LOGINตะวันที่อยู่ตรงกับศีรษะเริ่มจะเคลื่อนไปทางทิศตะวันตก
ตอนที่แอร์โฮสเตสสาวแห่งสายการบินไซแอมเจ็ตถูกปลุก
ด้วยเสียงเครื่องดูดฝุ่นจากด้านนอกที่ดังเข้ามาในห้องนอน
โชติรสค่อย ๆ ปรือตาตื่น
เนื้อตัวปวดระบมโดยเฉพาะอวัยวะท่อนล่าง
แต่มันก็คุ้มค่ากับเรี่ยวแรงทุกหยาดหยดที่เสียไป
ถ้าเลือกได้ เธอก็อยากจะทำมันกับเขาอีกเรื่อย ๆ
"คุณอาร์ต..."
โชติรสครางเรียกชื่อเขาอย่างงัวเงีย แต่ไร้เสียงตอบ
เตียงนอนไร้เงาของเจ้าของห้อง มีเพียงเธอที่นอนเปลือยเปล่าอยู่คนเดียว
"คุณอาร์ตคะ!"
เสียงเครื่องดูดฝุ่นหยุดฉับพลัน ไม่ถึงนาทีประตูห้องนอนก็ค่อย ๆ เปิดออก
คนที่มาเปิดไม่ใช่อธิป
แต่เป็นหญิงกลางคนแต่งตัวเรียบร้อย หน้าตาใจดี ส่งยิ้มแหย ๆ มาให้โชติรส
"เมื่อกี้เรียกหาคุณอาร์ตหรือคะ"
"เอ่อ ใช่ ป้าเป็นใคร เป็นคนใช้ที่นี่เหรอ"
"เปล่าคะ คุณอาร์ตแค่จ้างฉันมาทำความสะอาดรายวัน"
"อ๋อ แล้วคุณอาร์ตอยู่ที่ไหนล่ะ" โชติถาม
คว้าผ้าห่มนวมมาปิดหน้าอกพลางยันตัวลุกขึ้นนั่ง
"คุณอาร์ตออกไปตอนก่อนเที่ยงแล้วค่ะ บอกให้ฉันอยู่รอจนกว่าคุณจะตื่น...
คุณเค้าบอกให้คุณสั่งอาหารได้เลย ที่นี่มีรูมเซอร์วิสค่ะ..."
คนทำความสะอาดตอบก่อนจะกลับไปทำความสะอาดต่อ ปิดประตูห้องนอนไว้ตามเดิม
ที่จริงมันก็เป็นเรื่องปกติของวันไนต์สแตนด์
หลายครั้งเป็นเธอเองด้วยซ้ำที่เมื่อตื่นขึ้นมา ก็แค่ลุกมาล้างตัว สวมเสื้อผ้า
แล้วเดินออกจากโรงแรมโดยไม่คิดแม้แต่จะหันไปปลุกคู่นอนด้วยซ้ำไป
แต่ว่าครั้งนี้ โชติรสใจฟีบไปเล็กน้อยที่อธิปไม่อยู่รอเจอหน้าเธอตอนตื่น
แอร์โฮสเตสสาวรู้กติกาดีพอที่จะไม่คาดหวังว่าเขาจะขอเบอร์ติดต่อ...
แต่ก็ยังอดเสียดายไม่ได้...
ผู้ชายรูปหล่อ หุ่นดี ลีลาเผ็ชชอย่างกับเด็ดพริกมาร้อยสวนแบบนี้
ใครได้กินสักครั้งแล้วไม่อยากกินอีก ก็คงจะตายด้านเกินไปเสียแล้ว
* * * * *
รถพอร์ชสีเหลืองสดของอธิปแล่นผ่านประตูรั้วเข้ามาในตอนบ่าย
ลลิตรากำลังยืนคุยอะไรบางอย่างอยู่กับคนขับรถที่ชื่อน้าดาว
เมื่อเธอเห็นรถของเขาแล่นมาก็หน้าเปลี่ยนสี และรีบเดินออกไปจากตรงนั้นทันที
"เมื่อกี้คุยอะไรกันน่ะน้า"
อธิปถามนายดาวเมื่อเขาลงจากรถ มองเห็นลลิตราเดินออกไปจะถึงประตูรั้วแล้ว
บ้านนี้ไม่มีใครเดินเท้า
ความกว้างขวางของอาณาจักรบ้านรชตทำให้พ่อของเขาสั่งรถกอล์ฟมาใช้ถึงสองคัน
แล้วทำไมยัยเพิ้งนั่นถึงเดินดุ่มไปเองแบบนั้น?
