ยวเมื่อไม่กี่วันก่อน...หากเขาจะจำได้"ลินดา ผมเสียใจ"อรรถรีบหันมาบอกภรรยาคนใหม่ ลินดาส่ายหน้ายิ้ม ๆ ทั้งที่หน้ายังไร้สีเลือด"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเข้าใจ ไม่ต้องไปดุลูกชายคุณนะคะ ไม่อย่างนั้นเขาจะยิ่งไม่ชอบหน้าฉันกับลูก"อรรถกัดฟันหันมามองหญิงสาวคราวลูกที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ สีหน้ารู้สึกผิด ลลิตราไม่โทษพ่อเลี้ยงของเธอหรอก พวกเขาอยู่กันมาก่อน เธอกับแม่ต่างหากที่มาที