Share

ตอน 4 คนรัก

last update Last Updated: 2025-06-15 18:17:45

ลลิตราสาปส่งอธิปอยู่ในใจมาตลอดทางที่กำลังจะไปห้างสรรพสินค้า ริมฝีปากยังรู้สึกร้อนเห่อ

"ไอ้คนต่ำช้าสารเลว"

หญิงสาวเผลอคำรามออกมา คนขับรถแท็กซี่ถึงกับสะดุ้งนิด ๆ แล้วมองกระจกมองหลังอย่างหวาดระแวง คงนึกเสียวสันหลังอยู่บ้างไม่น้อย

ชั่วโมงต่อมา ลลิตราก็มาถึงห้างสรรพสินค้าที่นัดกับกิตติทัศน์เอาไว้... หญิงสาวมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย เธอรีบเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา หยิบตลับแป้งมาตบหน้าเบา ๆ อีกรอบและแตะลิปกลอสสีส้มใสที่ริมฝีปากอีกครั้ง...พยายามลบลืมความรู้สึกและการกระทำหยาบเถื่อนของนายอธิป

เธอกำลังจะมาเจอคนที่ควรจะได้เป็นเจ้าของจูบแรกของเธอตัวจริง ดังนั้นเธอต้องกำจัดรอยร้อนผ่าวจากผู้ชายอีกคนออกไปให้หมด

"พี่ติ!"

หญิงสาวร้องออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นว่าคนรักมารอที่ร้านอาหารก่อนแล้ว

กิตติทัศน์เพิ่งกลับจากต่างจังหวัด ชายหนุ่มเป็นผู้จัดการฝ่ายขายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง โครงการบ้านจัดสรรระดับลักซูรี่เพิ่งเปิดตัวที่เชียงใหม่ กิตติทัศน์จึงต้องไปเทรนด์งานให้ลูกน้องที่นั่นถึงสามเดือนและเพิ่งกลับมา

วันนี้ลลิตราตั้งใจจะบอกเขาว่าแม่ของเธอแต่งงานใหม่และพวกเธอได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของพ่อเลี้ยงแล้ว

ที่ผ่านมาหญิงสาวยังไม่ค่อยมั่นใจ จึงไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้คนรักฟัง มีเพียงเพื่อนสนิทแค่ 2 คนเท่านั้นที่รู้

"คิดถึงพี่ติจังเลยค่ะ"

ลลิตรารีบเอ่ยออกไปด้วยความรู้สึกอย่างวัวสันหลังหวะ

ถ้าเป็นเวลาปกติ กิตติทัศน์คงจะผิดสังเกต เพราะแฟนสาวของเขาไม่เคยเป็นฝ่ายเอ่ยเช่นนี้ก่อน ขนาดว่าเขาถามว่ารักเขาบ้างไหม คิดถึงเขาบ้างหรือเปล่า เธอก็ยังไม่ค่อยจะตอบ

แต่วันนี้เหมือนชายหนุ่มมีเรื่องครุ่นคิดอยู่ในใจ จึงไม่ได้สังเกตอาการกระตือรือร้นแปลก ๆ ของลลิตรา

"มารอนานหรือยังคะพี่ติ"

"ยังหรอก พี่ก็เพิ่งมาถึง สั่งอะไรก่อนสิ"

ชายหนุ่มเอ่ยทื่อ ๆ แต่ลลิตราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เธอรีบขอเมนูจากพนักงานและสั่งราดหน้าทะเลที่เธออยากกินมาแล้วหลายวัน

กิตติทัศน์สั่งแค่เครื่องดื่ม เขาบอกว่ายังไม่ค่อยหิว

"จะไม่กินอะไรสักหน่อยหรือคะ นี่มันเที่ยงแล้วนะ พี่ติกินอะไรมาแล้วเหรอ"

"ฮื่อ เพิ่งกินตอนสาย ๆ น่ะ ลูกอมกินเถอะ พี่เลี้ยงเอง"

"งานที่เชียงใหม่เป็นอย่างไรบ้างคะ ปิดโครงการได้เลยใช่ไหม"

หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงสดใส เดาว่าเขาคงเพิ่งได้ค่าคอมมิชชั่นมาเยอะพอสมควร

กิตติทัศน์เป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย และยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเพื่อนสนิทในกลุ่มของเธอ ตอนที่ลลิตราเข้าเรียนปีหนึ่ง เขาก็อยู่ปีสี่ และจีบเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอหน้ากัน

อาจเพราะความสม่ำเสมอของเขาที่เทียวมาแสดงความจริงใจให้เธอเห็นทุกวัน บวกกับแรงเชียร์ของเพื่อน ๆ ทำให้ลลิตรายอมตกลงคบหาเขาเป็นแฟน

จนถึงวันนี้ ก็เป็นเวลาห้าปีพอดี

"อืม ก็ดี บ้านสวยดี..."

