อธิปพูดสวนขึ้นมา สีหน้าเย่อหยิ่ง
"และก็ไม่คิดจะมีแม่เลี้ยงคนใหม่ด้วย มีแค่น้านุชเป็นแม่คนเดียวก็พอ" ลินดาหน้าซีดทันตา อรรถหน้าเครียด "เจ้าอาร์ต! ขอโทษน้าลินดาเดี๋ยวนี้!" "ขอโทษทำไมครับ ถ้าเมียใหม่พ่อกล้าพอจะแย่งพ่อมาจากน้านุช คำพูดผมแค่นี้ก็ไม่น่าจะทำอะไรเขาได้นะ" "ไอ้ลูกเวรนี่ ถ้าแกจะมาทำให้เสียบรรยากาศ ก็ไปซะ จะไปไหนก็ไป" อรรถตัวสั่น เขาไม่เคยดุด่าลูกชายมากไปกว่านี้ แม้จะโกรธจัดอย่างตอนนี้เขาก็ทำได้แค่ชี้มือชี้ไม้ไล่ลูกชายออกไปไกล ๆ แต่อธิปไม่คิดจะไปไหนทั้งนั้น เขาแค่ผิวปากหวือ คำนับให้ลินดาอย่างล้อเลียน โยนกุญแจรถให้คนรถที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่อีกด้านแล้วก็เดินเข้าตัวบ้านไปไม่ใส่ใจใครอีก ไม่แม้แต่จะมองหญิงสาวคนที่เขาเคยขับรถเฉี่ยวเมื่อไม่กี่วันก่อน...หากเขาจะจำได้ "ลินดา ผมเสียใจ" อรรถรีบหันมาบอกภรรยาคนใหม่ ลินดาส่ายหน้ายิ้ม ๆ ทั้งที่หน้ายังไร้สีเลือด "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเข้าใจ ไม่ต้องไปดุลูกชายคุณนะคะ ไม่อย่างนั้นเขาจะยิ่งไม่ชอบหน้าฉันกับลูก" อรรถกัดฟันหันมามองหญิงสาวคราวลูกที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ สีหน้ารู้สึกผิด ลลิตราไม่โทษพ่อเลี้ยงของเธอหรอก พวกเขาอยู่กันมาก่อน เธอกับแม่ต่างหากที่มาทีหลัง * * * * * ในห้องนอนที่แสนกว้างขวาง ตกแต่งอย่างทันสมัยแต่ให้ความรู้สึกอบอุ่น กลิ่นหอมจากเทียนอโรมาลอยฟุ้งชวนให้ผ่อนคลายสมกับที่แม่บ้านว่าไว้ หลังอาบน้ำสระผมแล้วเปลี่ยนมาสวมชุดนอนผ้าฝ้ายสบายตัว ลลิตราก็ทิ้งตัวลงนอนหงายบนเตียงกว้างที่หอมสะอาด ผ้าปูตึงแน่นรับสรีระอย่างพอดี แผลที่ข้อศอกและหัวเข่าก็ล้างทำความสะอาดและปิดพลาสเตอร์ยา ไม่ต้องปิดผ้าพันแผลผืนใหญ่แล้ว โชคดีที่แผลไม่ได้ลึกและใส่ยาฆ่าเชื้อได้ทัน ส่วนวินมอเตอร์ไซค์ก็ไม่ได้บาดเจ็บมากนักเพราะใส่หมวกกันน็อก เธอจ้องเพดานสีครีม มันแตกต่างจากเพดานบ้านเช่าราคาถูกที่เธอเพิ่งจากมา... ยังไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะได้มีโอกาสอยู่ในคฤหาสน์หรู เหมือนในหนังที่แม่ของเธอเคยแสดงเมื่อครั้งยังสาว ๆ แต่แทนที่จะได้ปลาบปลื้มชื่นชมกับความหรูหราสะดวกสบายรอบตัว ใบหน้าของใครบางคนกลับลอยขึ้นมาแทน "นี่เราต้องอยู่ร่วมบ้านกับคนพรรค์นั้นจริง ๆ น่ะเหรอ คนอะไรนิสัยต่ำทราม