LOGINยลดามองไปตามสายตาพี่ชาย แล้วก็นิ่งอึ้ง
ไกลขนาดนี้ก็ยังมองเห็นผู้ชายตัวสูงผมยาวย้อมสีทองโดดเด่นแต่ไกล แต่อะไรก็ไม่เท่ากับเสื้อกีฬายี่ห้อดังสีเขียวสะท้อนแสง กางเกงสีส้ม รองเท้าสีเหลือง... บพิตรยิ้มกว้างเห็นฟันขาวทุกซี่มาแต่ไกล ก่อนจะกึ่งกระโดดกึ่งก้าวยาว ๆ ขึ้นมาหายศกรแล้วกระโดดกอดกันอย่างรักใคร่ อธิปที่เดินตามหลังมาส่ายหน้า ไม่รู้ทำไมไอ้เพื่อนคนนี้มันดีดนัก ถ้าไม่รู้จักกันคงคิดว่าบพิตรเป็นพวกเล่นยาเพราะพลังล้นเหลือเหลือเกิน "โหพี่บอม โคตรคิดถึงเลย ไหนว่าจะยังไม่กลับไทยง่าย ๆ ไง" "ไม่กลับไม่ได้ แม่กูยึดบัตรเครดิตไปหมดแล้ว อยู่ต่อก็เหี่ยวแห้งหัวโต" บพิตรตอบตามตรงตามประสาคนจริงใจก่อนหันมาแนะนำเพื่อนที่มาด้วย "ไอ้ยอช นี่เพื่อนพี่ชื่ออาร์ต เพื่อนรักเพื่อนสนิทเลย...ไอ้อาร์ตนี่น้องกู รู้จักกันที่ลอนดอน ชื่อไอ้ยอช" ยศกรยกมือไหว้อย่างนอบน้อมผิดกับลูกหลานไฮโซทั่วไปที่เห็นในละครคุณธรรม "หวัดดีครับพี่อาร์ต ผมชื่อยศครับพี่ แต่ตอนอยู่ลอนดอนเพื่อนฝรั่งเรียกยอช พี่จะเรียกผมว่ายอชอีกคนก็ได้ครับ..." อธิพยักหน้าทักทายเพื่อนรุ่นน้องคนใหม่ ไม่แปลกใจทำไมยศหรือยอชถึงสนิทกับบพิตรได้...ท่าทางคงเป็นพวกไฮเปอร์เหมือนกัน ระหว่างที่สามหนุ่มยืนทักทายกันอยู่นั้น โชติรสนั่งหันข้างให้ เธอไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักนอกจากเครื่องดื่มในมือและจังหวะดนตรีที่ทำให้โยกตัวเบา ๆ จนเมื่อเห็นยลดาสีหน้าขัดเขินและมองข้ามไหล่เธอไปด้านหลัง หญิงสาวจึงเอียงหน้าไปมองบ้างแล้วก็ใจเต้นแรงขึ้นมาทันที คุณอาร์ต! แม้อธิป รชต จะเพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทยได้แค่สามเดือน แต่ในโซเชี่ยลมีเดีย "อาร์ต รชต" หรือ "อาร์ต อธิป" เป็นหนุ่มฮอตที่อยู่ในความสนใจของชาวเน็ตไทยในเวลาอันรวดเร็ว ยิ่งอธิปไม่มีแอคเคาต์โซเชี่ยลมีเดียส่วนตัว แต่ขยันปรากฏในไอจีของนางเอกคนนั้น สักพักก็โผล่มาในไอจีนางงามคนนี้... แค่นี้ก็ทำให้เขากลายเป็นหนุ่มฮอตที่คนอยากรู้จักมากที่สุดไปได้ โชติรสที่เคยค้นหาโปรไฟล์เขาอยู่บ่อย ๆ เพราะถูกตาต้องใจในความคมเข้มกับซิกแพ็ก ยังเคยแอบหวังว่าเขาอาจจะมาโผล่มาบนเที่ยวบินที่เธอให้บริการอยู่ หญิงสาวอุตส่าห์ได้ทำงานต้อนรับบนสายการบินไซแอมเจ็ท แต่ยังไม่เคยได้เห็นตัวจริงของลูกชายประธานบริหาร...