ชายหนุ่มตอบอย่างคนใจลอย มองออกไปนอกร้าน สติดูไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัว ลลิตราเอียงคอมองเขาอย่างชั่งใจและกำลังจะถามว่าเขาสบายดีไหม กิตติทัศน์ก็หันกลับมาสบตาเธอพอดี

"ลูกอม... ลูกอมคิดว่าเราสองคนจะมีปัญญาได้อยู่บ้านหรูหลักสิบล้านร้อยล้านแบบนั้นบ้างไหม"

ลลิตราสะดุ้งนิด ๆ

หรือว่ากันตา...เพื่อนสนิทของเธอที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับกิตติทัศน์ จะหลุุดปากบอกออกไปแล้ว

"หมายถึงบ้านหลังไหนหรือคะ"

"ก็บ้านโครงการที่พี่ขายอยู่น่ะ รู้ไหมว่าบ้านราคาเริ่มต้นห้าสิบหกสิบล้าน ไปจนถึงร้อยล้าน แต่แค่เดือนเดียวก็มีคนจองเกือบหมดยูนิต... คนรวยนี่มันรวยจริง ๆ เลยนะ"

อ๋อ...ที่แท้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับบ้านรชตสินะ โล่งอกไปที

"พี่ติชอบบ้านหลังใหญ่ ๆ หรือคะ"

"ชอบสิ ใครล่ะจะไม่ชอบ พี่ฝันทุกครั้งว่าสักวันพี่จะได้อยู่บ้านแบบนั้นบ้าง แบบเดียวกับที่พี่ขายให้ลูกค้า"

"ลูกอมก็เชื่อว่าพี่ติทำได้นะคะ พี่ติเป็นคนเก่ง เก่งมากด้วย"

ลลิตราเอ่ยจริงใจ คนรักของเธอเป็นคนมุ่งมั่น จริงจัง ขยันขันแข็ง และที่สำคัญเป็นคนทะเยอทะยาน เพื่อนร่วมคณะที่จบพร้อมกัน ถ้าไม่ไปสอบราชการก็หางานประจำที่มั่นคงทำ แต่กิตติทัศน์เลือกจะทำงานที่ไม่มีเพดานรายได้อย่างการเป็นฝ่ายขาย

'พี่ชอบงานที่ยิ่งทำเท่าไหร่ก็ยิ่งได้เท่านั้น งานที่จ่ายเงินตามผลงานของเรา...มันคุ้มค่าเหนื่อย'

เขาเคยบอกเธอแบบนี้ และยังบอกด้วยว่างานขายขนมไทยที่เธอทำอยู่มันก็ดี แต่ถ้าเธอขยันทำการตลาดมากกว่านี้ก็คงจะมีโอกาสได้รวยกับเขาบ้าง

'ลูกอมเป็นคนสวย น้าลินก็เคยเป็นดารา พี่ว่าถ้าลูกอมเป็นดาราเหมือนแม่ หรือเอาหน้าออกกล้องแบบอินฟลูเอนเซอร์สมัยนี้ ก็คงไม่ต้องมาทำขนมหลังขดหลังแข็งแบบนี้หรอกนะ'

เขาก็เคยบอกเธอแบบนี้ด้วยเช่นกัน แต่ลลิตราก็มีเหตุผลของตัวเอง เธอแค่ยิ้ม ๆ และเมื่อเขาพูดบ่อยขึ้นเธอก็ตอบเลี่ยงไปทางอื่น

ช่วงปีหลังกิตติทัศน์จึงไม่ค่อยพูดเรื่องนั้นกับเธออีก คงเพราะขี้เกียจจะผลักดันให้คนรักหาเงินให้ได้มาก ๆ อีกแล้วกระมัง

