แชร์

ตอน 6 คืนเดียวพอ

ผู้เขียน: ลิขิตา Likita
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-16 01:36:36

ยลดามองไปตามสายตาพี่ชาย แล้วก็นิ่งอึ้ง

ไกลขนาดนี้ก็ยังมองเห็นผู้ชายตัวสูงผมยาวย้อมสีทองโดดเด่นแต่ไกล

แต่อะไรก็ไม่เท่ากับเสื้อกีฬายี่ห้อดังสีเขียวสะท้อนแสง กางเกงสีส้ม รองเท้าสีเหลือง...

บพิตรยิ้มกว้างเห็นฟันขาวทุกซี่มาแต่ไกล ก่อนจะกึ่งกระโดดกึ่งก้าวยาว ๆ ขึ้นมาหายศกรแล้วกระโดดกอดกันอย่างรักใคร่

อธิปที่เดินตามหลังมาส่ายหน้า ไม่รู้ทำไมไอ้เพื่อนคนนี้มันดีดนัก

ถ้าไม่รู้จักกันคงคิดว่าบพิตรเป็นพวกเล่นยาเพราะพลังล้นเหลือเหลือเกิน

"โหพี่บอม โคตรคิดถึงเลย ไหนว่าจะยังไม่กลับไทยง่าย ๆ ไง"

"ไม่กลับไม่ได้ แม่กูยึดบัตรเครดิตไปหมดแล้ว อยู่ต่อก็เหี่ยวแห้งหัวโต"

บพิตรตอบตามตรงตามประสาคนจริงใจก่อนหันมาแนะนำเพื่อนที่มาด้วย

"ไอ้ยอช นี่เพื่อนพี่ชื่ออาร์ต เพื่อนรักเพื่อนสนิทเลย...ไอ้อาร์ตนี่น้องกู รู้จักกันที่ลอนดอน ชื่อไอ้ยอช"

ยศกรยกมือไหว้อย่างนอบน้อมผิดกับลูกหลานไฮโซทั่วไปที่เห็นในละครคุณธรรม

"หวัดดีครับพี่อาร์ต ผมชื่อยศครับพี่ แต่ตอนอยู่ลอนดอนเพื่อนฝรั่งเรียกยอช พี่จะเรียกผมว่ายอชอีกคนก็ได้ครับ..."

อธิพยักหน้าทักทายเพื่อนรุ่นน้องคนใหม่ ไม่แปลกใจทำไมยศหรือยอชถึงสนิทกับบพิตรได้...ท่าทางคงเป็นพวกไฮเปอร์เหมือนกัน

ระหว่างที่สามหนุ่มยืนทักทายกันอยู่นั้น โชติรสนั่งหันข้างให้

เธอไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักนอกจากเครื่องดื่มในมือและจังหวะดนตรีที่ทำให้โยกตัวเบา ๆ

จนเมื่อเห็นยลดาสีหน้าขัดเขินและมองข้ามไหล่เธอไปด้านหลัง หญิงสาวจึงเอียงหน้าไปมองบ้างแล้วก็ใจเต้นแรงขึ้นมาทันที

คุณอาร์ต!

แม้อธิป รชต จะเพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทยได้แค่สามเดือน แต่ในโซเชี่ยลมีเดีย "อาร์ต รชต" หรือ "อาร์ต อธิป" เป็นหนุ่มฮอตที่อยู่ในความสนใจของชาวเน็ตไทยในเวลาอันรวดเร็ว

ยิ่งอธิปไม่มีแอคเคาต์โซเชี่ยลมีเดียส่วนตัว แต่ขยันปรากฏในไอจีของนางเอกคนนั้น สักพักก็โผล่มาในไอจีนางงามคนนี้... แค่นี้ก็ทำให้เขากลายเป็นหนุ่มฮอตที่คนอยากรู้จักมากที่สุดไปได้

โชติรสที่เคยค้นหาโปรไฟล์เขาอยู่บ่อย ๆ เพราะถูกตาต้องใจในความคมเข้มกับซิกแพ็ก ยังเคยแอบหวังว่าเขาอาจจะมาโผล่มาบนเที่ยวบินที่เธอให้บริการอยู่ หญิงสาวอุตส่าห์ได้ทำงานต้อนรับบนสายการบินไซแอมเจ็ท แต่ยังไม่เคยได้เห็นตัวจริงของลูกชายประธานบริหาร...มันน่าเสียดายใช่ไหมล่ะ

"อีแยม! นั่นคุณอาร์ต!"

