Share

ตอน 4 คนรัก

last update Last Updated: 2025-06-15 18:17:45

ลลิตราสาปส่งอธิปอยู่ในใจมาตลอดทางที่กำลังจะไปห้างสรรพสินค้า ริมฝีปากยังรู้สึกร้อนเห่อ

"ไอ้คนต่ำช้าสารเลว"

หญิงสาวเผลอคำรามออกมา คนขับรถแท็กซี่ถึงกับสะดุ้งนิด ๆ แล้วมองกระจกมองหลังอย่างหวาดระแวง คงนึกเสียวสันหลังอยู่บ้างไม่น้อย

ชั่วโมงต่อมา ลลิตราก็มาถึงห้างสรรพสินค้าที่นัดกับกิตติทัศน์เอาไว้... หญิงสาวมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย เธอรีบเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา หยิบตลับแป้งมาตบหน้าเบา ๆ อีกรอบและแตะลิปกลอสสีส้มใสที่ริมฝีปากอีกครั้ง...พยายามลบลืมความรู้สึกและการกระทำหยาบเถื่อนของนายอธิป

เธอกำลังจะมาเจอคนที่ควรจะได้เป็นเจ้าของจูบแรกของเธอตัวจริง ดังนั้นเธอต้องกำจัดรอยร้อนผ่าวจากผู้ชายอีกคนออกไปให้หมด

"พี่ติ!"

หญิงสาวร้องออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นว่าคนรักมารอที่ร้านอาหารก่อนแล้ว

กิตติทัศน์เพิ่งกลับจากต่างจังหวัด ชายหนุ่มเป็นผู้จัดการฝ่ายขายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง โครงการบ้านจัดสรรระดับลักซูรี่เพิ่งเปิดตัวที่เชียงใหม่ กิตติทัศน์จึงต้องไปเทรนด์งานให้ลูกน้องที่นั่นถึงสามเดือนและเพิ่งกลับมา

วันนี้ลลิตราตั้งใจจะบอกเขาว่าแม่ของเธอแต่งงานใหม่และพวกเธอได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของพ่อเลี้ยงแล้ว

ที่ผ่านมาหญิงสาวยังไม่ค่อยมั่นใจ จึงไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้คนรักฟัง มีเพียงเพื่อนสนิทแค่ 2 คนเท่านั้นที่รู้

"คิดถึงพี่ติจังเลยค่ะ"

ลลิตรารีบเอ่ยออกไปด้วยความรู้สึกอย่างวัวสันหลังหวะ

ถ้าเป็นเวลาปกติ กิตติทัศน์คงจะผิดสังเกต เพราะแฟนสาวของเขาไม่เคยเป็นฝ่ายเอ่ยเช่นนี้ก่อน ขนาดว่าเขาถามว่ารักเขาบ้างไหม คิดถึงเขาบ้างหรือเปล่า เธอก็ยังไม่ค่อยจะตอบ

แต่วันนี้เหมือนชายหนุ่มมีเรื่องครุ่นคิดอยู่ในใจ จึงไม่ได้สังเกตอาการกระตือรือร้นแปลก ๆ ของลลิตรา

"มารอนานหรือยังคะพี่ติ"

"ยังหรอก พี่ก็เพิ่งมาถึง สั่งอะไรก่อนสิ"

ชายหนุ่มเอ่ยทื่อ ๆ แต่ลลิตราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เธอรีบขอเมนูจากพนักงานและสั่งราดหน้าทะเลที่เธออยากกินมาแล้วหลายวัน

กิตติทัศน์สั่งแค่เครื่องดื่ม เขาบอกว่ายังไม่ค่อยหิว

"จะไม่กินอะไรสักหน่อยหรือคะ นี่มันเที่ยงแล้วนะ พี่ติกินอะไรมาแล้วเหรอ"

"ฮื่อ เพิ่งกินตอนสาย ๆ น่ะ ลูกอมกินเถอะ พี่เลี้ยงเอง"

"งานที่เชียงใหม่เป็นอย่างไรบ้างคะ ปิดโครงการได้เลยใช่ไหม"

หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงสดใส เดาว่าเขาคงเพิ่งได้ค่าคอมมิชชั่นมาเยอะพอสมควร

กิตติทัศน์เป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย และยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเพื่อนสนิทในกลุ่มของเธอ ตอนที่ลลิตราเข้าเรียนปีหนึ่ง เขาก็อยู่ปีสี่ และจีบเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอหน้ากัน

อาจเพราะความสม่ำเสมอของเขาที่เทียวมาแสดงความจริงใจให้เธอเห็นทุกวัน บวกกับแรงเชียร์ของเพื่อน ๆ ทำให้ลลิตรายอมตกลงคบหาเขาเป็นแฟน

จนถึงวันนี้ ก็เป็นเวลาห้าปีพอดี

"อืม ก็ดี บ้านสวยดี..."

