ลลิตราสาปส่งอธิปอยู่ในใจมาตลอดทางที่กำลังจะไปห้างสรรพสินค้า ริมฝีปากยังรู้สึกร้อนเห่อ
"ไอ้คนต่ำช้าสารเลว" หญิงสาวเผลอคำรามออกมา คนขับรถแท็กซี่ถึงกับสะดุ้งนิด ๆ แล้วมองกระจกมองหลังอย่างหวาดระแวง คงนึกเสียวสันหลังอยู่บ้างไม่น้อย ชั่วโมงต่อมา ลลิตราก็มาถึงห้างสรรพสินค้าที่นัดกับกิตติทัศน์เอาไว้... หญิงสาวมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย เธอรีบเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา หยิบตลับแป้งมาตบหน้าเบา ๆ อีกรอบและแตะลิปกลอสสีส้มใสที่ริมฝีปากอีกครั้ง...พยายามลบลืมความรู้สึกและการกระทำหยาบเถื่อนของนายอธิป เธอกำลังจะมาเจอคนที่ควรจะได้เป็นเจ้าของจูบแรกของเธอตัวจริง ดังนั้นเธอต้องกำจัดรอยร้อนผ่าวจากผู้ชายอีกคนออกไปให้หมด "พี่ติ!" หญิงสาวร้องออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นว่าคนรักมารอที่ร้านอาหารก่อนแล้ว กิตติทัศน์เพิ่งกลับจากต่างจังหวัด ชายหนุ่มเป็นผู้จัดการฝ่ายขายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง โครงการบ้านจัดสรรระดับลักซูรี่เพิ่งเปิดตัวที่เชียงใหม่ กิตติทัศน์จึงต้องไปเทรนด์งานให้ลูกน้องที่นั่นถึงสามเดือนและเพิ่งกลับมา วันนี้ลลิตราตั้งใจจะบอกเขาว่าแม่ของเธอแต่งงานใหม่และพวกเธอได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของพ่อเลี้ยงแล้ว ที่ผ่านมาหญิงสาวยังไม่ค่อยมั่นใจ จึงไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้คนรักฟัง มีเพียงเพื่อนสนิทแค่ 2 คนเท่านั้นที่รู้ "คิดถึงพี่ติจังเลยค่ะ" ลลิตรารีบเอ่ยออกไปด้วยความรู้สึกอย่างวัวสันหลังหวะ ถ้าเป็นเวลาปกติ กิตติทัศน์คงจะผิดสังเกต เพราะแฟนสาวของเขาไม่เคยเป็นฝ่ายเอ่ยเช่นนี้ก่อน ขนาดว่าเขาถามว่ารักเขาบ้างไหม คิดถึงเขาบ้างหรือเปล่า เธอก็ยังไม่ค่อยจะตอบ แต่วันนี้เหมือนชายหนุ่มมีเรื่องครุ่นคิดอยู่ในใจ จึงไม่ได้สังเกตอาการกระตือรือร้นแปลก ๆ ของลลิตรา "มารอนานหรือยังคะพี่ติ" "ยังหรอก พี่ก็เพิ่งมาถึง สั่งอะไรก่อนสิ" ชายหนุ่มเอ่ยทื่อ ๆ แต่ลลิตราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เธอรีบขอเมนูจากพนักงานและสั่งราดหน้าทะเลที่เธออยากกินมาแล้วหลายวัน กิตติทัศน์สั่งแค่เครื่องดื่ม เขาบอกว่ายังไม่ค่อยหิว "จะไม่กินอะไรสักหน่อยหรือคะ นี่มันเที่ยงแล้วนะ พี่ติกินอะไรมาแล้วเหรอ" "ฮื่อ เพิ่งกินตอนสาย ๆ น่ะ ลูกอมกินเถอะ พี่เลี้ยงเอง" "งานที่เชียงใหม่เป็นอย่างไรบ้างคะ ปิดโครงการได้เลยใช่ไหม" หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงสดใส เดาว่าเขาคงเพิ่งได้ค่าคอมมิชชั่นมาเยอะพอสมควร กิตติทัศน์เป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย และยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเพื่อนสนิทในกลุ่มของเธอ ตอนที่ลลิตราเข้าเรียนปีหนึ่ง เขาก็อยู่ปีสี่ และจีบเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอหน้ากัน อาจเพราะความสม่ำเสมอของเขาที่เทียวมาแสดงความจริงใจให้เธอเห็นทุกวัน บวกกับแรงเชียร์ของเพื่อน ๆ ทำให้ลลิตรายอมตกลงคบหาเขาเป็นแฟน จนถึงวันนี้ ก็เป็นเวลาห้าปีพอดี "อืม ก็ดี บ้านสวยดี..." ชายหนุ่มตอบอย่างคนใจลอย มองออกไปนอกร้าน สติดูไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัว ลลิตราเอียงคอมองเขาอย่างชั่งใจและกำลังจะถามว่าเขาสบายดีไหม กิตติทัศน์ก็หันกลับมาสบตาเธอพอดี "ลูกอม... ลูกอมคิดว่าเราสองคนจะมีปัญญาได้อยู่บ้านหรูหลักสิบล้านร้อยล้านแบบนั้นบ้างไหม" ลลิตราสะดุ้งนิด ๆ หรือว่ากันตา...เพื่อนสนิทของเธอที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับกิตติทัศน์ จะหลุุดปากบอกออกไปแล้ว "หมายถึงบ้านหลังไหนหรือคะ" "ก็บ้านโครงการที่พี่ขายอยู่น่ะ รู้ไหมว่าบ้านราคาเริ่มต้นห้าสิบหกสิบล้าน ไปจนถึงร้อยล้าน แต่แค่เดือนเดียวก็มีคนจองเกือบหมดยูนิต... คนรวยนี่มันรวยจริง ๆ เลยนะ" อ๋อ...ที่แท้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับบ้านรชตสินะ โล่งอกไปที "พี่ติชอบบ้านหลังใหญ่ ๆ หรือคะ" "ชอบสิ ใครล่ะจะไม่ชอบ พี่ฝันทุกครั้งว่าสักวันพี่จะได้อยู่บ้านแบบนั้นบ้าง แบบเดียวกับที่พี่ขายให้ลูกค้า" "ลูกอมก็เชื่อว่าพี่ติทำได้นะคะ พี่ติเป็นคนเก่ง เก่งมากด้วย" ลลิตราเอ่ยจริงใจ คนรักของเธอเป็นคนมุ่งมั่น จริงจัง ขยันขันแข็ง และที่สำคัญเป็นคนทะเยอทะยาน เพื่อนร่วมคณะที่จบพร้อมกัน ถ้าไม่ไปสอบราชการก็หางานประจำที่มั่นคงทำ แต่กิตติทัศน์เลือกจะทำงานที่ไม่มีเพดานรายได้อย่างการเป็นฝ่ายขาย 'พี่ชอบงานที่ยิ่งทำเท่าไหร่ก็ยิ่งได้เท่านั้น งานที่จ่ายเงินตามผลงานของเรา...มันคุ้มค่าเหนื่อย' เขาเคยบอกเธอแบบนี้ และยังบอกด้วยว่างานขายขนมไทยที่เธอทำอยู่มันก็ดี แต่ถ้าเธอขยันทำการตลาดมากกว่านี้ก็คงจะมีโอกาสได้รวยกับเขาบ้าง 'ลูกอมเป็นคนสวย น้าลินก็เคยเป็นดารา พี่ว่าถ้าลูกอมเป็นดาราเหมือนแม่ หรือเอาหน้าออกกล้องแบบอินฟลูเอนเซอร์สมัยนี้ ก็คงไม่ต้องมาทำขนมหลังขดหลังแข็งแบบนี้หรอกนะ' เขาก็เคยบอกเธอแบบนี้ด้วยเช่นกัน แต่ลลิตราก็มีเหตุผลของตัวเอง เธอแค่ยิ้ม ๆ และเมื่อเขาพูดบ่อยขึ้นเธอก็ตอบเลี่ยงไปทางอื่น ช่วงปีหลังกิตติทัศน์จึงไม่ค่อยพูดเรื่องนั้นกับเธออีก คงเพราะขี้เกียจจะผลักดันให้คนรักหาเงินให้ได้มาก ๆ อีกแล้วกระมัง กิตติทัศน์ถอนหายใจท่าทางอึดอัด มองไปทางครัวเหมือนกำลังคิดว่าเมื่อไรอาหารที่ลลิตราสั่งจะมาสักที "พี่ติมีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมวันนี้ดูแปลก ๆ" "แปลกเหรอ ไม่หรอก ไม่ได้เจอกันตั้งสามเดือน ลูกอมจะรู้ได้ยังไงว่ามันแปลกหรือไม่แปลก" หญิงสาวกะพริบตา งุนงง ไม่เข้าใจเลยว่าเขาพูดอะไร แต่เธอก็เลือกจะไม่เซ้าซี้ ลลิตราไม่เคยจับผิดหรือซักไซ้ให้เขาต้องลำบากใจเลยสักครั้ง แม้งานของกิตติทัศน์จะทำให้เขากับเธอไม่ค่อยได้มีเวลาให้กัน แต่ลลิตราก็สบายใจดีแล้วที่มีระยะห่างระหว่างกันแบบพอดี "ลูกอม..." "คะ" "เราเลิกกันเถอะนะ..." ลลิตรานิ่งอึ้ง หัวใจพลันหล่นไปอยู่แทบเท้า แต่ยังฝืนหัวเราะเพราะคิดว่าเขากำลังล้อเล่น"พี่ติพูดอะไรน่ะ ไปเชียงใหม่มาแค่สามเดือนเองนะ หยอกกันแรงเลย"
กิตติทัศน์ถอนหายใจอย่างหม่นหมอง ได้แต่มองเธอด้วยแววตาที่ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่
"มัน...มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ"
เขามองตาเธอตรง ๆ ไม่คิดจะปกปิดหรือหลบเลี่ยงอีกต่อไป
"พี่ขอโทษจริง ๆ แต่มันไม่ได้เพิ่งเกิดที่เชียงใหม่หรอก พี่กับคุณชลรู้จักกันตั้งแต่ที่กรุงเทพฯ แล้ว ชลเค้าเป็นลูกสาวเจ้านายพี่เอง..."
ชายหนุ่มบอกไม่หมดว่า 'เจ้านาย' ที่เขาหมายถึง ไม่ใช่แค่ระดับหัวหน้า แต่เขาหมายถึง 'ชาญ วรเศรษฐกุล' กรรมการบริหารวรเศรษฐพร็อพเพอร์ตี้
ชลธิชา วรเศรษฐกุล เป็นลูกสาวคนโตของชาญ
เป็นหลานสาวคนโตของเจ้าสัวเชียง วรเศรษฐกุล ผู้ก่อร่างสร้างอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ระดับหมื่นล้านอย่าง 'วรเศรษฐพร็อพเพอร์ตี้' ที่กิตติทัศน์ทำงานอยู่
"ตอนแรกชลเขาจะมาบอกลูกอมด้วยตัวเอง แต่พี่ขอไว้ ขอให้พี่ได้เป็นคนพูดเองดีกว่า...มันน่าจะดีกับลูกอมมากกว่า"
กิตติทัศน์ยังพูดออกมาได้หน้าตาเฉย ราวกับว่าเธอควรจะขอบคุณเขาด้วยซ้ำไป
ลลิตราหูอื้อตาลายอยู่สักพัก ก่อนเค้นถามออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
"ตั้งแต่เมื่อไหร่"
"เกือบสองปีแล้ว"
"แล้วทำไมเพิ่งมาบอกอมตอนนี้..."
"เพราะพี่สงสารลูกอมไง"
เขาบอก
ส่วนลึกก็ยังใจหายและเสียดายที่ต้องปล่อยมือจากลลิตรา...ผู้หญิงที่สวย มีเสน่ห์ และน่าค้นหาที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้จัก
แต่คบกันมาห้าปี เธอยังไม่เคยยอมให้เขาได้เชยชมเลยสักครั้ง กลับต้องปล่อยไปเสียแล้ว
ถ้าไม่เพราะชลธิชาจับได้และยื่นคำขาด เขาก็คงจะยังเก็บเธอไว้ได้ทั้งสองคน
แต่เมื่ออีกฝ่ายยื่นคำขาดให้มาบอกเลิกทางนี้ กิตติทัศน์ก็ต้องเลือกฝั่งที่เขาคิดว่าดีที่สุด...สำหรับอนาคตของเขา
"พี่ขอโทษ ลูกอมอย่าโกรธพี่เลยนะ ถึงยังไงเราก็คงไปกันได้ไม่รอดหรอก พี่เชื่อว่า...ลูกอมจะหาผู้ชายที่ดีได้มากกว่าพี่ พี่มันแค่ลูกจ้างเขา ถึงอยากดูแลให้ลูกอมได้มีบ้านหลังใหญ่ ๆ ก็คงทำไม่ได้..."