"ผมจะไปส่งคุณหนูครับ คุณท่านสั่งเอาไว้ว่าถ้าคุณหนูกับคุณผู้หญิงจะไปไหน ให้พวกผมไปส่งทุกที่..."
"อ้าว! แล้วทำไมปล่อยให้เดินไป"
เขาพยักเพยิด เหมือนไม่อยากจะเอ่ยชื่อสมาชิกใหม่ของบ้าน
น้าดาวยิ้มแหย ๆ
"แกบอกว่าจะไปเองครับ ผมบอกจะไปส่งแกก็ดื้อ...คงยังไม่ชินน่ะครับ"
"หรือไม่ก็แค่อวดดี อยากสร้างภาพว่าเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัว"
อธิปเอ่ยอย่างดูแคลน น้าดาวส่ายหน้าอย่างพาซื่อ
"ผมว่าไม่น่าจะใช่อย่างนั้นหรอกนะครับ
จำได้ว่าตอนคุณนุชมาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ
เธอก็ไม่อยากให้ผมขับรถให้เหมือนกัน
เธอว่าเธอเกรงใจ"
น้าดาวหลุดเอ่ยถึงคุณผู้หญิงคนก่อนออกมาแล้วก็เพิ่งรู้สึกตัว
เมื่อหันกลับมาเห็นสายตาเย็นชาของชายหนุ่มตัวสูงอย่างกับเสาไฟก้มมองอยู่
คนขับรถวัยกลางคนก็หัวเราะแหะ ๆ
เอ่ยขอตัวแล้วรีบเดินหนีไปทางเรือนทำครัวที่อยู่ด้านหลัง
อธิปมองไปทิศที่ลลิตราเดินไปอีกครั้งอย่างไร้อารมณ์
ผู้หญิง...ร้อยทั้งร้อยคงคิดว่ทำตัวหยิ่งผยอง เย็นชา แล้วเขาจะสนใจ
ยัยลูกแม่เลี้ยงนี่ก็เหมือนกัน คงคิดว่าจะเรียกร้องความสนใจได้ด้วยท่าทีแบบนั้น
อธิปเผลอยิ้มเหยียด... ตอนที่เขาจูบยั่ยนั่น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสัมผัสของริมฝีปากเธอมันเป็นอย่างไร
แค่เป็นปฏิกิริยาแรกที่เขาคิดได้ในการจะลงโทษผู้หญิงปากดีสักคน
* * * * *
ลลิตราเร่งฝีเท้าเดินออกมาจนพ้นรั้วบ้าน
เจอรถแท็กซี่ที่กดแอพฯ เรียกมารับพอดี
นึกโล่งใจที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับไอ้ผู้ชายชั้นต่ำป่าเถื่อนอย่างลูกชายของลุงอรรถ
เวลานี้อารมณ์เธอยิ่งกำลังเปราะบาง
คนที่ประกาศชัดว่าจะรังแกเธอทุกเวลาได้แบบนั้น หญิงสาวไม่คิดอยากเอาตัวเข้าใกล้เลยแม้แต่นิดเดียว
เพื่อนทั้งสองของลลิตรา นัดเธอที่ห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ที่สุด
เมื่อลลิตราไปถึง ก็เห็นกันตานั่งอยู่กับอมาวสี
"มาแล้ว"
อมาวสีทักสั้น ๆ แต่กันตาที่ตาแดงเรื่อ หน้าจ๋อย ได้แต่มองอย่างรู้สึกผิด ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาสักคำ
เป็นลลิตราเองที่กลับเป็นฝ่ายหัวเราะ
"อะไรยัยเกี๊ยว ทำไมทำหน้าแบบนั้น"
"ฮือ โฮ ลูกอม แก...ฉันขอโทษ"
กันตาสะอื้นออกมาทันที โชคดียังกลั้นเสียงไว้ได้ไม่อย่างนั้นคนคงหันมามองทั้งร้านกาแฟ
ลลิตราตกใจแท้จริง ๆ หันมามองอมาวสีสีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม
ดวงตากลมเหมือนลูกแก้วที่อยู่ใต้เลนส์แว่นของอมาวสีกลอกไปมา ทั้งขบขันทั้งรำคาญ
"มันขอโทษเรื่องไอ้พี่...นั่นแหละ มันบอกว่ามันไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ"
"ฮือ ใช่ใช่" กันตาพยักหน้าหงึก ๆ น้ำตายังเอ่อคลอตามประสาคนอ่อนไหวง่าย
คงเพราะกิตติทัศน์เป็นลูกพี่ลูกน้องของกันตา เขาเข้ามารู้จักและคบหาเป็นคนรักกับเพื่อนได้ก็เพราะเธอเป็นสื่อกลาง
เมื่อวันหนึ่ง จู่ ๆ ญาติของเธอดันลุกมาประกาศว่าจะแต่งงานกับคนอื่นกะทันหันแบบนี้ กันตาตั้งตัวไม่ทัน และพาลคิดไปว่ามิตรภาพระหว่างเธอกับลลิตราคงจะมีปัญหาไปด้วยแน่ ๆ
"โถ่ ไอ้บ้า ใครจะไปว่าอะไรแกล่ะไอ้เกี๊ยว มันไม่เกี่ยวกับแกหรอก..."