ชายหนุ่มตอบอย่างคนใจลอย มองออกไปนอกร้าน สติดูไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัว ลลิตราเอียงคอมองเขาอย่างชั่งใจและกำลังจะถามว่าเขาสบายดีไหม กิตติทัศน์ก็หันกลับมาสบตาเธอพอดี

"ลูกอม... ลูกอมคิดว่าเราสองคนจะมีปัญญาได้อยู่บ้านหรูหลักสิบล้านร้อยล้านแบบนั้นบ้างไหม"

ลลิตราสะดุ้งนิด ๆ

หรือว่ากันตา...เพื่อนสนิทของเธอที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับกิตติทัศน์ จะหลุุดปากบอกออกไปแล้ว

"หมายถึงบ้านหลังไหนหรือคะ"

"ก็บ้านโครงการที่พี่ขายอยู่น่ะ รู้ไหมว่าบ้านราคาเริ่มต้นห้าสิบหกสิบล้าน ไปจนถึงร้อยล้าน แต่แค่เดือนเดียวก็มีคนจองเกือบหมดยูนิต... คนรวยนี่มันรวยจริง ๆ เลยนะ"

อ๋อ...ที่แท้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับบ้านรชตสินะ โล่งอกไปที

"พี่ติชอบบ้านหลังใหญ่ ๆ หรือคะ"

"ชอบสิ ใครล่ะจะไม่ชอบ พี่ฝันทุกครั้งว่าสักวันพี่จะได้อยู่บ้านแบบนั้นบ้าง แบบเดียวกับที่พี่ขายให้ลูกค้า"

"ลูกอมก็เชื่อว่าพี่ติทำได้นะคะ พี่ติเป็นคนเก่ง เก่งมากด้วย"

ลลิตราเอ่ยจริงใจ คนรักของเธอเป็นคนมุ่งมั่น จริงจัง ขยันขันแข็ง และที่สำคัญเป็นคนทะเยอทะยาน เพื่อนร่วมคณะที่จบพร้อมกัน ถ้าไม่ไปสอบราชการก็หางานประจำที่มั่นคงทำ แต่กิตติทัศน์เลือกจะทำงานที่ไม่มีเพดานรายได้อย่างการเป็นฝ่ายขาย

'พี่ชอบงานที่ยิ่งทำเท่าไหร่ก็ยิ่งได้เท่านั้น งานที่จ่ายเงินตามผลงานของเรา...มันคุ้มค่าเหนื่อย'

เขาเคยบอกเธอแบบนี้ และยังบอกด้วยว่างานขายขนมไทยที่เธอทำอยู่มันก็ดี แต่ถ้าเธอขยันทำการตลาดมากกว่านี้ก็คงจะมีโอกาสได้รวยกับเขาบ้าง

'ลูกอมเป็นคนสวย น้าลินก็เคยเป็นดารา พี่ว่าถ้าลูกอมเป็นดาราเหมือนแม่ หรือเอาหน้าออกกล้องแบบอินฟลูเอนเซอร์สมัยนี้ ก็คงไม่ต้องมาทำขนมหลังขดหลังแข็งแบบนี้หรอกนะ'

เขาก็เคยบอกเธอแบบนี้ด้วยเช่นกัน แต่ลลิตราก็มีเหตุผลของตัวเอง เธอแค่ยิ้ม ๆ และเมื่อเขาพูดบ่อยขึ้นเธอก็ตอบเลี่ยงไปทางอื่น

ช่วงปีหลังกิตติทัศน์จึงไม่ค่อยพูดเรื่องนั้นกับเธออีก คงเพราะขี้เกียจจะผลักดันให้คนรักหาเงินให้ได้มาก ๆ อีกแล้วกระมัง