มันน่าเสียดายใช่ไหมล่ะ "อีแยม! นั่นคุณอาร์ต!" โชติรสรีบหันขวับไปกระซิบกับเพื่อนสาวอย่างตื่นเต้น ยลดาที่กำลังจ้องบพิตรแบบเอาเป็นเอาตายส่ายหน้า "ไม่ใช่ พี่เขาชื่อบอม" "อีบ้า ไม่ใช่ตาผมทอง ฉันหมายถึงคนที่อยู่ด้านหลังไปอีก คนที่หน้าฝรั่ง ๆ คนนั้นน่ะ..." ยลดามองตามไป แล้วก็อ้าปากค้างไปอีกรอบ "โอ้แม่เจ้า วันนี้มันวันรวมหนุ่มฮอตหรือไงกันยะ น่ากินมากแม่..." "แกเอาคนผมทองไป คุณอาร์ตของฉัน" โชติรสกระซิบเสียงต่ำกว่าเดิม แต่แววตาเอาจริง "คนนี้คือลูกชายแชร์แมนของไซแอมเจ็ต..." "อ้าว! บริษัทแกนี่" "ใช่ คนผมทองแกเอาไป แต่คุณอาร์ต...ฉันจอง!" "โอเค ดีล" สองสาวส่งยิ้มให้กันตาเป็นประกาย มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่ายังไงคืนนี้ต้องมีผู้ชายตกถึงท้องอย่างแน่นอน * * * * * ที่คฤหาสน์รชต สามทุ่มกว่าแล้วตอนที่ลินดาเคาะประตูห้องนอนลูกสาว ก่อนจะเปิดเข้าไปเบา ๆ เมื่อเห็นว่าประตูไม่ได้ล็อก "ลูกอม เป็นยังไงบ้างลูก" ลลิตราที่ยังอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิมกับที่ออกจากบ้านไปเมื่อเช้า ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียง เธอนอนไปทั้งอย่างนั้นไม่ดึงผ้าคลุมเตียงออกด้วยซ้ำ ลลิตรากลับถึงบ้านตั้งแต่บ่าย หญิงสาวโกหกว่าอธิปไปส่งเธอหาหมอจริง ๆ และเมื่อเธอได้ยามาแล้วเขาก็ไปทำธุระของตัวเองต่อ ส่วนเธอก็กลับบ้าน เธอบอกว่าขอกินยาแล้วก็พักผ่อน มื้่อเย็นก็ยังง่วงจนไม่ได้ลงไปกินข้าวร่วมโต๊ะกับอรรถและลินดา ไม่คิดว่าจะนอนยาวมาจนถึงสามทุ่ม "สีหน้าไม่ดีเลย อาการไม่ดีขึ้นเลยหรือลูก" ลินดาเป็นกังวล แตะดูแผลที่โหนกแก้มกับตามเนื้อตัวของลูกสาว ก็เหมือนจะหายดีแล้ว แต่ทำไมตอนนี้อาการของลูกกลับดูหนักลงไปอีก "หนูคงนอนมากไปน่ะค่ะแม่" หญิงสาวตอบเสียงอู้อี้ "ให้แม่หาอะไรอุ่น ๆ ให้ไหม เด็กรับใช้ที่ชื่อน้ำตาลเขายังไม่นอน เขารอเผื่อว่าลูกอมจะหิวหรืออยากกินอะไร" "ตายจริง ให้เขาไปพักเถอะค่ะแม่ หนูสบายดี" ลลิตรารีบฉีกยิ้มตาหยีพร้อมกับจับมือลินดามาบีบ "ให้แม่นอนเป็นเพื่อนไหม" "อะไรกัน" คนเป็นลูกหัวเราะเบา ๆ "ลุงอรรถไม่ยอมหรอกค่ะ" "เราแม่ลูกไม่เคยนอนห่างกันเลย