MasukChapter 8
เหมืองพยัคฆ์เพลิง
หญิงสาววัยยี่สิบห้าปีก้าวลงมาจากรถรับจ้างพร้อมกับเด็กชายวัยสามขวบ ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินเข้าไปในอาณาจักรเหมืองแร่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สถานที่ที่เปรียบเสมือนที่พักพิงใหม่ของสองแม่ลูก หลังจากที่ต้องอาศัยอยู่กับญาติของบิดาที่กดขี่เธอราวกับเป็นทาส ทว่าไม่เท่ากับที่เขาทำร้ายลูกชายของเธอ และนั่นทำให้ดารากานต์ตัดสินใจสมัครงานเป็นพนักงานบัญชีของเหมืองแห่งนี้ตามคำแนะนำของเพื่อน พรุ่งนี้คือวันเริ่มทำงานวันแรก
ระหว่างทางที่ดารากานต์เดินจูงมือลูกชายอยู่นั้น ตุ๊กตาหุ่นยนต์ที่ณดลถือเล่นอยู่เกิดหลุดมือเด็กชาย มันกระทบบนพื้นก่อนจะกระเด้งไปกลางถนน เจ้าของหุ่นยนต์สะบัดมือจากมือมารดา แล้วเดินไปกลางถนนเพื่อหยิบของเล่นตัวโปรด
“เฮ้ย! เอี๊ยดดดด” เสียงร้องตกใจของเจ้าของรถจี๊ปดังพร้อมกับเสียงห้ามล้อ
“กรี๊ดดดด” ดารากานต์กรีดร้องสุดเสียง เธอใจหายวาบ รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังตกไปอยู่บนพื้น เธอรีบถลาไปหาลูกชายที่นั่งอยู่บนพื้น สีหน้าไร้เดียงสาตกใจไม่แพ้ผู้ใหญ่ทั้งสอง นั่งมองหน้ารถยนต์ที่อยู่ห่างกับตนไม่ถึงหนึ่งเมตรตาค้าง
“เป็นไงบ้างครับตาม เจ็บตรงไหนหรือเปล่าลูก”
ดารากานต์ตรวจดูร่างกายของบุตรชาย ความเป็นห่วงของเธอลดลงเมื่อรู้ว่า ณดลไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงแค่มีอาการตกใจเท่านั้น
“ดูลูกภาษาอะไร ปล่อยให้เด็กมาวิ่งกลางถนน”
เสียงดุๆ ของเจ้าของรถที่ก้าวลงมาจากรถ เดินไปยังหน้ารถของตนด้วยสีหน้าดุดัน ส่งสายตาตำหนิให้คนเป็นแม่ที่เงยหน้าขึ้นมองเขา
และวินาทีนั้นพยัคฆ์ถึงกับชะงัก เขาเองตอบตัวเองไม่ได้ว่า เหตุใดจึงต้องชะงักงัน ในเมื่อสาวตรงหน้าไม่ใช่สาวสวยจนต้องเหลียวมอง หรืออยู่ในชุดสุดเซ็กซี่วาบหวาม ทว่าที่เขาชะงักคือ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นของเธอต่างหาก คล้ายมีแรงดึงดูดมหาศาล รู้สึกเหมือนกับว่า เขาไม่อยากมองหญิงสาวคนใดในโลกนอกจากเธอ และอีกความรู้สึกหนึ่งที่แวบเข้ามาคือ อยากจะแก้ผ้าทั้งเขาและเธอ และเผด็จศึกสวาทเสียตอนนี้
“คุณล่ะขับรถภาษาอะไร ไม่หัดระวังบ้างเลย อีกนิดเดียวจะชนลูกของฉันแล้ว คุณเป็นเจ้าถนนหรือไงถึงขับรถกร่างอย่างนี้”
