“ ไม่ได้!! ” เสียงภวิชตะคอกออกมาเมื่อรู้สิ่งที่น้องสาวของเขาต้องการทำเอาภัสสรถึงกับสะดุ้งเวลาพี่ชายเธอโมโหเด็กเอาแต่ใจอย่างเธอถึงกับสยบและเป็นเด็กดีเลยทีเดียว
“ คราวก่อนน้องโดนทำร้าย พี่วิชไปอยู่ไหน ” เธอถามอย่างงอนๆ
“ หยุดเลยไม่ต้องมาย้อนพี่เลยนะ...ใยวาว ” ภวิชเตือนน้องสาวที่กำลังจะเอาแต่ใจในเรื่องไม่ควร ขอบ้าอะไรไม่ขอดันขอพนักงานในร้านให้มาเป็นบอดีการ์ดของตัวเอง
“ งั้นวาวขอเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ได้ ”
“ นั่นดิวิชทำไมนายไม่ให้น้อง ” ภวัตต์ล้วงกระเป๋ากาเกงยีนส์สีดำพิงขอบโต๊ะใกล้กับโซฟาที่ภัสสรนั่งอยู่
“ เราไม่ไว้ใจผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้นแหล่ะ เออไหนๆก็พูดแล้วพี่ยังไม่ได้เคลียร์
คดีความเก่าของเราเลยนะวาว ”
“ คดีความอะไรวาวยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย”
“ แน่ใจ? ” ภวิชถาม ภวัตต์เริ่มคิ้วขมวด อะไรกันหน่ะไม่อยู่แค่ไม่กี่เดือนเรื่องเยอะขนาดนี้เลยหรอ?
“ แน่ใจ ” น้องสาวจอมดื้อเชิดหน้าอย่างมั่นใจ
ภวิชล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ราคาแพงขึ้นมาเขาถอนหายใจดัง มันอะไรหนักหนาทำไมต้องพากันขัดใจเขาอยู่เรื่อยทั้งมินตราทั้งน้องสาว เขาเปิดรูปหน้าจอ
แล้วดันโทรศัพท์ให้อยู่ในระดับสายตาของน้องสาวตรงหน้า ภาพรณภพที่กอดเธอบนฟอร์เต้นรำนี่นา
“ มันเป็นใคร! ” น้ำเสียงเย็นของภวิชทำเอาภัสสรลอบกลืนน้ำลายเขาเข้าขั้นหวงน้องอย่างรุนแรงสะด้วยสิ
“ กะก็เพื่อนหน่ะพี่วิชจะกอดกันไม่ได้หรือไง? ” ภวิชถอนหายใจอีกครั้งเพราะภาพที่เห็นเพียงด้านหลังของชายหนุ่มเท่านั้น ทำให้ไม่เห็นใบหน้าน้องก็ยังปากแข็งเขาชักโทรศัพท์เข้าหาตัวแล้วดันออกไปที่เดิมอีกครั้งคราวนี้ภัสสรถึงกับอึ้ง
“ แล้วเพื่อนเขาจูบกันแบบนี้หรอ? บอกพี่มาวาวว่ามันเป็นใครก่อนที่พี่จะให้คนของพี่ตามหาตัวมันแล้วพี่รับรองเลยว่าน้องจะไม่ได้เจอกับมันอีก" ภัสสรร้อนรนรู้ดีว่าพี่ชายหวงเธอขนาดไหน
“ เฮ้ยจริง! ใครว่ะไหนดูดิ ” คราวนี้กลายเป็นภวัตต์ลุกขึ้นมาดึงโทรศัพท์ไปดูแทน ก็หวงน้องพอกัน