"แล้วอมเคยบอกเหรอว่าอยากอยู่บ้านหลังใหญ่"
ลลิตราโต้กลับไปเสียงแผ่ว พนักงานยกจานราดหน้ามาเสิร์ฟให้พอดีแต่แน่นอนว่าเธอคงกินไม่ลงแล้ว หญิงสาวกัดริมฝีปาก ไม่ยอมให้น้ำตาไหลออกมาตอนนี้ ตรงนี้ เธอกัดฟันหยิบกระเป๋าถือแล้วลุกขึ้นยืนช้า ๆ ให้มั่นคงที่สุด
"ลูกอม จะกลับยังไง ให้พี่ไปส่งไหม"
กิตติทัศน์เงยหน้าถามเธออย่างอาทร อย่างน้อยเขาก็ยังอยากได้อยู่ใกล้ชิดเธออีกสักครั้ง ก่อนจะต้องตัดใจ แต่ลลิตราสบตาเขาด้วยแววตาปวดร้าวขึ้งเคียด แล้วเดินออกจากร้านอาหารไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลย
* * * * * อีกมุมหนึ่งของประเทศไทย ไกลจากกรุงเทพฯ ไปเจ็ดร้อยกว่ากิโลเมตร ชลธิชา วรเศรษฐกุล กำลังให้ช่างตัดชุดแต่งงานที่เรียกมาถึงบ้าน วัดตัวใหม่อีกครั้งเพื่อตัดแก้ชุดเจ้าสาวที่เลือกแบบไปแล้วก่อนหน้า เนื่องจากสรีระของเจ้าสาวมีความเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น ชุดเดิมที่ตัดไว้แล้วจึงต้องขยาย นางวิภาที่นั่งดูอยู่ใกล้ ๆ ชี้บอกช่างคนสนิทด้วยน้ำเสียงกึ่งเหน็ดเหนื่อยกึ่งระอา "คุณแป้ง ทำระบายฟู ๆ พอง ๆ ตรงหน้าท้องด้วยนะ...ให้พองเยอะ ๆ เลยยิ่งดี" ช่างฝืนยิ้มเจื่อน ๆ แต่ว่าที่เจ้าสาวสีหน้าน้อยอกน้อยใจ โชติรสที่นั่งใกล้ ๆ หัวเราะคิก "แหม แม่ก็ร้ายนะ" "แม่แกนี่นะร้าย? ถ้าฉันร้าย รับรองว่าพี่สาวแกไม่มีทางได้แต่งกับไอ้เซลล์นั่นหรอก พ่อแกส่งให้มาทำงาน ดันมากินบนเรือนขี้บนหลังคา" "แม่!" คราวนี้ชลธิชาอดรนทนไม่ไหวร้องขึ้นมา วิภาโบกมือให้ทีมช่างตัดเย็บที่มากันสี่คนออกไปรอข้างนอกก่อน พวกเขารีบออกไปทันที ปล่อยให้แม่ลูกเขาได้คุยกันอธิปคิดว่าเขาน่าจะพอรอได้จนถึงตีสอง...แต่เพียงแค่เที่ยงคืน เขาก็พาโชติรสนั่งแท็กซี่กลับไปที่เพนท์เฮาส์ของตัวเองทันทีอย่างคนที่ไม่สามารถอดทนรอได้อีกต่อไป... แค่มองตากันครั้งแรก ชายหนุ่มก็รู้ว่าคืนนี้จะไปลงเอยที่ตรงไหน เขาเองก็ร้อนรุ่มมาทั้งวัน ก็คงตั้งแต่ดันไปจูบยัยลูกสาวแม่เลี้ยงของเขาเข้าให้นั่นแหละโชติรสไม่มีเวลากวาดสายตามองรอบ ๆ เพนท์เฮาส์หรูของอธิปด้วยซ้ำ เพราะทันทีที่สองร่างผ่านก้าวเข้าประตูห้องได้ อธิปก็แทบจะผลักเธอติดผนัง ลิ้นและริมฝีปากโรมรันพันตูกันอย่างหิวกระหาย เสื้อสีดำของโชติรสแทบปกปิดอะไรไม่ได้ เพียงแค่เขาล้วงมือเข้าไปก็สัมผัสเนินเนื้อข้างใต้ได้แทบทุกอณู"จะทำตรงนี้เลยเหรอคะ"จังหวะหนึ่งที่โชติรสผละริมฝีปากออกห่างเขาเพื่อหอบหายใจ เธอถามเสียงสั่นพร่าอธิปตอบกลับมาเสียงกระเส่าพอกัน "ได้ทุกที่""งั้นขอบนเตียงได้มั้ย โชผิวบางน่ะ"ดวงตาสีฟ้าของอธิปหรี่ลงเล็กน้อย พริบตาเดียวร่างสูงโปร่งของแอร์โฮสเตสสาวก็ถูกอุ้มลอยหวือขึ้นจากพื้น เสียงโชติรสหวีดร้องเบา ๆ อย่างไม่ทันตั้งตัว อธิปอุ้มหญิงสาวก้าวยาว ๆ ไปที่ห้องนอนจุดหมายคือเตียงกว้างขนาดซูเปอร์คิงไซส์ สั่งทำพิเศษสำหรับคนตัวสูงเกื
ยลดามองไปตามสายตาพี่ชาย แล้วก็นิ่งอึ้งไกลขนาดนี้ก็ยังมองเห็นผู้ชายตัวสูงผมยาวย้อมสีทองโดดเด่นแต่ไกลแต่อะไรก็ไม่เท่ากับเสื้อกีฬายี่ห้อดังสีเขียวสะท้อนแสง กางเกงสีส้ม รองเท้าสีเหลือง...บพิตรยิ้มกว้างเห็นฟันขาวทุกซี่มาแต่ไกล ก่อนจะกึ่งกระโดดกึ่งก้าวยาว ๆ ขึ้นมาหายศกรแล้วกระโดดกอดกันอย่างรักใคร่อธิปที่เดินตามหลังมาส่ายหน้า ไม่รู้ทำไมไอ้เพื่อนคนนี้มันดีดนักถ้าไม่รู้จักกันคงคิดว่าบพิตรเป็นพวกเล่นยาเพราะพลังล้นเหลือเหลือเกิน"โหพี่บอม โคตรคิดถึงเลย ไหนว่าจะยังไม่กลับไทยง่าย ๆ ไง""ไม่กลับไม่ได้ แม่กูยึดบัตรเครดิตไปหมดแล้ว อยู่ต่อก็เหี่ยวแห้งหัวโต"บพิตรตอบตามตรงตามประสาคนจริงใจก่อนหันมาแนะนำเพื่อนที่มาด้วย"ไอ้ยอช นี่เพื่อนพี่ชื่ออาร์ต เพื่อนรักเพื่อนสนิทเลย...ไอ้อาร์ตนี่น้องกู รู้จักกันที่ลอนดอน ชื่อไอ้ยอช"ยศกรยกมือไหว้อย่างนอบน้อมผิดกับลูกหลานไฮโซทั่วไปที่เห็นในละครคุณธรรม"หวัดดีครับพี่อาร์ต ผมชื่อยศครับพี่ แต่ตอนอยู่ลอนดอนเพื่อนฝรั่งเรียกยอช พี่จะเรียกผมว่ายอชอีกคนก็ได้ครับ..."อธิพยักหน้าทักทายเพื่อนรุ่นน้องคนใหม่ ไม่แปลกใจทำไมยศหรือยอชถึงสนิทกับบพิตรได้...ท่าทางคงเป็นพวกไฮเปอร์เห
"ก็หรือไม่จริง นี่ถ้าแกไม่เกิดพลาดขึ้นมา ฉันคงจะไล่มันออกโทษฐานที่มาเจาะไข่แดงลูกสาวฉัน เผลอ ๆ จะจับมันเข้าคุกด้วย" "ชลอายุ 27 แล้วนะ แม่จะเอาติเข้าคุกข้อหาอะไรไม่ทราบ" "ถ้าฉันจะทำ จะข้อหาอะไรก็หายัดมันได้ทั้งนั้นแหละ" วิภาตอบตาเขียว หล่อนมีลูกสาวแค่สองคนคือชลธิชา กับโชติรส ลำพังไม่มีลูกชายให้ตระกูลสามี ก็รู้สึกเสียหน้าพออยู่แล้ว นี่ลูกสาวคนโตยังจะท้องก่อนแต่ง แถมพ่อของเด็กก็เป็นแค่ลูกจ้างในบริษัทตัวเอง หล่อนนี่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่เกือบเดือน