เมื่อช่วยจนนฤดลได้ปลดปล่อยออกมาแล้วมีนาก็รีบลงจากเตียงของเขาและกลับมายังห้องของตนเอง หลังจากล้างมือที่เลอะไปด้วยคราบสีขาวขุ่นแล้วหญิงสาวก็ล้มตัวลงนอน แต่ใช่ว่าข่มตาหลับลงได้ เพราะภาพความใหญ่โตและใบหน้าของเขายามสุขสมยังคงติดอยู่ในความทรงจำ
มีนาเข้าใจดีว่าเป็นธรรมชาติของผู้ชายที่ต้องปลดปล่อยและเขาก็นอนโรงพยาบาลมานานถึงสองเดือนพอถูกมือเธอกระตุ้นมันก็เลยตื่นตัว แต่สำหรับร่างกายของเธอตอนนี้ไม่ได้มีใครกระตุ้นเลยแต่กลับรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ราวกับจะเป็นไข้
กว่าหญิงสาวจะข่มตาลงได้เกือบตีสี่ เช้านี้เธอจึงมีสีหน้าอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด
“มีนา เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ ทำไม่เช้านี้ดูเหมือนยังง่วงอยู่” ดลฤดีถามหญิงสาวหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว
“ค่ะ เมื่อคืนมีนาฝันร้าย” มีนาตอบพลางหันไปมองต้นเหตุที่นั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจ
“วันนี้ดลไม่ต้องออกไปไหน มีนาจะแอบนอนกลางวันก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ฤดี วันนี้มีนาว่าจะขออนุญาตกลับไปหาแม่สักหน่อย”
“ดลมีอะไรจะต้องใช้งานหรือเปล่า”
“ไม่มีครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณดล มีนาจะรับไปรีบกลับนะคะ”
“สองคนนี่ดูแลกันมาสองเดือนกว่าแต่ทำไมมีนายังเรียกว่าคุณดลอยู่ล่ะ”
“ก็คุณดลเป็นเจ้านายนี่ค่ะพี่วัฒน์”
“พ่อก็ว่าแปลกนะ หรือดลห้ามไม่ให้เรียกว่าพี่”
“ผมเคยห้ามที่ไหน แต่มีนาไม่เรียกเองต่างหาก แล้วผมก็ไม่เห็นมันจะสำคัญยังไง เรียกแบบไหนก็เหมือนกันแหละครับ”
“แม่ว่าไม่เหมือนนะ มันดูห่างเหินกว่าทุกคนเลย มีนาเปลี่ยนมาเรียกพี่ได้ไหมคะ”
“มีนาแล้วแต่คุณดลค่ะ”
“ถ้าอย่างั้นดลก็ต้องแทนตัวเองว่าพี่เข้าใจไหม แม่ฟังทีไรรู้สึกว่ามันขัดหู”
“ครับแม่”
มีนาเดินตามนฤดลมาที่บ้านอีกครั้งเพื่อเอากระเป๋าสะพาย แต่ระหว่างทางเธอก็เอาแต่ก้มหน้า
“มีนาโกรธพี่เรื่องเมื่อคืนใช่ไหม” ในที่สุดเขาก็เอ่ยปากถาม
“เปล่าค่ะ มีนาเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้ชาย”
“แต่มีนาไม่มองหน้าพี่เลย เช้านี้ก็ไม่ยอมคุยด้วย พี่ขอโทษนะที่ทำให้มีนาลำบากใจ ถ้ามีนาจะกลับไปอยู่ที่บ้านก็ได้นะ”
“ถ้าพี่ไล่มีนาก็จะกลับ”
“พี่ไม่ได้ไล่นะ มีนาอย่าเข้าใจผิด” นฤดลรีบเดินเข้ามาประชิดตัวเมื่อเห็นว่ามีนากำลังจะร้องไห้
“แต่พี่บอกว่าให้มีนากลับไปอยู่ที่บ้าน” มีนาถามด้วยเสียงสั่น ความน้อยใจกำลังถาโถมเข้ามา