"ฮือ...แก...แกจะยังคบฉันอยู่จริง ๆ ใช่ไหม"
"ก็เออสิ ไม่งั้นฉันจะมาหาเหรอ ไม่เอา อย่าแย่งซีนฉันสิ วันนี้คนที่ควรจะได้รับการเลี้ยงปลอบใจ คือฉันไม่ใช่เหรอ แกมาตัดหน้าแย่งซีนกันแบบนี้ ฉันก็อดได้เป็นนางเอกเอ็มวีเลย"
กันตาค่อยยิ้มออก แลบลิ้นอย่างขัดเขิน
อมาวสีหันมาจ้องหน้าลลิตราเพื่อความแน่ใจ
"แล้วแกเป็นไงบ้าง"
"ก็ร้องไห้ทั้งคืน" ลลิตราบอกตรง ๆ ก่อนยิ้ม
"แต่จบแล้ว จะไม่กลับไปข้องเกี่ยวอะไรกันอีกทั้งนั้น"
"ไอ้พี่ติมันก็เลวจริง ๆ นะ...ตอนโทรคุยกับป้า พ่อแม่ฉันยังด่ามันไม่หยุดเลย มีอย่างที่ไหน นอกใจแฟน แถมยังจะแต่งงานเฉย..."
กันตาเผลอพูดออกมา เมื่อนึกขึ้นได้ก็ยิ้มเจื่อนอีกรอบ
เธอเกือบจะบอกไปแล้วว่า คนที่ด่าคือพ่อเธอที่เป็นน้าของกิตติทัศน์ก็จริง แต่ป้า...พี่สาวของพ่อ ที่เป็นแม่แท้ ๆ ของกิตติทัศน์ ออกอาการปกป้องลูกชาย...
'มันยังไม่ได้แต่งกัน ไอ้ติมันก็มีสิทธิ์เลือกคนที่ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ'
ป้าของกันตาแก้ตัวให้ลูกชายแบบนี้
กันตาคิดว่าไม่พูดต่อดีกว่า เพราะคงเป็นการซ้ำเติมให้เสียใจมากขึ้นไปอีก
"ช่างเหอะ เพราะถึงยังไงเขาก็ตัดสินใจไปแล้ว... ต่อไปนี้ไม่ต้องพูดเรื่องพี่ติอีกแล้วนะ ฉันเริ่มจะแสลงหูแล้วล่ะ"
"ได้สิ ได้ ๆ งั้นคุยเรื่องบ้านใหม่แกดีกว่า"
กันตาเปลี่ยนโหมดได้ทันที ดวงตาแดงก่ำเมื่อครู่กลับมาสดใสเหมือนตากวางได้อีกครั้ง อมาวสีก็สีหน้าตื่นเต้นตามไปด้วย
"ใช่ ๆ แกไม่ยอมให้ฉันไปช่วยขนของ เรียบร้อยดีใช่ไหม"
"ดีมาก ดีสุด ๆ ของของฉันกับแม่มีนิดเดียว แถมพ่อเลี้ยงยังจ้างคนมาขนของให้อีก แทบไม่ได้ทำอะไรเลย"
"ดีจังเลยนะ อย่างนี้แกก็ได้เป็นลูกสาวเศรษฐีเต็มตัวแล้วล่ะสิ"
อมาวสีหยอก
มีแค่สองคนนี้เท่านั้นที่รู้ว่าพ่อเลี้ยงของลลิตรา...เป็นใคร
ช่วงที่อรรถเทียวมาดูแลเธอกับแม่อยู่เป็นปี ๆ ก็เป็นอมาวสีที่คอยเช็คนู่นเช็คนี่ให้ เพราะกลัวว่าผู้ชายสูงวัยหน้าเข้มคนนั้นจะมาหลอกลลิตรากับแม่
ถึงตอนนี้แล้วก็คงจะเบาใจได้แล้วว่า พ่อเลี้ยงของลลิตรา จริงใจและเป็นตัวจริง
"ลูกสาวอะไรกันล่ะ ฉันก็แค่ลูกเลี้ยง...ขนาดแค่จะนัดแกสองคน ฉันยังต้องออกมาข้างนอกเลย ฉันไม่กล้านัดแกไปที่นั่นด้วยซ้ำ กลัวเขาว่าไปหมด"
