ตะวันที่อยู่ตรงกับศีรษะเริ่มจะเคลื่อนไปทางทิศตะวันตก
ตอนที่แอร์โฮสเตสสาวแห่งสายการบินไซแอมเจ็ตถูกปลุก
ด้วยเสียงเครื่องดูดฝุ่นจากด้านนอกที่ดังเข้ามาในห้องนอน
โชติรสค่อย ๆ ปรือตาตื่น
เนื้อตัวปวดระบมโดยเฉพาะอวัยวะท่อนล่าง
แต่มันก็คุ้มค่ากับเรี่ยวแรงทุกหยาดหยดที่เสียไป
ถ้าเลือกได้ เธอก็อยากจะทำมันกับเขาอีกเรื่อย ๆ
"คุณอาร์ต..."
โชติรสครางเรียกชื่อเขาอย่างงัวเงีย แต่ไร้เสียงตอบ
เตียงนอนไร้เงาของเจ้าของห้อง มีเพียงเธอที่นอนเปลือยเปล่าอยู่คนเดียว
"คุณอาร์ตคะ!"
เสียงเครื่องดูดฝุ่นหยุดฉับพลัน ไม่ถึงนาทีประตูห้องนอนก็ค่อย ๆ เปิดออก
คนที่มาเปิดไม่ใช่อธิป
แต่เป็นหญิงกลางคนแต่งตัวเรียบร้อย หน้าตาใจดี ส่งยิ้มแหย ๆ มาให้โชติรส
"เมื่อกี้เรียกหาคุณอาร์ตหรือคะ"
"เอ่อ ใช่ ป้าเป็นใคร เป็นคนใช้ที่นี่เหรอ"
"เปล่าคะ คุณอาร์ตแค่จ้างฉันมาทำความสะอาดรายวัน"
"อ๋อ แล้วคุณอาร์ตอยู่ที่ไหนล่ะ" โชติถาม
คว้าผ้าห่มนวมมาปิดหน้าอกพลางยันตัวลุกขึ้นนั่ง
"คุณอาร์ตออกไปตอนก่อนเที่ยงแล้วค่ะ บอกให้ฉันอยู่รอจนกว่าคุณจะตื่น...
คุณเค้าบอกให้คุณสั่งอาหารได้เลย ที่นี่มีรูมเซอร์วิสค่ะ..."
คนทำความสะอาดตอบก่อนจะกลับไปทำความสะอาดต่อ ปิดประตูห้องนอนไว้ตามเดิม
ที่จริงมันก็เป็นเรื่องปกติของวันไนต์สแตนด์
หลายครั้งเป็นเธอเองด้วยซ้ำที่เมื่อตื่นขึ้นมา ก็แค่ลุกมาล้างตัว สวมเสื้อผ้า
แล้วเดินออกจากโรงแรมโดยไม่คิดแม้แต่จะหันไปปลุกคู่นอนด้วยซ้ำไป
แต่ว่าครั้งนี้ โชติรสใจฟีบไปเล็กน้อยที่อธิปไม่อยู่รอเจอหน้าเธอตอนตื่น
แอร์โฮสเตสสาวรู้กติกาดีพอที่จะไม่คาดหวังว่าเขาจะขอเบอร์ติดต่อ...
แต่ก็ยังอดเสียดายไม่ได้...
ผู้ชายรูปหล่อ หุ่นดี ลีลาเผ็ชชอย่างกับเด็ดพริกมาร้อยสวนแบบนี้
ใครได้กินสักครั้งแล้วไม่อยากกินอีก ก็คงจะตายด้านเกินไปเสียแล้ว
* * * * *
รถพอร์ชสีเหลืองสดของอธิปแล่นผ่านประตูรั้วเข้ามาในตอนบ่าย
ลลิตรากำลังยืนคุยอะไรบางอย่างอยู่กับคนขับรถที่ชื่อน้าดาว
เมื่อเธอเห็นรถของเขาแล่นมาก็หน้าเปลี่ยนสี และรีบเดินออกไปจากตรงนั้นทันที
"เมื่อกี้คุยอะไรกันน่ะน้า"
อธิปถามนายดาวเมื่อเขาลงจากรถ มองเห็นลลิตราเดินออกไปจะถึงประตูรั้วแล้ว
บ้านนี้ไม่มีใครเดินเท้า
ความกว้างขวางของอาณาจักรบ้านรชตทำให้พ่อของเขาสั่งรถกอล์ฟมาใช้ถึงสองคัน
แล้วทำไมยัยเพิ้งนั่นถึงเดินดุ่มไปเองแบบนั้น?