กิตติทัศน์ถอนหายใจท่าทางอึดอัด มองไปทางครัวเหมือนกำลังคิดว่าเมื่อไรอาหารที่ลลิตราสั่งจะมาสักที

"พี่ติมีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมวันนี้ดูแปลก ๆ"

"แปลกเหรอ ไม่หรอก ไม่ได้เจอกันตั้งสามเดือน ลูกอมจะรู้ได้ยังไงว่ามันแปลกหรือไม่แปลก"

หญิงสาวกะพริบตา งุนงง ไม่เข้าใจเลยว่าเขาพูดอะไร

แต่เธอก็เลือกจะไม่เซ้าซี้

ลลิตราไม่เคยจับผิดหรือซักไซ้ให้เขาต้องลำบากใจเลยสักครั้ง แม้งานของกิตติทัศน์จะทำให้เขากับเธอไม่ค่อยได้มีเวลาให้กัน แต่ลลิตราก็สบายใจดีแล้วที่มีระยะห่างระหว่างกันแบบพอดี

"ลูกอม..."

"คะ"

"เราเลิกกันเถอะนะ..."

ลลิตรานิ่งอึ้ง หัวใจพลันหล่นไปอยู่แทบเท้า แต่ยังฝืนหัวเราะเพราะคิดว่าเขากำลังล้อเล่น

"พี่ติพูดอะไรน่ะ ไปเชียงใหม่มาแค่สามเดือนเองนะ หยอกกันแรงเลย"

กิตติทัศน์ถอนหายใจอย่างหม่นหมอง ได้แต่มองเธอด้วยแววตาที่ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่

 "มัน...มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ"

เขามองตาเธอตรง ๆ ไม่คิดจะปกปิดหรือหลบเลี่ยงอีกต่อไป

"พี่ขอโทษจริง ๆ แต่มันไม่ได้เพิ่งเกิดที่เชียงใหม่หรอก พี่กับคุณชลรู้จักกันตั้งแต่ที่กรุงเทพฯ แล้ว ชลเค้าเป็นลูกสาวเจ้านายพี่เอง..."

ชายหนุ่มบอกไม่หมดว่า 'เจ้านาย' ที่เขาหมายถึง ไม่ใช่แค่ระดับหัวหน้า แต่เขาหมายถึง 'ชาญ วรเศรษฐกุล' กรรมการบริหารวรเศรษฐพร็อพเพอร์ตี้ 

ชลธิชา วรเศรษฐกุล เป็นลูกสาวคนโตของชาญ

เป็นหลานสาวคนโตของเจ้าสัวเชียง วรเศรษฐกุล ผู้ก่อร่างสร้างอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ระดับหมื่นล้านอย่าง 'วรเศรษฐพร็อพเพอร์ตี้' ที่กิตติทัศน์ทำงานอยู่

"ตอนแรกชลเขาจะมาบอกลูกอมด้วยตัวเอง แต่พี่ขอไว้ ขอให้พี่ได้เป็นคนพูดเองดีกว่า...มันน่าจะดีกับลูกอมมากกว่า" 

กิตติทัศน์ยังพูดออกมาได้หน้าตาเฉย ราวกับว่าเธอควรจะขอบคุณเขาด้วยซ้ำไป

ลลิตราหูอื้อตาลายอยู่สักพัก ก่อนเค้นถามออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

"ตั้งแต่เมื่อไหร่"

"เกือบสองปีแล้ว"

"แล้วทำไมเพิ่งมาบอกอมตอนนี้..."

"เพราะพี่สงสารลูกอมไง"

เขาบอก

ส่วนลึกก็ยังใจหายและเสียดายที่ต้องปล่อยมือจากลลิตรา...ผู้หญิงที่สวย มีเสน่ห์ และน่าค้นหาที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้จัก

แต่คบกันมาห้าปี เธอยังไม่เคยยอมให้เขาได้เชยชมเลยสักครั้ง กลับต้องปล่อยไปเสียแล้ว

ถ้าไม่เพราะชลธิชาจับได้และยื่นคำขาด เขาก็คงจะยังเก็บเธอไว้ได้ทั้งสองคน 

แต่เมื่ออีกฝ่ายยื่นคำขาดให้มาบอกเลิกทางนี้ กิตติทัศน์ก็ต้องเลือกฝั่งที่เขาคิดว่าดีที่สุด...สำหรับอนาคตของเขา

"พี่ขอโทษ ลูกอมอย่าโกรธพี่เลยนะ ถึงยังไงเราก็คงไปกันได้ไม่รอดหรอก พี่เชื่อว่า...ลูกอมจะหาผู้ชายที่ดีได้มากกว่าพี่ พี่มันแค่ลูกจ้างเขา ถึงอยากดูแลให้ลูกอมได้มีบ้านหลังใหญ่ ๆ ก็คงทำไม่ได้..."

