อธิปคิดว่าเขาน่าจะพอรอได้จนถึงตีสอง...
แต่เพียงแค่เที่ยงคืน เขาก็พาโชติรสนั่งแท็กซี่กลับไปที่เพนท์เฮาส์ของตัวเองทันทีอย่างคนที่ไม่สามารถอดทนรอได้อีกต่อไป... แค่มองตากันครั้งแรก ชายหนุ่มก็รู้ว่าคืนนี้จะไปลงเอยที่ตรงไหน เขาเองก็ร้อนรุ่มมาทั้งวัน ก็คงตั้งแต่ดันไปจูบยัยลูกสาวแม่เลี้ยงของเขาเข้าให้นั่นแหละ
โชติรสไม่มีเวลากวาดสายตามองรอบ ๆ เพนท์เฮาส์หรูของอธิปด้วยซ้ำ เพราะทันทีที่สองร่างผ่านก้าวเข้าประตูห้องได้ อธิปก็แทบจะผลักเธอติดผนัง ลิ้นและริมฝีปากโรมรันพันตูกันอย่างหิวกระหาย เสื้อสีดำของโชติรสแทบปกปิดอะไรไม่ได้ เพียงแค่เขาล้วงมือเข้าไปก็สัมผัสเนินเนื้อข้างใต้ได้แทบทุกอณู
"จะทำตรงนี้เลยเหรอคะ"
จังหวะหนึ่งที่โชติรสผละริมฝีปากออกห่างเขาเพื่อหอบหายใจ เธอถามเสียงสั่นพร่า
อธิปตอบกลับมาเสียงกระเส่าพอกัน "ได้ทุกที่"
"งั้นขอบนเตียงได้มั้ย โชผิวบางน่ะ"
ดวงตาสีฟ้าของอธิปหรี่ลงเล็กน้อย พริบตาเดียวร่างสูงโปร่งของแอร์โฮสเตสสาวก็ถูกอุ้มลอยหวือขึ้นจากพื้น เสียงโชติรสหวีดร้องเบา ๆ อย่างไม่ทันตั้งตัว อธิปอุ้มหญิงสาวก้าวยาว ๆ ไปที่ห้องนอนจุดหมายคือเตียงกว้างขนาดซูเปอร์คิงไซส์ สั่งทำพิเศษสำหรับคนตัวสูงเกือบสองเมตรอย่างเขา
"แป๊บนะ"
อธิปกระซิบบอก ปล่อยร่างบางนอนกระเส่า เสื้อสีดำของหญิงสาวถูกถอดออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วไม่รู้ เหลือเพียงแพนตี้จีสตริงที่ด้านหน้าเป็นลูกไม้โปร่งบางสีดำ เหตุผลที่ชายหนุ่มปล่อยให้เธอรอเพราะเขากำลังเอี้ยวตัวไปหยิบซองฟอยล์ที่อยู่บนหัวเตียง เขาใช้ปากฉีกออกลวก ๆ ดึงของที่อยู่ด้านในออกมาอย่างระมัดระวังแต่ช่ำชอง ก่อนจะสวมมันลงกับอนาคอนด้ายักษ์ที่พร้อมจะฉกกินเหยื่อเต็มที่แล้ว
"อ๊า..."