"ผมจะไปส่งคุณหนูครับ คุณท่านสั่งเอาไว้ว่าถ้าคุณหนูกับคุณผู้หญิงจะไปไหน ให้พวกผมไปส่งทุกที่..."
"อ้าว! แล้วทำไมปล่อยให้เดินไป"
เขาพยักเพยิด เหมือนไม่อยากจะเอ่ยชื่อสมาชิกใหม่ของบ้าน
น้าดาวยิ้มแหย ๆ
"แกบอกว่าจะไปเองครับ ผมบอกจะไปส่งแกก็ดื้อ...คงยังไม่ชินน่ะครับ"
"หรือไม่ก็แค่อวดดี อยากสร้างภาพว่าเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัว"
อธิปเอ่ยอย่างดูแคลน น้าดาวส่ายหน้าอย่างพาซื่อ
"ผมว่าไม่น่าจะใช่อย่างนั้นหรอกนะครับ
จำได้ว่าตอนคุณนุชมาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ
เธอก็ไม่อยากให้ผมขับรถให้เหมือนกัน
เธอว่าเธอเกรงใจ"
น้าดาวหลุดเอ่ยถึงคุณผู้หญิงคนก่อนออกมาแล้วก็เพิ่งรู้สึกตัว
เมื่อหันกลับมาเห็นสายตาเย็นชาของชายหนุ่มตัวสูงอย่างกับเสาไฟก้มมองอยู่
คนขับรถวัยกลางคนก็หัวเราะแหะ ๆ
เอ่ยขอตัวแล้วรีบเดินหนีไปทางเรือนทำครัวที่อยู่ด้านหลัง
อธิปมองไปทิศที่ลลิตราเดินไปอีกครั้งอย่างไร้อารมณ์
ผู้หญิง...ร้อยทั้งร้อยคงคิดว่ทำตัวหยิ่งผยอง เย็นชา แล้วเขาจะสนใจ
ยัยลูกแม่เลี้ยงนี่ก็เหมือนกัน คงคิดว่าจะเรียกร้องความสนใจได้ด้วยท่าทีแบบนั้น
อธิปเผลอยิ้มเหยียด... ตอนที่เขาจูบยั่ยนั่น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสัมผัสของริมฝีปากเธอมันเป็นอย่างไร
แค่เป็นปฏิกิริยาแรกที่เขาคิดได้ในการจะลงโทษผู้หญิงปากดีสักคน
* * * * *
ลลิตราเร่งฝีเท้าเดินออกมาจนพ้นรั้วบ้าน
เจอรถแท็กซี่ที่กดแอพฯ เรียกมารับพอดี
นึกโล่งใจที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับไอ้ผู้ชายชั้นต่ำป่าเถื่อนอย่างลูกชายของลุงอรรถ
เวลานี้อารมณ์เธอยิ่งกำลังเปราะบาง
คนที่ประกาศชัดว่าจะรังแกเธอทุกเวลาได้แบบนั้น หญิงสาวไม่คิดอยากเอาตัวเข้าใกล้เลยแม้แต่นิดเดียว
เพื่อนทั้งสองของลลิตรา นัดเธอที่ห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ที่สุด
เมื่อลลิตราไปถึง ก็เห็นกันตานั่งอยู่กับอมาวสี
"มาแล้ว"