“พี่หมายถึงกลับไปอยู่ที่บ้านถ้ามีนาลำบากใจจะอยู่ที่นี่ แต่ถ้ามีนาไม่ลำบากใจก็อยู่ที่นี่ อยู่กับพี่” นฤดลดึงให้เธอนั่งลงบนตักเขาสองมือประคองใบหน้างามไว้
“แล้วพี่อยากให้มีนาอยู่ไหม”
“อยากสิ”
“ถ้างั้นมีนาจะรีบไปแล้วรีบกลับ”
“ให้น้าชัยไปส่งนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวมีนานั่งแท็กซี่ไปเอง”
“แน่นะ อย่ารู้ว่าเดินออกไปนั่งรถเมล์”
“ค่ะ”
“มีนาจะไปทั้งวันเลยใช่ไหม”
“ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอกำลังใจหน่อยนะ” พูดจบนฤดลก็ก้มใบหน้ามาจนชิด เขากดริมฝีปากหยักลงมาแนบกับริมฝีปากบางสีสวย กดจูบดูดกลืนลมหายใจจนหญิงสาวนิ่งงัน
มันเป็นจูบแรกของหญิงสาวในสาววัยยี่สิบเอ็ดปี จูบของเขาช่างร้อนแรงจนหญิงสาวแทบหลอมละลาย มีนาครางประท้วงจนเขายอมปล่อยริมฝีปากร้อนออกแต่ก็เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นเพราะตอนนี้เขาพลิกให้เธอหันหน้าเขาหา
มือข้างหนึ่งช้อนมากอบกุมท้ายทอย ส่วนอีกมือก็รั้งให้ร่างกายของเธอแนบชิดเขายิ่งขึ้น ก่อนที่จะกดจูบลงมาอีกครั้ง ริมฝีบางถูกเขาบดจูบอย่างรุนแรงจนเธอต้องเผยอออกและเขาก็ใช้โอกาสนี้แทรกปลายลิ้นร้อนเขาไปในโพรงปากเล็ก ใช้ความชำนาญจนหญิงสาวทำตัวแทบไม่ถูก เธอยอมให้เขาเข้าไปกวาดต้อนความหวานในปากอย่างดูดดื่ม
“หวานจังมีนา”
“คุณดล พอเถอะค่ะ”
“มีนาเรียกผิดต้องโดนทำโทษนะรู้ไหม”
เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหู ชายหนุ่มไล้จมูกไปมาบนแก้มเนียนก่อนที่ลิ้นร้อนจะลากไล้ไปตากซอกคอหยอกล้อไปใบหู มีนารู้สึกใจเต้นแรงหายใจไม่ทั่วท้องมือเธอจิกไปบนแขนเขาแน่น ขณะที่เขาซุกไซร้ไปตามซอกคอ เธอก็พยายามห่อไหล่หนี
“พี่ดลปล่อยมีนาเถอะค่ะ นะคะพี่ดล” หญิงสาววอนขอด้วยเสียงหวาน เธอกำลังกลัว แต่ไม่ใช่กลัวเขา มีนากำลังกลัวใจตัวเองต่างหาก
“ไม่อยากปล่อยเลย” ชายหนุ่มคลายอ้อมแขนออกอย่างเสียดาย แต่ถ้าเขารุกหนักไปกว่านี้ก็กลัวว่าเธอจะไม่กลับมาหาตนเองอีก
พอนฤดลคลายอ้อมแขนออกมีนาก็รีบลุกขึ้นและวิ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว จนไม่สนใจจะหันมามองข้างหลังว่าตอนนี้ชายหนุ่มกำลังมองเธอด้วยความเสียดายมากแค่ไหน
มีนานั่งแท็กซี่มายังร้านของมารดา ซึ่งเวลาสายๆ แบบนี้จะยังไม่มีลูกค้าเท่าไหร่ ที่เลือกมาหามารดาวันนี้ก็เพราะรู้จากมารดาว่าตอนนี้กิตติศักดิ์ไปสัมภาษณ์งานที่ต่างจังหวัด
“แม่ขา มีนาคิดถึงแม่จัง”
“ปากหวานมาเลยเชียว กินอะไรมาหรือยังล่ะลูก”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ไปอยู่ที่บ้านนั้นเป็นยังไงบ้างล่ะ เล่าให้แม่ฟังหน่อยไหม”