"แล้วอมเคยบอกเหรอว่าอยากอยู่บ้านหลังใหญ่"

ลลิตราโต้กลับไปเสียงแผ่ว พนักงานยกจานราดหน้ามาเสิร์ฟให้พอดีแต่แน่นอนว่าเธอคงกินไม่ลงแล้ว หญิงสาวกัดริมฝีปาก ไม่ยอมให้น้ำตาไหลออกมาตอนนี้ ตรงนี้ เธอกัดฟันหยิบกระเป๋าถือแล้วลุกขึ้นยืนช้า ๆ ให้มั่นคงที่สุด

"ลูกอม จะกลับยังไง ให้พี่ไปส่งไหม"

กิตติทัศน์เงยหน้าถามเธออย่างอาทร อย่างน้อยเขาก็ยังอยากได้อยู่ใกล้ชิดเธออีกสักครั้ง ก่อนจะต้องตัดใจ แต่ลลิตราสบตาเขาด้วยแววตาปวดร้าวขึ้งเคียด แล้วเดินออกจากร้านอาหารไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลย

* * * * *

อีกมุมหนึ่งของประเทศไทย ไกลจากกรุงเทพฯ ไปเจ็ดร้อยกว่ากิโลเมตร

ชลธิชา วรเศรษฐกุล กำลังให้ช่างตัดชุดแต่งงานที่เรียกมาถึงบ้าน วัดตัวใหม่อีกครั้งเพื่อตัดแก้ชุดเจ้าสาวที่เลือกแบบไปแล้วก่อนหน้า เนื่องจากสรีระของเจ้าสาวมีความเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น ชุดเดิมที่ตัดไว้แล้วจึงต้องขยาย

นางวิภาที่นั่งดูอยู่ใกล้ ๆ ชี้บอกช่างคนสนิทด้วยน้ำเสียงกึ่งเหน็ดเหนื่อยกึ่งระอา

"คุณแป้ง ทำระบายฟู ๆ พอง ๆ ตรงหน้าท้องด้วยนะ...ให้พองเยอะ ๆ เลยยิ่งดี"

ช่างฝืนยิ้มเจื่อน ๆ แต่ว่าที่เจ้าสาวสีหน้าน้อยอกน้อยใจ โชติรสที่นั่งใกล้ ๆ หัวเราะคิก

"แหม แม่ก็ร้ายนะ"

"แม่แกนี่นะร้าย? ถ้าฉันร้าย รับรองว่าพี่สาวแกไม่มีทางได้แต่งกับไอ้เซลล์นั่นหรอก พ่อแกส่งให้มาทำงาน ดันมากินบนเรือนขี้บนหลังคา"

"แม่!"

คราวนี้ชลธิชาอดรนทนไม่ไหวร้องขึ้นมา วิภาโบกมือให้ทีมช่างตัดเย็บที่มากันสี่คนออกไปรอข้างนอกก่อน พวกเขารีบออกไปทันที ปล่อยให้แม่ลูกเขาได้คุยกัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 101 ขีดจำกัดของความอดกลั้น