อมาวสีทักสั้น ๆ แต่กันตาที่ตาแดงเรื่อ หน้าจ๋อย ได้แต่มองอย่างรู้สึกผิด ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาสักคำ
เป็นลลิตราเองที่กลับเป็นฝ่ายหัวเราะ
"อะไรยัยเกี๊ยว ทำไมทำหน้าแบบนั้น"
"ฮือ โฮ ลูกอม แก...ฉันขอโทษ"
กันตาสะอื้นออกมาทันที โชคดียังกลั้นเสียงไว้ได้ไม่อย่างนั้นคนคงหันมามองทั้งร้านกาแฟ
ลลิตราตกใจแท้จริง ๆ หันมามองอมาวสีสีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม
ดวงตากลมเหมือนลูกแก้วที่อยู่ใต้เลนส์แว่นของอมาวสีกลอกไปมา ทั้งขบขันทั้งรำคาญ
"มันขอโทษเรื่องไอ้พี่...นั่นแหละ มันบอกว่ามันไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ"
"ฮือ ใช่ใช่" กันตาพยักหน้าหงึก ๆ น้ำตายังเอ่อคลอตามประสาคนอ่อนไหวง่าย
คงเพราะกิตติทัศน์เป็นลูกพี่ลูกน้องของกันตา เขาเข้ามารู้จักและคบหาเป็นคนรักกับเพื่อนได้ก็เพราะเธอเป็นสื่อกลาง
เมื่อวันหนึ่ง จู่ ๆ ญาติของเธอดันลุกมาประกาศว่าจะแต่งงานกับคนอื่นกะทันหันแบบนี้ กันตาตั้งตัวไม่ทัน และพาลคิดไปว่ามิตรภาพระหว่างเธอกับลลิตราคงจะมีปัญหาไปด้วยแน่ ๆ
"โถ่ ไอ้บ้า ใครจะไปว่าอะไรแกล่ะไอ้เกี๊ยว มันไม่เกี่ยวกับแกหรอก..."
"ฮือ...แก...แกจะยังคบฉันอยู่จริง ๆ ใช่ไหม"
"ก็เออสิ ไม่งั้นฉันจะมาหาเหรอ ไม่เอา อย่าแย่งซีนฉันสิ วันนี้คนที่ควรจะได้รับการเลี้ยงปลอบใจ คือฉันไม่ใช่เหรอ แกมาตัดหน้าแย่งซีนกันแบบนี้ ฉันก็อดได้เป็นนางเอกเอ็มวีเลย"
กันตาค่อยยิ้มออก แลบลิ้นอย่างขัดเขิน
อมาวสีหันมาจ้องหน้าลลิตราเพื่อความแน่ใจ
"แล้วแกเป็นไงบ้าง"
"ก็ร้องไห้ทั้งคืน" ลลิตราบอกตรง ๆ ก่อนยิ้ม
"แต่จบแล้ว จะไม่กลับไปข้องเกี่ยวอะไรกันอีกทั้งนั้น"
"ไอ้พี่ติมันก็เลวจริง ๆ นะ...ตอนโทรคุยกับป้า พ่อแม่ฉันยังด่ามันไม่หยุดเลย มีอย่างที่ไหน นอกใจแฟน แถมยังจะแต่งงานเฉย..."
กันตาเผลอพูดออกมา เมื่อนึกขึ้นได้ก็ยิ้มเจื่อนอีกรอบ
เธอเกือบจะบอกไปแล้วว่า คนที่ด่าคือพ่อเธอที่เป็นน้าของกิตติทัศน์ก็จริง แต่ป้า...พี่สาวของพ่อ ที่เป็นแม่แท้ ๆ ของกิตติทัศน์ ออกอาการปกป้องลูกชาย...