“คุณๆ ที่บ้านนั้นใจดีกับมีนามากเลยค่ะ มีนามีหน้าที่ดูแลคุณดลแล้วก็ทำความสะอาดบ้านในวันหยุด แต่ถ้าวันไหนต้องออกไปทำงานข้างนอกก็จะมีคนอื่นมาทำงานบ้านแทนค่ะ”
“แล้วคุณดลยังไม่หายอีกเหรอลูก”
“แขนหายดีแล้วค่ะ ยังเหลือข้อเท้าที่ลงน้ำหนักไม่ได้ ส่วนแผลที่หัวไหล่ก็เกือบจะหายแล้วค่ะ”
“สองเดือนกว่าแล้ว แผลยังไม่หายอีกเหรอมีนา”
“ค่ะ แม่ แผลใหญ่มาก เท่าฝ่ามือเลยค่ะ ช่วงแรกๆ ใช้เวลาทำแผลนานมาก มีนาเห็นแล้วสงสารเลยค่ะ”
“คงเป็นแผลเป็นใหญ่สินะ”
“ค่ะ พี่วัฒน์สามีพี่ฤดีแนะนำให้คุณดลไปหาหมอพลาสติกค่ะ เผื่อจะแก้ไขให้มันเล็กลงได้หรืออาจจะปลูกถ่ายผิวหนังแต่คุณดลบอกว่าไม่อยากเจ็บอีกแล้วก็เลยไม่ยอมไปทำค่ะ”
“โชคดีที่เขาเป็นผู้ชายไม่ต้องใส่เสื้อเปิดไหล่ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงคงแย่”
“มีนาก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ เห็นครั้งแรกมีนายังตกใจ แต่พอเห็นบ่อย ทำแผลทุกวันก็เริ่มชินค่ะ”
“ลูกสาวแม่เก่งมากจ้ะ แล้วมาหาแม่วันนี้คิดถึงแม่หรือมีธุระอย่างอื่นด้วยล่ะลูก”
“มีนาจะมาขออนุญาตแม่ไปเที่ยวหัวหินกับเพื่อนๆ ที่คณะค่ะ ไปกันหลายคนเลยค่ะ เหมารถตู้ไป” เรื่องนี้มีนาเคยเกริ่นกับมารดาไว้นานแล้ว แต่พอจะไปจริงๆ ก็เลยมาขออนุญาตอีกครั้ง
“แม่ไม่มีปัญหาหรอก แต่หนูอย่าลืมขออนุญาตคุณท่านด้วยนะลูก อยู่บ้านท่านจะไปไหนมาไหนก็ต้องบอกท่านด้วย”
“มีนามาขอแม่ก่อนแล้วค่อยไปขอท่านค่ะ”
“จะไปวันไหนล่ะ แล้วมีเงินหรือเปล่า”
“อาทิตย์หน้าค่ะ เรื่องเงินแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ มีนามีพอใช้ค่ะ”
“หนูรับเงินค่าจ้างมาเหรอลูก”
“มีนาไม่รับจากคุณฤดีค่ะ แต่คุณดลให้มีนา เขาบอกว่าไม่อยากได้รับความสงสาร เขาจ้างมีนาเดือนละสามหมื่น แต่ถ้ามีนาไม่เอาเงินเขาจะไปจ้างคนอื่น เดือนละห้าหมื่น มีนาก็เลยต้องรับ แต่มีนายังไม่ได้ใช้เงินเขาสักบาทเลยนะคะ คิดว่าถ้าเขาหายดีแล้วมีนาจะคืนให้เขา”
“แล้วไม่กลัวเขาโกรธเหรอ”
“ไม่รู้สิคะ แม่ว่าควรคืนเงินเขาไหม”
“ถ้าเขาเต็มใจให้มีนาก็ควรรับไว้ แล้วทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี เงินแค่นี้สำหรับเรามันดูมาก แต่สำหรับคนรวยๆ มันไม่ได้มากอะไรเลย”
“ถ้าอย่างนั้นมีนาจะเก็บเอาไว้ เผื่อเรียนจบแล้วมีนาจะเรียนต่อปริญญาโท แม่ว่าดีไหมคะ”
“ดีจ้ะลูก”