โชติรสร้องเสียงหวานเมื่อเขาใช้ปลายนิ้วสำรวจช่องทางเพื่อความแน่ใจ ขาเรียวกางแผ่ เปิดกว้างเป็นสัญญาณว่าเธอพร้อม
และเมื่อชายหนุ่มลูกครึ่งกดสะโพกลงมา หญิงสาวก็ถึงกับผวาเฮือก เสียงร้องแหลมดังยิ่งกว่าเก่าก่อนเจ้าตัวจะยกมือปิดปากพยายามระงับเสียงนั้นไว้“ไม่ต้อง...” อธิปตะโกนเสียงเข้ม “ไม่ต้องเก็บเสียง”
เขาเร่งจังหวะถี่และแรง ปลดปล่อยความต้องการที่อัดแน่นมาตลอดหัวค่ำ
โชติรสครวญคราง ร่างสั่นสะท้าน เสียวซ่านทะลุไปถึงปลายเท้า ทั้งที่รู้ว่าด้วยร่างสูงใหญ่ของอธิป สิ่งที่ซ่อนอยู่นั้นคงไม่ธรรมดา แต่พอได้สัมผัสจริง ๆ เธอก็แทบจะจุกจนพูดไม่ออก
แต่มันอึดอัดแค่ชั่วครู่ เพราะนาทีต่อมาเธอกลับขอร้องเสียงแหบพร่า “แรง ๆ เลย...ไม่ต้องเกรงใจฉัน”
"แน่ใจนะ ผมไม่อยากให้พรุ่งนี้คุณลำบาก""ไม่...อึ้ก...มาเถอะ"
โชติรสยอมทุกอย่าง ก็ใช่ว่าทุกคนจะได้ลิ้มลองไส้กรอกฝรั่งเศสไซซ์ซูเปอร์บิ๊กกันบ่อย ๆ งานนี้แอร์โฮสเตสสาวสู้ตาย เพราะรู้ว่าสวรรค์ชั้นฟ้าที่เธอตะกายหาอยู่แค่เอื้อมนี้เอง
* * * * * รุ่งเช้าลลิตราตื่นเมื่อตะวันสายโด่ง ลินดามาเคาะประตูห้องนอนลูกสาว เด็กรับใช้ที่ชื่อน้ำตาลยกถาดอาหารเช้าขึ้นมาพร้อมกันด้วย
"ลูกอม อาการดีขึ้นหรือยังลูก ถ้ายังไม่ดีขึ้น วันนี้คุณอรรถจะให้คนไปส่งโรงพยาบาลเอง..."
"หนูโอเคแล้วค่ะแม่"
หญิงสาวรีบส่งยิ้มแม้ยังงัวเงียเล็กน้อย ตายังบวมตุ่ยเพราะร้องไห้มาทั้งคืน แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกโล่งอย่างไม่น่าเชื่อ มองถาดอาหารเช้าอย่างขัดเขิน
"หนูขออาบน้ำแต่งตัวแล้วค่อยลงไปกินข้าวก็ได้ค่ะแม่ ไม่ต้องยกมาให้ถึงนี่ก็ได้"
"นี่ก็คุณอรรถสั่งอีกเหมือนกัน"
ลินดาเอ่ยยิ้ม ๆ
นั่นสิ...แม่ของเธอจะกล้าสั่งให้แม่บ้านคนรับใช้ทำโน่นทำนี่ได้อย่างไร ในหนังในละคร แม่ของลลิตราอาจวางมาดเหมือนเจ้าหญิง แต่ชีวิตจริงของลินดา เมธานันท์ ก็แค่คนธรรมดาที่ไม่มีอำนาจหรือเงินตราอะไรเลย
ยังไม่นับว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมา ลลิตราต่างหากที่เป็นฝ่ายดูแลแม่ ไม่ใช่แม่มาดูแลเธอแบบนี้...
