ยลดามองไปตามสายตาพี่ชาย แล้วก็นิ่งอึ้ง
ไกลขนาดนี้ก็ยังมองเห็นผู้ชายตัวสูงผมยาวย้อมสีทองโดดเด่นแต่ไกล แต่อะไรก็ไม่เท่ากับเสื้อกีฬายี่ห้อดังสีเขียวสะท้อนแสง กางเกงสีส้ม รองเท้าสีเหลือง... บพิตรยิ้มกว้างเห็นฟันขาวทุกซี่มาแต่ไกล ก่อนจะกึ่งกระโดดกึ่งก้าวยาว ๆ ขึ้นมาหายศกรแล้วกระโดดกอดกันอย่างรักใคร่ อธิปที่เดินตามหลังมาส่ายหน้า ไม่รู้ทำไมไอ้เพื่อนคนนี้มันดีดนัก ถ้าไม่รู้จักกันคงคิดว่าบพิตรเป็นพวกเล่นยาเพราะพลังล้นเหลือเหลือเกิน "โหพี่บอม โคตรคิดถึงเลย ไหนว่าจะยังไม่กลับไทยง่าย ๆ ไง" "ไม่กลับไม่ได้ แม่กูยึดบัตรเครดิตไปหมดแล้ว อยู่ต่อก็เหี่ยวแห้งหัวโต" บพิตรตอบตามตรงตามประสาคนจริงใจก่อนหันมาแนะนำเพื่อนที่มาด้วย "ไอ้ยอช นี่เพื่อนพี่ชื่ออาร์ต เพื่อนรักเพื่อนสนิทเลย...ไอ้อาร์ตนี่น้องกู รู้จักกันที่ลอนดอน ชื่อไอ้ยอช" ยศกรยกมือไหว้อย่างนอบน้อมผิดกับลูกหลานไฮโซทั่วไปที่เห็นในละครคุณธรรม "หวัดดีครับพี่อาร์ต ผมชื่อยศครับพี่ แต่ตอนอยู่ลอนดอนเพื่อนฝรั่งเรียกยอช พี่จะเรียกผมว่ายอชอีกคนก็ได้ครับ..." อธิพยักหน้าทักทายเพื่อนรุ่นน้องคนใหม่ ไม่แปลกใจทำไมยศหรือยอชถึงสนิทกับบพิตรได้...ท่าทางคงเป็นพวกไฮเปอร์เหมือนกัน ระหว่างที่สามหนุ่มยืนทักทายกันอยู่นั้น โชติรสนั่งหันข้างให้ เธอไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักนอกจากเครื่องดื่มในมือและจังหวะดนตรีที่ทำให้โยกตัวเบา ๆ จนเมื่อเห็นยลดาสีหน้าขัดเขินและมองข้ามไหล่เธอไปด้านหลัง หญิงสาวจึงเอียงหน้าไปมองบ้างแล้วก็ใจเต้นแรงขึ้นมาทันที คุณอาร์ต! แม้อธิป รชต จะเพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทยได้แค่สามเดือน แต่ในโซเชี่ยลมีเดีย "อาร์ต รชต" หรือ "อาร์ต อธิป" เป็นหนุ่มฮอตที่อยู่ในความสนใจของชาวเน็ตไทยในเวลาอันรวดเร็ว ยิ่งอธิปไม่มีแอคเคาต์โซเชี่ยลมีเดียส่วนตัว แต่ขยันปรากฏในไอจีของนางเอกคนนั้น สักพักก็โผล่มาในไอจีนางงามคนนี้... แค่นี้ก็ทำให้เขากลายเป็นหนุ่มฮอตที่คนอยากรู้จักมากที่สุดไปได้ โชติรสที่เคยค้นหาโปรไฟล์เขาอยู่บ่อย ๆ เพราะถูกตาต้องใจในความคมเข้มกับซิกแพ็ก ยังเคยแอบหวังว่าเขาอาจจะมาโผล่มาบนเที่ยวบินที่เธอให้บริการอยู่ หญิงสาวอุตส่าห์ได้ทำงานต้อนรับบนสายการบินไซแอมเจ็ท แต่ยังไม่เคยได้เห็นตัวจริงของลูกชายประธานบริหาร...