'มันยังไม่ได้แต่งกัน ไอ้ติมันก็มีสิทธิ์เลือกคนที่ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ'
ป้าของกันตาแก้ตัวให้ลูกชายแบบนี้
กันตาคิดว่าไม่พูดต่อดีกว่า เพราะคงเป็นการซ้ำเติมให้เสียใจมากขึ้นไปอีก
"ช่างเหอะ เพราะถึงยังไงเขาก็ตัดสินใจไปแล้ว... ต่อไปนี้ไม่ต้องพูดเรื่องพี่ติอีกแล้วนะ ฉันเริ่มจะแสลงหูแล้วล่ะ"
"ได้สิ ได้ ๆ งั้นคุยเรื่องบ้านใหม่แกดีกว่า"
กันตาเปลี่ยนโหมดได้ทันที ดวงตาแดงก่ำเมื่อครู่กลับมาสดใสเหมือนตากวางได้อีกครั้ง อมาวสีก็สีหน้าตื่นเต้นตามไปด้วย
"ใช่ ๆ แกไม่ยอมให้ฉันไปช่วยขนของ เรียบร้อยดีใช่ไหม"
"ดีมาก ดีสุด ๆ ของของฉันกับแม่มีนิดเดียว แถมพ่อเลี้ยงยังจ้างคนมาขนของให้อีก แทบไม่ได้ทำอะไรเลย"
"ดีจังเลยนะ อย่างนี้แกก็ได้เป็นลูกสาวเศรษฐีเต็มตัวแล้วล่ะสิ"
อมาวสีหยอก
มีแค่สองคนนี้เท่านั้นที่รู้ว่าพ่อเลี้ยงของลลิตรา...เป็นใคร
ช่วงที่อรรถเทียวมาดูแลเธอกับแม่อยู่เป็นปี ๆ ก็เป็นอมาวสีที่คอยเช็คนู่นเช็คนี่ให้ เพราะกลัวว่าผู้ชายสูงวัยหน้าเข้มคนนั้นจะมาหลอกลลิตรากับแม่
ถึงตอนนี้แล้วก็คงจะเบาใจได้แล้วว่า พ่อเลี้ยงของลลิตรา จริงใจและเป็นตัวจริง
"ลูกสาวอะไรกันล่ะ ฉันก็แค่ลูกเลี้ยง...ขนาดแค่จะนัดแกสองคน ฉันยังต้องออกมาข้างนอกเลย ฉันไม่กล้านัดแกไปที่นั่นด้วยซ้ำ กลัวเขาว่าไปหมด"
"จนป่านนี้แล้ว ไว้ใจคุณลุงอรรถเถอะว่าเขาไม่ได้รังเกียจ และเต็มใจจะให้แกเป็นครอบครัวของเขาจริง ๆ"
อมาวสีบอก กันตาก็พยักหน้าตามหงึก ๆ
"แล้วบ้านของจริงมันใหญ่จริง ๆ ใช่ไหม สวยเหมือนในรูปหรือเปล่า"
ที่กันตาถามแบบนี้เพราะพวกเธอเคย 'เสิร์ช' หาข้อมูลเกี่ยวกับอรรถ รชต มาเกือบหมดแล้ว
แม้ไม่ถึงกับเปิดเผยชีวิตส่วนตัวทั้งหมด แต่ภาพถ่ายส่วนหนึ่งของ 'บ้านรชต' ที่ใหญ่โตอย่างกับโรงแรมและรีสอร์ตขนาดย่อม ก็ทำให้เพื่อนสาวทั้งสองตื่นเต้นจนอ้อนขอไปดูให้เห็นกับตาสักครั้ง
"อืม สวยจริง สวย...เวอร์วังอลังการ"
ลลิตราตอบแบบไม่ได้ประชด แต่สีหน้ากลับไม่ได้ตื่นเต้นเท่าที่เพื่อนคิดไว้
"งั้น...ฉันสองคนไปเที่ยวบ้านแกได้ไหมอะ คุณอรรถเขาห้ามหรือเปล่า"
"ไม่หรอก เขาใจดีมาก..." ผิดกับลูกชายเขาลิบลับ