"ขอบคุณนะจ๊ะ หนูชื่อน้ำตาลใช่ไหม"
หญิงสาวหันไปถามเด็กรับใช้ที่ยังยืนก้มหน้าสำรวมอยู่ในห้อง น้ำตาลรีบเงยหน้าขึ้น ส่งยิ้มซื่อ ๆ มาให้แล้วพยักหน้า
"ใช่ค่ะ"
"อายุเท่าไหร่เหรอ ยังดูเด็กอยู่เลย"
"สิบแปดแล้วค่ะ หนูจบ ม.3 แล้วค่ะ"
น้ำตาลรีบตอบเหมือนกลัวว่าถ้าอายุน้อยไปกว่านี้ก็จะไม่ได้ทำงานที่นี่ต่อ
"ขอบใจนะจ๊ะ...เอ่อ เดี๋ยวฉันกินข้าวเสร็จแล้วจะยกถาดไปเก็บเอง น้ำตาลไม่ต้องอยู่รอก็ได้จ้ะ"
น้ำตาลพยักหน้า เข้าใจทันทีว่าผู้เป็นนายต้องการอยู่กันตามลำพังแม่ลูก จึงค่อยออกจากห้องไป
ลลิตราจับมือคนเป็นแม่มาบีบ
"แม่กินยา...วิตามิน...ของเช้านี้หรือยัง"
"อะไรกัน มาถามอะไรแม่ ตัวเองนั่นแหละรีบมากินข้าวก่อนเถอะ"
ลินดาบอก คนเป็นลูกยิ้ม รีบลุกไปล้างหน้าล้างตา
เมื่อออกจากห้องน้ำ ลินดาก็บอก "มีคนโทรมา แต่แม่ไม่ได้รับสาย ลองดูซิลูกว่าใคร เผื่อเขามีธุระด่วน"
ลลิตราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
ไม่มีชื่อของกิตติทัศน์เพราะเมื่อวานเธอบล็อกเขาไปแล้วในทุกช่องทาง
แต่สายที่กระหน่ำโทร และยังข้อความในไลน์กลุ่มที่ยาวเหยียด คือเพื่อนสนิทของเธอสองคน...
"กันตา" กับ "อมาวสี"
แสดงว่าสองคนนั้นคงรู้เรื่องที่กิตติทัศน์บอกเลิกเธอเมื่อวานแล้วสินะ
แปลกที่ลลิตรากลับยิ้มออกมาได้ แม้แต่หัวใจดวงแกร่งที่สุดก็ยังรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเมื่อรู้ว่ามีคนเป็นห่วงเป็นใย
ไว้กินข้าวเช้าเสร็จ แล้วเธอค่อยส่งข้อความเข้าไปในกลุ่มไลน์ที่มีกันอยู่แค่สามคนนี้ก็แล้วกัน
"นายก็ไม่ได้ดีไปกว่าแฟนเก่าฉันหรอก เห็นแก่ตัวเหมือนกัน คิดเข้าข้างตัวเองเหมือนกัน และก็...ตอแยฉันไม่เลิกเหมือนกัน""ฉันไม่ได้..."อธิปนึกอยากจะเถียง แต่จำนนด้วยหลักฐาน เขายอมปล่อยมือออกจากเอวบางอย่างเสียดายแต่ยังไม่ยอมก้าวห่างไปไหน "ฉันไม่เหมือนแฟนเก่าเธอ เพราะฉันยังไม่มีพันธะอะไรกับใคร""คุณโชติรสได้ยินแบบนี้เธอคงยิ้มดีใจสินะ""ฉันกับโช เราไม่ได้จริงจังอะไรขนาดนั้น"อธิปแก้ตัว แล้วเขาก็รู้สึกรังเกียจตัวเองขึ้นมานิดๆ ทันทียังไม่นับว่าตอนนี้ลลิตราก็มองมาด้วยความรู้สึกเดียวกัน...เขามันทุเรศจริงๆ"ช่างฉันเถอะ ฉันมาคุยเรื่องของเรา...อย่าบอกนะว่าเธอไม่เคยรู้สึกกับฉันเลยสักครั้ง..."