MasukChapter 9
เธอขู่ไปอย่างนั้น โดยไม่ได้คิดอะไร อาจเป็นเพราะหมั่นไส้ท่าทางโอหังของเขาด้วย
พยัคฆ์แม้ว่าจะนิ่งอึ้งกับคำพูดประโยคนี้ของเธอ แต่เขาก็อยากจะหัวเราะกับท่าทางขึงขังของเธอมากกว่า แถมยังคิดว่า ท่าทางของเธอน่ารักไม่หยอก
“อ้าว นายเหมืองมีลูกมีเมียตอนไหนเนี่ย ทำไมฉันไม่รู้เรื่องล่ะ”
ดารากานต์ทำหน้าตาเลิ่กลั่ก ในใจก็กลัวว่า เขาอาจจะรู้ว่า นายเหมืองพยัคฆ์เพลิงไม่มีครอบครัว ฉะนั้นเรื่องที่ตนบอกไปเขาก็ต้องคิดว่า ไม่เป็นความจริง
“ว่าแต่คุณจะขอโทษฉันกับลูกไหม ที่คุณขับรถเหมือนขโมยใบขับขี่มา” เธอเปลี่ยนเรื่อง เกรงว่าเขาจะจับไต๋ได้
“ฉันไม่ผิด ทำไมต้องขอโทษ ฉันขับรถของฉันมาดีๆ ความเร็วก็แค่หกสิบเอง เพราะฉันรู้ดีว่าถนนเส้นนี้ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่สัญจรไปมา ฉันระวังเรื่องการขับรถทุกครั้งที่นั่งหลังพวงมาลัย ลูกเธอจู่ๆก็วิ่งมาตัดหน้ารถฉันเองนะ อย่างนี้ใครจะผิด” พยัคฆ์พูดด้วยเหตุผล
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ คุณทำลูกฉันตกใจ และคุณก็เป็นผู้ใหญ่จนสุนัขเลียก้นไม่ถึง คุณต้องขอโทษลูกฉัน” เธอเสียงแข็ง
“ไม่ ฉันจะขอโทษเมื่อฉันคิดว่าตัวเองผิด” พยัคฆ์เสียงแข็งกลับ
“คุณนิสัยแย่ที่สุด” ดารากานต์ต่อว่าเขาอีกครั้ง ก่อนจะจูงมือณดลเดินห่างชายแปลกหน้านิสัยไม่ดี เพราะเธอเกรงว่า หากโต้เถียงกับเขาแบบไม่มีที่สิ้นสุดเช่นนี้ เธออาจจะเสียเวลาโดยใช่เหตุ ในเมื่อเขาไม่ขอโทษ ดารากานต์ก็ไม่อยากจะได้รับคำขอโทษจากเขา คนแบบนี้เสวนาด้วยก็ไร้ประโยชน์ รังแต่จะสร้างความหงุดหงิดใจ ดารากานต์จึงมุ่งหน้าเดินเข้าไปในตัวเหมือง ไปรายงานตัวเป็นพนักงานคนใหม่ของที่นี่
ส่วนเจ้าของเหมืองตัวจริงเสียงจริง มองร่างสองแม่ลูกที่เดินเข้าไปในอาณาจักรของตนเพียงแวบหนึ่ง เขาก็เดินกลับไปนั่งประจำที่คนขับ ติดเครื่องยนต์ขับเคลื่อนรถไปยังจุดหมายเดียวกับเธอ ในขณะที่ขับรถ สมองก็คิดไปตลอดทางว่า เธอมาที่นี่ทำไม
ดารากานต์เดินถึงเหมืองที่อยู่ห่างจากถนนใหญ่สองถึงสามร้อยเมตร สถานที่ที่เธอมาจะเป็นในส่วนที่พักของคนงานและผู้เป็นเจ้าของ รวมทั้งเป็นสำนักงาน ส่วนเหมืองแร่ดีบุก จะห่างออกไปราวยี่สิบกิโลเมตร ในขณะที่เหมืองพลวงและทังสเตนหรือวุลแฟรมจะอยู่ห่างจากที่นี่ราวยี่สิบห้ากิโลเมตร เธอเดินจูงมือณดลมาถึงร้านค้าเล็กๆ ที่มีสินค้าอยู่หลายอย่าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
“พี่คะ ฉันมารายงานตัวค่ะ พอดีฉันเป็นพนักงานบัญชีคนใหม่ค่ะ ไม่ทราบว่าต้องไปพบใครคะ” ดารากานต์ถามข้อมูลกับคนขายของในร้านค้า
“พี่โก๋จ้ะ นั่นไงพี่โก๋เดินมาทางนี้พอดี”