ถ้าพ่อเลี้ยงของเธอเป็นเทพบุตรขี่ม้าขาวมาเพื่อช่วยแม่
ไอ้ลูกชายคนโตของเขามันก็มารผจญคอยขัดแข้งขัดขาไม่ให้คนอื่นมีความสุข เหมือนเปรตหรือสัมภเวสีชัด ๆ
แค่นึกขึ้นมา ลลิตราก็รู้สึกยะเยือกจนตัวสั่นไม่ได้ตั้งใจ
"เอาไว้...สักวันเราค่อยนัดกันที่บ้านลุงอรรถก็แล้วกันนะ เอาไว้ขอฉันปรับตัวอีกสักนิด"
หญิงสาวตอบเลี่ยง ๆ เพื่อนทั้งสองพยักหน้าอย่างเข้าใจ สำคัญที่สุดคือลลิตรากับลินดามีความสุขในบ้านหลังนั้นก็น่าจะพอแล้ว
* * * * * ขากลับ ลลิตราแวะซื้อข้าวของวัตถุดิบสำหรับทำขนมมาเต็มสองมือ และเรียกรถแท็กซี่ให้มาส่งถึงหน้าบ้านรชตอีกตามเคย"บ้านนี่ผมผ่านหลายครั้งเลย ข้างในสวยไหมครับ"
แท็กซี่ถามซื่อ ๆ
"ก็สวยค่ะ"
"น้องอยู่ที่นี่หรือครับ"
แท็กซี่ถามอีก
"เปล่าหรอกค่ะ หนูมาส่งของ เพิ่งเคยมาครั้งแรกเมื่อวานนี้เอง นี่แม่บ้านเขาสั่งอุปกรณ์ทำขนมน่ะค่ะ"
"อ๋อครับ"
แท็กซี่ช่างคุยยิ้มแล้วช่วยหญิงสาวหิ้วถุงแป้ง แผงไข่ และอะไรอีกมากมายลงจากรถ เมื่อรับเงินค่าโดยสารพร้อมทิปจากลลิตราก็ขับรถออกไป
รปภ. หนุ่มที่ประจำอยู่หน้าป้อม เข้ามาช่วยลลิตราและกดวิทยุสื่อสารเรียกให้คนด้านในขับรถกอล์ฟมารับที่หน้าประตูด้วย
'นั่นปะไร อย่างกับมาอยู่รีสอร์ต'
ลลิตรานึกอย่างขบขัน
รปภ.ตะเบ๊ะให้หญิงสาวอย่างขันแข็ง
"สวัสดีครับ! คุณหนู!"
"เอิ่ม...สวัสดีค่ะ"
ลลิตรายิ้มเจื่อน ๆ เธอคงต้องรีบทำตัวให้ชินกับสรรพนามนี้ได้แล้วสินะ
พายุยังไม่เคลื่อนผ่าน พยากรณ์อากาศบอกว่าฝนยังจะตกหนักอีกหลายวัน แต่ในความมืดมนของท้องฟ้านั้น ครอบครัววรเศรษฐกุลกลับสว่างไสวด้วยข่าวดีเพราะชลธิชาให้กำเนิดบุตรสาวคนแรกอย่างปลอดภัยในโรงพยาบาลเอกชนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง"เป็นตาคนแล้วนะ แถมยังได้หลานสาวด้วย เลิกเจ้าชู้ได้แล้ว"วิภาเอ่ยลอยๆ ชาญหัวเราะเบาๆ ไม่ตอบว่ากระไร อาจเพราะมัวแต่ปลื้มอกปลื้มใจหลานตาคนแรกนี้คนนี้กิตติทัศน์ก็ดีใจไม่น้อย ความรู้สึกของการเป็นพ่อคนที่เขาเพิ่งเคยได้สัมผัส ทว่าเพราะลูกสาวของเขาเกิดในตระกูลมหาเศรษฐี แทบจะมีพี่เลี้ยงคอยรับใช้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ลืมตาดูโลก ไหนจะแม่ยายอย่างวิภาที่คอยประกบทั้งลูกและหลานไม่ห่าง จนเหมือนทุกคนลืมเว้นพื้นที่ให้กิตติทัศน์ได้แสดงบทบาทความเป็นพ่อและสามี...