"จนป่านนี้แล้ว ไว้ใจคุณลุงอรรถเถอะว่าเขาไม่ได้รังเกียจ และเต็มใจจะให้แกเป็นครอบครัวของเขาจริง ๆ"
อมาวสีบอก กันตาก็พยักหน้าตามหงึก ๆ
"แล้วบ้านของจริงมันใหญ่จริง ๆ ใช่ไหม สวยเหมือนในรูปหรือเปล่า"
ที่กันตาถามแบบนี้เพราะพวกเธอเคย 'เสิร์ช' หาข้อมูลเกี่ยวกับอรรถ รชต มาเกือบหมดแล้ว
แม้ไม่ถึงกับเปิดเผยชีวิตส่วนตัวทั้งหมด แต่ภาพถ่ายส่วนหนึ่งของ 'บ้านรชต' ที่ใหญ่โตอย่างกับโรงแรมและรีสอร์ตขนาดย่อม ก็ทำให้เพื่อนสาวทั้งสองตื่นเต้นจนอ้อนขอไปดูให้เห็นกับตาสักครั้ง
"อืม สวยจริง สวย...เวอร์วังอลังการ"
ลลิตราตอบแบบไม่ได้ประชด แต่สีหน้ากลับไม่ได้ตื่นเต้นเท่าที่เพื่อนคิดไว้
"งั้น...ฉันสองคนไปเที่ยวบ้านแกได้ไหมอะ คุณอรรถเขาห้ามหรือเปล่า"
"ไม่หรอก เขาใจดีมาก..." ผิดกับลูกชายเขาลิบลับ
ถ้าพ่อเลี้ยงของเธอเป็นเทพบุตรขี่ม้าขาวมาเพื่อช่วยแม่
ไอ้ลูกชายคนโตของเขามันก็มารผจญคอยขัดแข้งขัดขาไม่ให้คนอื่นมีความสุข เหมือนเปรตหรือสัมภเวสีชัด ๆ
แค่นึกขึ้นมา ลลิตราก็รู้สึกยะเยือกจนตัวสั่นไม่ได้ตั้งใจ
"เอาไว้...สักวันเราค่อยนัดกันที่บ้านลุงอรรถก็แล้วกันนะ เอาไว้ขอฉันปรับตัวอีกสักนิด"
หญิงสาวตอบเลี่ยง ๆ เพื่อนทั้งสองพยักหน้าอย่างเข้าใจ สำคัญที่สุดคือลลิตรากับลินดามีความสุขในบ้านหลังนั้นก็น่าจะพอแล้ว
* * * * * ขากลับ ลลิตราแวะซื้อข้าวของวัตถุดิบสำหรับทำขนมมาเต็มสองมือ และเรียกรถแท็กซี่ให้มาส่งถึงหน้าบ้านรชตอีกตามเคย"บ้านนี่ผมผ่านหลายครั้งเลย ข้างในสวยไหมครับ"
แท็กซี่ถามซื่อ ๆ
"ก็สวยค่ะ"
"น้องอยู่ที่นี่หรือครับ"
แท็กซี่ถามอีก
"เปล่าหรอกค่ะ หนูมาส่งของ เพิ่งเคยมาครั้งแรกเมื่อวานนี้เอง นี่แม่บ้านเขาสั่งอุปกรณ์ทำขนมน่ะค่ะ"
"อ๋อครับ"
แท็กซี่ช่างคุยยิ้มแล้วช่วยหญิงสาวหิ้วถุงแป้ง แผงไข่ และอะไรอีกมากมายลงจากรถ เมื่อรับเงินค่าโดยสารพร้อมทิปจากลลิตราก็ขับรถออกไป
รปภ. หนุ่มที่ประจำอยู่หน้าป้อม เข้ามาช่วยลลิตราและกดวิทยุสื่อสารเรียกให้คนด้านในขับรถกอล์ฟมารับที่หน้าประตูด้วย
'นั่นปะไร อย่างกับมาอยู่รีสอร์ต'
ลลิตรานึกอย่างขบขัน
รปภ.ตะเบ๊ะให้หญิงสาวอย่างขันแข็ง
"สวัสดีครับ! คุณหนู!"