นูรีนสาวชาวใต้ตอบเป็นภาษากลาง ชี้นิ้วไปยังร่างสูงใหญ่ของชายผิวคล้ำที่กำลังเดินมาทางร้านพอดี
“สวัสดีค่ะพี่โก๋ ฉันชื่อดารากานต์หรือดาวค่ะ พนักงานบัญชีคนใหม่”
ดารากานต์เดินไปหาโก๋ เธอพนมมือไหว้ตามมารยาทพร้อมกับแนะนำตัว
“หน้าตาดาวไม่ต่างกับในรูปถ่ายที่นกส่งมาให้เลยนะ ออกจะน่ารักกว่าด้วยซ้ำ”
การสมัครงานของดารากานต์ เธอไม่ได้สมัครงานโดยตรง แต่สมัครผ่านเพื่อนสนิทนามว่า อรดีที่เป็นเพื่อนสนิทของรุ่งอรุณน้องสาวของโก๋ อรดีจึงฝากฝังให้รุ่งอรุณหางานให้ดารากานต์ ประจวบเหมาะกับเหมืองเพลิงพยัคฆ์เปิดรับสมัครพนักงานบัญชีคนใหม่แทนคนเก่าที่ลาออกไปมีครอบครัว รุ่งอรุณจึงฝากฝังคุณแม่ลูกติดกับโก๋ ให้รับเข้าทำงาน เนื่องจากโก๋เป็นมือขวาและเป็นหัวหน้าคนงาน ดูแลเรื่องนี้โดยตรง
“ดาวต้องขอบคุณพี่โก๋มากนะคะที่รับดาวเข้าทำงาน”
เธอยกมือไหว้อย่างซึ้งในน้ำใจ เพราะหากโก๋ไม่รับเธอเข้าทำงาน ดารากานต์ก็ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ใด คงต้องทนอยู่กับญาติใจจืดใจดำต่อไป
“ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง อยู่ที่นี่จะไม่มีใครรังแกดาวกับลูกนะ เราอยู่กันแบบพี่น้อง มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน”
โก๋รู้เรื่องดารากานต์จากน้องสาวมาพอสังเขป เขารู้สึกสงสารพนักงานคนใหม่ขึ้นมาจับใจทันทีที่รู้เรื่อง ชีวิตเธอรันทดไม่ต่างกับละครน้ำเน่าหลังข่าว
“พี่เตรียมห้องพักไว้ให้แล้ว พี่จะพาดาวไปที่ห้องพักนะ อาบน้ำอาบท่าพักผ่อนซะ ตอนบ่ายพี่จะพาไปพบนายเหมือง จากนั้นพี่จะพาดาวเข้าออฟฟิซ”
“ค่ะ พี่โก๋”
“เราเดินไปคุยไปดีกว่านะ มา พี่ช่วยถือกระเป๋า”
ดารากานต์ส่งกระเป๋าให้โก๋ ก่อนที่ทั้งสองจะพากันเดินไปยังห้องพักคนงานที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก
“เรื่องลูกไม่ต้องห่วงนะว่าจะไม่มีคนเลี้ยง ป้าไหวรับเลี้ยงลูกคนงานหลายคน จ่ายค่าเลี้ยงแค่เดือนละหนึ่งพันบาท ส่วนค่านม ค่าขนมและค่าอาหารระหว่างวันก็ไม่ต้องห่วง นายเหมืองออกให้ทั้งหมด”
โก๋บอกเรื่องที่ดารากานต์เป็นกังวล เธอกลัวว่าจะไม่มีคนเลี้ยงลูกระหว่างที่ตนทำงาน เพราะหากนำลูกไปเลี้ยงดูในขณะทำงานอยู่ก็ไม่เหมาะ แต่พอได้ยินเช่นนี้ เธอก็โล่งใจไปมากโข
“นายเหมืองใจดีจังเลยค่ะ”
“ใช่ นายเหมืองใจดี แม้ว่าบางครั้งจะโหดไปนิด เถื่อนไปหน่อย ปากไวไปเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วนายเหมืองมีจิตใจเมตตามากๆ ส่งเสียให้ลูกคนงานที่ไม่มีเงินได้เรียนหนังสือ แถมยังซื้อรถตู้รับส่งลูกคนงานด้วย เพราะที่นี่อยู่ห่างจากโรงเรียนที่ใกล้ที่สุดยี่สิบห้ากิโล เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่ต้องกังวล นายเหมืองทำประกันสังคมให้คนงานทุกคน และถ้ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นายเหมืองก็ออกให้ เรื่องอาหารการกิน นายเหมืองเลี้ยงสองมื้อ มื้อเช้าและกลางวัน และอีกหลายเรื่องที่นายเหมืองคอยช่วยเหลือ ถ้าพวกเราไม่ได้นายเหมืองล่ะก็ แย่กันหมดแน่”