แม่รู้สึกผิดกับลูกอมจัง" ลินดาเอ่ยด้วยแววตากึ่งปวดร้าวกึ่งเลื่อนลอย ลลิตรารีบดึงมือมารดามาแนบแก้ม ก่อนแต่งงาน ลลิตราได้พูดคุยกับอรรถเป็นการส่วนตัวแล้ว และอรรถก็ได้พบจิตแพทย์ประจำตัวของลินดาด้วย เขาจึงเข้าใจอาการของภรรยาคนใหม่ของเขาทุกอย่างรวมถึงเรื่องที่ลินดาต้องกินยาไม่ให้ขาดแม้แต่วันเดียวเพราะไม่เช่่นนั้นกระบวนการที่ยาจะเข้าไปซ่อมแซมสื่อประสาทในสมองก็ต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด "คืนนี้แม่กินยาหรือยังคะ" "กำลังไปกินจ้ะ ต้องกินตอนจะเข้านอนนี่ แม่มาดูลูกก่อน" "ถ้าอย่างนั้นแม่ก็กลับห้องได้แล้วนะคะ และแม่ต้องกินยาทันทีนะ..." "นอนคนเดียวได้จริง ๆ ใช่ไหมลูกอม" "โถ่ ได้สิคะ หนูโตแล้วนะคะแม่" หญิงสาวตอบก่อนจะขยับเข้าไปกอดแม่จนแน่น กัดริมฝีปากไว้กลั้นน้ำตาและเสียงสะอื้น ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ถ้ามันไม่ทำให้แม่มีความสุข เธอก็จะไม่มีวันให้แม่รู้อย่างเด็ดขาด เมื่อลินดากลับห้องนอนของตัวเองไปแล้ว ลลิตราก็โผเผลงจากเตียงมารินน้ำให้ตัวเองดื่ม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อตอนกลางวัน เอากำลังใจจากไหนพาตัวเองกลับบ้าน กิตติทัศน์ยังคงโทรหา คงห่วงว่าเธออาจทำอะไรโง่ ๆ แล้วกลับไม่ถึงบ้าน หญิงสาวจึงปิดเครื่อง ไม่ขอรับรู้หรือรับการติดต่อจากใครทั้งนั้น เมื่อมาถึงเตียงนอนก็ก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นกับหมอนจนหมอนเปียกชุ่มและหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย แม้แต่ตอนนี้ก็ทำท่าเหมือนอยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีก ลลิตราคิดว่าตัวเองรักกิตติทัศน์ แต่ที่มากกว่าความรัก คือความผูกพันและเคยชิน ตั้งแต่อายุ 18 จนกระทั่งวันนี้ในวัย 24 ผู้ชายเพียงคนเดียวที่ลลิตราใกล้ชิดมาตลอดก็มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น แม้เธอยังไม่เคยจินตนาการไปไกลถึงภาพวันแต่งงาน แต่มันจะเป็นใครไปได้ล่ะถ้าไม่ใช่เขา "พี่ติ...ไอ้คนทรยศ...