กระทั่งตอนนี้ก็ยังคุกรุ่นอยู่ไม่หาย ชลธิชาหน้างอที่แม่ว่าคนรัก ส่วนโชติรสก็ยังคงยิ้มขัน เธอสนุกเสมอเวลาได้เห็นคนในครอบครัวโดยเฉพาะแม่กับพี่สาวโต้คารมกัน วิภาหันมาตาเขียวใส่ลูกสาวคนเล็กบ้าง "แล้วแกล่ะ มานั่งเจ๋อทำอะไร ไม่ต้องรีบไปสนามบินหรือไง เชียงใหม่เดี๋ยวนี้รถมันติดหนักนะยะโดยเฉพาะเส้นนั้นน่ะ" "แหมแม่ โชเป็นแอร์ฯ นะ คนเป็นแอร์ฯ ไม่รู้จักบริหารเวลา ไปไม่ทันเช็คอินก็ตลกตายล่ะ" "เออ ๆ ลูกแต่ละคนมันเก่งกันทั้งนั้น แล้วพักบินทั้งทีแทนที่จะอยู่บ้าน จะไปทำไมนักหนาก็ไม่รู้กรุงเทพฯ น่ะ" "แล้วกรุงเทพไม่ใช่บ้านหรือไงล่ะ" "บ้านป๊าแกกับอีพวกกะหรี
ลลิตราสาปส่งอธิปอยู่ในใจมาตลอดทางที่กำลังจะไปห้างสรรพสินค้า ริมฝีปากยังรู้สึกร้อนเห่อ "ไอ้คนต่ำช้าสารเลว" หญิงสาวเผลอคำรามออกมา คนขับรถแท็กซี่ถึงกับสะดุ้งนิด ๆ แล้วมองกระจกมองหลังอย่างหวาดระแวง คงนึกเสียวสันหลังอยู่บ้างไม่น้อย ชั่วโมงต่อมา ลลิตราก็มาถึงห้างสรรพสินค้าที่นัดกับกิตติทัศน์เอาไว้... หญิงสาวมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย เธอรีบเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา หยิบตลับแป้งมาตบหน้าเบา ๆ อีกรอบและแตะลิปกลอสสีส้มใสที่ริมฝีปากอีกครั้ง...พยายามลบลืมความรู้สึกและการกระทำหยาบเถื่อนของนายอธิป เธอกำลังจะมาเจอคนที่ควรจะได้เป็นเจ้าของจูบแรกของเธอตัวจริง ดังนั้นเธอต้องกำจัดรอยร้อนผ่าวจากผู้ชายอีกคนออกไปให้หมด "พี่ติ!" หญิงสาวร้องออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นว่าคนรักมารอที่ร้านอาหารก่อนแล้ว กิตติทัศน์เพิ่งกลับจากต่างจังหวัด ชายหนุ่มเป็นผู้จัดการฝ่ายขายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง โครงการบ้านจัดสรรระดับลักซูรี่เพิ่งเปิดตัวที่เชียงใหม่ กิตติทัศน์จึงต้องไปเทรนด์งานให้ลูกน้องที่นั่นถึงสามเดือนและเพิ่งกลับมา วันนี้ลลิตราตั้งใจจะบอกเขาว่าแม่ของเธอแต่งงานใหม่และพวกเธอได้ย้ายเข้าไปอยู่ใ