อธิปยังดื้อดึง ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปากคนตรงหน้ารวดเร็วจนเธอผงะหนีแทบไม่ทัน"เธอรู้สึก ฉันดูออก... ไม่ต้องอายหรอกเพราะฉันก็รู้สึก ฉันแทบบ้าที่รู้ว่าเธออยู่ใกล้แค่นี้แต่ทำอะไรไม่ได้...และฉันไม่คิดจะอดทนอีกต่อไป เธอ...ลูกอม...แฟนเก่าเธอมันแต่งงานไปแล้ว แต่ฉันยังว่าง ฉันให้เธอได้ทุกอย่างขอแค่เธอ..."อธิปละไว้ในฐานที่เข้าใจ ลลิตราแค่นหัวเราะ "นายนี่มันเหลือเชื่อจริงๆ""แล้วมันแปลว่าอะไรล่ะ เยส หรือ โน""แป
"ก็ฉันไม่คิดว่าจะเป็นนายนี่!"ลลิตราเถียง มือยกจับคอเสื้อโดยอัตโนมัติ นึกโล่งอกที่ยังสวมเสื้อชั้นใน และเสื้อนอนผ้าฝ้ายก็ไม่ได้บางจนหมิ่นเหม่"ถ้าไม่ใช่ฉันแล้วเธอเปิดประตูให้ใคร""เปิดให้น้องโอมมั้ง!" หญิงสาวประชด แต่อธิปกลับสีหน้าจริงจัง"ไม่ต้องมากวน! เธอกำลังรอใคร? ถึงได้รีบเปิดประตูแบบไม่คิดอย่างนั้น""เอ๊ะ! มันเรื่องของฉันนะ นายออกไปได้แล้ว มีอะไรไปคุยกับพรุ่งนี้""แต่ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอตอนนี้ เดี๋ยวนี้""ฉันไม่สะดวก"ลลิตราตอบเสียงแข็ง ตามองออกไปนอกประตู หวังให้น้ำตาลหรือแม้แต่น้ำค้างก็ได้ เดินถือถาดอาหารเข้ามาขัดจังหวะอีกเช่นเคยแต่ท่าทางของเธอทำให้อธิปไม่พอใจเพราะคิดว่าเธอกำลังรอใครอยู่จริงๆ เขายื่นแขนที่ยาวกว่าและมีกำลังมากกว่าปิดประตูใส่หน้าเธอดังโครม แถมยังกดล็อกเสร็จสรรพ"นายอธิป! อย่ามาทำตัวแบบนี้กับฉันนะ!""ทำตัวแบบไหน"อธิปเลิกคิ้ว สีหน้ายียวน แต่แววตาที่เข้มขึ้นบ่งบอกว่าเขาไม่อยู่ในอารมณ์ยั่วล้อมีอะไรบางอย่างในท่าทีนั้นที่ทำให้ลลิตรารู้สึกขึ้นมาว่าวันนี้เขาเอาจริง!ถ้อยคำแรงๆ ที่ตั้งใจจะพูดในตอนแรกจึงถูกกลืนกลับไปทันที หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขา ทำใจดีสู้เสือ"นาย...ค
คืนนั้นโชติรสค้างคืนกับอธิปเหมือนเคยแอร์โฮสเตสสาวฉลาดมากพอที่จะรับรู้ได้ว่า แม้ร่างกายของเขาจะยังคงทำงานอย่างเร่าร้อนและมอบความสุขให้เธอล้นปรี่ แต่หัวใจของอธิปไม่ได้อยู่ที่เธอเลยเขาแทบไม่จูบเธอเลยด้วยซ้ำโชติรสรู้สึกเจ็บหน่วงในใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และคนที่รักตัวเองมากอย่างเธอไม่อยากเห็นตัวเองเป็นแบบนี้แต่ขออีกสักครั้งก่อนเถอะ ขออยู่กับเขาอีกสักคืน อีกสักวัน แล้วเธอค่อยตัดใจ โชติรสบอกตัวเองแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา* * * * *ลลิตราไม่ได้เจอหน้าอธิปมาหลายวันแล้ว วันแรกๆ เธอยังเผลอหวาดระแวง กลัวว่าจู่ๆ เขาก็จะโผล่มาแบบไม่ให้สุุ้มให้เสียงเหมือนครั้งก่อนๆ แต่เมื่อได้ยินว่าอธิปไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้วจริงๆ เธอจึงค่อยสบายใจขึ้นอย่างน้อยก็ไม่ต้องรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ร้อนสลับหนาวเหมือนคนจะเป็นไข้ในแทบทุกครั้งที่ได้สบตากับดวงตาสีฟ้าคู่นั้นลลิตราค่อนข้างแน่ใจว่าดวงตาของอธิปเป็นสีฟ้าสดใสแบบน้ำทะเลในวันไร้คลื่นลม แต่ไม่รู้ทำไมเธอมักได้เห็นมันกลายเป็นสีฟ้าเข้มเหมือนกลางทะเลลึกทึ่พร้อมจะดูดกลืนเธอลงไปได้่เสมอและที่ทำให้เธอตัวสั่นคือสายตาแบบนั้น ราวกับมีไว้เพื่อจ้องมองเธอเพียงผู้เดียวหญิงสาวค
"เดี๋ยวชล! ผมอธิบายได้!"จะมีสักกี่ประโยคกันเชียวที่คนเรานึกโพล่งออกมาในสถานการณ์แบบนี้"ไม่ต้องอธิบาย! ถ้าอยากอธิบายค่อยไปพูดต่อหน้าอีนี่ บอกมามันอยู่ที่ไหน!""จะบ้าหรือไงคุณชล จะไปหาเขาทำไม...""ปกป้องมันเหรอ!"ชลธิชาที่อดทนอดกลั้นได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีโผเข้าทุบตีกิตติทัศน์ทันที ชายหนุ่มรีบยกมือปัดป้องเป็นพัลวัน เวลาชลธิชาโกรธ เธอน่ากลัวร้อยเท่า แต่เวลาความโกรธนั้นผสมกับความหึงหวง ก็คูณพันเท่าไปเลย"คุณท้องแก่อยู่นะ! ระวังลูกบ้างสิ""จำได้เหมือนกันเหรอว่ามีเมียมีลูกแล้วนะ! แล้วยังจะกล้ากลับไปหามันอีก เลวๆๆ!!!"หญิงสาวกรีดร้องไม่สนว่ากี่โมงกี่ยาม และยิ่งไม่ห่วงใยว่าจะกระทบกระเทือนลูกในครรภ์ กิตติทัศน์เสียอีกยังรู้สึกกลัวว่าเธอจะทำอะไรรุนแรงจนเป็นอันตรายต่อเด็กในท้อง "ชล! ผมบอกแล้วไงว่าหยุดก่อน! คุยกันก่อน!""ไม่!"ยิ่งห้าม ชลธิชาก็ยิ่งกรีดร้อง กิตติทัศน์กำลังละล้าละลังคิดว่าจะวิ่งหนีออกไปเลยดีหรือไม่ แต่พลันนั้นชลธิชาก็หยุดชะงัก ตาเบิกกว้าง..."ชล..."ชายหนุ่มใจหายวาบ ทำไมจู่ๆ ชลธิชาทำหน้าแบบนั้น เขาเริ่มจะกลัวแล้วนะก่อนที่กิตติทัศน์จะคิดไปเองว่าเมียโดนผีเข้ากะทันหัน ชลธิชาที่หน้าซีดข