Chapter 11ดูเหมือนว่าณดลจะเข้าใจมารดา เด็กชายรับคำผู้เป็นแม่ ทว่าสายตายังไม่ละห่างจากโมเดลการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่เหล่านั้น ภาพและคำพูดของสองแม่ลูกตกอยู่ในสายตาของชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในบ้าน ซึ่งเขาเองก็จำได้ดีว่า สองคนนี้คือใคร“เธอกับลูกมาทำอะไรที่นี่”ดารากานต์หันมามองเจ้าของเสียงเข้มที่ยืนกอดอกอยู่ตรงประตูบ้าน ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาเธอ“แล้วคุณล่ะมาทำอะไรที่นี่ ตอนนี้เวลางานไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ไปทำงาน มายืนอู้งานอยู่ตรงนี้ได้ยังไง เสียแรงที่นายเหมืองดีกับคุณ แต่คุณกลับทำงานไม่เต็มที่ อย่างนี้ต้องไล่ออกสถานเดียว”ดารากานต์ตอบไม่ตรงคำถาม หนำซ้ำยังต่อว่าเขาชุดใหญ่ เธอไม่คิดว่าจะเจอคนไม่มีมารยาทที่นี่ ทั้งที่ในใจก็หวั่นๆ ตั้งแต่เห็นรถจี๊ปคันนั้นจอดอยู่หน้าบ้านพยัคฆ์มองหน้าคนที่ต่อว่าเขาฉอดๆ หลุบตามองปากจิ้มลิ้มที่เขาคิดว่า มันน่าจูบเสียเหลือเกินชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเลื่อนสายตามองดวงตาคู่หวานที่ตรึงใจเขาอย่างบอกไม่ถูก“ก็ไม่อยากทำตอนนี้ มีอะไรไหม” เขาตอบกวนกลับ “เธอยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะว่า เธอมาทำอะไรที่นี่”“ฉันมา...” เสียงของดารากานต์พูดค้าง เมื่อเสียงของโก๋ดังแทรก และเป็นประโยคคำพูดที
Chapter 10โก๋ไม่ได้ยกยอปอปั้นคุณงามความดีของนายเหมืองพยัคฆ์เพลิง ที่เขากล่าวมาล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น แม้ว่าภายนอกเจ้าของแห่งนี้จะดูบ้าบิ่น โหดเหี้ยม แต่เนื้อในกลับมีจิตใจที่แตกต่าง น้ำเสียงและสีหน้าของโก๋ ยามพูดถึงเจ้านายของตน แสดงให้เห็นถึงการเทิดทูนและจงรักภักดี“เจ้านายอย่างนี้หายากนะคะ ส่วนใหญ่จะให้แค่สวัสดิการขั้นพื้นฐาน แต่เท่าที่ฟังมา นายเหมืองให้เยอะมากๆ ค่ะ”“เยอะสิ เยอะมากด้วย นายเหมืองบอกว่า คนงานทุกคนทำให้เขาร่ำรวย มีเงินกินมีเงินใช้ เรื่องที่นายเหมืองทำให้ไม่ถึงครึ่งกับที่ทุกคนให้มา แต่ถ้าคนไหนออกนอกกรอบที่นายเหมืองกำหนดไว้ นายเหมืองก็ไม่เอานะ ไล่ออกไปหลายคนแล้ว”ทุกอย่างย่อมมีขอบเขต นายเหมืองพยัคฆ์เพลิงใจดีก็จริง แต่บทจะร้ายขึ้นมา หน้าอินทร์หน้าพรหมก็ไม่สน และอารมณ์เปรียบประดุจพายุงวงช้างบวกกับอุกาบาศก์ถล่มโลก ทุกอย่างจะราบเป็นหน้ากลอง“ยิ่งได้ฟังกิตติศัพท์ของนายเหมือง ดาวชักอยากจะเห็นหน้าซะแล้ว”“ดาวได้เห็นแน่ ตอนนี้อาบน้ำอาบท่าให้สดชื่นและพักผ่อนสักงีบดีกว่านะ” เขาพูดขณะที่หยุดยืนหน้าห้องพัก โก๋ไขกุญแจแล้วเปิดประตู “เป็นไง อยู่ได้ไหม”“อยู่ได้สิคะ ดีกว่าห้องท