อย่างกับลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน" หญิงสาวก่นด่าอยู่คนเดียวในห้อง... รู้ว่าไม่เป็นธรรมกับบุพการีของเขาเลย เพราะเท่าที่เธอเห็น คุณลุงอรรถเป็นผู้ชายที่ใจดี อารมณ์ดี ให้เกียรติและจริงใจกับแม่ของเธออย่างแท้จริง 'แม่เลี้ยงของผมมีแค่น้านุช คนที่พ่อทิ้งได้หน้าตาเฉยเพื่อมาแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้' นี่ก็อีกเรื่องที่ทำให้ลลิตราไม่สบายใจอยู่ลึก ๆ แม้อรรถจะยืนยันว่าจีรานุชยินดีเซ็นใบหย่าด้วยความเต็มใจ เพื่อหลีกทางให้เขาแต่งงานใหม่กับแม่ของลลิตรา นั่นเท่ากับว่าแม่ของเธอเป็นภรรยาคนที่สามของอรรถ เพราะก่อนจะแต่งกับคุณจีรานุช อรรถก็มีภรรยาคนแรก... แม่ของนายอธิปนั่นไงล่ะ ลลิตรารู้แค่นั้น รู้ว่าพ่อเลี้ยงแต่งงานมาแล้วสองครั้ง และมีลูกชายกับภรรยาทั้งสองคน คนแรกคืออธิป คนที่สองชื่อว่าโอม อายุน้อยกว่าเธอ แต่เธอยังไม่เคยเจอเขา อรรถบอกว่าลูกชายที่ชื่อโอมเพิ่งเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง และขอย้ายออกไปอยู่หอพักของมหาวิทยาลัยเพราะอยากใช้ชีวิตใกล้ชิดกับเพื่อน ๆ 'นายโอมเป็นเด็กดี นิสัยอ่อนโยนเหมือนแม่ของเขา ลุงคิดว่าถ้าได้เจอกันลูกอมน่าจะเข้ากับน้องได้' พ่อเลี้ยงของเธอเคยบอก และลลิตราก็หวังเอาไว้อย่างนั้น ถ้ามีคนอย่างนายอธิปพร้อมกันถึงสองคน บ้านนี้ก็คงจะลุกเป็นไฟแล้ว * * * * * มื้อเช้ามื้อแรกในบ้านรชต ลลิตรารู้สึกเหมือนตื่นมาในโรงแรม มีอาหารเช้าหลากหลายให้เลือก แถมยังมีแม่บ้านคอยปรนนิบัติชนิดไม่ให้ได้กระดิกตัว ดื่มน้ำพร่องไปสักหน่อย กาแฟลดน้อยลงไปสักนิด ก็มีแม่บ้านปราดเข้ามาเติมให้ทุกที หญิงสาววัย 23-24 อย่างเธอขัดเขินและทำตัวไม่ค่อยจะถูก แต่ลินดากลับสงบนิ่งและดูกลมกลืนราวกับที่ตรงนี้เป็นของเธอมาตั้งแต่ต้น ลินดาสวยสง่าและมีบุคลิกเยือกเย็นสมกับที่เคยเป็นรองนางสาวไทย หากมองผ่านๆใครก็บอกว่าลลิตราสวยเหมือนแม่ แต่ถ้าได้รู้จัก ทุกคนก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านิสัยใจคอของหญิงสาวนั้นไม่เหมือนแม่เอาเสียเลย "เป็นยังไงบ้างหนูลูกอม อาหารเช้าบ้านลุงพอจะกินได้ไหม" อรรถเอ่ยถามอย่างใส่ใจ เด็กสาวคราวลูกพยักหน้ายิ้ม ๆ "อร่อยมากเลยค่ะ ว่าแต่กับข้าวจะเยอะแยะอย่างนี้ทุกเช้าเลยหรือคะ" ลลิตราถามซื่อ ๆ อรรถหัวเราะ "เปล่าหรอก ปกติแม่ครัวเขาก็จะทำตามที่ลุงสั่ง บางวันลุงอยากกินข้าวต้ม บางวันลุงอยากกินอเมริกาเบร็กฟัสต์ ถ้าหนูอยากกินอะไรวันไหนก็สั่งแม่บ้านเขาได้ เขาทำได้ทุกอย่าง" "ขอบคุณมากนะคะ" ลลิตาเอ่ยอีกครั้ง ดูเหมือนตั้งแต่แม่ของเธอได้เจอกับอรรถ เธอก็เอ่ยคำว่าขอบคุณเป็นล้าน ๆ ครั้งแล้ว ถ้าไม่มีผู้ชายคนนี้ ตอนนี้เธอกับแม่ก็คงยังอยู่บ้านเช่าหลังเดิม และเธอก็อาจจะต้องออกไปวิ่งหางานทำเพื่อให้มีเงินเพียงพอมาให้ใช้จ่ายในบ้านรวมถึงจ่ายค่ายารักษาอาการซึมเศร้าของแม่ด้วย "อรุณสวัสดิ์ครับพ่อ อรุณสวัสดิ์ครับคุณแม่เลี้ยง" เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังของใครบางคนดังมาก่อนตัว แต่ลลิตราก็แทบจะอิ่มทันที ผู้ชายคนนี้เสียงนุ่มหล่อ หน้าตาก็ยิ่งหล่อเหลา แต่ไม่รู้ทำไมแค่เขาปรากฏตัวเธอก็รู้สึกได้ถึงมลพิษในอากาศ "ขอกาแฟกับไข่ดาวให้ฉันที" อธิปหันไปสั่ง เด็กสาวแม่บ้านรีบรับคำแล้วหายวับไปในครัว อรรถมองลูกชายด้วยดวงตาแจ่มใส "วันนี้แกตื่นเช้ามากินข้าวกับพ่อ คงจะเป็นวันดี ๆ ของพ่อสินะ" "ก็คงไม่ทุกวันหรอกฮะ วันนี้แค่อยากทำความรู้จักคุณแม่คนใหม่ เมื่อวานขอโทษทีที่ผมทำหยาบคายไปหน่อย" ลินดาฝืนยิ้ม ลลิตราเองก็ไม่ได้โง่ ฟังดูก็รู้ว่านายคนนี้ไม่ได้จริงใจเลยสักนิด อรรถก็ย่อมรู้จักลูกชายตัวเองดี แต่เขาแกล้งไม่รู้... อาจเพราะในใจยังหวัง ว่าอธิปจะยอมรับสมาชิกใหม่ของบ้านได้อย่างเต็มใจ ลลิตราเขี่ยอาหารในจาน วันนี้เธอมีนัดกินข้าวกลางวันกับใครคนหนึ่งที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง กำลังคิดว่าจะมีรถเมล์ผ่านแถวนี้ไหม... ก็รู้สึกเหมือนมีสายตาของใครจ้องมอง เงยหน้าขึ้นก็สบสายตาแรงกล้าของอธิปพอดี... ดวงตาสีฟ้าอมเทาเข้มเปล่งประกายเหมือนจะสะกดให้ลืมหายใจ "นี่...ฉันเคยเจอเธอมาก่อนหรือเปล่า" จู่ ๆ อธิปก็ถามขึ้นพลางจ้องหน้าลลิตราอย่างจริงจัง อรรถเลิกคิ้ว ลินดาก็เงยหน้าขึ้นทันทีเช่นกัน หญิงสาวที่อ่อนวัยที่สุดในโต๊ะส่งเสียงฮึเบา ๆ "จำได้แล้วเหรอ...คะ""แต่ถ้ารวมหุ้นของพี่ชลกับแม่เข้ามาด้วยกัน...""ก็ยังไม่พออยู่ดี"ชลธิชาบอก สีหน้าเคร่งเครียด เธอไม่ได้หวงหุ้นในส่วนของตัวเองอีกแล้ว นาทีนี้การรักษาอำนาจในบริษัทไว้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด"อาชัชคงคิดดักเอาไว้แล้วทุกทางนั่นแหละ เผลอๆ ที่พ่อล้มไป จะเกี่ยวอะไรกับเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้""คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกพี่ชล"โชติรสพยายามเรียกสติ"อาชัชอาจจะขี้อิจฉาก็จริง แต่คงไม่ถึงกับลงมือทำอะไรแบบนั้น...