โชติรสรีบหันขวับไปกระซิบกับเพื่อนสาวอย่างตื่นเต้น

ยลดาที่กำลังจ้องบพิตรแบบเอาเป็นเอาตายส่ายหน้า

"ไม่ใช่ พี่เขาชื่อบอม"

"อีบ้า ไม่ใช่ตาผมทอง ฉันหมายถึงคนที่อยู่ด้านหลังไปอีก คนที่หน้าฝรั่ง ๆ คนนั้นน่ะ..."

ยลดามองตามไป แล้วก็อ้าปากค้างไปอีกรอบ

"โอ้แม่เจ้า วันนี้มันวันรวมหนุ่มฮอตหรือไงกันยะ น่ากินมากแม่..."

"แกเอาคนผมทองไป คุณอาร์ตของฉัน"

โชติรสกระซิบเสียงต่ำกว่าเดิม แต่แววตาเอาจริง

"คนนี้คือลูกชายแชร์แมนของไซแอมเจ็ต..."

"อ้าว! บริษัทแกนี่"

"ใช่ คนผมทองแกเอาไป แต่คุณอาร์ต...ฉันจอง!"

"โอเค ดีล"

สองสาวส่งยิ้มให้กันตาเป็นประกาย มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่ายังไงคืนนี้ต้องมีผู้ชายตกถึงท้องอย่างแน่นอน

* * * * *

ที่คฤหาสน์รชต

สามทุ่มกว่าแล้วตอนที่ลินดาเคาะประตูห้องนอนลูกสาว ก่อนจะเปิดเข้าไปเบา ๆ เมื่อเห็นว่าประตูไม่ได้ล็อก

"ลูกอม เป็นยังไงบ้างลูก"

ลลิตราที่ยังอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิมกับที่ออกจากบ้านไปเมื่อเช้า ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียง เธอนอนไปทั้งอย่างนั้นไม่ดึงผ้าคลุมเตียงออกด้วยซ้ำ ลลิตรากลับถึงบ้านตั้งแต่บ่าย หญิงสาวโกหกว่าอธิปไปส่งเธอหาหมอจริง ๆ และเมื่อเธอได้ยามาแล้วเขาก็ไปทำธุระของตัวเองต่อ ส่วนเธอก็กลับบ้าน

เธอบอกว่าขอกินยาแล้วก็พักผ่อน มื้่อเย็นก็ยังง่วงจนไม่ได้ลงไปกินข้าวร่วมโต๊ะกับอรรถและลินดา

ไม่คิดว่าจะนอนยาวมาจนถึงสามทุ่ม

"สีหน้าไม่ดีเลย อาการไม่ดีขึ้นเลยหรือลูก"

ลินดาเป็นกังวล แตะดูแผลที่โหนกแก้มกับตามเนื้อตัวของลูกสาว ก็เหมือนจะหายดีแล้ว แต่ทำไมตอนนี้อาการของลูกกลับดูหนักลงไปอีก

"หนูคงนอนมากไปน่ะค่ะแม่"

หญิงสาวตอบเสียงอู้อี้

"ให้แม่หาอะไรอุ่น ๆ ให้ไหม เด็กรับใช้ที่ชื่อน้ำตาลเขายังไม่นอน เขารอเผื่อว่าลูกอมจะหิวหรืออยากกินอะไร"

"ตายจริง ให้เขาไปพักเถอะค่ะแม่ หนูสบายดี"

ลลิตรารีบฉีกยิ้มตาหยีพร้อมกับจับมือลินดามาบีบ

"ให้แม่นอนเป็นเพื่อนไหม"

"อะไรกัน" คนเป็นลูกหัวเราะเบา ๆ "ลุงอรรถไม่ยอมหรอกค่ะ"

"เราแม่ลูกไม่เคยนอนห่างกันเลย แม่รู้สึกผิดกับลูกอมจัง"