มันน่าเสียดายใช่ไหมล่ะ "อีแยม! นั่นคุณอาร์ต!" โชติรสรีบหันขวับไปกระซิบกับเพื่อนสาวอย่างตื่นเต้น ยลดาที่กำลังจ้องบพิตรแบบเอาเป็นเอาตายส่ายหน้า "ไม่ใช่ พี่เขาชื่อบอม" "อีบ้า ไม่ใช่ตาผมทอง ฉันหมายถึงคนที่อยู่ด้านหลังไปอีก คนที่หน้าฝรั่ง ๆ คนนั้นน่ะ..." ยลดามองตามไป แล้วก็อ้าปากค้างไปอีกรอบ "โอ้แม่เจ้า วันนี้มันวันรวมหนุ่มฮอตหรือไงกันยะ น่ากินมากแม่..." "แกเอาคนผมทองไป คุณอาร์ตของฉัน" โชติรสกระซิบเสียงต่ำกว่าเดิม แต่แววตาเอาจริง "คนนี้คือลูกชายแชร์แมนของไซแอมเจ็ต..." "อ้าว! บริษัทแกนี่" "ใช่ คนผมทองแกเอาไป แต่คุณอาร์ต...ฉันจอง!" "โอเค ดีล" สองสาวส่งยิ้มให้กันตาเป็นประกาย มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่ายังไงคืนนี้ต้องมีผู้ชายตกถึงท้องอย่างแน่นอน * * * * * ที่คฤหาสน์รชต สามทุ่มกว่าแล้วตอนที่ลินดาเคาะประตูห้องนอนลูกสาว ก่อนจะเปิดเข้าไปเบา ๆ เมื่อเห็นว่าประตูไม่ได้ล็อก "ลูกอม เป็นยังไงบ้างลูก" ลลิตราที่ยังอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิมกับที่ออกจากบ้านไปเมื่อเช้า ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียง เธอนอนไปทั้งอย่างนั้นไม่ดึงผ้าคลุมเตียงออกด้วยซ้ำ ลลิตรากลับถึงบ้านตั้งแต่บ่าย หญิงสาวโกหกว่าอธิปไปส่งเธอหาหมอจริง ๆ และเมื่อเธอได้ยามาแล้วเขาก็ไปทำธุระของตัวเองต่อ ส่วนเธอก็กลับบ้าน เธอบอกว่าขอกินยาแล้วก็พักผ่อน มื้่อเย็นก็ยังง่วงจนไม่ได้ลงไปกินข้าวร่วมโต๊ะกับอรรถและลินดา ไม่คิดว่าจะนอนยาวมาจนถึงสามทุ่ม "สีหน้าไม่ดีเลย อาการไม่ดีขึ้นเลยหรือลูก" ลินดาเป็นกังวล แตะดูแผลที่โหนกแก้มกับตามเนื้อตัวของลูกสาว ก็เหมือนจะหายดีแล้ว แต่ทำไมตอนนี้อาการของลูกกลับดูหนักลงไปอีก "หนูคงนอนมากไปน่ะค่ะแม่" หญิงสาวตอบเสียงอู้อี้ "ให้แม่หาอะไรอุ่น ๆ ให้ไหม เด็กรับใช้ที่ชื่อน้ำตาลเขายังไม่นอน เขารอเผื่อว่าลูกอมจะหิวหรืออยากกินอะไร" "ตายจริง ให้เขาไปพักเถอะค่ะแม่ หนูสบายดี" ลลิตรารีบฉีกยิ้มตาหยีพร้อมกับจับมือลินดามาบีบ "ให้แม่นอนเป็นเพื่อนไหม" "อะไรกัน" คนเป็นลูกหัวเราะเบา ๆ "ลุงอรรถไม่ยอมหรอกค่ะ" "เราแม่ลูกไม่เคยนอนห่างกันเลย แม่รู้สึกผิดกับลูกอมจัง" ลินดาเอ่ยด้วยแววตากึ่งปวดร้าวกึ่งเลื่อนลอย ลลิตรารีบดึงมือมารดามาแนบแก้ม ก่อนแต่งงาน ลลิตราได้พูดคุยกับอรรถเป็นการส่วนตัวแล้ว และอรรถก็ได้พบจิตแพทย์ประจำตัวของลินดาด้วย