ดารากานต์ต่อว่าชายร่างสูงใหญ่เจ้าของรูปหน้าหล่อเข้ม เห็นแล้วใจเต้นตุ้บๆ กะจากสายตาแล้วเขาน่าจะสูงกว่าเธอสามสิบเซนติเมตร ร่างเธอจะดูเตี้ยไปถนัดตาหากยืนคู่กับเขา รูปหน้าและท่าทางของเขาก็เหมือนนักเลงโตไม่มีผิด ถึงแม้ว่าใจจะหวาดหวั่นกับท่าทางของชายตรงหน้า แต่ในเมื่อเขาผิด เธอก็ต้องต่อว่า
พยัคฆ์อึ้งไปชั่วขณะหนึ่งที่รู้ว่า เด็กผู้ชายที่เขาเกือบชนคือลูกชายของเธอ ความเสียดายพุ่งพรวดเข้ามาในใจ พร้อมกับความคิดหนึ่งที่มาควบคู่...ถ้าเธอไม่มีลูกก็คงดี เพราะมันหมายถึงเธอมีสามีแล้ว
“ฉันก็ขับของฉันมาดีๆ ลูกเธอต่างหากที่วิ่งทะเล่อทะล่ามาขวางถนน”
พยัคฆ์เสียงเข้มใส่ สำรวจหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาพึงพอใจตั้งแต่ใบหน้า ไล่ต่ำลงมายังลำคอขาวผ่องที่น่าซุกซบสูดกลิ่นหอม ระเรื่อยลงมายังทรวงอกที่ดันเสื้อยืดพอดีตัว จากประสบการณ์จับหน้าอกผู้หญิงมาเยอะ พยัคฆ์คาดเดาไม่ยากเลยว่า ดอกบัวที่อยู่ใต้เสื้อของเธอนั้น มีขนาดเท่าไหร่ เห็นแล้วใจมันเต้นผิดจังหวะ รู้สึกราวกับว่าอยากจะนำใบหน้าของตนซบลงบริเวณนั้นเสียเหลือเกิน ผิวขาวของสาวตรงหน้าก็แลดูนวลผ่อง น่าลูบไล้ เขาก็อยากรู้ต่อไปว่า กลิ่นสาบสาวจะหอมมากแค่ไหน ริมฝีปากช่างเจรจาจิ้มลิ้มน่าประทับจูบให้หนำใจ ปรารถนาจะกระหวัดลิ้นเสาะหาความหอมหวานในช่องปากเธอ
โอ้...ขนลุก
ผู้หญิงอะไรน่าฟัดชะมัด...พับผ่าสิ
หญิงสาวรู้สึกว่าตนเองถูกลามเลียด้วยสายตาของหนุ่มรูปงาม แต่กิริยามารยาทไม่ได้ดีตามหน้าตา ดารากานต์เกิดความไม่พอใจขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่าในความรู้สึก จะร้อนวาบขึ้นมาก็ตาม
“มารยาทแย่ที่สุด” เธอต่อว่าเขาเสียงเขียว รีบเอากระเป๋าสะพายมาปิดทรวงอกของตน แล้วกอดไว้แน่น
“ก็แค่มอง ไม่ได้เอาซะหน่อย ทำเป็นหวงไปได้”
พยัคฆ์พูดอย่างไม่สะทกสะท้านกับถ้อยคำที่สาวตรงหน้าต่อว่า ดารากานต์หน้าแดงก่ำจากความอายและความโกรธที่ปะปนกัน
“นอกจากคุณจะนิสัยแย่ ขับรถเกือบชนลูกของฉันแล้วไม่ขอโทษสักคำ ยังจะปากเสียอีก ทุเรศ”
เธอด่าว่าไม่ไว้หน้า ไม่เกรงกลัวด้วย พยัคฆ์อึ้งไปอีกรอบ ไม่เคยมีคนนอกครอบครัวคนใดเคยต่อว่าเขาเลยสักคน เธอเป็นคนแรกและเขาจะให้เป็นคนสุดท้ายด้วย
