ถนนในตัวเมืองช่วงเย็นของวันสุดสัปดาห์ รถก็ติดไม่ต่างจากกรุงเทพฯ ชายหนุ่มเอื้อมไปเปิดเพลงเบาๆ ขณะรอรถเคลื่อน จากนั้นก็มองถนนหนทางไปเพลินๆ กระทั่งสายตาเหลือบไปเห็นหญิงสาว ที่แม้ว่าจะเจอเพียงครั้งเดียว แต่ก็เพิ่งเจอเมื่อบ่ายนี่เอง เธอกำลังจูงมือเด็กชายคนหนึ่งที่ยังอยู่ในชุดโรงเรียนอนุบาล เดินไปตามฟุตบาต กระทั่งไปหยุดที่ป้ายรถประจำทาง
เมื่อรถข้างหน้าเคลื่อนไปได้ ธีรดนย์จึงขับไปจอดหน้าป้ายรถประจำทางทันที แล้วเลื่อนกระจกลง
“ไปไหนครับ” เขาทักทาย พร้อมกับพุ่งสายตามองไปยังเด็กชายที่กำลังจ้องเขาเป๋ง แววตามีความสงสัย นั่นทำให้เขาเกือบช็อก นอกจากความเป็นเด็กจะทำให้เขาสนใจแล้ว ทว่าหน้าตาเด็กคนนี้เหมือนคนในครอบครัวของเขา ตั้งแต่พ่อยันไอ้น้องชายต่างแม่ เพราะสองคนนั่นเหมือนกันมาก ยิ่งเอาภาพสมัยยังเด็กมาเทียบเคียงเหมือนราวกับแฝด และถ้าเอาเด็กคนนี้ไปรวมด้วย ก็แฝดสามดีๆ นี่เอง
แต่ในโลกนี้เขาเคยเห็นคนหน้าเหมือน หรือคล้าย ทั้งที่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ในกรณีก็คงจะเหมือนกัน เพราะพ่อของเขา หลังจากแม่ของธีธัสหนีไปก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนใหม่อีกเลย ส่วนเจ้าน้องชายต่างแม่ ตั้งแต่รู้จักกันมาก็ไม่เคยเห็นคบหาใครจริงจัง
แล้วเด็กคนนี้เป็นอะไรกับดาริณ...
เพราะเธอน่าจะอายุแค่ยี่สิบกว่าๆ เท่านั้น
ทำให้เขาสนใจดาริณมากยิ่งกว่าเดิม นอกเหนือจากหน้าตาบุคลิกที่น่ารักอ่อนหวานของเธอ ยอมรับว่าอีกฝ่ายมีบางอย่างคล้ายกับแฟนคนแรกสมัยมัยธมปลายของเขา
“คุณดนย์ คือเอ่อ...กำลังจะกลับที่พักค่ะ”
“ขึ้นรถเลยครับ ผมไปส่ง” เขาพูดพร้อมปลดล็อกประตู
“เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ ที่พักอยู่ใกล้แค่นี้เอง”
“ขึ้นมาเถอะ พอดีผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”
“ค่ะ” ดาริณรับคำ เพราะเขาเป็นระดับเจ้านาย จะขัดคำสั่งแล้วโต้เถียงอยู่ริมถนนคงไม่เหมาะ
หญิงสาวเปิดประตูแล้วพยุงลูกชายขึ้นไปนั่งบนรถก่อน แล้วเธอก็ตามขึ้นไปนั่งแล้วปิดประตู ก่อนจะเอ่ยกับลูกชาย
“น้องดรีมครับ นี่คุณดนย์เป็นเจ้านายของแม่”
ถ้อยคำที่ดาริณพูดกับเจ้าตัวเล็ก ก็ทำให้ธีรดนย์กระจ่างในทันที ว่าเด็กชายเป็นลูกของเธอนั่นเอง แสดงว่าแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะเด็กชายน่าจะอายุห้าหรือหกขวบ