"เอิ่ม...สวัสดีค่ะ"
ลลิตรายิ้มเจื่อน ๆ เธอคงต้องรีบทำตัวให้ชินกับสรรพนามนี้ได้แล้วสินะ
"ไม่! ฉันคบกับพี่ต้นแล้ว นายจะมาทำแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว!" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิด "ใครอีกล่ะ คราวนี้เธอให้ใครมาเล่นละครอีก" "ครั้งนี้ไม่ใช่ คราวก่อนฉันยอมรับว่าฉันโกหกนาย แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แล้ว" "งั้นเหรอ งั้นคราวนี้มันเป็นใครล่ะ" เขาถามอย่างอดทน ทั้งที่อยากกดเธอลงบนเตียงเต็มทีแล้ว ลลิตราขยุ้มคอเสื้อแน่นโดยอัตโนมัติ ราวกับว่าแค่สายตาของเขาก็จะทำให้เสื้อผ้าเธอหลุดรุ่ยล่อนจ้อนได้ "เขาเป็นรุ่นพี่ของฉันสมัยเรียน ฉันเคยชอบเขามาก่อนแต่ตอนนั้นเราเด็กเกินไปเลยไม่ได้คบกัน ฉันเพิ่งกลับไปเจอพี่ต้นที่ตราด...ใช่ฉันเพิ่งไปเที่ยวทะเลที่ตราดมา โรงแรมนั่นเป็นของพี่ต้น และฉันกับเขาก็...ตกลงเป็นแฟนกัน" อธิปหัวเราะพรืดทั้งที่แววตาไม่ขำด้วยสักนิด ก็เธอเล่นบอกเขาเหมือนท่องเตรียมมาแล้ว "เลิกตั้งแง่ใส่กันเถอะนะลูกอม เราทั้งคู่ก็รู้อยู่แล้วว่าเรารู้สึกยังไงกัน โชติรสไม่ใช่ปัญหาเลย โชก็อยากถอนหมั้นพอ ๆ กับฉันนั่นแหละ แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้เพราะ..." อธิปหยุดไปเล็กน้อย ถอนหายใจ เขาสัญญากับโชติรสว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับ "เอาเป็นว่ามันเป็นเรื่องของธุรกิจ ที่ฉันกับโชยังไม่ถอนหมั้นเพราะมัน
"อาร์ต เมื่อไหร่แม่จะได้รู้จักคู่หมั้นของลูกล่ะ"ออเดรย์ถามขึ้นมาระหว่างที่มือกำลังหั่นสเต๊ก ลลิตราทำเหมือนไม่ได้ยินคำถามนั้น กินอาหารของเธอไปตามปกติแม้จะรู้สึกว่าสายตาของอธิปพุ่งตรงมาที่ตัวเองก็ตามอธิปแทบไม่ชะงักเลยเหมือนกันตอนที่ตอบ"ไม่จำเป็นหรอก เพราะอีกไม่นานผมกับเขาก็จะถอนหมั้นกัน"คราวนี้นายอรรถเงยหน้ามองทันที แม้แต่ลินดาก็ยังอดหันมาด้วยไม่ได้"หมายความว่ายังไง อาร์ต""ตามนั้นแหละครับ"อธิปตอบ ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างใจเย็น และเมื่อเห็นว่าพ่อยังคงจ้องเขาอยู่ เขาจึงขยายความ"ยังไม่เป็นทางการหรอกนะครับพ่อ และยังไม่ได้บอกใคร แต่ผมกับโช เราตกลงกันแล้วว่าถ้าผ่านเรื่องยุ่ง ๆ ไปสักระยะ เราค่อยถอนหมั้นกันเงียบ ๆ""เหตุผล?""