“เธอกล้ามากนะที่ด่าฉัน ไม่เคยมีใครด่าฉันเลยสักคน” แม้ว่าน้ำเสียงจะเรียบ แต่คุกรุ่นด้วยความโกรธ “เธอเป็นคนแรกนะ”
“ถึงว่าล่ะ ว่าทำไมคุณถึงปากไม่ดีและนิสัยแย่อย่างนี้ เป็นเพราะไม่มีใครว่านี่เอง” เธอย้อน “คุณคงเป็นคนงานในเหมืองใช่ไหม แต่ดูจากสารรูปแล้วก็น่าจะใช่ คอยดูนะ ฉันจะบอกเจ้าของเหมืองให้เล่นงานคุณ สั่งสอนคุณเสียให้เข็ด นิสัยจะได้ดีขึ้น”
เธอคาดเดา เพราะจากการแต่งกายทำให้ดารากานต์คิดเช่นนั้น เขาสวมเสื้อสีดำเก่าๆ กับกางเกงยีนขาดๆ สวมรองเท้าผ้าใบสีขาวที่มองดูแล้วความขาวลางเลือนเหลือเกิน
คนถูกเดาว่าเป็นคนงานอึ้งไปอีกรอบ รูปร่างหน้าตา ท่าทางของเขาเหมือนคนงานมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ก่อนจะก้มมองดูตัวเองว่าเหมือนกับคนงานตามที่เธอพูดหรือไม่ แต่จะว่าไป หากเธอคิดตามนั้นก็ไม่ผิด เพราะวันนี้เขาแต่งตัวเหมือนคนงานจริงๆ ไม่มีเค้าคราบนายเหมืองเลยสักนิดเดียว
“ถ้าใช่แล้วเธอจะทำไมฉัน” เขาเท้าเอวถาม
“ฉันจะบอกให้นายเหมืองจัดการคุณน่ะสิ อย่างคุณต้องสั่งสอนเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นนิสัยจะเสียหนักกว่านี้” ดารากานต์เชิดหน้าตอบ
“เธอแน่ใจเหรอว่า นายเหมืองจะดุจะด่าฉัน” เขาย้อนถาม “ฉันว่าไม่มั้ง”
“นายเหมืองของที่นี่ต้องต่อว่าคุณแน่ๆ เพราะฉันเป็นเมียของเขา แล้วเด็กคนนี้ก็เป็นลูกของเขา คุณขับรถเกือบชนลูกของนายเหมือง คุณไม่รอดแน่ ฉันจะบอกให้ไล่คุณออกด้วย”
Chapter 11ดูเหมือนว่าณดลจะเข้าใจมารดา เด็กชายรับคำผู้เป็นแม่ ทว่าสายตายังไม่ละห่างจากโมเดลการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่เหล่านั้น ภาพและคำพูดของสองแม่ลูกตกอยู่ในสายตาของชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในบ้าน ซึ่งเขาเองก็จำได้ดีว่า สองคนนี้คือใคร“เธอกับลูกมาทำอะไรที่นี่”ดารากานต์หันมามองเจ้าของเสียงเข้มที่ยืนกอดอกอยู่ตรงประตูบ้าน ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาเธอ“แล้วคุณล่ะมาทำอะไรที่นี่ ตอนนี้เวลางานไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ไปทำงาน มายืนอู้งานอยู่ตรงนี้ได้ยังไง เสียแรงที่นายเหมืองดีกับคุณ แต่คุณกลับทำงานไม่เต็มที่ อย่างนี้ต้องไล่ออกสถานเดียว”ดารากานต์ตอบไม่ตรงคำถาม หนำซ้ำยังต่อว่าเขาชุดใหญ่ เธอไม่คิดว่าจะเจอคนไม่มีมารยาทที่นี่ ทั้งที่ในใจก็หวั่นๆ ตั้งแต่เห็นรถจี๊ปคันนั้นจอดอยู่หน้าบ้านพยัคฆ์มองหน้าคนที่ต่อว่าเขาฉอดๆ หลุบตามองปากจิ้มลิ้มที่เขาคิดว่า มันน่าจูบเสียเหลือเกินชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเลื่อนสายตามองดวงตาคู่หวานที่ตรึงใจเขาอย่างบอกไม่ถูก“ก็ไม่อยากทำตอนนี้ มีอะไรไหม” เขาตอบกวนกลับ “เธอยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะว่า เธอมาทำอะไรที่นี่”“ฉันมา...” เสียงของดารากานต์พูดค้าง เมื่อเสียงของโก๋ดังแทรก และเป็นประโยคคำพูดที
Chapter 10โก๋ไม่ได้ยกยอปอปั้นคุณงามความดีของนายเหมืองพยัคฆ์เพลิง ที่เขากล่าวมาล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น แม้ว่าภายนอกเจ้าของแห่งนี้จะดูบ้าบิ่น โหดเหี้ยม แต่เนื้อในกลับมีจิตใจที่แตกต่าง น้ำเสียงและสีหน้าของโก๋ ยามพูดถึงเจ้านายของตน แสดงให้เห็นถึงการเทิดทูนและจงรักภักดี“เจ้านายอย่างนี้หายากนะคะ ส่วนใหญ่จะให้แค่สวัสดิการขั้นพื้นฐาน แต่เท่าที่ฟังมา นายเหมืองให้เยอะมากๆ ค่ะ”“เยอะสิ เยอะมากด้วย นายเหมืองบอกว่า คนงานทุกคนทำให้เขาร่ำรวย มีเงินกินมีเงินใช้ เรื่องที่นายเหมืองทำให้ไม่ถึงครึ่งกับที่ทุกคนให้มา แต่ถ้าคนไหนออกนอกกรอบที่นายเหมืองกำหนดไว้ นายเหมืองก็ไม่เอานะ ไล่ออกไปหลายคนแล้ว”ทุกอย่างย่อมมีขอบเขต นายเหมืองพยัคฆ์เพลิงใจดีก็จริง แต่บทจะร้ายขึ้นมา หน้าอินทร์หน้าพรหมก็ไม่สน และอารมณ์เปรียบประดุจพายุงวงช้างบวกกับอุกาบาศก์ถล่มโลก ทุกอย่างจะราบเป็นหน้ากลอง“ยิ่งได้ฟังกิตติศัพท์ของนายเหมือง ดาวชักอยากจะเห็นหน้าซะแล้ว”“ดาวได้เห็นแน่ ตอนนี้อาบน้ำอาบท่าให้สดชื่นและพักผ่อนสักงีบดีกว่านะ” เขาพูดขณะที่หยุดยืนหน้าห้องพัก โก๋ไขกุญแจแล้วเปิดประตู “เป็นไง อยู่ได้ไหม”“อยู่ได้สิคะ ดีกว่าห้องท
Chapter 9เธอขู่ไปอย่างนั้น โดยไม่ได้คิดอะไร อาจเป็นเพราะหมั่นไส้ท่าทางโอหังของเขาด้วยพยัคฆ์แม้ว่าจะนิ่งอึ้งกับคำพูดประโยคนี้ของเธอ แต่เขาก็อยากจะหัวเราะกับท่าทางขึงขังของเธอมากกว่า แถมยังคิดว่า ท่าทางของเธอน่ารักไม่หยอก“อ้าว นายเหมืองมีลูกมีเมียตอนไหนเนี่ย ทำไมฉันไม่รู้เรื่องล่ะ”ดารากานต์ทำหน้าตาเลิ่กลั่ก ในใจก็กลัวว่า เขาอาจจะรู้ว่า นายเหมืองพยัคฆ์เพลิงไม่มีครอบครัว ฉะนั้นเรื่องที่ตนบอกไปเขาก็ต้องคิดว่า ไม่เป็นความจริง“ว่าแต่คุณจะขอโทษฉันกับลูกไหม ที่คุณขับรถเหมือนขโมยใบขับขี่มา” เธอเปลี่ยนเรื่อง เกรงว่าเขาจะจับไต๋ได้“ฉันไม่ผิด ทำไมต้องขอโทษ ฉันขับรถของฉันมาดีๆ ความเร็วก็แค่หกสิบเอง เพราะฉันรู้ดีว่าถนนเส้นนี้ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่สัญจรไปมา ฉันระวังเรื่องการขับรถทุกครั้งที่นั่งหลังพวงมาลัย ลูกเธอจู่ๆก็วิ่งมาตัดหน้ารถฉันเองนะ อย่างนี้ใครจะผิด” พยัคฆ์พูดด้วยเหตุผล“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ คุณทำลูกฉันตกใจ และคุณก็เป็นผู้ใหญ่จนสุนัขเลียก้นไม่ถึง คุณต้องขอโทษลูกฉัน” เธอเสียงแข็ง“ไม่ ฉันจะขอโทษเมื่อฉันคิดว่าตัวเองผิด” พยัคฆ์เสียงแข็งกลับ“คุณนิสัยแย่ที่สุด” ดารากานต์ต่อว่าเขาอีกครั้ง ก่
Chapter 8เหมืองพยัคฆ์เพลิงหญิงสาววัยยี่สิบห้าปีก้าวลงมาจากรถรับจ้างพร้อมกับเด็กชายวัยสามขวบ ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินเข้าไปในอาณาจักรเหมืองแร่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สถานที่ที่เปรียบเสมือนที่พักพิงใหม่ของสองแม่ลูก หลังจากที่ต้องอาศัยอยู่กับญาติของบิดาที่กดขี่เธอราวกับเป็นทาส ทว่าไม่เท่ากับที่เขาทำร้ายลูกชายของเธอ และนั่นทำให้ดารากานต์ตัดสินใจสมัครงานเป็นพนักงานบัญชีของเหมืองแห่งนี้ตามคำแนะนำของเพื่อน พรุ่งนี้คือวันเริ่มทำงานวันแรกระหว่างทางที่ดารากานต์เดินจูงมือลูกชายอยู่นั้น ตุ๊กตาหุ่นยนต์ที่ณดลถือเล่นอยู่เกิดหลุดมือเด็กชาย มันกระทบบนพื้นก่อนจะกระเด้งไปกลางถนน เจ้าของหุ่นยนต์สะบัดมือจากมือมารดา แล้วเดินไปกลางถนนเพื่อหยิบของเล่นตัวโปรด“เฮ้ย! เอี๊ยดดดด” เสียงร้องตกใจของเจ้าของรถจี๊ปดังพร้อมกับเสียงห้ามล้อ“กรี๊ดดดด” ดารากานต์กรีดร้องสุดเสียง เธอใจหายวาบ รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังตกไปอยู่บนพื้น เธอรีบถลาไปหาลูกชายที่นั่งอยู่บนพื้น สีหน้าไร้เดียงสาตกใจไม่แพ้ผู้ใหญ่ทั้งสอง นั่งมองหน้ารถยนต์ที่อยู่ห่างกับตนไม่ถึงหนึ่งเมตรตาค้าง“เป็นไงบ้างครับตาม เจ็บตรงไหนหรือเปล่าลูก”ดารากานต์ตรวจดูร่า