“ ใจเย็นก่อนวิชถามใยน้องก่อนว่ามันยังไงกันแน่ ” ภวัตต์เดินมาเอามือจับบ่าน้องชายเบาๆเรียกสติ โชคดีที่เขายังฟังบ้างถึงภวัตต์จะไม่ชอบใจนักแต่ก็ยังมีเหตุผลอยู่อยากให้น้องได้อธิบาย
“ ว่ามาสิ พี่จะฟัง ” ยังไม่ทันที่จะได้ฟังน้องสาวสุดที่รักได้อธิบายข้อความในมือถือก็ดังขึ้น
“ ตึ้งตึ้ง~” เสียงแจ้งเตือนที่เด้งขึ้นทำให้ภวิชดึงโทรศัพท์กลับไปคิ้วขมวดมุ่นเพ่งมองรูปภาพในโทรศัพท์ คิดถึงใบหน้าขาวๆเนียนๆของมินตรา
“ เฮ้อ..คิดคำตอบให้พี่ให้ได้นะใยวาวเดี๋ยวพี่จะกลับมาทวงถ้าตอบไม่ดีเป็นเรื่อง......วัตต์ฝากดูใยน้องทีนะมีเรื่องต้องกลับไปจัดการนิดหน่อย ”
“ อืม ได้สิว่าแต่นายมีอะไรรึเปล่าทำไมสีหน้าเครียดจัง ”
“ ไว้เราจะเล่าให้ฟังขอตัวก่อนนะ ”
“ อืม ” คำตอบสั้นๆที่หมายถึงคำตกลงบทสนทนาสิ้นสุดลงเมื่อภวิชก้าวออกจากห้องไป
มินตราที่ตั้งแต่เขาออกจากห้องนอนเมื่อเช้าตรู่ เธอก็ข่มตาให้นอนไม่ได้สักวินาทีสีหน้าทุกข์ทรมานของชายหนุ่มยังวนเวียนในหัวสมอง เธอไม่กล้าทำอะไรสักอย่าง ไม่กล้าแม้แต่จะเปิดประตูออกไปด้วยซ้ำไม่รู้จะวางตัวแบบไหนเธออยู่ที่ไหนยังไม่รู้เลย หิวแล้วด้วยสายตาชำเลือง
มองนาฬิกาเกือบทุ่มแล้ว อยากขอโทษชายหนุ่มแต่ก็กลัวว่าเขาจะไม่อยากเจอเธออีก เธอได้ยินเสียงเปิดประตูดังจากห้องข้างๆชุดบางๆที่เธอสวมใส่อยู่มันเป็นผ้าลื่นสายเดี่ยวสีฟ้าสดใสน่ารักที่ใช้สำหรับนอน มันมาได้ยังไงหน่ะหรอตอนแรกเธอก็ตกใจแต่ภวิชบอกว่ามันเป็นของน้องสาวเขาเองเธอจึงถึงบางอ้อ จริงด้วยสิจำได้ว่าเขามีแผลนี่นาแล้วจะทำแผลยังไง มินตราที่นั่งคิดอะไรอยู่ที่ปลายเตียงลุกขึ้นไปยังโซฟาใกล้ๆเธอจำได้ว่าเห็นกล่องทำแผลอยู่นะ กล่องแผลที่เมื่อคืนกฤษนั่นแหละที่ไม่ได้เก็บลงไปด้วย ทำใจกล้าอยู่พักใหญ่ ก่อนจะค่อยๆเคาะประตูเบาๆ แล้วเปิดประตูออกเธอหันหลังแทบจะทันที่เห็นภวิชกำลังถอดกางเกงลงพื้นมีเพียงผ้าขนหนูที่เขาปกปิดกายส่วนเสื้อเชิ้ตนั้นอันตธานหายไปจากร่างแล้ว ภวิชที่ได้ข้อความจากสายชลเกี่ยวกับเอกสารบางอย่างที่ต้องจัดการทำให้เขาต้องเข้าบริษัทกว่าจะกลับมาบ้านก็ตกเย็นเข้าไปแล้ว อีกอย่างก็นึกถึงคนร่างเล็กบอบบางที่อยู่บ้านด้วย