ชายหนุ่มออกมาหากาแฟดื่มแก้เซ็ง ชลธิชาเพิ่งให้นมลูกและหลับไปแล้วด้วยความอ่อนเพลีย อีกหลายชั่วโมงกว่าเธอจะตื่น แม่ยายเขาไล่ให้เขากลับไปอาบน้ำอาบท่าที่บ้านทั้งที่เขาก็อยากอยู่ใกล้ๆ ยัยหนูลูกสาวของเขาเหมือนกัน..."เฮ้อ..."เซลล์หนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว อดคิดไม่ได้ว่าในเมื่อชลธิชาก็ไม่จำเป็นต้องมีเขาอยู่ข้างๆ เธอก็ได้...ถ้าในอนาคตจะหย
ณ ประเทศสิงคโปร์โชติรสสวมแว่นตาดำปิดบังเกือบครึ่งของใบหน้า เดินมาที่ห้องพักชั้นบนของโรงแรมหรูแห่งหนึ่งย่านมารีน่าเบย์ แม้ค่อนข้างแน่ใจว่าจะไม่เจอคนรู้จักที่นี่ แต่เธอก็อดใจเต้นแรงไม่ได้อยู่ดี...เมื่อกดกริ่งเรียกคนด้านใน อึดใจเดียวประตูก็แง้มออก หญิงสาวก้าวเข้าไปเพียงสองก้าว ประตูก็ปิดตามหลังและโดยไม่ทันตั้งตัวใครที่รออยู่ก็ผลักเธอเข้ากับผนังห้องแล้วระดมจูบอย่างหิวกระหายโชติรสชะงักไปเพียงเสี้ยววินาที แต่วินาทีต่อมาเธอก็ยกแขนโอบรอบคอเขาแล้วจูบตอบอย่างร้อนแรงพอกัน...ก็ทั้งคู่นัดกันเพื่อสิ่งนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง...จังหวะหนึ่งที่บานกระจกในห้องสะท้อนเงาสองร่าง เผยให้เห็นว่าผู้ชายที่กำลังโรมรันพันตูอยู่กับโชติรสนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เขาคือซีอีโอคนใหม่ของสยามเจ็ต...ภพธร...* * * * "พ่อจะไม่อยู่ตั้งสามอาทิตย์ แกแวะมาดูบ้านบ้างสิอาร์ต"อรรถเอ่ยกับลูกชายคนโตทางโทรศัพท์ เกือบสองสัปดาห์แล้วที่ไม่เห็นหน้าอธิปเลย อีกไม่กี่วันเขาจะเดินทางไปยุโรปกับลินดา จึงโทรไปบอกลูกชายให้รับทราบไว้"ให้ป้าอ้อมดูแลไปสิฮะ หรือไม่ก็...ลูกสาวของพ่อไง หรือว่ายัยลูกอมก็ไปด้วย""เปล่า ลูกอมไม่ได้ไป พ่อกับน้าลินดาไปก
"โอม! กูมึงชอบมึงไงเข้าใจปะ กูชอบมึงตั้งแต่วันรับน้องแล้ว กูไม่สนแล้วว่ามึงจะคิดยังไงเพราะกูแค่อยากบอกว่ากูชอบมึง กูโคตรชอบมึงเลย จบนะ!"