เอาไว้ฉันขอเวลาคิดสักนิด ว่าเราจะทำยังไงกันต่อไปดี"สองพี่น้องสบตากัน น่าจะเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาที่ชลธิชากับโชติรสเพิ่งจะดูเหมือนพี่น้องที่คลานตามกันมาจริงๆ* * * * * "ปิ่นโตค่ะ"เสียงมะนาวไม่มีน้ำดังขึ้นข้างหลัง ลลิตราที่กำลังตัดแต่งไม้แขวนหน้าเรือนจึงหันกลับมาแล้วก็พบว่าน้ำค้างเป็นคนนำอาหารกลางวันมาให้วันนี้ เด็กสาววางเถาลงบนม้านั่งหน้าเรือนอย่างไม่ใส่ใจ"หนูวางตรงนี้นะ""ขอบใจจ้ะ วันนี้น้ำตาลไปไหนล่ะ"ลลิตราก็ทักถามไปอย่างนั้นเอง ใครจะเป็นคนเอาข้าวมาส่งก็ไม่มีปัญหา ให้เธอเดินไปยกสำรับกับข้าวมาเองยังได้เลยถ้าป้าเดือนไม่ห้ามไว้เสียก่อนแต่เหมือนน้ำค้างรอคำถามนั้นอยู่แล้ว มุมปากเด็กสาวยกยิ้มเล็กน้อ
"ว่ายังไงนะ"ชัชวาลถามย้ำแต่เอาเข้าจริงเขาก็ไม่ค่อยแปลกใจนักหรอกแม้โชติรสจะไม่ได้แสดงความต้องการจะเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารบริษัท เธอถึงกับออกไปทำงานเป็นลูกจ้างคนอื่นด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ หญิงสาวอาจนึกขึ้นมาได้เอง หรือมีใครมากระซิบบอก ว่าควรจะต้องปกป้องอำนาจของบิดาไว้ปลายสายที่โทรหาชัชวาลย้ำถึงประโยคที่ตัวเองได้ยินที่โต๊ะอาหารกรรมการบริษัทวัยห้าสิบฟังครู่หนึ่งแล้วก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะถามกลับ"แล้วทำไมนายถึงกล้าเอาเรื่องนี้มาบอกฉัน""ไม่มีอะไรมากไปกว่าผมต้องการเห็นความอยู่รอดของบริษัทครับ ถ้าบริษัทรอดผมก็รอดไปด้วย"ที่แท้คนที่โทรมาคือกิตติทัศน์ เขาพูดอย่างลื่นไหลสมกับที่เคยเป็นพนักงานขายระดับท้อปเซลล์ชัชวาลที่อยู่อีกฟากหนึ่งยิ้มเหยียดเล็กน้อย แต่ก็ยังถามกลับไปอย่างอารมณ์ดี"แล้วนายคิดว่าใครล่ะที่จะพาบริษัทรอด""ถ้าให้เรียนตามตรง เมื่อก่อนก็ต้องเป็นท่านประธานชาญนั่นแหละครับ แต่ตอนนี้พ่อตาของผมท่านก็ล้มป่วยกะทันหันเสียด้วยไม่ทันได้ฝากฝังอะไรกับใครกว่าจะฟื้นมาเป็นปกติได้ก็คงอีกนานเป็นปีผมเองก็เป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆ ในเมื่อพ่อตาของผมอยู่ในสภาพแบบนี้ตอนนี้ผมก็ไม่เห็นใครจะเหมาะสมเท่ากับท่า