“ ขอโทษค่ะไม่คิดว่าคุณกำลังโป๊ ” เธอหันหลังแล้วจับกล่องยาไว้แน่นเนื้อกล้ามหน้าท้อง ซิกแพคไหล่กว้างเธอเคยสัมผัสที่เข้าขั้นเกือบลึกซึ้ง........คิดทีไรหน้าขาวใสแดงทุกที
“ คุณมีอะไรหรือเปล่า ” น้ำเสียงเย็นชาที่ดูห่างเหินทำเอามินตราหัวใจกระตุกใจหายวาบเขาโกรธเธอหรือเกลียดเธอไปแล้วหรือเพราะเธอทำให้เขาเจ็บตัวเป็นบาดแผลแล้วเธอยังไม่มีอะไรตอบแทนให้เขาอีก
“ ปะเปล่าแค่ มินนึกขึ้นได้ว่าคุณวิชมีแผลมินแค่อยากมาทำแผลให้ ”
“ ขอบคุณ เดี๋ยวผมทำเองได้ไม่เป็นไร คุณไปพักเถอะ วางไว้ตรงโต๊ะทำงานล่ะกัน....ปึง ” เสียงปิดประตูห้องน้ำแผ่วเบาเขาเข้าไปอาบน้ำแล้ว จะทำยังไงดีหล่ะในใจทำไมปวดหนึบน้อยใจเขา เขาไม่ทำอะไรเธอก็น่าจะดีใจนี่!!แล้วทำไมพอ เขาทำตัวห่างเหิน คำพูดและสรรพนามไม่มีการเหย้าแหย่เช่นเดิมทำไมพาลจะทำให้น้ำตาไหล..เธอมีใจให้เขา หัวใจหนอชั่งเปราะบางเสียจริง นี่แหล่ะนะผู้หญิงเรา..........ความรู้สึกอะไรแบบนี้มันเป็นเรื่องเซ้นสิทีฟอ่อนไหวง่าย...แต่..ไม่ได้หมายความว่ารู้สึกได้กับทุกคน หากแต่จะรู้สึกกับคนที่ทำให้รู้สึกดีแม้บางทีเพิ่งรู้จักกันก็ตาม การกระทำบางอย่างที่รู้สึกประทับใจนั่นแหล่ะแค่นั้นก็สามารถทำให้ผู้หญิงเราอ่อนไหวได้แล้ว
“ แกร๊ก ” เสียงลูกบิดประตูห้องน้ำเปิดออก ประตูห้องนอนกับประตูห้องทำงานที่เชื่อมต่อกันไม่ได้ถูกปิดไว้ดั่งเช่นเคย แน่นอนว่ามินตราเปิดเอาไว้ ภวิชใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดผมที่มีหยดน้ำประปรายเม็ดเล็กเม็ดน้อยที่เกาะตามเรือนร่างมันทำให้เขาดูเซ็กซี่ แขนซ้ายมีรอยแผลที่ฉีก แน่นอนอีกแหล่ะว่าภวิชอาบน้ำโดยไม่สนใจมันสักเท่าไหร่...เพราะภายในใจเต้นรัวเร็วแค่ไหนที่เห็นหญิงสาวก้าวเข้ามา เท้าสองข้างก้าวออกจากห้องน้ำโดยไม่ได้สังเกตเห็นว่ามินตรานั่งเหม่ออยู่ที่โซฟาเยื้องห่างจากโต๊ะทำงานเขาเพียงนิดเดียว
“ เอ๊ะ...” ในขณะที่เช็ดผมประตูห้องทำงานที่เชื่อมต่อกันทำให้เขาสงสัยว่าในเมื่อเธอออกจากห้องที่เขาหลบมาซุกหัวนอนไปทำไมไม่ปิดประตู เขาจึงถอนหายใจหนักๆเพราะไม่รู้ว่าจะอดทนไม่ให้ใกล้ชิดเธอได้อีกนานแค่ไหน แค่เห็นเธอเข้ามาทำท่าห่วงใยเขาก็แทบอยากกระโจนเข้าไปแนบชิดหลอกแตะอั๋งนิดๆเผื่อเธออาจจะเคลิ้มแล้วยอมให้เขาก็ได้...แต่เมื่อก้าวเข้ามาห้องนอนของตัวเองแล้วเขาก็เดินไปหยิบกางเกงสามส่วนขึ้นสวม แล้วมินตราหายไปไหน