เขาจึงเข้าใจอาการของภรรยาคนใหม่ของเขาทุกอย่างรวมถึงเรื่องที่ลินดาต้องกินยาไม่ให้ขาดแม้แต่วันเดียวเพราะไม่เช่่นนั้นกระบวนการที่ยาจะเข้าไปซ่อมแซมสื่อประสาทในสมองก็ต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด "คืนนี้แม่กินยาหรือยังคะ" "กำลังไปกินจ้ะ ต้องกินตอนจะเข้านอนนี่ แม่มาดูลูกก่อน" "ถ้าอย่างนั้นแม่ก็กลับห้องได้แล้วนะคะ และแม่ต้องกินยาทันทีนะ..." "นอนคนเดียวได้จริง ๆ ใช่ไหมลูกอม" "โถ่ ได้สิคะ หนูโตแล้วนะคะแม่" หญิงสาวตอบก่อนจะขยับเข้าไปกอดแม่จนแน่น กัดริมฝีปากไว้กลั้นน้ำตาและเสียงสะอื้น ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ถ้ามันไม่ทำให้แม่มีความสุข เธอก็จะไม่มีวันให้แม่รู้อย่างเด็ดขาด เมื่อลินดากลับห้องนอนของตัวเองไปแล้ว ลลิตราก็โผเผลงจากเตียงมารินน้ำให้ตัวเองดื่ม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อตอนกลางวัน เอากำลังใจจากไหนพาตัวเองกลับบ้าน กิตติทัศน์ยังคงโทรหา คงห่วงว่าเธออาจทำอะไรโง่ ๆ แล้วกลับไม่ถึงบ้าน หญิงสาวจึงปิดเครื่อง ไม่ขอรับรู้หรือรับการติดต่อจากใครทั้งนั้น เมื่อมาถึงเตียงนอนก็ก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นกับหมอนจนหมอนเปียกชุ่มและหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย แม้แต่ตอนนี้ก็ทำท่าเหมือนอยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีก ลลิตราคิดว่าตัวเองรักกิตติทัศน์ แต่ที่มากกว่าความรัก คือความผูกพันและเคยชิน ตั้งแต่อายุ 18 จนกระทั่งวันนี้ในวัย 24 ผู้ชายเพียงคนเดียวที่ลลิตราใกล้ชิดมาตลอดก็มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น แม้เธอยังไม่เคยจินตนาการไปไกลถึงภาพวันแต่งงาน แต่มันจะเป็นใครไปได้ล่ะถ้าไม่ใช่เขา "พี่ติ...ไอ้คนทรยศ...ไอ้คนนอกใจ!" หญิงสาวปล่อยโฮออกมาอีก รีบหยิบหมอนขึ้นมาแล้วซุกหน้าลงไป ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างไม่กลัวเจ็บป่วย ลลิตราจะยอมเสียน้ำตาให้ผู้ชายที่ไม่ซื่อสัตย์แค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น เมื่อพ้นคืนนี้ไป ชื่อกิตติทัศน์จะไม่มีความหมายอะไรต่อเธออีกแม้แต่นิดเดียวอธิปคิดว่าเขาน่าจะพอรอได้จนถึงตีสอง...