Chapter 9เธอขู่ไปอย่างนั้น โดยไม่ได้คิดอะไร อาจเป็นเพราะหมั่นไส้ท่าทางโอหังของเขาด้วยพยัคฆ์แม้ว่าจะนิ่งอึ้งกับคำพูดประโยคนี้ของเธอ แต่เขาก็อยากจะหัวเราะกับท่าทางขึงขังของเธอมากกว่า แถมยังคิดว่า ท่าทางของเธอน่ารักไม่หยอก“อ้าว นายเหมืองมีลูกมีเมียตอนไหนเนี่ย ทำไมฉันไม่รู้เรื่องล่ะ”ดารากานต์ทำหน้าตาเลิ่กลั่ก ในใจก็กลัวว่า เขาอาจจะรู้ว่า นายเหมืองพยัคฆ์เพลิงไม่มีครอบครัว ฉะนั้นเรื่องที่ตนบอกไปเขาก็ต้องคิดว่า ไม่เป็นความจริง“ว่าแต่คุณจะขอโทษฉันกับลูกไหม ที่คุณขับรถเหมือนขโมยใบขับขี่มา” เธอเปลี่ยนเรื่อง เกรงว่าเขาจะจับไต๋ได้“ฉันไม่ผิด ทำไมต้องขอโทษ ฉันขับรถของฉันมาดีๆ ความเร็วก็แค่หกสิบเอง เพราะฉันรู้ดีว่าถนนเส้นนี้ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่สัญจรไปมา ฉันระวังเรื่องการขับรถทุกครั้งที่นั่งหลังพวงมาลัย ลูกเธอจู่ๆก็วิ่งมาตัดหน้ารถฉันเองนะ อย่างนี้ใครจะผิด” พยัคฆ์พูดด้วยเหตุผล“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ คุณทำลูกฉันตกใจ และคุณก็เป็นผู้ใหญ่จนสุนัขเลียก้นไม่ถึง คุณต้องขอโทษลูกฉัน” เธอเสียงแข็ง“ไม่ ฉันจะขอโทษเมื่อฉันคิดว่าตัวเองผิด” พยัคฆ์เสียงแข็งกลับ“คุณนิสัยแย่ที่สุด” ดารากานต์ต่อว่าเขาอีกครั้ง ก่
Chapter 8เหมืองพยัคฆ์เพลิงหญิงสาววัยยี่สิบห้าปีก้าวลงมาจากรถรับจ้างพร้อมกับเด็กชายวัยสามขวบ ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินเข้าไปในอาณาจักรเหมืองแร่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สถานที่ที่เปรียบเสมือนที่พักพิงใหม่ของสองแม่ลูก หลังจากที่ต้องอาศัยอยู่กับญาติของบิดาที่กดขี่เธอราวกับเป็นทาส ทว่าไม่เท่ากับที่เขาทำร้ายลูกชายของเธอ และนั่นทำให้ดารากานต์ตัดสินใจสมัครงานเป็นพนักงานบัญชีของเหมืองแห่งนี้ตามคำแนะนำของเพื่อน พรุ่งนี้คือวันเริ่มทำงานวันแรกระหว่างทางที่ดารากานต์เดินจูงมือลูกชายอยู่นั้น ตุ๊กตาหุ่นยนต์ที่ณดลถือเล่นอยู่เกิดหลุดมือเด็กชาย มันกระทบบนพื้นก่อนจะกระเด้งไปกลางถนน เจ้าของหุ่นยนต์สะบัดมือจากมือมารดา แล้วเดินไปกลางถนนเพื่อหยิบของเล่นตัวโปรด“เฮ้ย! เอี๊ยดดดด” เสียงร้องตกใจของเจ้าของรถจี๊ปดังพร้อมกับเสียงห้ามล้อ“กรี๊ดดดด” ดารากานต์กรีดร้องสุดเสียง เธอใจหายวาบ รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังตกไปอยู่บนพื้น เธอรีบถลาไปหาลูกชายที่นั่งอยู่บนพื้น สีหน้าไร้เดียงสาตกใจไม่แพ้ผู้ใหญ่ทั้งสอง นั่งมองหน้ารถยนต์ที่อยู่ห่างกับตนไม่ถึงหนึ่งเมตรตาค้าง“เป็นไงบ้างครับตาม เจ็บตรงไหนหรือเปล่าลูก”ดารากานต์ตรวจดูร่า