พูดจบก็ลุกพรวดจะเดินหนีไป แต่โอมคว้าแขนไว้ก่อน และเขาหัวเราะออกมาจริงๆ เป็นเสียงหัวเราะแบบที่น้ำแข็งจำไม่ได้เลยว่าเคยเห็นเขาหัวเราะแบบนี้เธอหันไปมองเขาอย่างโกรธๆ แต่สีหน้าของโอมตอนนี้กลับยิ้มเต็มหน้าและดวงตา"นี่ถึงกับพูดมึงกูเลยเหรอ นี่ชอบจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย""เออ! ชอบ! และกูก็จะไม่พูดเพราะๆ กับมึงแล้ว กูเหนื่อย กูขี้เกียจเก๊ก""ก็ไม่เห็นต้องเก๊กเลย น่าจะพูดแบบนี้มาตั้งนานแล้ว""พูดแบบไหน?""ก็แบบที่เป็นตัวของตัวเอง แล้วก็..."โอมปล่อยมือ กระแอมแล้วมองไปทางอื่น เหมือนหูเขาจะแดงขึ้นมาเล็กน้อย"แล้วก็อะไร?""แล้วก็...น่าจะบอกออกมาตั้งนานแล้วปะ""อ้าว...แล้วแกไม่รู้รึไง?""รู้ ใครจะไม่รู้วะ แต่แค่อยากได้ยินปะ"โอมพูดออกไปแล้วก็กระแอมอีกรอบ คราวนี้ไม่ใช่แค่หูที่แดงแต่ลามมาที่หน้าและคอ เขาเหลือบมองหน้าน้ำแข็งนิดๆ น้ำแข็งอ้าปากเหมือนจะพูดแต่พูดไม่ออก หน้าตายังงงมากกว่าจะเขิน "เออ ความรู้สึกช้าแบบนี้นี่ไง ถึงได้ไม่รู้อะไรสักที"พูดจบเขาก็เดินกลับเข้าโรงยิม
พนักงานสยามเจ็ตตื่นเต้นกับว่าที่ซีอีโอคนใหม่มาก เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้เลยว่าใครจะมานั่งเก้าอี้นี้แทนอรรถ...หนึ่งในคนที่ตื่นเต้นและแปลกใจที่สุดคงไม่พ้นโชติรสและพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่เคยได้ให้บริการ "คุณเจย์" ภพธร มาก่อนโดยที่ตอนนั้น"เจอกันอีกแล้วนะครับ"บรรดาแอร์โฮสเตสสาวยิ้มปลื้มที่ซีอีโอคนใหม่จดจำพวกเธอได้"เสียดายเนาะที่มีเมียแล้ว" อีกคนพูดเพราะไปสืบมาแล้วว่าภพธรหรือคุณเจย์แต่งงานแล้ว แม้ไม่รู้ว่าใครคือผู้หญิงหรือผุ้ชายผู้โชคดีคนนั้นก็ตามโชติรสก็เผลอนึกเสียดายเหมือนกัน ทั้งที่เธอไม่มีเหตุผลให้คิดแบบนั้นเลย แต่ไม่ว่าจะรู้สึกกับซีอีโอคนใหม่อย่างไร หญิงสาวก็เก็บมันไว้ในใจอย่างแนบเนียน* * * * *"โอม ช่วงนี้ได้เจอพี่อาร์ตเขาบ้างหรือเปล่า"อรรถถามลูกชายระหว่างกินอาหารเช้าด้วยกันก่อนที่โอมจะไปมหาวิทยาลัย เด็กหนุ่มส่ายหน้า"ไม่เลยครับ""อืม เห็นช่วงก่อนกลับมากินข้าวที่บ้านบ่อยๆ จู่ๆ ก็หายไปอีก...คงแล้วแต่อารมณ์เขาล่ะมั้ง"อรรถถามเองตอบเอง เขาเข้าใจว่าลูกชายคนโตเป็นคนอารมณ์แปรปรวน นึกจะมาจะไปก็คงเอาแน่เอานอนไม่ได้...นี่ถ้าฝากฝังให้ดูแลบริษัทจริงๆ จะทำปั่นป่วนไหมนะ..."โอม...