การล้มป่วยของนายชาญ วรเศรษฐกุลเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเคยคาดคิด แม้แต่เจ้าตัวเองก็เช่นกัน แม้อายุจะเกือบเข้าเลขหกแล้วแต่ชาญเป็นคนสุขภาพแข็งแรง ดูแลตัวเองอย่างดีตลอดเวลาทั้งรูปร่างหน้าตาและสุขภาพภายใน ทุกหกเดือนที่ตรวจร่างกายไม่เคยมีสัญญาณความป่วยไข้ใดๆ แม้แต่น้อย เผลอๆ เขายังจะแข็งแรงกว่าวิภาที่เป็นเมียด้วยซ้ำเมื่อเส้นเลือดในหัวใจของเขาแตกและต้องพักฟื้นยาวๆ แบบนี้ ทั้งเมียและลูกก็ถึงกับช็อกกันไปหมด สภาพที่อ่อนแอลงภายในข้ามคืนของสามีทำให้วิภาต้องกลั้นน้ำตาอยู่บ่อยครั้ง หล่อนสงสารผัวหล่อนเหลือเกิน โชคดีที่หล่อนเป็นคนแข็ง จึงตั้งสติได้ไวโชติรสก็เหมือนจะได้เลือดแม่ด้วยเพราะแม้หวาดกลัวแค่ไหนแต่เธอก็ไม่แสดงออกมากนัก...ไม่เหมือนชลธิชา รายนั้นทำท่าเหมือนชาญอาการเพียบหนักไปเสียแล้ว"พ่อฟื้นก็จริง แต่ก็ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลาไม่ใช่หรือไง..."ชลธิชาทุ่มเถียงกับน้องสาวตอนที่อยู่กันตามลำพัง ท่าทางคนเป็นพี่ทั้งกังวล เครียด และใจเสีย อาจเพราะบิดาคือคนที่ตามใจและเหมือนจะเข้าใจเธอทุกอย่างมาตลอด เป็นไปได้ว่าชลธิชาอาจจะผูกพันและรักพ่อมากกว่าที่ทุกคนเห็น"ก็แค่ช่วยพักฟื้น การผ่าตัดเป็นไปด้วยดีนะพี
หากเป็นคู่อื่นที่รักกัน ยิ่งหมั้นหมายกันแล้วก็คงจะยิ่งใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น หวานซึ้งมากขึ้น หรือพูดคุยกันมากขึ้นถึงแผนการในอนาคต...อย่างน้อยๆ ก็อนาคตอันใกล้เช่นเรื่องการแต่งงานแต่นี่เหมือนจะเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งเดือนที่ชายหนุ่มกับหญิงสาวออกมากินข้าวด้วยกันอธิปเลือกภัตตาคารในโรงแรมที่หรูหราและเชฟเลื่องชื่อ อย่างน้อยเขาก็อยากให้บรรยากาศช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างกันเพราะถึงตอนนี้แล้วต่างก็รู้กันดีว่าที่หมั้นหมายอยู่นั้นเป็นเรื่องของหน้าตาทางสังคมล้วนๆแม้อธิปจะคิดถึงตัวเองเป็นใหญ่แต่เขาก็ไม่ใจร้ายจนเกินไป ชายหนุ่มถามไถ่ถึงเรื่องราวของเธอระหว่างที่ไม่ได้เจอกันเกือบเดือน "โชไม่เป็นอะไรแล้วล่ะค่ะคุณอาร์ต ร่างกายฟื้นตัวดีแล้ว ผู้หญิงเรามีร่างกายที่แข็งแกร่งมากกว่าที่คุณคิดนะคะ ไม่อย่างนั้นเราคงไม่ได้เป็นเพศแม่แล้วก็คลอดลูกกันได้หลายๆ คนในชั่วชีวิตหนึ่งหรอกค่ะ"โชติรสพูดโดยไม่ได้คิดอะไรมากแต่อธิปสีหน้ารู้สึกผิดเรื่องที่เขาเตรียมจะมาพูดกับเธอจึงยังพูดไม่ออกแต่โชติรสเป็นคนฉลาด เธอฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย"กินข้าวกันก่อนนะคะ แล้วมีอะไรค่อยคุยกันก็ได้ เราไม่ได้รีบไปไหนใช่ไหม"เธอพูดถู