กิตติทัศน์ถอนหายใจท่าทางอึดอัด มองไปทางครัวเหมือนกำลังคิดว่าเมื่อไรอาหารที่ลลิตราสั่งจะมาสักที

"พี่ติมีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมวันนี้ดูแปลก ๆ"

"แปลกเหรอ ไม่หรอก ไม่ได้เจอกันตั้งสามเดือน ลูกอมจะรู้ได้ยังไงว่ามันแปลกหรือไม่แปลก"

หญิงสาวกะพริบตา งุนงง ไม่เข้าใจเลยว่าเขาพูดอะไร

แต่เธอก็เลือกจะไม่เซ้าซี้

ลลิตราไม่เคยจับผิดหรือซักไซ้ให้เขาต้องลำบากใจเลยสักครั้ง แม้งานของกิตติทัศน์จะทำให้เขากับเธอไม่ค่อยได้มีเวลาให้กัน แต่ลลิตราก็สบายใจดีแล้วที่มีระยะห่างระหว่างกันแบบพอดี

"ลูกอม..."

"คะ"

"เราเลิกกันเถอะนะ..."

ลลิตรานิ่งอึ้ง หัวใจพลันหล่นไปอยู่แทบเท้า แต่ยังฝืนหัวเราะเพราะคิดว่าเขากำลังล้อเล่น

"พี่ติพูดอะไรน่ะ ไปเชียงใหม่มาแค่สามเดือนเองนะ หยอกกันแรงเลย"

กิตติทัศน์ถอนหายใจอย่างหม่นหมอง ได้แต่มองเธอด้วยแววตาที่ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่

 "มัน...มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ"

เขามองตาเธอตรง ๆ ไม่คิดจะปกปิดหรือหลบเลี่ยงอีกต่อไป

"พี่ขอโทษจริง ๆ แต่มันไม่ได้เพิ่งเกิดที่เชียงใหม่หรอก พี่กับคุณชลรู้จักกันตั้งแต่ที่กรุงเทพฯ แล้ว ชลเค้าเป็นลูกสาวเจ้านายพี่เอง..."

ชายหนุ่มบอกไม่หมดว่า 'เจ้านาย' ที่เขาหมายถึง ไม่ใช่แค่ระดับหัวหน้า แต่เขาหมายถึง 'ชาญ วรเศรษฐกุล' กรรมการบริหารวรเศรษฐพร็อพเพอร์ตี้ 

ชลธิชา วรเศรษฐกุล เป็นลูกสาวคนโตของชาญ

เป็นหลานสาวคนโตของเจ้าสัวเชียง วรเศรษฐกุล ผู้ก่อร่างสร้างอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ระดับหมื่นล้านอย่าง 'วรเศรษฐพร็อพเพอร์ตี้' ที่กิตติทัศน์ทำงานอยู่

"ตอนแรกชลเขาจะมาบอกลูกอมด้วยตัวเอง แต่พี่ขอไว้ ขอให้พี่ได้เป็นคนพูดเองดีกว่า...มันน่าจะดีกับลูกอมมากกว่า" 

กิตติทัศน์ยังพูดออกมาได้หน้าตาเฉย ราวกับว่าเธอควรจะขอบคุณเขาด้วยซ้ำไป

ลลิตราหูอื้อตาลายอยู่สักพัก ก่อนเค้นถามออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

"ตั้งแต่เมื่อไหร่"

"เกือบสองปีแล้ว"

"แล้วทำไมเพิ่งมาบอกอมตอนนี้..."

"เพราะพี่สงสารลูกอมไง"

เขาบอก

ส่วนลึกก็ยังใจหายและเสียดายที่ต้องปล่อยมือจากลลิตรา...ผู้หญิงที่สวย มีเสน่ห์ และน่าค้นหาที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้จัก

แต่คบกันมาห้าปี เธอยังไม่เคยยอมให้เขาได้เชยชมเลยสักครั้ง กลับต้องปล่อยไปเสียแล้ว

ถ้าไม่เพราะชลธิชาจับได้และยื่นคำขาด เขาก็คงจะยังเก็บเธอไว้ได้ทั้งสองคน 

แต่เมื่ออีกฝ่ายยื่นคำขาดให้มาบอกเลิกทางนี้ กิตติทัศน์ก็ต้องเลือกฝั่งที่เขาคิดว่าดีที่สุด...สำหรับอนาคตของเขา

"พี่ขอโทษ ลูกอมอย่าโกรธพี่เลยนะ ถึงยังไงเราก็คงไปกันได้ไม่รอดหรอก พี่เชื่อว่า...ลูกอมจะหาผู้ชายที่ดีได้มากกว่าพี่ พี่มันแค่ลูกจ้างเขา ถึงอยากดูแลให้ลูกอมได้มีบ้านหลังใหญ่ ๆ ก็คงทำไม่ได้..."