Chapter 7“แม่คงทำตามที่วุ้นต้องการไม่ได้ ไม่มีแม่คนไหนหรอกนะที่จะให้ลูกตัวเองขายตัว แม้ว่าแม่จะมีอาชีพเป็นมาม่าซังก็ตาม” วรนุชปฏิเสธความหวังดีของบุตรสาวบุญธรรม“แต่มันเป็นความต้องการของวุ้น ที่วุ้นมีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะแม่ ถ้าไม่มีแม่ก็ไม่มีวุ้น ถึงแม้ว่าแม่จะไม่ได้ให้กำเนิด แต่แม่ให้ชีวิต ทำไมวุ้นจะเอาความสาวมอบเพื่อใช้หนี้ให้แม่ไม่ได้คะ ชีวิตของวุ้น วุ้นก็ให้แม่ได้” สำหรับธันย์ณิชา ความบริสุทธิ์เป็นเรื่องรอง ชีวิตของบุพการีที่ชุบเลี้ยงตนมาตั้งแต่เกิดต่างหากที่เป็นเรื่องหลัก ความกตัญญูเป็นเรื่องสำคัญที่เธอต้องยึดมั่นปฏิบัติ แล้วตอนนี้เธอมีโอกาสทดแทนบุญคุณ หญิงสาวจึงไม่ลังเลที่จะทำ“แม่หาทางอื่นก่อนดีกว่า แม่ทำใจไม่ได้ที่ให้วุ้นทำอย่างนั้น” วรนุชยังคงความตั้งใจเดิม“ถ้าแม่มีทางอื่นที่ดีกว่านี้ แม่คงไม่มานั่งปรับทุกข์กับพี่อร พี่ภาหรอกค่ะ ที่แม่กลุ้มเพราะแม่ไม่มีทางออก ตอนนี้วุ้นหาทางออกให้แม่แล้ว แม่รับไว้เถอะค่ะ วุ้นเต็มใจขายตัวเพื่อแม่”น้ำตาของผู้พูดไหลริน ทั้งที่พยายามเก็บกักมันไว้เต็มกำลัง สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ทว่าน้ำตาที่รินไหลแม้ว่าจะมาจากความเสียใจที่ตนต้องพลีกายให้ชายที
Chapter 6“แล้วพ่อกับศักช่วยอะไรแม่ได้ไหม” เอมอรถามถึงสามีและลูกชายของวรนุช“จะช่วยอะไรได้ล่ะ แกสองตัวก็รู้ๆ อยู่ แค่ไม่เอาปัญหาใหม่มาให้ฉันก็ถือว่าดีมากแล้ว”พอพูดถึงเดชดวงกับศักรินทร์ สามีและลูกชายของวรนุช สีหน้าของนางก็หมองเศร้าลง เพราะทั้งคู่ดีแต่สร้างปัญหาให้นางไม่หยุดหย่อน เดี๋ยวเรื่องนั้น เดี๋ยวเรื่องนี้ ทว่าพักหลังทั้งคู่ทำตัวดีขึ้น ไม่นำความเดือดร้อนมาให้นาง แต่ถึงกระนั้นก็วางใจไม่ได้ นางยังกลัวๆ อยู่ว่า อาจจะนำเรื่องปวดหัวมาให้นางสักวัน“ถ้าอย่างนั้นก็มีทางเดียวนะแม่คือ แม่ต้องหาสาวพรหมจรรย์ให้พ่อเลี้ยง ถ้าแม่ไม่หาแต่ไปหาหนี้สินก้อนใหม่ มันก็จะดินพอกหางหมูไปกันใหญ่ หนี้ไม่ลดแต่กลับเพิ่มขึ้นมา”ธันย์ณิชาที่ยืนแอบฟังอยู่ใจเต้นแรง เธอไม่คิดว่าวรนุชจะมีปัญหาทางด้านการเงินหนักมากถึงเพียงนี้ อีกทั้งหนี้สินยังเร่งรัดจนหายใจหายคอไม่ออก ระหว่างที่กำลังยืนอึ้งกับการสนทนาที่ได้ยิน สุเมธ พนักงานในลานจอดรถได้เดินมาอีกทางหนึ่ง เขาผลักประตูเข้าไปโดยไม่เคาะ ในมือถือกล่องหนึ่งมาด้วย“แม่ มีคนฝากกล่องนี้มาให้” สุเมธบอกเจ้าของห้อง“มึงนี่ไอ้เมธ มึงไม่เคาะประตูห้องอีกแล้วนะ” วรนุชตวาดแว้ดใส่“โ