“ไม่ค่ะ ยังไงพิมพ์ก็ไม่หย่า”“แต่ผมไม่อยากยื้ออีกต่อไปแล้วนะ คุณไม่มีความสุข ผมก็ไม่มีความสุข”“คุณจะรีบหย่าแล้วไปหาเด็กนั่นเหรอคะ เราคุยกันแล้วนี่ดลว่าเราจะแต่งงานกันสองปี ถึงตอนนั้นคุณค่อยมาคุยเรื่องหย่าดีกว่าไหมคะ”“ถ้าคุณไม่ยอมหย่าผมจะฟ้องหย่า”“คิดดีแล้วเหรอคะดล คุณจะเอาความสุขส่วนตัวมาแลกกับชื่อเสียงของครอบครัวเหรอคะ”“คุณคงคิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าแต่บางครั้งไพ่มันก็เปลี่ยนได้นะพิมพ์”“หมายความว่ายังไงคะ”“ผมมีหลักฐานที่จะฟ้องหย่าคุณได้ ถ้าคุณไม่ยอมจบแบบเงียบๆ”“ถ้าคุณคิดว่ามันคุ้มกับชื่อเสียงก็เอาสิคะ ถ้าคุณฟ้องหย่าพิมพ์ก็จะบอกเรื่องของคุณให้ทุกคนรู้ พิมพ์คงได้รับความเห็นใจมากๆ ใครจะคิดล่ะคะว่าคุณนฤดลที่แสนจะเพอร์เฟกต์จะมีอีหนูซ่อนไว้”“เรื่องแบบนี้ผู้ชายก็มีกันทั้งนั้น แต่ถ้าคนอื่นรู้ว่าคุณก็หนีสามีไปแต่งงานละ มันจะน่าสนใจกว่าไหม”“ดลหมายถึงอะไร” พิมพ์ปภัสเริ่มร้อนตัว“เรื่องที่คุณพาผู้ชายเข้ามาที่บ้าน ผมไม่ว่าอะไรเลยเพราะมันเป็นสิทธิ์ของคุณ แต่ที่คุณควงกันไปเที่ยวต่างประเทศแล้วไปแต่งงานที่นู่น คุณคิดเหรอว่ามันเป็นความลับ”“ดลพูดเรื่องอะไรคะ” พิมพ์ปภัสคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจ
ดลฤดีกลับมาถึงเมืองไทยก็รีบเข้าไปคุยเรื่องสำคัญกับมารดาทันทีโดยที่ยังไม่ทันจะเอากระเป๋าเดินทางไปเก็บ“เรื่องด่วนอะไรกันหรือว่ามีนาเป็นอะไร” คุณดวงกมลถามลูกสาวขณะที่ถูกเร่งให้เดินเข้ามาในห้องทำงานของบิดาซึ่งตอนนี้เจ้าของห้องนั้นไปรดน้ำกล้วยไม้อยู่ที่เรือนเพาะชำ“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมีนาค่ะ มีนาสบายดีทุกอย่างไม่มีปัญหา”“แล้วมันเรื่องด่วนอะไรกันล่ะ”“แม่นั่งก่อนนะคะ”พอให้มารดานั่งและหายาดมมาไว้ใกล้ตัวแล้วก็รีบเล่าเรื่องที่ตัวเองไปเจอมา ทั้งเรื่องที่โรงแรมและเรื่องที่ร้านอาหารในเวกัส“ตาฝาดไปหรือเปล่าลูก เมื่อวานแม่ยังคุยกับน้องอยู่เลย น้องบอกว่าออกมาทานข้าวกับเมียเขา”“แต่ฤดีมีรูปนะคะ นี่ค่ะ” เธอส่งทั้งรูปทั้งคลิปให้มารดาดูซึ่งทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ก็ชัดเจนจนปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่พิมพ์ปภัส“แม่ไม่เข้าใจ เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยัยไง ตอนแต่งงานก็เห็นว่ารักกันดี นี่ลูกชายแม่กำลังโดนหลอกใช่ไหม” หญิงสูงวัยถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า“ฤดีว่าแม่ลองเรียกน้องเข้ามาที่บ้านดีไหม”“แม่ไม่อยากเห็นน้องต้องเสียใจอีกเลย เวรกรรมอะไรกันนะถึงได้มาเจอเรื่องแบบนี้”“แม่ไม่อยากให้น้องรู