"แล้วอมเคยบอกเหรอว่าอยากอยู่บ้านหลังใหญ่"

ลลิตราโต้กลับไปเสียงแผ่ว พนักงานยกจานราดหน้ามาเสิร์ฟให้พอดีแต่แน่นอนว่าเธอคงกินไม่ลงแล้ว หญิงสาวกัดริมฝีปาก ไม่ยอมให้น้ำตาไหลออกมาตอนนี้ ตรงนี้ เธอกัดฟันหยิบกระเป๋าถือแล้วลุกขึ้นยืนช้า ๆ ให้มั่นคงที่สุด

"ลูกอม จะกลับยังไง ให้พี่ไปส่งไหม"

กิตติทัศน์เงยหน้าถามเธออย่างอาทร อย่างน้อยเขาก็ยังอยากได้อยู่ใกล้ชิดเธออีกสักครั้ง ก่อนจะต้องตัดใจ แต่ลลิตราสบตาเขาด้วยแววตาปวดร้าวขึ้งเคียด แล้วเดินออกจากร้านอาหารไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลย

* * * * *

อีกมุมหนึ่งของประเทศไทย ไกลจากกรุงเทพฯ ไปเจ็ดร้อยกว่ากิโลเมตร

ชลธิชา วรเศรษฐกุล กำลังให้ช่างตัดชุดแต่งงานที่เรียกมาถึงบ้าน วัดตัวใหม่อีกครั้งเพื่อตัดแก้ชุดเจ้าสาวที่เลือกแบบไปแล้วก่อนหน้า เนื่องจากสรีระของเจ้าสาวมีความเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น ชุดเดิมที่ตัดไว้แล้วจึงต้องขยาย

นางวิภาที่นั่งดูอยู่ใกล้ ๆ ชี้บอกช่างคนสนิทด้วยน้ำเสียงกึ่งเหน็ดเหนื่อยกึ่งระอา

"คุณแป้ง ทำระบายฟู ๆ พอง ๆ ตรงหน้าท้องด้วยนะ...ให้พองเยอะ ๆ เลยยิ่งดี"

ช่างฝืนยิ้มเจื่อน ๆ แต่ว่าที่เจ้าสาวสีหน้าน้อยอกน้อยใจ โชติรสที่นั่งใกล้ ๆ หัวเราะคิก

"แหม แม่ก็ร้ายนะ"

"แม่แกนี่นะร้าย? ถ้าฉันร้าย รับรองว่าพี่สาวแกไม่มีทางได้แต่งกับไอ้เซลล์นั่นหรอก พ่อแกส่งให้มาทำงาน ดันมากินบนเรือนขี้บนหลังคา"

"แม่!"

คราวนี้ชลธิชาอดรนทนไม่ไหวร้องขึ้นมา วิภาโบกมือให้ทีมช่างตัดเย็บที่มากันสี่คนออกไปรอข้างนอกก่อน พวกเขารีบออกไปทันที ปล่อยให้แม่ลูกเขาได้คุยกัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 47 รักษาสัญญา