ไอ้คนนอกใจ!" หญิงสาวปล่อยโฮออกมาอีก รีบหยิบหมอนขึ้นมาแล้วซุกหน้าลงไป ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างไม่กลัวเจ็บป่วย ลลิตราจะยอมเสียน้ำตาให้ผู้ชายที่ไม่ซื่อสัตย์แค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น เมื่อพ้นคืนนี้ไป ชื่อกิตติทัศน์จะไม่มีความหมายอะไรต่อเธออีกแม้แต่นิดเดียว"ไม่! ฉันคบกับพี่ต้นแล้ว นายจะมาทำแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว!" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิด "ใครอีกล่ะ คราวนี้เธอให้ใครมาเล่นละครอีก" "ครั้งนี้ไม่ใช่ คราวก่อนฉันยอมรับว่าฉันโกหกนาย แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แล้ว" "งั้นเหรอ งั้นคราวนี้มันเป็นใครล่ะ" เขาถามอย่างอดทน ทั้งที่อยากกดเธอลงบนเตียงเต็มทีแล้ว ลลิตราขยุ้มคอเสื้อแน่นโดยอัตโนมัติ ราวกับว่าแค่สายตาของเขาก็จะทำให้เสื้อผ้าเธอหลุดรุ่ยล่อนจ้อนได้ "เขาเป็นรุ่นพี่ของฉันสมัยเรียน ฉันเคยชอบเขามาก่อนแต่ตอนนั้นเราเด็กเกินไปเลยไม่ได้คบกัน ฉันเพิ่งกลับไปเจอพี่ต้นที่ตราด...ใช่ฉันเพิ่งไปเที่ยวทะเลที่ตราดมา โรงแรมนั่นเป็นของพี่ต้น และฉันกับเขาก็...ตกลงเป็นแฟนกัน" อธิปหัวเราะพรืดทั้งที่แววตาไม่ขำด้วยสักนิด ก็เธอเล่นบอกเขาเหมือนท่องเตรียมมาแล้ว "เลิกตั้งแง่ใส่กันเถอะนะลูกอม เราทั้งคู่ก็รู้อยู่แล้วว่าเรารู้สึกยังไงกัน โชติรสไม่ใช่ปัญหาเลย โชก็อยากถอนหมั้นพอ ๆ กับฉันนั่นแหละ แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้เพราะ..." อธิปหยุดไปเล็กน้อย ถอนหายใจ เขาสัญญากับโชติรสว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับ "เอาเป็นว่ามันเป็นเรื่องของธุรกิจ ที่ฉันกับโชยังไม่ถอนหมั้นเพราะมัน
"อาร์ต เมื่อไหร่แม่จะได้รู้จักคู่หมั้นของลูกล่ะ"ออเดรย์ถามขึ้นมาระหว่างที่มือกำลังหั่นสเต๊ก ลลิตราทำเหมือนไม่ได้ยินคำถามนั้น กินอาหารของเธอไปตามปกติแม้จะรู้สึกว่าสายตาของอธิปพุ่งตรงมาที่ตัวเองก็ตามอธิปแทบไม่ชะงักเลยเหมือนกันตอนที่ตอบ"ไม่จำเป็นหรอก เพราะอีกไม่นานผมกับเขาก็จะถอนหมั้นกัน"คราวนี้นายอรรถเงยหน้ามองทันที แม้แต่ลินดาก็ยังอดหันมาด้วยไม่ได้"หมายความว่ายังไง อาร์ต""ตามนั้นแหละครับ"อธิปตอบ ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างใจเย็น และเมื่อเห็นว่าพ่อยังคงจ้องเขาอยู่ เขาจึงขยายความ"ยังไม่เป็นทางการหรอกนะครับพ่อ และยังไม่ได้บอกใคร แต่ผมกับโช เราตกลงกันแล้วว่าถ้าผ่านเรื่องยุ่ง ๆ ไปสักระยะ เราค่อยถอนหมั้นกันเงียบ ๆ""เหตุผล?""