ลินดาเอ่ยด้วยแววตากึ่งปวดร้าวกึ่งเลื่อนลอย ลลิตรารีบดึงมือมารดามาแนบแก้ม

ก่อนแต่งงาน ลลิตราได้พูดคุยกับอรรถเป็นการส่วนตัวแล้ว และอรรถก็ได้พบจิตแพทย์ประจำตัวของลินดาด้วย เขาจึงเข้าใจอาการของภรรยาคนใหม่ของเขาทุกอย่างรวมถึงเรื่องที่ลินดาต้องกินยาไม่ให้ขาดแม้แต่วันเดียวเพราะไม่เช่่นนั้นกระบวนการที่ยาจะเข้าไปซ่อมแซมสื่อประสาทในสมองก็ต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด

"คืนนี้แม่กินยาหรือยังคะ"

"กำลังไปกินจ้ะ ต้องกินตอนจะเข้านอนนี่ แม่มาดูลูกก่อน"

"ถ้าอย่างนั้นแม่ก็กลับห้องได้แล้วนะคะ และแม่ต้องกินยาทันทีนะ..."

"นอนคนเดียวได้จริง ๆ ใช่ไหมลูกอม"

"โถ่ ได้สิคะ หนูโตแล้วนะคะแม่"

หญิงสาวตอบก่อนจะขยับเข้าไปกอดแม่จนแน่น กัดริมฝีปากไว้กลั้นน้ำตาและเสียงสะอื้น ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ถ้ามันไม่ทำให้แม่มีความสุข เธอก็จะไม่มีวันให้แม่รู้อย่างเด็ดขาด

เมื่อลินดากลับห้องนอนของตัวเองไปแล้ว ลลิตราก็โผเผลงจากเตียงมารินน้ำให้ตัวเองดื่ม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อตอนกลางวัน เอากำลังใจจากไหนพาตัวเองกลับบ้าน

กิตติทัศน์ยังคงโทรหา คงห่วงว่าเธออาจทำอะไรโง่ ๆ แล้วกลับไม่ถึงบ้าน หญิงสาวจึงปิดเครื่อง ไม่ขอรับรู้หรือรับการติดต่อจากใครทั้งนั้น

เมื่อมาถึงเตียงนอนก็ก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นกับหมอนจนหมอนเปียกชุ่มและหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

แม้แต่ตอนนี้ก็ทำท่าเหมือนอยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีก

ลลิตราคิดว่าตัวเองรักกิตติทัศน์ แต่ที่มากกว่าความรัก คือความผูกพันและเคยชิน ตั้งแต่อายุ 18 จนกระทั่งวันนี้ในวัย 24 ผู้ชายเพียงคนเดียวที่ลลิตราใกล้ชิดมาตลอดก็มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น

แม้เธอยังไม่เคยจินตนาการไปไกลถึงภาพวันแต่งงาน แต่มันจะเป็นใครไปได้ล่ะถ้าไม่ใช่เขา

"พี่ติ...ไอ้คนทรยศ...ไอ้คนนอกใจ!"

หญิงสาวปล่อยโฮออกมาอีก รีบหยิบหมอนขึ้นมาแล้วซุกหน้าลงไป ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างไม่กลัวเจ็บป่วย

ลลิตราจะยอมเสียน้ำตาให้ผู้ชายที่ไม่ซื่อสัตย์แค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น เมื่อพ้นคืนนี้ไป ชื่อกิตติทัศน์จะไม่มีความหมายอะไรต่อเธออีกแม้แต่นิดเดียว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 47 รักษาสัญญา