อธิปจ้องเธอ สักพักริมฝีปากบางเฉียบสีสดก็คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์"เธอใช่ไหม มอเตอร์ไซค์คันนั้น"ลลิตรากัดฟันกรอด กำลังจะแหกหน้าเขาด้วยการบอกว่าหมอนี่ขับรถเร็วจนน้ำโคลนกระเซ็นใส่คนริมถนน รถเธอล้ม แถมยังแค่โยนเงินให้ แต่อธิปชิงหันไปหาพ่อของเขาก่อน"ผมจำได้แล้วพ่อ สองสามวันก่อนเกิดอุบัติเหตุ ขับรถเฉี่ยวมอเตอร์ไซค์ ที่แท้ก็เป็นลูกเลี้ยงของพ่อคนนี้นี่เอง"อรรถสีหน้าตกใจ หันไปหาลลิตราทันที"แล้วหนูเป็นอะไรมากไหม ที่บอกว่าแผลตามตัวเพราะรถล้ม ก็เพราะรถนายอาร์ตเองหรือนี่""ค่ะ แผลใกล้จะหายแล้วค่ะ"ลลิตรายกมือแตะโหนกแก้มที่มีพลาสเตอร์ยาปิดอยู่โดยไม่ได้ตั้งใจ อธิปเอ่ยขึ้นมาอีก"ตอนนั้นผมรีบ ไม่ได้ขอคอนแท็กไว้ ได้เจอกันก็ดีแล้ว วันนี้ฉันจะพาเธอไปหาหมอตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้งก็แล้วกัน"หญิงสาวแค่นหัวเราะ คิดว่าเขาพูดเล่น จะมาตรวจอะไรกันตอนนี้ ถ้าสมองเธอกระทบกระเทือนป่านนี้ก็คงตายไปแล้วมั้งแต่อรรถกลับเห็นเป็นเรื่องจริงจัง"ดีแล้ว ดี หนูลูกอม ให้พี่เขาพาไปหาหมออีกครั้งก็แล้วกันนะ ลุงก็ผิดเองไม่ได้ถามให้ละเอียดว่าหนูไปโดนอะไรมา""ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณลุงอรรถ หนูไม่เป็นไร""เป็นหมอหรือไง ฉันบอกว่าจะพาไ
อธิปพูดสวนขึ้นมา สีหน้าเย่อหยิ่ง"และก็ไม่คิดจะมีแม่เลี้ยงคนใหม่ด้วย มีแค่น้านุชเป็นแม่คนเดียวก็พอ"ลินดาหน้าซีดทันตา อรรถหน้าเครียด"เจ้าอาร์ต! ขอโทษน้าลินดาเดี๋ยวนี้!""ขอโทษทำไมครับ ถ้าเมียใหม่พ่อกล้าพอจะแย่งพ่อมาจากน้านุช คำพูดผมแค่นี้ก็ไม่น่าจะทำอะไรเขาได้นะ""ไอ้ลูกเวรนี่ ถ้าแกจะมาทำให้เสียบรรยากาศ ก็ไปซะ จะไปไหนก็ไป"อรรถตัวสั่น เขาไม่เคยดุด่าลูกชายมากไปกว่านี้ แม้จะโกรธจัดอย่างตอนนี้เขาก็ทำได้แค่ชี้มือชี้ไม้ไล่ลูกชายออกไปไกล ๆ แต่อธิปไม่คิดจะไปไหนทั้งนั้น เขาแค่ผิวปากหวือ คำนับให้ลินดาอย่างล้อเลียน โยนกุญแจรถให้คนรถที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่อีกด้านแล้วก็เดินเข้าตัวบ้านไปไม่ใส่ใจใครอีก ไม่แม้แต่จะมองหญิงสาวคนที่เขาเคยขับรถเฉี่ยวเมื่อไม่กี่วันก่อน...หากเขาจะจำได้"ลินดา ผมเสียใจ"อรรถรีบหันมาบอกภรรยาคนใหม่ ลินดาส่ายหน้ายิ้ม ๆ ทั้งที่หน้ายังไร้สีเลือด"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเข้าใจ ไม่ต้องไปดุลูกชายคุณนะคะ ไม่อย่างนั้นเขาจะยิ่งไม่ชอบหน้าฉันกับลูก"อรรถกัดฟันหันมามองหญิงสาวคราวลูกที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ สีหน้ารู้สึกผิด ลลิตราไม่โทษพ่อเลี้ยงของเธอหรอก พวกเขาอยู่กันมาก่อน เธอกับแม่ต่างหากที่มาที