    "นายก็ไม่ได้ดีไปกว่าแฟนเก่าฉันหรอก เห็นแก่ตัวเหมือนกัน คิดเข้าข้างตัวเองเหมือนกัน และก็...ตอแยฉันไม่เลิกเหมือนกัน""ฉันไม่ได้..."อธิปนึกอยากจะเถียง แต่จำนนด้วยหลักฐาน เขายอมปล่อยมือออกจากเอวบางอย่างเสียดายแต่ยังไม่ยอมก้าวห่างไปไหน "ฉันไม่เหมือนแฟนเก่าเธอ เพราะฉันยังไม่มีพันธะอะไรกับใคร""คุณโชติรสได้ยินแบบนี้เธอคงยิ้มดีใจสินะ""ฉันกับโช เราไม่ได้จริงจังอะไรขนาดนั้น"อธิปแก้ตัว แล้วเขาก็รู้สึกรังเกียจตัวเองขึ้นมานิดๆ ทันทียังไม่นับว่าตอนนี้ลลิตราก็มองมาด้วยความรู้สึกเดียวกัน...เขามันทุเรศจริงๆ"ช่างฉันเถอะ ฉันมาคุยเรื่องของเรา...อย่าบอกนะว่าเธอไม่เคยรู้สึกกับฉันเลยสักครั้ง..."อธิปยังดื้อดึง ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปากคนตรงหน้ารวดเร็วจนเธอผงะหนีแทบไม่ทัน"เธอรู้สึก ฉันดูออก... ไม่ต้องอายหรอกเพราะฉันก็รู้สึก ฉันแทบบ้าที่รู้ว่าเธออยู่ใกล้แค่นี้แต่ทำอะไรไม่ได้...และฉันไม่คิดจะอดทนอีกต่อไป เธอ...ลูกอม...แฟนเก่าเธอมันแต่งงานไปแล้ว แต่ฉันยังว่าง ฉันให้เธอได้ทุกอย่างขอแค่เธอ..."อธิปละไว้ในฐานที่เข้าใจ ลลิตราแค่นหัวเราะ "นายนี่มันเหลือเชื่อจริงๆ""แล้วมันแปลว่าอะไรล่ะ เยส หรือ โน""แป

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 46 แววตาที่ว่างเปล่า

    "ก็ฉันไม่คิดว่าจะเป็นนายนี่!"ลลิตราเถียง มือยกจับคอเสื้อโดยอัตโนมัติ นึกโล่งอกที่ยังสวมเสื้อชั้นใน และเสื้อนอนผ้าฝ้ายก็ไม่ได้บางจนหมิ่นเหม่"ถ้าไม่ใช่ฉันแล้วเธอเปิดประตูให้ใคร""เปิดให้น้องโอมมั้ง!" หญิงสาวประชด แต่อธิปกลับสีหน้าจริงจัง"ไม่ต้องมากวน! เธอกำลังรอใคร? ถึงได้รีบเปิดประตูแบบไม่คิดอย่างนั้น""เอ๊ะ! มันเรื่องของฉันนะ นายออกไปได้แล้ว มีอะไรไปคุยกับพรุ่งนี้""แต่ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอตอนนี้ เดี๋ยวนี้""ฉันไม่สะดวก"ลลิตราตอบเสียงแข็ง ตามองออกไปนอกประตู หวังให้น้ำตาลหรือแม้แต่น้ำค้างก็ได้ เดินถือถาดอาหารเข้ามาขัดจังหวะอีกเช่นเคยแต่ท่าทางของเธอทำให้อธิปไม่พอใจเพราะคิดว่าเธอกำลังรอใครอยู่จริงๆ เขายื่นแขนที่ยาวกว่าและมีกำลังมากกว่าปิดประตูใส่หน้าเธอดังโครม แถมยังกดล็อกเสร็จสรรพ"นายอธิป! อย่ามาทำตัวแบบนี้กับฉันนะ!""ทำตัวแบบไหน"อธิปเลิกคิ้ว สีหน้ายียวน แต่แววตาที่เข้มขึ้นบ่งบอกว่าเขาไม่อยู่ในอารมณ์ยั่วล้อมีอะไรบางอย่างในท่าทีนั้นที่ทำให้ลลิตรารู้สึกขึ้นมาว่าวันนี้เขาเอาจริง!ถ้อยคำแรงๆ ที่ตั้งใจจะพูดในตอนแรกจึงถูกกลืนกลับไปทันที หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขา ทำใจดีสู้เสือ"นาย...ค

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 45 นี่เปิดประตูให้ทุกคนง่ายๆ แบบนี้ตลอดเลยหรือ