    "แต่ถ้ารวมหุ้นของพี่ชลกับแม่เข้ามาด้วยกัน...""ก็ยังไม่พออยู่ดี"ชลธิชาบอก สีหน้าเคร่งเครียด เธอไม่ได้หวงหุ้นในส่วนของตัวเองอีกแล้ว นาทีนี้การรักษาอำนาจในบริษัทไว้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด"อาชัชคงคิดดักเอาไว้แล้วทุกทางนั่นแหละ เผลอๆ ที่พ่อล้มไป จะเกี่ยวอะไรกับเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้""คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกพี่ชล"โชติรสพยายามเรียกสติ"อาชัชอาจจะขี้อิจฉาก็จริง แต่คงไม่ถึงกับลงมือทำอะไรแบบนั้น...เอาไว้ฉันขอเวลาคิดสักนิด ว่าเราจะทำยังไงกันต่อไปดี"สองพี่น้องสบตากัน น่าจะเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาที่ชลธิชากับโชติรสเพิ่งจะดูเหมือนพี่น้องที่คลานตามกันมาจริงๆ* * * * * "ปิ่นโตค่ะ"เสียงมะนาวไม่มีน้ำดังขึ้นข้างหลัง ลลิตราที่กำลังตัดแต่งไม้แขวนหน้าเรือนจึงหันกลับมาแล้วก็พบว่าน้ำค้างเป็นคนนำอาหารกลางวันมาให้วันนี้ เด็กสาววางเถาลงบนม้านั่งหน้าเรือนอย่างไม่ใส่ใจ"หนูวางตรงนี้นะ""ขอบใจจ้ะ วันนี้น้ำตาลไปไหนล่ะ"ลลิตราก็ทักถามไปอย่างนั้นเอง ใครจะเป็นคนเอาข้าวมาส่งก็ไม่มีปัญหา ให้เธอเดินไปยกสำรับกับข้าวมาเองยังได้เลยถ้าป้าเดือนไม่ห้ามไว้เสียก่อนแต่เหมือนน้ำค้างรอคำถามนั้นอยู่แล้ว มุมปากเด็กสาวยกยิ้มเล็กน้อ

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 100 งูพิษ

    "ว่ายังไงนะ"ชัชวาลถามย้ำแต่เอาเข้าจริงเขาก็ไม่ค่อยแปลกใจนักหรอกแม้โชติรสจะไม่ได้แสดงความต้องการจะเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารบริษัท เธอถึงกับออกไปทำงานเป็นลูกจ้างคนอื่นด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ หญิงสาวอาจนึกขึ้นมาได้เอง หรือมีใครมากระซิบบอก ว่าควรจะต้องปกป้องอำนาจของบิดาไว้ปลายสายที่โทรหาชัชวาลย้ำถึงประโยคที่ตัวเองได้ยินที่โต๊ะอาหารกรรมการบริษัทวัยห้าสิบฟังครู่หนึ่งแล้วก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะถามกลับ"แล้วทำไมนายถึงกล้าเอาเรื่องนี้มาบอกฉัน""ไม่มีอะไรมากไปกว่าผมต้องการเห็นความอยู่รอดของบริษัทครับ ถ้าบริษัทรอดผมก็รอดไปด้วย"ที่แท้คนที่โทรมาคือกิตติทัศน์ เขาพูดอย่างลื่นไหลสมกับที่เคยเป็นพนักงานขายระดับท้อปเซลล์ชัชวาลที่อยู่อีกฟากหนึ่งยิ้มเหยียดเล็กน้อย แต่ก็ยังถามกลับไปอย่างอารมณ์ดี"แล้วนายคิดว่าใครล่ะที่จะพาบริษัทรอด""ถ้าให้เรียนตามตรง เมื่อก่อนก็ต้องเป็นท่านประธานชาญนั่นแหละครับ แต่ตอนนี้พ่อตาของผมท่านก็ล้มป่วยกะทันหันเสียด้วยไม่ทันได้ฝากฝังอะไรกับใครกว่าจะฟื้นมาเป็นปกติได้ก็คงอีกนานเป็นปีผมเองก็เป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆ ในเมื่อพ่อตาของผมอยู่ในสภาพแบบนี้ตอนนี้ผมก็ไม่เห็นใครจะเหมาะสมเท่ากับท่า