แต่เพียงแค่เที่ยงคืน เขาก็พาโชติรสนั่งแท็กซี่กลับไปที่เพนท์เฮาส์ของตัวเองทันทีอย่างคนที่ไม่สามารถอดทนรอได้อีกต่อไป... แค่มองตากันครั้งแรก ชายหนุ่มก็รู้ว่าคืนนี้จะไปลงเอยที่ตรงไหน เขาเองก็ร้อนรุ่มมาทั้งวัน ก็คงตั้งแต่ดันไปจูบยัยลูกสาวแม่เลี้ยงของเขาเข้าให้นั่นแหละโชติรสไม่มีเวลากวาดสายตามองรอบ ๆ เพนท์เฮาส์หรูของอธิปด้วยซ้ำ เพราะทันทีที่สองร่างผ่านก้าวเข้าประตูห้องได้ อธิปก็แทบจะผลักเธอติดผนัง ลิ้นและริมฝีปากโรมรันพันตูกันอย่างหิวกระหาย เสื้อสีดำของโชติรสแทบปกปิดอะไรไม่ได้ เพียงแค่เขาล้วงมือเข้าไปก็สัมผัสเนินเนื้อข้างใต้ได้แทบทุกอณู"จะทำตรงนี้เลยเหรอคะ"จังหวะหนึ่งที่โชติรสผละริมฝีปากออกห่างเขาเพื่อหอบหายใจ เธอถามเสียงสั่นพร่าอธิปตอบกลับมาเสียงกระเส่าพอกัน "ได้ทุกที่""งั้นขอบนเตียงได้มั้ย โชผิวบางน่ะ"ดวงตาสีฟ้าของอธิปหรี่ลงเล็กน้อย พริบตาเดียวร่างสูงโปร่งของแอร์โฮสเตสสาวก็ถูกอุ้มลอยหวือขึ้นจากพื้น เสียงโชติรสหวีดร้องเบา ๆ อย่างไม่ทันตั้งตัว อธิปอุ้มหญิงสาวก้าวยาว ๆ ไปที่ห้องนอนจุดหมายคือเตียงกว้างขนาดซูเปอร์คิงไซส์ สั่งทำพิเศษสำหรับคนตัวสูงเกื
ยลดามองไปตามสายตาพี่ชาย แล้วก็นิ่งอึ้งไกลขนาดนี้ก็ยังมองเห็นผู้ชายตัวสูงผมยาวย้อมสีทองโดดเด่นแต่ไกลแต่อะไรก็ไม่เท่ากับเสื้อกีฬายี่ห้อดังสีเขียวสะท้อนแสง กางเกงสีส้ม รองเท้าสีเหลือง...บพิตรยิ้มกว้างเห็นฟันขาวทุกซี่มาแต่ไกล ก่อนจะกึ่งกระโดดกึ่งก้าวยาว ๆ ขึ้นมาหายศกรแล้วกระโดดกอดกันอย่างรักใคร่อธิปที่เดินตามหลังมาส่ายหน้า ไม่รู้ทำไมไอ้เพื่อนคนนี้มันดีดนักถ้าไม่รู้จักกันคงคิดว่าบพิตรเป็นพวกเล่นยาเพราะพลังล้นเหลือเหลือเกิน"โหพี่บอม โคตรคิดถึงเลย ไหนว่าจะยังไม่กลับไทยง่าย ๆ ไง""ไม่กลับไม่ได้ แม่กูยึดบัตรเครดิตไปหมดแล้ว อยู่ต่อก็เหี่ยวแห้งหัวโต"บพิตรตอบตามตรงตามประสาคนจริงใจก่อนหันมาแนะนำเพื่อนที่มาด้วย"ไอ้ยอช นี่เพื่อนพี่ชื่ออาร์ต เพื่อนรักเพื่อนสนิทเลย...ไอ้อาร์ตนี่น้องกู รู้จักกันที่ลอนดอน ชื่อไอ้ยอช"ยศกรยกมือไหว้อย่างนอบน้อมผิดกับลูกหลานไฮโซทั่วไปที่เห็นในละครคุณธรรม"หวัดดีครับพี่อาร์ต ผมชื่อยศครับพี่ แต่ตอนอยู่ลอนดอนเพื่อนฝรั่งเรียกยอช พี่จะเรียกผมว่ายอชอีกคนก็ได้ครับ..."อธิพยักหน้าทักทายเพื่อนรุ่นน้องคนใหม่ ไม่แปลกใจทำไมยศหรือยอชถึงสนิทกับบพิตรได้...ท่าทางคงเป็นพวกไฮเปอร์เห
"ก็หรือไม่จริง นี่ถ้าแกไม่เกิดพลาดขึ้นมา ฉันคงจะไล่มันออกโทษฐานที่มาเจาะไข่แดงลูกสาวฉัน เผลอ ๆ จะจับมันเข้าคุกด้วย" "ชลอายุ 27 แล้วนะ แม่จะเอาติเข้าคุกข้อหาอะไรไม่ทราบ" "ถ้าฉันจะทำ จะข้อหาอะไรก็หายัดมันได้ทั้งนั้นแหละ" วิภาตอบตาเขียว หล่อนมีลูกสาวแค่สองคนคือชลธิชา กับโชติรส ลำพังไม่มีลูกชายให้ตระกูลสามี