    คืนนั้นโชติรสค้างคืนกับอธิปเหมือนเคยแอร์โฮสเตสสาวฉลาดมากพอที่จะรับรู้ได้ว่า แม้ร่างกายของเขาจะยังคงทำงานอย่างเร่าร้อนและมอบความสุขให้เธอล้นปรี่ แต่หัวใจของอธิปไม่ได้อยู่ที่เธอเลยเขาแทบไม่จูบเธอเลยด้วยซ้ำโชติรสรู้สึกเจ็บหน่วงในใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และคนที่รักตัวเองมากอย่างเธอไม่อยากเห็นตัวเองเป็นแบบนี้แต่ขออีกสักครั้งก่อนเถอะ ขออยู่กับเขาอีกสักคืน อีกสักวัน แล้วเธอค่อยตัดใจ โชติรสบอกตัวเองแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา* * * * *ลลิตราไม่ได้เจอหน้าอธิปมาหลายวันแล้ว วันแรกๆ เธอยังเผลอหวาดระแวง กลัวว่าจู่ๆ เขาก็จะโผล่มาแบบไม่ให้สุุ้มให้เสียงเหมือนครั้งก่อนๆ แต่เมื่อได้ยินว่าอธิปไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้วจริงๆ เธอจึงค่อยสบายใจขึ้นอย่างน้อยก็ไม่ต้องรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ร้อนสลับหนาวเหมือนคนจะเป็นไข้ในแทบทุกครั้งที่ได้สบตากับดวงตาสีฟ้าคู่นั้นลลิตราค่อนข้างแน่ใจว่าดวงตาของอธิปเป็นสีฟ้าสดใสแบบน้ำทะเลในวันไร้คลื่นลม แต่ไม่รู้ทำไมเธอมักได้เห็นมันกลายเป็นสีฟ้าเข้มเหมือนกลางทะเลลึกทึ่พร้อมจะดูดกลืนเธอลงไปได้่เสมอและที่ทำให้เธอตัวสั่นคือสายตาแบบนั้น ราวกับมีไว้เพื่อจ้องมองเธอเพียงผู้เดียวหญิงสาวค

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 44 เขาก็ไม่ควรจะได้อยู่ในบ้านผมอีก

    "เดี๋ยวชล! ผมอธิบายได้!"จะมีสักกี่ประโยคกันเชียวที่คนเรานึกโพล่งออกมาในสถานการณ์แบบนี้"ไม่ต้องอธิบาย! ถ้าอยากอธิบายค่อยไปพูดต่อหน้าอีนี่ บอกมามันอยู่ที่ไหน!""จะบ้าหรือไงคุณชล จะไปหาเขาทำไม...""ปกป้องมันเหรอ!"ชลธิชาที่อดทนอดกลั้นได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีโผเข้าทุบตีกิตติทัศน์ทันที ชายหนุ่มรีบยกมือปัดป้องเป็นพัลวัน เวลาชลธิชาโกรธ เธอน่ากลัวร้อยเท่า แต่เวลาความโกรธนั้นผสมกับความหึงหวง ก็คูณพันเท่าไปเลย"คุณท้องแก่อยู่นะ! ระวังลูกบ้างสิ""จำได้เหมือนกันเหรอว่ามีเมียมีลูกแล้วนะ! แล้วยังจะกล้ากลับไปหามันอีก เลวๆๆ!!!"หญิงสาวกรีดร้องไม่สนว่ากี่โมงกี่ยาม และยิ่งไม่ห่วงใยว่าจะกระทบกระเทือนลูกในครรภ์ กิตติทัศน์เสียอีกยังรู้สึกกลัวว่าเธอจะทำอะไรรุนแรงจนเป็นอันตรายต่อเด็กในท้อง "ชล! ผมบอกแล้วไงว่าหยุดก่อน! คุยกันก่อน!""ไม่!"ยิ่งห้าม ชลธิชาก็ยิ่งกรีดร้อง กิตติทัศน์กำลังละล้าละลังคิดว่าจะวิ่งหนีออกไปเลยดีหรือไม่ แต่พลันนั้นชลธิชาก็หยุดชะงัก ตาเบิกกว้าง..."ชล..."ชายหนุ่มใจหายวาบ ทำไมจู่ๆ ชลธิชาทำหน้าแบบนั้น เขาเริ่มจะกลัวแล้วนะก่อนที่กิตติทัศน์จะคิดไปเองว่าเมียโดนผีเข้ากะทันหัน ชลธิชาที่หน้าซีดข

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 43 โป๊ะแตก!