"มันพูดงั้นหรือไง โอ้โห นิสัย..."ยลดาตาโตขึ้นอีกเมื่อเพื่อนเอ่ยออกมาแบบนั้น เดาว่าอธิปคงพูดจาหมาๆ เหมือนผู้ชายเห็นแก่ตัวทั่วไป 'แน่ใจได้ยังไงว่าใช่ลูกผม' อะไรทำนองนั้นแต่โชติรสส่ายหน้า"ไม่ใช่ คุณอาร์ตไม่ถามเลยสักคำว่าใช่ลูกเขาหรือเปล่า เขาแค่แสดงความรับผิดชอบทั้งที่ไม่ต้องทำก็ได้...""อ้าว! แล้วที่เมื่อกี้แกบอกว่าไม่ใช่ลูก..."ยลดาถามไม่จบเพราะสังหรณ์ใจแปลกๆ ขึ้นมาเสียก่อน จ้องหน้าเพื่อนรักอย่างไม่ค่อยแน่ใจ"ยังไงนะโช...""ฉันบอกว่าลูกในท้องที่แท้งไป ไม่ใช่ลูกคุณอาร์ตหรอก"ยลลดาอ้าปากค้างโชติรสพยักหน้าช้าๆ"ฉันกับคุณอาร์ตไม่เคยไม่ป้องกัน หรือต่อให้พลาด...นับวันดูก็ไม่น่าจะใช่"คนพูดยังพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบอาจเพราะครุ่นคิดเรื่องนี้มานานสักพักแล้ว ตรงข้ามกับคนฟังที่พูดอะไรไม่ออก สีหน้าเหมือนเห็นผีในวัดตอนกลางวันแสกๆนิ่งกันไปสักพักยลดาจึงค่อยหาเสียงตัวเองเจอถาม อึกอักถามออกไป"งั้น...เป็นใคร แกบอกฉันได้ไหม""บอกได้ แต่อย่าด่าฉันนะ...""ทำไมฉันต้องด่า หรือว่า...อย่าบอกนะว่าพ่อของเด็กในท้องคือพี่บอม..."ยลดาถามออกไปด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง บอมหรือบพิตรเพื่อนสนิทของอธิป คนที่เธอปิ๊งตั้งแต
"อื้อหือ หอมออกไปถึงข้างนอกเลยค่ะคุณลูกอม"น้ำตาลที่เดินหิ้วปิ่นโตเถาใหญ่มาหาลลิตราที่บ้านฝรั่ง เอ่ยขึ้นเมื่อกลิ่นเทียนอบหอมอบอวลไปทั่วบ้านเล็กๆ"วันนี้ทำอะไรหรือคะ""กลีบลำดวนจ้ะ""งือ หนูกับน้ำค้างชอบกินม้ากมาก""ได้กินแน่นอนจ้า ไม่ต้องห่วง หนนี้ปั้นไว้เยอะเลย""อุ๊ย! หนูไม่ได้ตั้งใจจะขอกินฟรีนะคะคุณลูกอม"น้ำตาลรีบบอก เด็กสาวไม่ได้คิดเรื่องนั้นจริงๆ แต่ลลิตรายิ้มส่ายหน้านิดๆ"ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ก็ตั้งใจจะแบ่งไปในครัวอยู่แล้วล่ะ กลัวแต่ว่าจะบ่นว่ากินแต่ของหวานๆ แล้วจะเบื่อกันเสียก่อน""อุ๊ย! ไม่เบื่อหรอกค่ะ ยิ่งยัยพี่น้ำค้างนะ ทำหน้าบึ้งเหมือนไม่ชอบ แต่หนูเอาอะไรไปก็เห็นกินหมดเกลี้ยงทุกที"น้ำตาลวางปิ่นโตไว้ที่อีกมุมหนึ่ง วันนี้ในครัวใหญ่ทำแกงจืดวุ้นเส้นเต้าหู้หมูสับที่มีเห็ดหอมสดๆ เยอะพอๆ กับหมูเพราะรู้ว่าทั้งคุณลินดาและลลิตราชอบกินเห็ดหอมมากๆน้ำตาลมาส่งข้าวเสร็จก็ขอตัวกลับไปช่วยงานในครัวเพราะวันนี้ลลิตรายังไม่จำเป็นต้องมีลูกมือ ลลิตราเรียงขนมถาดสุดท้ายเข้าตู้อบเสร็จแล้วก็รอเวลาขนมสุก เธอแบ่งส่วนที่ทำเสร็จไปก่อนหน้านั้นแล้วจัดใส่จานแล้วเดินไปที่ห้องทำงานที่เพิ่งจัดใหม่ เห็นแ