    "นายก็ไม่ได้ดีไปกว่าแฟนเก่าฉันหรอก เห็นแก่ตัวเหมือนกัน คิดเข้าข้างตัวเองเหมือนกัน และก็...ตอแยฉันไม่เลิกเหมือนกัน""ฉันไม่ได้..."อธิปนึกอยากจะเถียง แต่จำนนด้วยหลักฐาน เขายอมปล่อยมือออกจากเอวบางอย่างเสียดายแต่ยังไม่ยอมก้าวห่างไปไหน "ฉันไม่เหมือนแฟนเก่าเธอ เพราะฉันยังไม่มีพันธะอะไรกับใคร""คุณโชติรสได้ยินแบบนี้เธอคงยิ้มดีใจสินะ""ฉันกับโช เราไม่ได้จริงจังอะไรขนาดนั้น"อธิปแก้ตัว แล้วเขาก็รู้สึกรังเกียจตัวเองขึ้นมานิดๆ ทันทียังไม่นับว่าตอนนี้ลลิตราก็มองมาด้วยความรู้สึกเดียวกัน...เขามันทุเรศจริงๆ"ช่างฉันเถอะ ฉันมาคุยเรื่องของเรา...อย่าบอกนะว่าเธอไม่เคยรู้สึกกับฉันเลยสักครั้ง..."อธิปยังดื้อดึง ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปากคนตรงหน้ารวดเร็วจนเธอผงะหนีแทบไม่ทัน"เธอรู้สึก ฉันดูออก... ไม่ต้องอายหรอกเพราะฉันก็รู้สึก ฉันแทบบ้าที่รู้ว่าเธออยู่ใกล้แค่นี้แต่ทำอะไรไม่ได้...และฉันไม่คิดจะอดทนอีกต่อไป เธอ...ลูกอม...แฟนเก่าเธอมันแต่งงานไปแล้ว แต่ฉันยังว่าง ฉันให้เธอได้ทุกอย่างขอแค่เธอ..."อธิปละไว้ในฐานที่เข้าใจ ลลิตราแค่นหัวเราะ "นายนี่มันเหลือเชื่อจริงๆ""แล้วมันแปลว่าอะไรล่ะ เยส หรือ โน""แป

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 46 แววตาที่ว่างเปล่า

    "ก็ฉันไม่คิดว่าจะเป็นนายนี่!"ลลิตราเถียง มือยกจับคอเสื้อโดยอัตโนมัติ นึกโล่งอกที่ยังสวมเสื้อชั้นใน และเสื้อนอนผ้าฝ้ายก็ไม่ได้บางจนหมิ่นเหม่"ถ้าไม่ใช่ฉันแล้วเธอเปิดประตูให้ใคร""เปิดให้น้องโอมมั้ง!" หญิงสาวประชด แต่อธิปกลับสีหน้าจริงจัง"ไม่ต้องมากวน! เธอกำลังรอใคร? ถึงได้รีบเปิดประตูแบบไม่คิดอย่างนั้น""เอ๊ะ! มันเรื่องของฉันนะ นายออกไปได้แล้ว มีอะไรไปคุยกับพรุ่งนี้""แต่ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอตอนนี้ เดี๋ยวนี้""ฉันไม่สะดวก"ลลิตราตอบเสียงแข็ง ตามองออกไปนอกประตู หวังให้น้ำตาลหรือแม้แต่น้ำค้างก็ได้ เดินถือถาดอาหารเข้ามาขัดจังหวะอีกเช่นเคยแต่ท่าทางของเธอทำให้อธิปไม่พอใจเพราะคิดว่าเธอกำลังรอใครอยู่จริงๆ เขายื่นแขนที่ยาวกว่าและมีกำลังมากกว่าปิดประตูใส่หน้าเธอดังโครม แถมยังกดล็อกเสร็จสรรพ"นายอธิป! อย่ามาทำตัวแบบนี้กับฉันนะ!""ทำตัวแบบไหน"อธิปเลิกคิ้ว สีหน้ายียวน แต่แววตาที่เข้มขึ้นบ่งบอกว่าเขาไม่อยู่ในอารมณ์ยั่วล้อมีอะไรบางอย่างในท่าทีนั้นที่ทำให้ลลิตรารู้สึกขึ้นมาว่าวันนี้เขาเอาจริง!ถ้อยคำแรงๆ ที่ตั้งใจจะพูดในตอนแรกจึงถูกกลืนกลับไปทันที หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขา ทำใจดีสู้เสือ"นาย...ค

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 45 นี่เปิดประตูให้ทุกคนง่ายๆ แบบนี้ตลอดเลยหรือ