เหตุผลก็คือ ผมกับโชไม่ได้รักกันตั้งแต่แรก เราแค่หมั้นกันด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่วันหนึ่งเมื่อทุกอย่างคลึ่คลาย เราก็จะคืนอิสรภาพให้กัน""ตอนลูกมาขอให้พ่อไปสู่ขอเขา ลูกไม่ได้พูดแบบนี้นี่"อรรถอดตำหนิไม่ได้ อาจเพราะเขาเห็นว่าบนโต๊ะนี้ก็มีแต่คนกันเองจึงเผลอพูดออกมา"ผมทราบ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว...เอาเป็นว่าผมกับโชเราคิดตรงกัน ผมไม่ได้ทำร้ายใจเธอ ถ้าพ่อคิดว่าผม
ลลิตรากลับจากตราดพร้อมของฝากเกินสองมือจะถือได้ไหว เมื่อรถแท็กซี่มาจอด คมสันต์ต้องวิ่งลงมาช่วยหิ้วด้วยหลายถุง เธอยอมรับกับตัวเองว่าถ้าเป็นเมื่อก่อน คงไม่สามารถจับจ่ายอะไรได้มือเติบแบบนี้"ฉันซื้อขนมของกินมาฝาก เดี๋ยวคมสันต์แบ่งไปได้เลยนะจ๊ะ"ลลิตราบอก รปภ. หนุ่มรุ่นน้อง คมสันต์ตะเบ๊ะแข็งขัน"ครับผม ขอบคุณครับ""แม่อยู่บ้านใช่ไหมจ๊ะ"เธอถามทั้งที่ก็รู้ว่าลินดาคงไม่ได้มีธุระที่ไหน แม่ของลลิตราไม่ใช่คนชอบเที่ยว แม้อรรถจะคะยั้นคะยอให้ออกไปใช้เงินบ้างแต่ลินดาก็พอใจจะนั่งดูโทรทัศน์อยู่บ้าน และเดี๋ยวนี้หล่อนกลับมาถักไหมพรมอีกครั้งอย่างที่จิตแพทย์เคยแนะนำ เวลาเดียวที่ลินดาจะออกไปห้างสรรพสินค้าก็คือตอนที่จะไปซื้อไหมพรมเซ็ตใหม่ ๆ นั่นแหละ"ครับผม คุณผู้ชายก็อยู่ครับ""คุณอรรถอยู่บ้านงั้นหรือ"ลลิตราแปลกใจเพราะนี่ไม่ใช่วันหยุด ปกติอรรถยังไม่กลับจากบริษัทเลยไม่ใช่หรือ คมสันต์รีบอธิบายต่อ"ตอนแรกมีแขกมาหาคุณผู้หญิงครับ แล้วสักพักคุณผู้ชายก็รีบกลับมา""แขก? มาหาแม่เหรอ""ครับ มาหาคุณลินดาครับ คุณผู้ชายโทรบอกผมเองว่าให้เข้าไปได้"คมสันต์รีบบอกเพราะกลัวจะโดนตำหนิว่าปล่อยคนแปลกหน้าเข้าบ้านโดยพลการลลิต
เดินทางมาถึงตอนที่ 109 แล้ว สำหรับเรื่องพาล แต่ตลอดร้อยกว่าตอนมานี้ ไรต์ยังไม่เคยได้อ่านคอมเมนต์นักอ่านเลยนะเชื่อปะ เป็นไปได้ว่าไม่มีใครอ่าน ๕๕ และยอดวิวก็คงเป็นของไรต์เองนี่แหละที่คลิกเข้ามาอ่านนิยายตัวเองไรต์จะพยายามเขียนให้จบ ถึงมีคนอ่านแค่คนเดียวก็ตาม (แต่อาจช้าหน่อยเพราะต้องไปหาค่าน้ำค่าไฟด้วย) ถ้าได้เจอกันในภายภาคหน้า ฝากนิยายของไรต์ด้วยเช่นเคยนะคะ ขอบคุณค่ะ แวมไพร์ปีกดำ(ลีขิตา).