เคยคบหากันมาตั้งหลายปี แต่ลลิตราก็เพิ่งรู้ว่ากิตติทัศน์เป็นคนช่างตื๊อได้ขนาดนี้เขาไม่เพียงหาทางส่งข้อความมาหาเธออยู่เรื่อย ๆ ยังไร้มารยาทถึงขั้นกลับมาที่บ้านรชตเพื่อขอพบเธออีกครั้ง แน่นอนว่าลลิตราไม่ยอมออกไปพบ เธอทั้งไม่สบายใจระคนโมโห จนต้องพิมพ์ไลน์ไปฟ้องเพื่อนในกลุ่มไลน์ที่มีกันอยู่สามคนคือเธอ กันตา และอมาวสีกันตา: เดี๋ยวฉันไปด่ามันให้เองกันตาญาติผู้น้องของกิตติทัศน์พิมพ์ตอบกลับมาพร้อมสติ๊กเกอร์รูปโมโหลูกอม: ไม่ต้องด่าไอ้เกี๊ยว ไม่ต้อง ฉันแค่มาบอกแกเฉยๆ เพราะฉันหงุดหงิดลูกอม: กำลังคิดอยู่ว่าหรือจะยอมไปเจอสักครั้งดี ไปคุยกันให้รู้เรื่องอีกสักที เพราะจะว่าไปตั้งแต่เลิกกันก็ยังไม่เคยคุยกันดีๆ อีกเลยอุ๋ม อมาวสี: แต่ไอ้พี่ติมันแต่งงานไปแล้วนะแก ไปเจอแฟนเก่าที่มีเมียแล้วมันจะดีหรอวะอุ๋ม อมาวสี: งั้นเดี๋ยวฉันสองคนไปด้วยดีไหม ไปคุยให้เด็ดขาดว่าไม่ต้องมายุ่งกันอีก ฉันเดาว่าไอ้พี่ติมันคงอยากจับปลาสองมือ มันคงไม่รู้ว่าแก move on ไปแล้วลลิตราเห็นด้วยกับเพื่อนเธอจึงยอมตอบข้อความของกิตติทัศน์ นัดหมายเขาที่คอมูนิตี้ฮอล์ชื่อดังแห่งหนึ่งที่อยู่ติดสถานีรถไฟฟ้า ตั้งใจจะคุยให้เด็ดขาดว่าไม่ต
ในห้องโดยสารชั้นประหยัด เที่ยวบินจากกรุงโซลประเทศเกาหลีใต้ชายร่างสูงผิวขาวจัด ผมดำ สวมแว่นตาดำ และสวมสูทเนี้ยบเรียบกริบไม่มีที่ติ ตั้งแต่เข้าขึ้นเครื่องมา โชติรสยังไม่เห็นเขาถอดแว่นกันแดดออกเลย แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะผู้โดยสารบางคนก็มีอาการตาแพ้แสงที่แปลกมากกว่าคือบุคลิกและวิธีการพูดจาของเขาเหมือนผู้โดยสารชั้นหนึ่งที่เธอคุ้นชินมากกว่า"ขอบใจนะโช ที่มาช่วย"เพื่อนแอร์โฮสเตสด้วยกันเอ่ยกับหญิงสาวเมื่ออยู่ในห้องจัดเตรียมเครื่องดื่ม ปกติโชติรสได้ดูแลลูกค้าในชั้นธุรกิจและเฟิร์สคลาส วันนี้เป็นกรณีพิเศษของเธอ"ไม่เป็นไรหรอก ผู้โดยสารชั้นประหยัดไม่ค่อยรีเควสอะไรหรอก"หญิงสาวเอ่ยขำๆ เพื่อนหัวเราะเบาๆ ด้วย "แต่ผู้ชายคนนั้น ท่าทางหล่อนะ ไม่เห็นถอดแว่นสักที"จู่ๆ เพื่อนก็เอ่ยถึงคนที่โชติรสเพิ่งนึกถึงเหมือนกัน เห็นได้ชัดว่าในบรรดาผู้โดยสารเกือบทั้งลำ เขาก็ยังดูโดดเด่นที่สุด"ถ้าถอดแว่นแล้วอาจจะไม่หล่อก็ได้มั้ง""วุ้ย! ใครจะไปหล่อเท่าคุณอธิปล่ะ จริงปะ"เพื่อนเอ่ยแซว เพราะรู้กันทั่วแล้วว่าโชติรสเป็นคนรักของอธิป รชต ลูกชายเจ้าของและผู้ก่อตั้งบริษัทในเครือสยามเจ็ตแอร์ไลน์โชติรสยิ้มนิดๆ พอให้น่าเอ็