Chapter 7“แม่คงทำตามที่วุ้นต้องการไม่ได้ ไม่มีแม่คนไหนหรอกนะที่จะให้ลูกตัวเองขายตัว แม้ว่าแม่จะมีอาชีพเป็นมาม่าซังก็ตาม” วรนุชปฏิเสธความหวังดีของบุตรสาวบุญธรรม“แต่มันเป็นความต้องการของวุ้น ที่วุ้นมีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะแม่ ถ้าไม่มีแม่ก็ไม่มีวุ้น ถึงแม้ว่าแม่จะไม่ได้ให้กำเนิด แต่แม่ให้ชีวิต ทำไมวุ้นจะเอาความสาวมอบเพื่อใช้หนี้ให้แม่ไม่ได้คะ ชีวิตของวุ้น วุ้นก็ให้แม่ได้” สำหรับธันย์ณิชา ความบริสุทธิ์เป็นเรื่องรอง ชีวิตของบุพการีที่ชุบเลี้ยงตนมาตั้งแต่เกิดต่างหากที่เป็นเรื่องหลัก ความกตัญญูเป็นเรื่องสำคัญที่เธอต้องยึดมั่นปฏิบัติ แล้วตอนนี้เธอมีโอกาสทดแทนบุญคุณ หญิงสาวจึงไม่ลังเลที่จะทำ“แม่หาทางอื่นก่อนดีกว่า แม่ทำใจไม่ได้ที่ให้วุ้นทำอย่างนั้น” วรนุชยังคงความตั้งใจเดิม“ถ้าแม่มีทางอื่นที่ดีกว่านี้ แม่คงไม่มานั่งปรับทุกข์กับพี่อร พี่ภาหรอกค่ะ ที่แม่กลุ้มเพราะแม่ไม่มีทางออก ตอนนี้วุ้นหาทางออกให้แม่แล้ว แม่รับไว้เถอะค่ะ วุ้นเต็มใจขายตัวเพื่อแม่”น้ำตาของผู้พูดไหลริน ทั้งที่พยายามเก็บกักมันไว้เต็มกำลัง สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ทว่าน้ำตาที่รินไหลแม้ว่าจะมาจากความเสียใจที่ตนต้องพลีกายให้ชายที
Chapter 6“แล้วพ่อกับศักช่วยอะไรแม่ได้ไหม” เอมอรถามถึงสามีและลูกชายของวรนุช“จะช่วยอะไรได้ล่ะ แกสองตัวก็รู้ๆ อยู่ แค่ไม่เอาปัญหาใหม่มาให้ฉันก็ถือว่าดีมากแล้ว”พอพูดถึงเดชดวงกับศักรินทร์ สามีและลูกชายของวรนุช สีหน้าของนางก็หมองเศร้าลง เพราะทั้งคู่ดีแต่สร้างปัญหาให้นางไม่หยุดหย่อน เดี๋ยวเรื่องนั้น เดี๋ยวเรื่องนี้ ทว่าพักหลังทั้งคู่ทำตัวดีขึ้น ไม่นำความเดือดร้อนมาให้นาง แต่ถึงกระนั้นก็วางใจไม่ได้ นางยังกลัวๆ อยู่ว่า อาจจะนำเรื่องปวดหัวมาให้นางสักวัน“ถ้าอย่างนั้นก็มีทางเดียวนะแม่คือ แม่ต้องหาสาวพรหมจรรย์ให้พ่อเลี้ยง ถ้าแม่ไม่หาแต่ไปหาหนี้สินก้อนใหม่ มันก็จะดินพอกหางหมูไปกันใหญ่ หนี้ไม่ลดแต่กลับเพิ่มขึ้นมา”ธันย์ณิชาที่ยืนแอบฟังอยู่ใจเต้นแรง เธอไม่คิดว่าวรนุชจะมีปัญหาทางด้านการเงินหนักมากถึงเพียงนี้ อีกทั้งหนี้สินยังเร่งรัดจนหายใจหายคอไม่ออก ระหว่างที่กำลังยืนอึ้งกับการสนทนาที่ได้ยิน สุเมธ พนักงานในลานจอดรถได้เดินมาอีกทางหนึ่ง เขาผลักประตูเข้าไปโดยไม่เคาะ ในมือถือกล่องหนึ่งมาด้วย“แม่ มีคนฝากกล่องนี้มาให้” สุเมธบอกเจ้าของห้อง“มึงนี่ไอ้เมธ มึงไม่เคาะประตูห้องอีกแล้วนะ” วรนุชตวาดแว้ดใส่“โ