เหตุผลก็คือ ผมกับโชไม่ได้รักกันตั้งแต่แรก เราแค่หมั้นกันด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่วันหนึ่งเมื่อทุกอย่างคลึ่คลาย เราก็จะคืนอิสรภาพให้กัน""ตอนลูกมาขอให้พ่อไปสู่ขอเขา ลูกไม่ได้พูดแบบนี้นี่"อรรถอดตำหนิไม่ได้ อาจเพราะเขาเห็นว่าบนโต๊ะนี้ก็มีแต่คนกันเองจึงเผลอพูดออกมา"ผมทราบ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว...เอาเป็นว่าผมกับโชเราคิดตรงกัน ผมไม่ได้ทำร้ายใจเธอ ถ้าพ่อคิดว่าผม
ลลิตรากลับจากตราดพร้อมของฝากเกินสองมือจะถือได้ไหว เมื่อรถแท็กซี่มาจอด คมสันต์ต้องวิ่งลงมาช่วยหิ้วด้วยหลายถุง เธอยอมรับกับตัวเองว่าถ้าเป็นเมื่อก่อน คงไม่สามารถจับจ่ายอะไรได้มือเติบแบบนี้"ฉันซื้อขนมของกินมาฝาก เดี๋ยวคมสันต์แบ่งไปได้เลยนะจ๊ะ"ลลิตราบอก รปภ. หนุ่มรุ่นน้อง คมสันต์ตะเบ๊ะแข็งขัน"ครับผม ขอบคุณครับ""แม่อยู่บ้านใช่ไหมจ๊ะ"เธอถามทั้งที่ก็รู้ว่าลินดาคงไม่ได้มีธุระที่ไหน แม่ของลลิตราไม่ใช่คนชอบเที่ยว แม้อรรถจะคะยั้นคะยอให้ออกไปใช้เงินบ้างแต่ลินดาก็พอใจจะนั่งดูโทรทัศน์อยู่บ้าน และเดี๋ยวนี้หล่อนกลับมาถักไหมพรมอีกครั้งอย่างที่จิตแพทย์เคยแนะนำ เวลาเดียวที่ลินดาจะออกไปห้างสรรพสินค้าก็คือตอนที่จะไปซื้อไหมพรมเซ็ตใหม่ ๆ นั่นแหละ"ครับผม คุณผู้ชายก็อยู่ครับ""คุณอรรถอยู่บ้านงั้นหรือ"ลลิตราแปลกใจเพราะนี่ไม่ใช่วันหยุด ปกติอรรถยังไม่กลับจากบริษัทเลยไม่ใช่หรือ คมสันต์รีบอธิบายต่อ"ตอนแรกมีแขกมาหาคุณผู้หญิงครับ แล้วสักพักคุณผู้ชายก็รีบกลับมา""แขก? มาหาแม่เหรอ""ครับ มาหาคุณลินดาครับ คุณผู้ชายโทรบอกผมเองว่าให้เข้าไปได้"คมสันต์รีบบอกเพราะกลัวจะโดนตำหนิว่าปล่อยคนแปลกหน้าเข้าบ้านโดยพลการลลิต
เดินทางมาถึงตอนที่ 109 แล้ว สำหรับเรื่องพาล แต่ตลอดร้อยกว่าตอนมานี้ ไรต์ยังไม่เคยได้อ่านคอมเมนต์นักอ่านเลยนะเชื่อปะ เป็นไปได้ว่าไม่มีใครอ่าน ๕๕ และยอดวิวก็คงเป็นของไรต์เองนี่แหละที่คลิกเข้ามาอ่านนิยายตัวเองไรต์จะพยายามเขียนให้จบ ถึงมีคนอ่านแค่คนเดียวก็ตาม (แต่อาจช้าหน่อยเพราะต้องไปหาค่าน้ำค่าไฟด้วย) ถ้าได้เจอกันในภายภาคหน้า ฝากนิยายของไรต์ด้วยเช่นเคยนะคะ ขอบคุณค่ะ แวมไพร์ปีกดำ(ลีขิตา).