“ หึๆสงสัยคงหิวข้าวแล้วมั้ง ” เขาส่ายหัวเบาๆ ก็เขาโทรมาถามคนที่บ้านแล้วว่ามินตราลงมากินข้าวรึยังสาวใช้พากันปฏิเสธไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามินตราคือใครภวิชได้แต่สั่งให้ดูแลให้ดีแต่สาวใช้ก็ยืนยันว่ายังไม่มีผู้หญิงคนไหนลงมาทานข้าวทั้งห่วงทั้งอยากแกล้ง จะว่าไปตอนนี้เธอไม่อยู่นี่นา
“ เฮ้อ นุ่มดีจัง ฉันคิดถึงแกมากเลยจริงๆนะเนี่ย ” เขาหลับตาพูดเบาๆเมื่อทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มๆ ความเหนื่อยล้าเริ่มเข้าครอบงำภวิชที่ไม่ค่อยได้พักผ่อนเพียงพอไม่ได้ปลดปล่อยความทรมานจากร่างกายที่มีเมื่อรุ่งเช้า ไหนจะข้อมูลบางอย่างที่เขาได้รับวันนี้ ไหนจะน้องสาวตัวแสบอีก เหนื่อยเป็นบ้า เขายกขาชันข้างนึงเมื่อลำตัวเหยียดยาวลงบนที่นอนมือขวายกก่ายหน้าผาก มือซ้ายวางแนบหน้าท้องลมหายใจสม่ำเสมอ มินตรานั่งรอเขานานพอสมควรก็ไม่เห็นวี่แววว่าเขาจะเดินกลับเข้ามาในห้องทำงานสักที เธอจึงก้าวเข้ามาหาแทน เรือนร่างของภวิชที่ทิ้งตัวนอนบนเตียงนุ่มอย่างเหนื่อยอ่อนทำให้มินตราใจสั่นไหว จริงสินะเขาไม่ค่อยได้พักผ่อนเลยนี่นา เธอวางกล่องทำแผลเบาๆค่อยๆนั่งลงตรงขอบเตียงเนื่องจากภวิชนอนขอบริมๆทางด้านซ้ายของเตียงเลยทำให้ง่ายต่อการทำแผล แผลยาวที่เริ่มฉีกออกถึงมันจะดูเหมือนไม่ลึกมากแต่มันก็ทำให้อักเสบได้ไม่ใช่เล่น มือบางค่อยๆบรรจงทำแผลให้เขาแผ่วเบา เขาคงจะเหนื่อยและอ่อนเพลียมากขนาดถึงขั้นไม่รู้สึกตัวน้ำตาเริ่มคลอเบ้า อย่างรู้สึกผิดที่ทำให้เขาต้องลำบาก เธอแอบลอบชำเลืองมองใบหน้าของเขาใบหน้าที่คมคายยามหลับช่างงดงามอย่างน่าหลงใหล มือบางเอื้อมไปสัมผัสใบหน้าคมค้ามของเขาแตะริมฝีปากหนาแผ่วเบาก่อนจะสัมผัสแผลที่แขนของเขาด้วยริมฝีปากของเธอคล้ายภาวนาให้แผลนี้หายไวๆ
“ เจ็บมากไหมค่ะ มินขอโทษ ” เธอแนบใบหน้ากับแขนของเขาอย่างแผ่วเบากลัวว่าเขาจะตื่นอยากบอกเขาเหลือเกินว่ายอมให้เขากอดจูบเธอก็ได้ ดีกว่าเขาเย็นชาแบบนี้
“ คุณทำอะไรหน่ะ? ” ภวิชที่ลืมตาขึ้นมาเห็นมินตราแนบที่แขนของเขาถามด้วยความสงสัยในการกระทำของเธอ?