มีนาเดินทางมาถึงอเมริกาได้หลายวันแล้ว หญิงสาวเข้าพักที่อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนสอนภาษา ส่วนดลฤดีนั้นพักที่โรงแรมใกล้ๆ เพราะอยากให้มีนาลองใช้ชีวิตคนเดียวระหว่างนี้เธอกับสามีก็ไปดูงานที่โรงเรียนซึ่งใช้เป็นต้นแบบในการจัดการเรียนการสอน ก่อนที่จะพากันไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ“พี่วัฒน์คะ”“ครับ”“ฤดีว่าเห็นคนรู้จักนะคะ แต่พี่อย่าเพิ่งหันไปนะคะ นั่งนิ่งๆ ก่อนเดี๋ยวเขาจะรู้ตัวค่ะ”“ให้พี่นั่งนิ่งแล้วพี่จะรู้ได้ยังไงว่าใช่คนรู้จักของเราไหม” ธนวัฒน์ถามภรรยาอย่างไม่เข้าใจ เพราะถ้าเขาไม่หันไปดูแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าใช่คนที่ตนเองรู้จักไหม“เชื่อฤดีนะคะ นั่งอยู่แบบนี้ก่อน” ดลฤดีบอกสามีจากนั้นเธอก็ยกโทรศัพท์ขึ้นเหมือนกำลังถ่ายรูปของธนวัฒน์ แต่ทว่าเธอกำลังซูมกล้องไปไกลกว่านั้นหญิงสาวนึกขอบคุณโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่สามารถซูมได้มากจนเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนที่เธอเห็นนั้นใช่คนที่เธอรู้จักไหมดลฤดีกดถ่ายรูป จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นโหมดถ่ายวิดีโอจนกระทั่งเธอคนนั้นเดินหายเข้าไปในลิฟต์“พี่วัฒน์ดูนี่นะคะ” เธอส่งโทรศัพท์ให้สามีดูภาพที่ตนเองถ่ายไว้“นี่มันน้องพิมพ์นี่ครับ ผมไม่รู้เลยว่าเธอมาเที่ยว
นฤดลแอบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาอยากคุยกับเธอแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เขาคิดว่าระยะเวลาที่ผ่านมานานเกินครึ่งปีนั้นจะทำให้ความรู้สึกที่มีต่อมีนาลดน้อยลงแต่มันกลับตรงกันข้ามเพราะเขายังรักและคิดถึงเธออาจจะมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ เมื่อลองเปรียบเทียบกับครั้งที่ตัวเองตามหาพิมพ์ปภัสไม่เจอมันต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งๆ ที่ตนเองแต่งงานไปแล้วและควรมีความสุขกับคนรักที่รอคอย แต่ในทุกๆ วันในใจของเขายังคงนึกถึงช่วงเวลาที่ตนเองมีความสุขกับมีนาอยู่ตลอด“พี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนมีนารอก่อนนะ”“ค่ะพี่ฤดี” มีนานั่งรอดลฤดีที่ห้องรับแขกขณะที่คนอื่นก็ต่างก็กลับห้องของตัวเองไปกันหมดแล้ว“มีนาสบายดีไหม” ในที่สุดเขาก็เปิดปากถาม“ค่ะ คุณดลล่ะคะ”“พี่สบายดี” เขายังแทนตัวเองเหมือนเดิมขณะที่อีกคนนั้นเปลี่ยนสรรพนามไป“แม่บอกว่าปิดเทอมใหญ่มีนาจะไปเรียนภาษาเหรอ” เขาพยายามจะชวนเธอคุย อย่างน้อยตอนนี้ก็อยู่ที่บ้านของตนเองมันไม่ได้น่าเกลียดอะไรถ้าจะพูดคุยกันบ้าง“ค่ะ”“มีอะไรให้พี่ช่วยบอกได้นะ”“ขอบคุณค่ะ”“มีนายังโกรธพี่อยู่เหรอ”“เปล่าค่ะ”“แต่เหมือนมีนาไม่อยากคุยกับพี่เลยนะ” เพราะการถามคำตอบคำแบบนี้ไม่ใช่นิสัยของหญิงสาวท