"พี่ต้น!""ลูกอมจริง ๆ ด้วย! ไม่อยากจะเชื่อเลย"ตระการยิ้มกว้าง ดวงตาสีดำส่องประกายสดใสอย่างคนที่ดีใจและคาดไม่ถึง ลลิตราจำเขาได้แทบจะทันทีเพราะแม้ผู้ชายที่เธอเห็นตรงหน้าตอนนี้จะไม่ใช่เด็กหนุ่มรูปร่างผอมสูงใส่แว่นเหมือนอย่างแต่ก่อน แต่แววตาและรอยยิ้มแบบนี้ก็มีแค่ตระการคนเดียว"โอ้โห กี่ปีแล้วนี่ที่ไม่ได้เจอกัน พี่แทบจะจำลูกอมไม่ได้เลย""ก็ตั้งแต่พี่ต้นจบม.หกไงคะ แล้วก็ไม่เคยได้เจอกันอีกเลย"ลลิตราตอบยิ้ม ๆ ตระการคือรุ่นพี่สมัยเรียนมัธยมฯ เคยติวหนังสือให้เธอและกลุ่มเพื่อนจนกระทั่งเขาเรียนจบออกไป"ลูกอมมาเที่ยวเหรอ แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่ที่ไหน""มาเที่ยวค่ะ กับอุ๋มไง พี่ต้นจำอุ๋มได้ไหม อมาวสี..."ดวงตาของตระการกว้างขึ้นอีกรอบ พยักหน้าหงึก ๆ ดูเหมือนความทรงจำของชายหนุ่มเมื่อครั้งยังเป็นนักเรียนขาสั้น ยังแจ่มชัดดีทุกรายละเอียด จำได้กระทั่งชื่อเล่นและความแก่นแก้วของแต่ละคนที่เป็นไปตามวัย"แต่อุ๋มของีบก่อนเพราะเพิ่งมาถึงเมื่อเที่ยงนี้เองค่ะ นี่ลูกอมโชคดีจังเลยที่ลงมาเดินเล่น ไม่งั้นคงไม่ได้เจอพี่ต้น พี่ต้นก็มาเที่ยวหรือเปล่าคะ แล้วจะกลับวันไหน พักที่นี่ใช่ไหม...""ก็ไม่เชิงหรอกครับ บ้านพี่ห่าง
แม้อาหารมื้อนั้นจะผ่านไปด้วยดีตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันมายี่สิบกว่าปี แต่อธิปกลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูก อรรถก็คงไม่ต่างกัน สองพ่อลูกกลับมาบ้านแล้วก็แยกกันเข้าห้องส่วนตัวโดยไม่คุยอะไรกันอีกเลยเกี่ยวกับผู้หญิงที่เกี่ยวพันกับคนทั้งคู่คนนั้นแต่อธิปอยากลงไปเจอลลิตรา เขาส่งข้อความไปหาเธอว่าขอลงไปหาเธอได้ไหม เจอกันที่สนามหญ้าก็ได้ถ้าเธอไม่สะดวกให้เขาเข้าไปหาในบ้าน- ฉันไม่ได้อยู่บ้าน ออกมาอยู่บ้านเพื่อน -หญิงสาวพิมพ์ตอบกลับมาอธิปห้ามใจตัวเองไม่ไหว ต้องพิมพ์บอกไปว่า- คิดถึง -- ไปบอกคู่หมั้นนายเถอะ -เธอพิมพ์ตอบมารวดเร็วเช่นกันเพราะไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียง จึงไม่รู้ว่าเธอประชด หรือจริงจัง อธิปกดโทรหาเธอแทนที่จะส่งเป็นข้อความกลับไป"โทรมาทำไม ฉันไม่สะดวกคุยนะ"หญิงสาวกดรับสายทันทีและเปิดฉากพูดก่อนโดยไม่รอให้เขาทัก"ก็อยากได้ยินเสียงไง""อย่าพูดแบบนี้กับฉันอีก ฉันขอร้อง มันไม่เหมาะสม""ระหว่างฉันกับเธอยังมีอะไรไม่เหมาะสมอีกหรือ"เขาตั้งใจจะยั่วหยอกเธอเล่น ๆ แต่ลลิตราตอบกลับมาน้ำเสียงกรุ่นโกรธ"พอทีเถอะคุณอธิป ฉันไม่อยากอยู่แบบนี้อีกแล้ว""แบบไหน""ก็แบบที่..."เขาได้ยินเสียงห