“หวัดดีคับ เจ้านายของแม่” พูดพร้อมกับยกมือป้อมๆ ขึ้นไหว้ ธีรดนย์ยกมือรับไหว้ แล้วเอ่ยทักทายตอบ
“หวัดดีครับน้องดรีม เรียนอยู่ชั้นอนุบาลไหนแล้วครับ” ธีรดนย์ชวนคุย ขณะรถเลื่อนไปบนท้องถนน เพื่อตรงไปยังร้านอาหารที่เขานึกอยากกินข้าวเย็นนอกรีสอร์ต เพราะสามทุ่มเขามีนัดกับเพื่อนคนหนึ่งที่เพิ่งเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ที่บ้านพักตากอากาศของอีกฝ่าย
“น้องดรีมอยู่อนุบาลสามคับ”
“งั้นก็อายุห้าหรือหกขวบแล้วสิ”
“น้องดรีมอายุห้าขวบกว่าๆ แล้ว” ดาริณเป็นคนตอบ
“หน้าตาหล่อมากเลยนะ” พูดออกไปแล้วก็เหมือนชมพ่อกับน้องชายตัวเอง เพราะสองคนนั่นหน้าตาเหมือนน้องดรีม มากกว่า ส่วนเขามีส่วนผสมระหว่างพ่อกับแม่ที่ชัดเจน ส่วนธีธัสแทบไม่มีอะไรเหมือนแม่ตัวเองเลย ทุกอย่างคือพ่อหมด
“คุยไปด้วย และกินมื้อค่ำเป็นเพื่อนผมด้วยแล้วกัน” ธีรดนย์บอก เมื่อเคลื่อนรถเข้ามาในร้านอาหาร
ดาริณยอมรับว่าลุ้นระทึกกับเรื่องที่อีกฝ่ายบอกว่าจะคุยด้วย เธอกังวลว่าการทำงานที่เพิ่งเริ่มต้นได้เพียงสัปดาห์เดียวนั้น ไม่ประทับใจผู้บริหารหรือเปล่า
กระทั่งเข้ามานั่งในร้านอาหาร อีกฝ่ายก็ยื่นเมนูให้เธอ
“ตามสบายเลยนะครับไม่ต้องเกรงใจ น้องดรีมอยากกินอะไรบอกคุณแม่ได้เลยนะครับ” ท้ายประโยคนั้นเขาหันมาบอกกับเด็กชาย
“ดรีมอยากกินไก่ทอดคับ” เจ้าตัวบอก แล้วหันไปทางคุณแม่ เพราะเมนูนี้แม่จะให้กินไม่บ่อยนัก แม่บอกว่าของทอดไม่ดีต่อสุขภาพ กินได้ แต่นานๆ ครั้ง
ดาริณสั่งเมนูโปรดของลูกชาย และสำหรับตัวเองอีกหนึ่งเมนู ส่วนธีรดนย์ก็สั่งอีกสองเมนูเช่นกัน ขณะรออาหารธีรดนย์ก็ชวนคุย
“เด็กอนุบาลปกติจะเลิกเร็วไม่ใช่เหรอครับ”
“ค่ะ เลิกสองโมงครึ่ง แต่ดาเลิกงานห้าโมงเย็น ก็เลิกฝากครูพี่เลี้ยงดูแลค่ะ”
“แล้วเสาร์ อาทิตย์ล่ะ” เพราะพนักงานคาเฟ่ต์นั้น มีวันหยุดสัปดาห์ละหนึ่งวัน แต่ห้ามหยุดเสาร์อาทิตย์ ถ้าไม่จำเป็น เพราะวันหยุดมีลูกค้าเข้าร้านมากกว่าวันปกติ
“ดาฝากลูกไว้ที่ศูนย์รับดูแลเด็กค่ะ”
“ถ้าน้องดรีมไม่ซนจนทำร้านพัง พาไปด้วยก็ได้ อีกอย่างที่
รีสอร์ตก็มีสนามเด็กเล่น น้องดรีมน่าจะชอบนะ” เมื่อได้ฟังคำพูดหญิงสาว ธีรดนย์ค่อนข้างมั่นใจว่าสามีของเธอ ไม่ได้อยู่ด้วยกัน หรือเธออาจเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว:::::::::::::::::