"นายก็ไม่ได้ดีไปกว่าแฟนเก่าฉันหรอก เห็นแก่ตัวเหมือนกัน คิดเข้าข้างตัวเองเหมือนกัน และก็...ตอแยฉันไม่เลิกเหมือนกัน""ฉันไม่ได้..."อธิปนึกอยากจะเถียง แต่จำนนด้วยหลักฐาน เขายอมปล่อยมือออกจากเอวบางอย่างเสียดายแต่ยังไม่ยอมก้าวห่างไปไหน "ฉันไม่เหมือนแฟนเก่าเธอ เพราะฉันยังไม่มีพันธะอะไรกับใคร""คุณโชติรสได้ยินแบบนี้เธอคงยิ้มดีใจสินะ""ฉันกับโช เราไม่ได้จริงจังอะไรขนาดนั้น"อธิปแก้ตัว แล้วเขาก็รู้สึกรังเกียจตัวเองขึ้นมานิดๆ ทันทียังไม่นับว่าตอนนี้ลลิตราก็มองมาด้วยความรู้สึกเดียวกัน...เขามันทุเรศจริงๆ"ช่างฉันเถอะ ฉันมาคุยเรื่องของเรา...อย่าบอกนะว่าเธอไม่เคยรู้สึกกับฉันเลยสักครั้ง..."อธิปยังดื้อดึง ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปากคนตรงหน้ารวดเร็วจนเธอผงะหนีแทบไม่ทัน"เธอรู้สึก ฉันดูออก... ไม่ต้องอายหรอกเพราะฉันก็รู้สึก ฉันแทบบ้าที่รู้ว่าเธออยู่ใกล้แค่นี้แต่ทำอะไรไม่ได้...และฉันไม่คิดจะอดทนอีกต่อไป เธอ...ลูกอม...แฟนเก่าเธอมันแต่งงานไปแล้ว แต่ฉันยังว่าง ฉันให้เธอได้ทุกอย่างขอแค่เธอ..."อธิปละไว้ในฐานที่เข้าใจ ลลิตราแค่นหัวเราะ "นายนี่มันเหลือเชื่อจริงๆ""แล้วมันแปลว่าอะไรล่ะ เยส หรือ โน""แป
"ก็ฉันไม่คิดว่าจะเป็นนายนี่!"ลลิตราเถียง มือยกจับคอเสื้อโดยอัตโนมัติ นึกโล่งอกที่ยังสวมเสื้อชั้นใน และเสื้อนอนผ้าฝ้ายก็ไม่ได้บางจนหมิ่นเหม่"ถ้าไม่ใช่ฉันแล้วเธอเปิดประตูให้ใคร""เปิดให้น้องโอมมั้ง!" หญิงสาวประชด แต่อธิปกลับสีหน้าจริงจัง"ไม่ต้องมากวน! เธอกำลังรอใคร? ถึงได้รีบเปิดประตูแบบไม่คิดอย่างนั้น""เอ๊ะ! มันเรื่องของฉันนะ นายออกไปได้แล้ว มีอะไรไปคุยกับพรุ่งนี้""แต่ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอตอนนี้ เดี๋ยวนี้""ฉันไม่สะดวก"ลลิตราตอบเสียงแข็ง ตามองออกไปนอกประตู หวังให้น้ำตาลหรือแม้แต่น้ำค้างก็ได้ เดินถือถาดอาหารเข้ามาขัดจังหวะอีกเช่นเคยแต่ท่าทางของเธอทำให้อธิปไม่พอใจเพราะคิดว่าเธอกำลังรอใครอยู่จริงๆ เขายื่นแขนที่ยาวกว่าและมีกำลังมากกว่าปิดประตูใส่หน้าเธอดังโครม แถมยังกดล็อกเสร็จสรรพ"นายอธิป! อย่ามาทำตัวแบบนี้กับฉันนะ!""ทำตัวแบบไหน"อธิปเลิกคิ้ว สีหน้ายียวน แต่แววตาที่เข้มขึ้นบ่งบอกว่าเขาไม่อยู่ในอารมณ์ยั่วล้อมีอะไรบางอย่างในท่าทีนั้นที่ทำให้ลลิตรารู้สึกขึ้นมาว่าวันนี้เขาเอาจริง!ถ้อยคำแรงๆ ที่ตั้งใจจะพูดในตอนแรกจึงถูกกลืนกลับไปทันที หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขา ทำใจดีสู้เสือ"นาย...ค