ก็รู้สึกเสียหน้าพออยู่แล้ว นี่ลูกสาวคนโตยังจะท้องก่อนแต่ง แถมพ่อของเด็กก็เป็นแค่ลูกจ้างในบริษัทตัวเอง หล่อนนี่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่เกือบเดือน กระทั่งตอนนี้ก็ยังคุกรุ่นอยู่ไม่หาย ชลธิชาหน้างอที่แม่ว่าคนรัก ส่วนโชติรสก็ยังคงยิ้มขัน เธอสนุกเสมอเวลาได้เห็นคนในครอบครัวโดยเฉพาะแม่กับพี่สาวโต้คารมกัน วิภาหันมาตาเขียวใส่ลูกสาวคนเล็กบ้าง "แล้วแกล่ะ มานั่งเจ๋อทำอะไร ไม่ต้องรีบไปสนามบินหรือไง เชียงใหม่เดี๋ยวนี้รถมันติดหนักนะยะโดยเฉพาะเส้นนั้นน่ะ" "แหมแม่ โชเป็นแอร์ฯ นะ คนเป็นแอร์ฯ ไม่รู้จักบริหารเวลา ไปไม่ทันเช็คอินก็ตลกตายล่ะ" "เออ ๆ ลูกแต่ละคนมันเก่งกันทั้งนั้น แล้วพักบินทั้งทีแทนที่จะอยู่บ้าน จะไปทำไมนักหนาก็ไม่รู้กรุงเทพฯ น่ะ" "แล้วกรุงเทพไม่ใช่บ้านหรือไงล่ะ" "บ้านป๊าแกกับอีพวกกะหรี
ลลิตราสาปส่งอธิปอยู่ในใจมาตลอดทางที่กำลังจะไปห้างสรรพสินค้า ริมฝีปากยังรู้สึกร้อนเห่อ "ไอ้คนต่ำช้าสารเลว" หญิงสาวเผลอคำรามออกมา คนขับรถแท็กซี่ถึงกับสะดุ้งนิด ๆ แล้วมองกระจกมองหลังอย่างหวาดระแวง คงนึกเสียวสันหลังอยู่บ้างไม่น้อย ชั่วโมงต่อมา ลลิตราก็มาถึงห้างสรรพสินค้าที่นัดกับกิตติทัศน์เอาไว้... หญิงสาวมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย เธอรีบเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา หยิบตลับแป้งมาตบหน้าเบา ๆ อีกรอบและแตะลิปกลอสสีส้มใสที่ริมฝีปากอีกครั้ง...พยายามลบลืมความรู้สึกและการกระทำหยาบเถื่อนของนายอธิป เธอกำลังจะมาเจอคนที่ควรจะได้เป็นเจ้าของจูบแรกของเธอตัวจริง ดังนั้นเธอต้องกำจัดรอยร้อนผ่าวจากผู้ชายอีกคนออกไปให้หมด "พี่ติ!" หญิงสาวร้องออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นว่าคนรักมารอที่ร้านอาหารก่อนแล้ว กิตติทัศน์เพิ่งกลับจากต่างจังหวัด ชายหนุ่มเป็นผู้จัดการฝ่ายขายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง โครงการบ้านจัดสรรระดับลักซูรี่เพิ่งเปิดตัวที่เชียงใหม่ กิตติทัศน์จึงต้องไปเทรนด์งานให้ลูกน้องที่นั่นถึงสามเดือนและเพิ่งกลับมา วันนี้ลลิตราตั้งใจจะบอกเขาว่าแม่ของเธอแต่งงานใหม่และพวกเธอได้ย้ายเข้าไปอยู่ใ