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 99 ประชุมบอร์ด

    การล้มป่วยของนายชาญ วรเศรษฐกุลเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเคยคาดคิด แม้แต่เจ้าตัวเองก็เช่นกัน แม้อายุจะเกือบเข้าเลขหกแล้วแต่ชาญเป็นคนสุขภาพแข็งแรง ดูแลตัวเองอย่างดีตลอดเวลาทั้งรูปร่างหน้าตาและสุขภาพภายใน ทุกหกเดือนที่ตรวจร่างกายไม่เคยมีสัญญาณความป่วยไข้ใดๆ แม้แต่น้อย เผลอๆ เขายังจะแข็งแรงกว่าวิภาที่เป็นเมียด้วยซ้ำเมื่อเส้นเลือดในหัวใจของเขาแตกและต้องพักฟื้นยาวๆ แบบนี้ ทั้งเมียและลูกก็ถึงกับช็อกกันไปหมด สภาพที่อ่อนแอลงภายในข้ามคืนของสามีทำให้วิภาต้องกลั้นน้ำตาอยู่บ่อยครั้ง หล่อนสงสารผัวหล่อนเหลือเกิน โชคดีที่หล่อนเป็นคนแข็ง จึงตั้งสติได้ไวโชติรสก็เหมือนจะได้เลือดแม่ด้วยเพราะแม้หวาดกลัวแค่ไหนแต่เธอก็ไม่แสดงออกมากนัก...ไม่เหมือนชลธิชา รายนั้นทำท่าเหมือนชาญอาการเพียบหนักไปเสียแล้ว"พ่อฟื้นก็จริง แต่ก็ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลาไม่ใช่หรือไง..."ชลธิชาทุ่มเถียงกับน้องสาวตอนที่อยู่กันตามลำพัง ท่าทางคนเป็นพี่ทั้งกังวล เครียด และใจเสีย อาจเพราะบิดาคือคนที่ตามใจและเหมือนจะเข้าใจเธอทุกอย่างมาตลอด เป็นไปได้ว่าชลธิชาอาจจะผูกพันและรักพ่อมากกว่าที่ทุกคนเห็น"ก็แค่ช่วยพักฟื้น การผ่าตัดเป็นไปด้วยดีนะพี

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 98 เมื่อโชคชะตากำหนดเอาไว้แบบนี้

    หากเป็นคู่อื่นที่รักกัน ยิ่งหมั้นหมายกันแล้วก็คงจะยิ่งใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น หวานซึ้งมากขึ้น หรือพูดคุยกันมากขึ้นถึงแผนการในอนาคต...อย่างน้อยๆ ก็อนาคตอันใกล้เช่นเรื่องการแต่งงานแต่นี่เหมือนจะเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งเดือนที่ชายหนุ่มกับหญิงสาวออกมากินข้าวด้วยกันอธิปเลือกภัตตาคารในโรงแรมที่หรูหราและเชฟเลื่องชื่อ อย่างน้อยเขาก็อยากให้บรรยากาศช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างกันเพราะถึงตอนนี้แล้วต่างก็รู้กันดีว่าที่หมั้นหมายอยู่นั้นเป็นเรื่องของหน้าตาทางสังคมล้วนๆแม้อธิปจะคิดถึงตัวเองเป็นใหญ่แต่เขาก็ไม่ใจร้ายจนเกินไป ชายหนุ่มถามไถ่ถึงเรื่องราวของเธอระหว่างที่ไม่ได้เจอกันเกือบเดือน "โชไม่เป็นอะไรแล้วล่ะค่ะคุณอาร์ต ร่างกายฟื้นตัวดีแล้ว ผู้หญิงเรามีร่างกายที่แข็งแกร่งมากกว่าที่คุณคิดนะคะ ไม่อย่างนั้นเราคงไม่ได้เป็นเพศแม่แล้วก็คลอดลูกกันได้หลายๆ คนในชั่วชีวิตหนึ่งหรอกค่ะ"โชติรสพูดโดยไม่ได้คิดอะไรมากแต่อธิปสีหน้ารู้สึกผิดเรื่องที่เขาเตรียมจะมาพูดกับเธอจึงยังพูดไม่ออกแต่โชติรสเป็นคนฉลาด เธอฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย"กินข้าวกันก่อนนะคะ แล้วมีอะไรค่อยคุยกันก็ได้ เราไม่ได้รีบไปไหนใช่ไหม"เธอพูดถู