    เคยคบหากันมาตั้งหลายปี แต่ลลิตราก็เพิ่งรู้ว่ากิตติทัศน์เป็นคนช่างตื๊อได้ขนาดนี้เขาไม่เพียงหาทางส่งข้อความมาหาเธออยู่เรื่อย ๆ ยังไร้มารยาทถึงขั้นกลับมาที่บ้านรชตเพื่อขอพบเธออีกครั้ง แน่นอนว่าลลิตราไม่ยอมออกไปพบ เธอทั้งไม่สบายใจระคนโมโห จนต้องพิมพ์ไลน์ไปฟ้องเพื่อนในกลุ่มไลน์ที่มีกันอยู่สามคนคือเธอ กันตา และอมาวสีกันตา: เดี๋ยวฉันไปด่ามันให้เองกันตาญาติผู้น้องของกิตติทัศน์พิมพ์ตอบกลับมาพร้อมสติ๊กเกอร์รูปโมโหลูกอม: ไม่ต้องด่าไอ้เกี๊ยว ไม่ต้อง ฉันแค่มาบอกแกเฉยๆ เพราะฉันหงุดหงิดลูกอม: กำลังคิดอยู่ว่าหรือจะยอมไปเจอสักครั้งดี ไปคุยกันให้รู้เรื่องอีกสักที เพราะจะว่าไปตั้งแต่เลิกกันก็ยังไม่เคยคุยกันดีๆ อีกเลยอุ๋ม อมาวสี: แต่ไอ้พี่ติมันแต่งงานไปแล้วนะแก ไปเจอแฟนเก่าที่มีเมียแล้วมันจะดีหรอวะอุ๋ม อมาวสี: งั้นเดี๋ยวฉันสองคนไปด้วยดีไหม ไปคุยให้เด็ดขาดว่าไม่ต้องมายุ่งกันอีก ฉันเดาว่าไอ้พี่ติมันคงอยากจับปลาสองมือ มันคงไม่รู้ว่าแก move on ไปแล้วลลิตราเห็นด้วยกับเพื่อนเธอจึงยอมตอบข้อความของกิตติทัศน์ นัดหมายเขาที่คอมูนิตี้ฮอล์ชื่อดังแห่งหนึ่งที่อยู่ติดสถานีรถไฟฟ้า ตั้งใจจะคุยให้เด็ดขาดว่าไม่ต

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 42 ราแจฮยอน

    ในห้องโดยสารชั้นประหยัด เที่ยวบินจากกรุงโซลประเทศเกาหลีใต้ชายร่างสูงผิวขาวจัด ผมดำ สวมแว่นตาดำ และสวมสูทเนี้ยบเรียบกริบไม่มีที่ติ ตั้งแต่เข้าขึ้นเครื่องมา โชติรสยังไม่เห็นเขาถอดแว่นกันแดดออกเลย แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะผู้โดยสารบางคนก็มีอาการตาแพ้แสงที่แปลกมากกว่าคือบุคลิกและวิธีการพูดจาของเขาเหมือนผู้โดยสารชั้นหนึ่งที่เธอคุ้นชินมากกว่า"ขอบใจนะโช ที่มาช่วย"เพื่อนแอร์โฮสเตสด้วยกันเอ่ยกับหญิงสาวเมื่ออยู่ในห้องจัดเตรียมเครื่องดื่ม ปกติโชติรสได้ดูแลลูกค้าในชั้นธุรกิจและเฟิร์สคลาส วันนี้เป็นกรณีพิเศษของเธอ"ไม่เป็นไรหรอก ผู้โดยสารชั้นประหยัดไม่ค่อยรีเควสอะไรหรอก"หญิงสาวเอ่ยขำๆ เพื่อนหัวเราะเบาๆ ด้วย "แต่ผู้ชายคนนั้น ท่าทางหล่อนะ ไม่เห็นถอดแว่นสักที"จู่ๆ เพื่อนก็เอ่ยถึงคนที่โชติรสเพิ่งนึกถึงเหมือนกัน เห็นได้ชัดว่าในบรรดาผู้โดยสารเกือบทั้งลำ เขาก็ยังดูโดดเด่นที่สุด"ถ้าถอดแว่นแล้วอาจจะไม่หล่อก็ได้มั้ง""วุ้ย! ใครจะไปหล่อเท่าคุณอธิปล่ะ จริงปะ"เพื่อนเอ่ยแซว เพราะรู้กันทั่วแล้วว่าโชติรสเป็นคนรักของอธิป รชต ลูกชายเจ้าของและผู้ก่อตั้งบริษัทในเครือสยามเจ็ตแอร์ไลน์โชติรสยิ้มนิดๆ พอให้น่าเอ็

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status