อธิปจ้องเธอ สักพักริมฝีปากบางเฉียบสีสดก็คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์"เธอใช่ไหม มอเตอร์ไซค์คันนั้น"ลลิตรากัดฟันกรอด กำลังจะแหกหน้าเขาด้วยการบอกว่าหมอนี่ขับรถเร็วจนน้ำโคลนกระเซ็นใส่คนริมถนน รถเธอล้ม แถมยังแค่โยนเงินให้ แต่อธิปชิงหันไปหาพ่อของเขาก่อน"ผมจำได้แล้วพ่อ สองสามวันก่อนเกิดอุบัติเหตุ ขับรถเฉี่ยวมอเตอร์ไซค์ ที่แท้ก็เป็นลูกเลี้ยงของพ่อคนนี้นี่เอง"อรรถสีหน้าตกใจ หันไปหาลลิตราทันที"แล้วหนูเป็นอะไรมากไหม ที่บอกว่าแผลตามตัวเพราะรถล้ม ก็เพราะรถนายอาร์ตเองหรือนี่""ค่ะ แผลใกล้จะหายแล้วค่ะ"ลลิตรายกมือแตะโหนกแก้มที่มีพลาสเตอร์ยาปิดอยู่โดยไม่ได้ตั้งใจ อธิปเอ่ยขึ้นมาอีก"ตอนนั้นผมรีบ ไม่ได้ขอคอนแท็กไว้ ได้เจอกันก็ดีแล้ว วันนี้ฉันจะพาเธอไปหาหมอตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้งก็แล้วกัน"หญิงสาวแค่นหัวเราะ คิดว่าเขาพูดเล่น จะมาตรวจอะไรกันตอนนี้ ถ้าสมองเธอกระทบกระเทือนป่านนี้ก็คงตายไปแล้วมั้งแต่อรรถกลับเห็นเป็นเรื่องจริงจัง"ดีแล้ว ดี หนูลูกอม ให้พี่เขาพาไปหาหมออีกครั้งก็แล้วกันนะ ลุงก็ผิดเองไม่ได้ถามให้ละเอียดว่าหนูไปโดนอะไรมา""ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณลุงอรรถ หนูไม่เป็นไร""เป็นหมอหรือไง ฉันบอกว่าจะพาไ
อธิปพูดสวนขึ้นมา สีหน้าเย่อหยิ่ง"และก็ไม่คิดจะมีแม่เลี้ยงคนใหม่ด้วย มีแค่น้านุชเป็นแม่คนเดียวก็พอ"ลินดาหน้าซีดทันตา อรรถหน้าเครียด"เจ้าอาร์ต! ขอโทษน้าลินดาเดี๋ยวนี้!""ขอโทษทำไมครับ ถ้าเมียใหม่พ่อกล้าพอจะแย่งพ่อมาจากน้านุช คำพูดผมแค่นี้ก็ไม่น่าจะทำอะไรเขาได้นะ""ไอ้ลูกเวรนี่ ถ้าแกจะมาทำให้เสียบรรยากาศ ก็ไปซะ จะไปไหนก็ไป"อรรถตัวสั่น เขาไม่เคยดุด่าลูกชายมากไปกว่านี้ แม้จะโกรธจัดอย่างตอนนี้เขาก็ทำได้แค่ชี้มือชี้ไม้ไล่ลูกชายออกไปไกล ๆ แต่อธิปไม่คิดจะไปไหนทั้งนั้น เขาแค่ผิวปากหวือ คำนับให้ลินดาอย่างล้อเลียน โยนกุญแจรถให้คนรถที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่อีกด้านแล้วก็เดินเข้าตัวบ้านไปไม่ใส่ใจใครอีก ไม่แม้แต่จะมองหญิงสาวคนที่เขาเคยขับรถเฉี่ยวเมื่อไม่กี่วันก่อน...หากเขาจะจำได้"ลินดา ผมเสียใจ"อรรถรีบหันมาบอกภรรยาคนใหม่ ลินดาส่ายหน้ายิ้ม ๆ ทั้งที่หน้ายังไร้สีเลือด"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเข้าใจ ไม่ต้องไปดุลูกชายคุณนะคะ ไม่อย่างนั้นเขาจะยิ่งไม่ชอบหน้าฉันกับลูก"อรรถกัดฟันหันมามองหญิงสาวคราวลูกที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ สีหน้ารู้สึกผิด ลลิตราไม่โทษพ่อเลี้ยงของเธอหรอก พวกเขาอยู่กันมาก่อน เธอกับแม่ต่างหากที่มาที