ทางด้านมีนาที่ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นปี 3 หญิงสาวก็ไม่ได้สนใจใครอื่น แม้จะมีคนเข้ามาจีบแต่มีนาก็ปิดตายหัวใจ เธอทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างหนักและวางแผนเอาไว้แล้วว่าถ้าเรียนจบจะเข้าไปช่วยคุณดลฤดีทำงานที่โรงเรียน ถึงแม้จะเป็นโรงเรียนที่นฤดลบริหาร แต่หญิงสาวก็ไม่คิดเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงานในเมื่ออีกคนแต่งงานไปแล้วเรื่องราวของเธอกับเขาก็จบลงไปด้วย ไม่มีการติดต่อไม่ว่าจะทางโทรศัพท์ทางไลน์หรือทางข้อความ เขาและเธอทำเหมือนอยู่กันคนละโลก แม้จะเจอกันก็แค่ทักทายตามมารยาทเท่านั้นใช่ว่ามีนาจะไม่เสียใจที่ถูกเขาหลอก แต่ชีวิตของเธอจะต้องก้าวไปข้างหน้าต่อ ถ้ามัวแต่ยึดติดกับเรื่องราวที่ผิดหวังในอดีตเธอก็คงหาความสุขให้กับตนเองไม่ได้ แม้จะรักเขามากแค่ไหน แต่ถ้ามันเจ็บเธอก็ต้องยอมตัดใจ หญิงสาวคิดได้แล้วว่าการอยู่โดยไม่มีคนรักมันไม่ได้เลวร้ายเลยสักนิดมีนายังคงไปมาหาสู่ที่บ้านหลังนั้นอยู่ตลอด เพราะเธอรักและเคารพทุกคนที่นั่น อีกอย่างตอนนี้นฤดลก็ย้ายออกไปอยู่ข้างนอกกับภรรยาแล้ว เธอจึงไม่มีโอกาสได้เจอเขาบ่อยนัก“เรื่องฝึกงานมีนาตัดสินใจหรือยังว่าจะฝึกที่ไหน อาจารย์ว่ายังไงบ้าง” ดลฤดีถามขณ
งานแต่งงานของนฤดลถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แขกที่มาร่วมงานต่างพากันชื่นชมเจ้าบ่าวเจ้าสาวว่าเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก “ดลคะ ยิ้มหน่อยสิคะ แขกมากันเยอะแล้วนะ” พิมพ์ปภัสบอกเจ้าบ่าวที่เอาแต่ทำหน้านิ่ง “ผมจะยิ้มก็ต่อเมื่อผมอยากยิ้ม คุณอย่ามาบังคับผม แค่เรื่องแต่งงานมันก็มากเกินไปแล้ว” “แต่วันนี้วันแต่งงานของเรานะคะ” “ผมว่ามันเป็นงานของคุณคนเดียวต่างหากล่ะ” นฤดลพูดพลางทำหน้าเบื่อโลกยิ่งกว่าเดิม “ดลคะ เราแต่งงานกันแล้วนะ พิมพ์ว่าดลเลิกคิดที่จะกลับไปหาเด็กมีนานั่นได้แล้ว” “ผมไม่ได้คิดถึงใครทั้งนั้น ผมก็แค่เบื่อที่จะต้องปั้นหน้าว่ามีความสุข” ที่เขาทำหน้าเบื่อก็เพราะไม่คิดว่างานแต่งของตนจะจัดใหญ่แบบนี้ “อดทนอีกนิดสิคะ เดี๋ยวก็ถึงเวลาเข้าหอแล้ว พิมพ์รับรองว่าดลจะมีความสุขและลืมผู้หญิงทุกคนอย่างแน่นอน” พิมพ์ปภัสกล่าวอย่างมั่นใจ เธอจะต้องทำให้นฤดลลืมผู้หญิงที่ชื่อมีนาให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะถึงกำหนดที่เขากับเธอตกลงกันไว้ “ผมบอกเหรอครับว่าจะทำเรื่องแบบนั้นกับคุณ” “ดลค่ะ คุณเป็นผู้ชายนะ จะอดทนได้แค่ไหนกั