"พี่ต้น!""ลูกอมจริง ๆ ด้วย! ไม่อยากจะเชื่อเลย"ตระการยิ้มกว้าง ดวงตาสีดำส่องประกายสดใสอย่างคนที่ดีใจและคาดไม่ถึง ลลิตราจำเขาได้แทบจะทันทีเพราะแม้ผู้ชายที่เธอเห็นตรงหน้าตอนนี้จะไม่ใช่เด็กหนุ่มรูปร่างผอมสูงใส่แว่นเหมือนอย่างแต่ก่อน แต่แววตาและรอยยิ้มแบบนี้ก็มีแค่ตระการคนเดียว"โอ้โห กี่ปีแล้วนี่ที่ไม่ได้เจอกัน พี่แทบจะจำลูกอมไม่ได้เลย""ก็ตั้งแต่พี่ต้นจบม.หกไงคะ แล้วก็ไม่เคยได้เจอกันอีกเลย"ลลิตราตอบยิ้ม ๆ ตระการคือรุ่นพี่สมัยเรียนมัธยมฯ เคยติวหนังสือให้เธอและกลุ่มเพื่อนจนกระทั่งเขาเรียนจบออกไป"ลูกอมมาเที่ยวเหรอ แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่ที่ไหน""มาเที่ยวค่ะ กับอุ๋มไง พี่ต้นจำอุ๋มได้ไหม อมาวสี..."ดวงตาของตระการกว้างขึ้นอีกรอบ พยักหน้าหงึก ๆ ดูเหมือนความทรงจำของชายหนุ่มเมื่อครั้งยังเป็นนักเรียนขาสั้น ยังแจ่มชัดดีทุกรายละเอียด จำได้กระทั่งชื่อเล่นและความแก่นแก้วของแต่ละคนที่เป็นไปตามวัย"แต่อุ๋มของีบก่อนเพราะเพิ่งมาถึงเมื่อเที่ยงนี้เองค่ะ นี่ลูกอมโชคดีจังเลยที่ลงมาเดินเล่น ไม่งั้นคงไม่ได้เจอพี่ต้น พี่ต้นก็มาเที่ยวหรือเปล่าคะ แล้วจะกลับวันไหน พักที่นี่ใช่ไหม...""ก็ไม่เชิงหรอกครับ บ้านพี่ห่าง
แม้อาหารมื้อนั้นจะผ่านไปด้วยดีตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันมายี่สิบกว่าปี แต่อธิปกลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูก อรรถก็คงไม่ต่างกัน สองพ่อลูกกลับมาบ้านแล้วก็แยกกันเข้าห้องส่วนตัวโดยไม่คุยอะไรกันอีกเลยเกี่ยวกับผู้หญิงที่เกี่ยวพันกับคนทั้งคู่คนนั้นแต่อธิปอยากลงไปเจอลลิตรา เขาส่งข้อความไปหาเธอว่าขอลงไปหาเธอได้ไหม เจอกันที่สนามหญ้าก็ได้ถ้าเธอไม่สะดวกให้เขาเข้าไปหาในบ้าน- ฉันไม่ได้อยู่บ้าน ออกมาอยู่บ้านเพื่อน -หญิงสาวพิมพ์ตอบกลับมาอธิปห้ามใจตัวเองไม่ไหว ต้องพิมพ์บอกไปว่า- คิดถึง -- ไปบอกคู่หมั้นนายเถอะ -เธอพิมพ์ตอบมารวดเร็วเช่นกันเพราะไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียง จึงไม่รู้ว่าเธอประชด หรือจริงจัง อธิปกดโทรหาเธอแทนที่จะส่งเป็นข้อความกลับไป"โทรมาทำไม ฉันไม่สะดวกคุยนะ"หญิงสาวกดรับสายทันทีและเปิดฉากพูดก่อนโดยไม่รอให้เขาทัก"ก็อยากได้ยินเสียงไง""อย่าพูดแบบนี้กับฉันอีก ฉันขอร้อง มันไม่เหมาะสม""ระหว่างฉันกับเธอยังมีอะไรไม่เหมาะสมอีกหรือ"เขาตั้งใจจะยั่วหยอกเธอเล่น ๆ แต่ลลิตราตอบกลับมาน้ำเสียงกรุ่นโกรธ"พอทีเถอะคุณอธิป ฉันไม่อยากอยู่แบบนี้อีกแล้ว""แบบไหน""ก็แบบที่..."เขาได้ยินเสียงห