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 97 จะแต่งเมื่อไร

    "มันพูดงั้นหรือไง โอ้โห นิสัย..."ยลดาตาโตขึ้นอีกเมื่อเพื่อนเอ่ยออกมาแบบนั้น เดาว่าอธิปคงพูดจาหมาๆ เหมือนผู้ชายเห็นแก่ตัวทั่วไป 'แน่ใจได้ยังไงว่าใช่ลูกผม' อะไรทำนองนั้นแต่โชติรสส่ายหน้า"ไม่ใช่ คุณอาร์ตไม่ถามเลยสักคำว่าใช่ลูกเขาหรือเปล่า เขาแค่แสดงความรับผิดชอบทั้งที่ไม่ต้องทำก็ได้...""อ้าว! แล้วที่เมื่อกี้แกบอกว่าไม่ใช่ลูก..."ยลดาถามไม่จบเพราะสังหรณ์ใจแปลกๆ ขึ้นมาเสียก่อน จ้องหน้าเพื่อนรักอย่างไม่ค่อยแน่ใจ"ยังไงนะโช...""ฉันบอกว่าลูกในท้องที่แท้งไป ไม่ใช่ลูกคุณอาร์ตหรอก"ยลลดาอ้าปากค้างโชติรสพยักหน้าช้าๆ"ฉันกับคุณอาร์ตไม่เคยไม่ป้องกัน หรือต่อให้พลาด...นับวันดูก็ไม่น่าจะใช่"คนพูดยังพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบอาจเพราะครุ่นคิดเรื่องนี้มานานสักพักแล้ว ตรงข้ามกับคนฟังที่พูดอะไรไม่ออก สีหน้าเหมือนเห็นผีในวัดตอนกลางวันแสกๆนิ่งกันไปสักพักยลดาจึงค่อยหาเสียงตัวเองเจอถาม อึกอักถามออกไป"งั้น...เป็นใคร แกบอกฉันได้ไหม""บอกได้ แต่อย่าด่าฉันนะ...""ทำไมฉันต้องด่า หรือว่า...อย่าบอกนะว่าพ่อของเด็กในท้องคือพี่บอม..."ยลดาถามออกไปด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง บอมหรือบพิตรเพื่อนสนิทของอธิป คนที่เธอปิ๊งตั้งแต

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 96 จะคลั่งตายอยู่แล้ว

    "อื้อหือ หอมออกไปถึงข้างนอกเลยค่ะคุณลูกอม"น้ำตาลที่เดินหิ้วปิ่นโตเถาใหญ่มาหาลลิตราที่บ้านฝรั่ง เอ่ยขึ้นเมื่อกลิ่นเทียนอบหอมอบอวลไปทั่วบ้านเล็กๆ"วันนี้ทำอะไรหรือคะ""กลีบลำดวนจ้ะ""งือ หนูกับน้ำค้างชอบกินม้ากมาก""ได้กินแน่นอนจ้า ไม่ต้องห่วง หนนี้ปั้นไว้เยอะเลย""อุ๊ย! หนูไม่ได้ตั้งใจจะขอกินฟรีนะคะคุณลูกอม"น้ำตาลรีบบอก เด็กสาวไม่ได้คิดเรื่องนั้นจริงๆ แต่ลลิตรายิ้มส่ายหน้านิดๆ"ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ก็ตั้งใจจะแบ่งไปในครัวอยู่แล้วล่ะ กลัวแต่ว่าจะบ่นว่ากินแต่ของหวานๆ แล้วจะเบื่อกันเสียก่อน""อุ๊ย! ไม่เบื่อหรอกค่ะ ยิ่งยัยพี่น้ำค้างนะ ทำหน้าบึ้งเหมือนไม่ชอบ แต่หนูเอาอะไรไปก็เห็นกินหมดเกลี้ยงทุกที"น้ำตาลวางปิ่นโตไว้ที่อีกมุมหนึ่ง วันนี้ในครัวใหญ่ทำแกงจืดวุ้นเส้นเต้าหู้หมูสับที่มีเห็ดหอมสดๆ เยอะพอๆ กับหมูเพราะรู้ว่าทั้งคุณลินดาและลลิตราชอบกินเห็ดหอมมากๆน้ำตาลมาส่งข้าวเสร็จก็ขอตัวกลับไปช่วยงานในครัวเพราะวันนี้ลลิตรายังไม่จำเป็นต้องมีลูกมือ ลลิตราเรียงขนมถาดสุดท้ายเข้าตู้อบเสร็จแล้วก็รอเวลาขนมสุก เธอแบ่งส่วนที่ทำเสร็จไปก่อนหน้านั้นแล้วจัดใส่จานแล้วเดินไปที่ห้องทำงานที่เพิ่งจัดใหม่ เห็นแ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status