    คืนนั้นโชติรสค้างคืนกับอธิปเหมือนเคยแอร์โฮสเตสสาวฉลาดมากพอที่จะรับรู้ได้ว่า แม้ร่างกายของเขาจะยังคงทำงานอย่างเร่าร้อนและมอบความสุขให้เธอล้นปรี่ แต่หัวใจของอธิปไม่ได้อยู่ที่เธอเลยเขาแทบไม่จูบเธอเลยด้วยซ้ำโชติรสรู้สึกเจ็บหน่วงในใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และคนที่รักตัวเองมากอย่างเธอไม่อยากเห็นตัวเองเป็นแบบนี้แต่ขออีกสักครั้งก่อนเถอะ ขออยู่กับเขาอีกสักคืน อีกสักวัน แล้วเธอค่อยตัดใจ โชติรสบอกตัวเองแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา* * * * *ลลิตราไม่ได้เจอหน้าอธิปมาหลายวันแล้ว วันแรกๆ เธอยังเผลอหวาดระแวง กลัวว่าจู่ๆ เขาก็จะโผล่มาแบบไม่ให้สุุ้มให้เสียงเหมือนครั้งก่อนๆ แต่เมื่อได้ยินว่าอธิปไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้วจริงๆ เธอจึงค่อยสบายใจขึ้นอย่างน้อยก็ไม่ต้องรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ร้อนสลับหนาวเหมือนคนจะเป็นไข้ในแทบทุกครั้งที่ได้สบตากับดวงตาสีฟ้าคู่นั้นลลิตราค่อนข้างแน่ใจว่าดวงตาของอธิปเป็นสีฟ้าสดใสแบบน้ำทะเลในวันไร้คลื่นลม แต่ไม่รู้ทำไมเธอมักได้เห็นมันกลายเป็นสีฟ้าเข้มเหมือนกลางทะเลลึกทึ่พร้อมจะดูดกลืนเธอลงไปได้่เสมอและที่ทำให้เธอตัวสั่นคือสายตาแบบนั้น ราวกับมีไว้เพื่อจ้องมองเธอเพียงผู้เดียวหญิงสาวค

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 44 เขาก็ไม่ควรจะได้อยู่ในบ้านผมอีก

    "เดี๋ยวชล! ผมอธิบายได้!"จะมีสักกี่ประโยคกันเชียวที่คนเรานึกโพล่งออกมาในสถานการณ์แบบนี้"ไม่ต้องอธิบาย! ถ้าอยากอธิบายค่อยไปพูดต่อหน้าอีนี่ บอกมามันอยู่ที่ไหน!""จะบ้าหรือไงคุณชล จะไปหาเขาทำไม...""ปกป้องมันเหรอ!"ชลธิชาที่อดทนอดกลั้นได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีโผเข้าทุบตีกิตติทัศน์ทันที ชายหนุ่มรีบยกมือปัดป้องเป็นพัลวัน เวลาชลธิชาโกรธ เธอน่ากลัวร้อยเท่า แต่เวลาความโกรธนั้นผสมกับความหึงหวง ก็คูณพันเท่าไปเลย"คุณท้องแก่อยู่นะ! ระวังลูกบ้างสิ""จำได้เหมือนกันเหรอว่ามีเมียมีลูกแล้วนะ! แล้วยังจะกล้ากลับไปหามันอีก เลวๆๆ!!!"หญิงสาวกรีดร้องไม่สนว่ากี่โมงกี่ยาม และยิ่งไม่ห่วงใยว่าจะกระทบกระเทือนลูกในครรภ์ กิตติทัศน์เสียอีกยังรู้สึกกลัวว่าเธอจะทำอะไรรุนแรงจนเป็นอันตรายต่อเด็กในท้อง "ชล! ผมบอกแล้วไงว่าหยุดก่อน! คุยกันก่อน!""ไม่!"ยิ่งห้าม ชลธิชาก็ยิ่งกรีดร้อง กิตติทัศน์กำลังละล้าละลังคิดว่าจะวิ่งหนีออกไปเลยดีหรือไม่ แต่พลันนั้นชลธิชาก็หยุดชะงัก ตาเบิกกว้าง..."ชล..."ชายหนุ่มใจหายวาบ ทำไมจู่ๆ ชลธิชาทำหน้าแบบนั้น เขาเริ่มจะกลัวแล้วนะก่อนที่กิตติทัศน์จะคิดไปเองว่าเมียโดนผีเข้ากะทันหัน ชลธิชาที่หน้าซีดข

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 43 โป๊ะแตก!

    เคยคบหากันมาตั้งหลายปี แต่ลลิตราก็เพิ่งรู้ว่ากิตติทัศน์เป็นคนช่างตื๊อได้ขนาดนี้เขาไม่เพียงหาทางส่งข้อความมาหาเธออยู่เรื่อย ๆ ยังไร้มารยาทถึงขั้นกลับมาที่บ้านรชตเพื่อขอพบเธออีกครั้ง แน่นอนว่าลลิตราไม่ยอมออกไปพบ เธอทั้งไม่สบายใจระคนโมโห จนต้องพิมพ์ไลน์ไปฟ้องเพื่อนในกลุ่มไลน์ที่มีกันอยู่สามคนคือเธอ กันตา และอมาวสีกันตา: เดี๋ยวฉันไปด่ามันให้เองกันตาญาติผู้น้องของกิตติทัศน์พิมพ์ตอบกลับมาพร้อมสติ๊กเกอร์รูปโมโหลูกอม: ไม่ต้องด่าไอ้เกี๊ยว ไม่ต้อง ฉันแค่มาบอกแกเฉยๆ เพราะฉันหงุดหงิดลูกอม: กำลังคิดอยู่ว่าหรือจะยอมไปเจอสักครั้งดี ไปคุยกันให้รู้เรื่องอีกสักที เพราะจะว่าไปตั้งแต่เลิกกันก็ยังไม่เคยคุยกันดีๆ อีกเลยอุ๋ม อมาวสี: แต่ไอ้พี่ติมันแต่งงานไปแล้วนะแก ไปเจอแฟนเก่าที่มีเมียแล้วมันจะดีหรอวะอุ๋ม อมาวสี: งั้นเดี๋ยวฉันสองคนไปด้วยดีไหม ไปคุยให้เด็ดขาดว่าไม่ต้องมายุ่งกันอีก ฉันเดาว่าไอ้พี่ติมันคงอยากจับปลาสองมือ มันคงไม่รู้ว่าแก move on ไปแล้วลลิตราเห็นด้วยกับเพื่อนเธอจึงยอมตอบข้อความของกิตติทัศน์ นัดหมายเขาที่คอมูนิตี้ฮอล์ชื่อดังแห่งหนึ่งที่อยู่ติดสถานีรถไฟฟ้า ตั้งใจจะคุยให้เด็ดขาดว่าไม่ต

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 42 ราแจฮยอน

    ในห้องโดยสารชั้นประหยัด เที่ยวบินจากกรุงโซลประเทศเกาหลีใต้ชายร่างสูงผิวขาวจัด ผมดำ สวมแว่นตาดำ และสวมสูทเนี้ยบเรียบกริบไม่มีที่ติ ตั้งแต่เข้าขึ้นเครื่องมา โชติรสยังไม่เห็นเขาถอดแว่นกันแดดออกเลย แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะผู้โดยสารบางคนก็มีอาการตาแพ้แสงที่แปลกมากกว่าคือบุคลิกและวิธีการพูดจาของเขาเหมือนผู้โดยสารชั้นหนึ่งที่เธอคุ้นชินมากกว่า"ขอบใจนะโช ที่มาช่วย"เพื่อนแอร์โฮสเตสด้วยกันเอ่ยกับหญิงสาวเมื่ออยู่ในห้องจัดเตรียมเครื่องดื่ม ปกติโชติรสได้ดูแลลูกค้าในชั้นธุรกิจและเฟิร์สคลาส วันนี้เป็นกรณีพิเศษของเธอ"ไม่เป็นไรหรอก ผู้โดยสารชั้นประหยัดไม่ค่อยรีเควสอะไรหรอก"หญิงสาวเอ่ยขำๆ เพื่อนหัวเราะเบาๆ ด้วย "แต่ผู้ชายคนนั้น ท่าทางหล่อนะ ไม่เห็นถอดแว่นสักที"จู่ๆ เพื่อนก็เอ่ยถึงคนที่โชติรสเพิ่งนึกถึงเหมือนกัน เห็นได้ชัดว่าในบรรดาผู้โดยสารเกือบทั้งลำ เขาก็ยังดูโดดเด่นที่สุด"ถ้าถอดแว่นแล้วอาจจะไม่หล่อก็ได้มั้ง""วุ้ย! ใครจะไปหล่อเท่าคุณอธิปล่ะ จริงปะ"เพื่อนเอ่ยแซว เพราะรู้กันทั่วแล้วว่าโชติรสเป็นคนรักของอธิป รชต ลูกชายเจ้าของและผู้ก่อตั้งบริษัทในเครือสยามเจ็ตแอร์ไลน์โชติรสยิ้มนิดๆ พอให้น่าเอ็

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status