ตอนพิเศษ : ครอบครัวของเรา สี่ปีต่อมา...“พ่อจ๋า หนูจะเตะบอลกับพี่ดรีม” เด็กหญิงดาริธัส ที่เพิ่งอายุครบสามขวบเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาบอกผู้เป็นพ่อ ขณะเดินเล่นในสวนด้วยกัน ส่วนพี่ชายวัยเก้าขวบกว่านั้นกำลังเตะฟุตบอลกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนานวันนี้เป็นวันเสาร์ ลูกทั้งสองเรียนเปียโนในช่วงสายถึงเที่ยง ตอนบ่ายเลยได้เล่นสนุกกันได้อย่างเต็มที่ ซึ่งลูกชายคนโตนั้นได้ชวนเพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียนมาเตะบอลด้วยกันที่สนามหญ้าข้างบ้าน โดยมีน้องสาวคนเดียวนั่งเชียร์อยู่ริมสนามกับผู้เป็นพ่อ พอเห็นพี่เล่นกันสนุกสนาน เจ้าตัวก็นึกอยากเล่นบ้าง“ไม่ได้หรอกลูก พี่ๆ จะชนหนูล้ม หรือไม่บอลจะโดนหนูแรงๆ ไว้ให้พี่เขาเล่นกับเพื่อนๆ เสร็จแล้ว หนูค่อยเล่นกับพ่อนะ”ตัวเล็กทำหน้าผิดหวัง แต่ก็พยักหน้ารับ ธีธัสหอมแก้มยุ้ยที่แดงปลั่งนั้นด้วยความเอ็นดูลูกสาวของเขาหน้าตาถอดแบบมาจากคุณแม่ราวกับแฝด รวมทั้งผิวพรรณขาวเนียน ใบหน้าเล็กๆ กับผมสองจุกยิ่งทำให้เจ้าตัวดูเหมือนตุ๊กตา โดยเฉพาะดวงตากลมโตเหมือนลูกแก้วตอนนี้เด็กหญิงดาริธัส เรียนอยู่อนุบาลหนึ่ง ชอบไปโรงเรียนมาก เพราะชอบเล่นกับเพื่อนๆเมื่อเด็กผู้ชายเลิกเล่นฟุตบอล และพากันไปกินของ
แล้วเขาก็เปลี่ยนท่าไปเรื่อยๆ กระทั่งมาหยุดอยู่ที่ท่าวูแมนออนท็อป ดาริณขย่มลงบนท่อนเนื้อเขาอย่างเร่าร้อน ขณะที่มือใหญ่ก็เคล้นคลึงทรวงอวบที่เด้งขึ้นลงตามจังหวะขย่มของเธอผมยาวของเธอสะบัดไปมา ใบหน้าบิดเบ้ ปากครางเสียงดังลั่น ร้องเรียกชื่อผู้เป็นสามีไม่หยุดธีธัสชอบดาริณในทุกอย่างที่เป็นเธอ ยามปกติเธอก็น่ารัก อ่อนหวาน ยามรักก็ร้อนแรงและไม่มีเหนียมอาย ทั้งการกระทำและคำพูดปลุกเร้าเขาได้อย่างดี ดาริณไม่เคยบ่นกับบทรักของเขาที่บางครั้งก็อ่อนโยน บางเวลาก็ร้อนแรงถึงขั้นดิบเถื่อน แต่แน่นอนไม่ถึงขั้นเจ็บหรือมีบาดแผล นอกจากร่องรอยของสัมผัสที่มีอยู่บนร่างกายบทสุดท้ายก่อนถึงปลายทาง ธีธัสอุ้มร่างกลมกลึงไปวางบนโต๊ะมุมห้อง จับขาชันเป็นรูปตัวเอ็ม ก้มลงดูดกลีบอวบอูมอีกครั้ง เพื่อให้เธอเร่าร้อนจนแทบคลั่ง ก่อนสอดแท่งร้อนเข้าหา กระแทกสะโพกใส่อย่างดิบเถื่อน เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังต่อเนื่อง ประสานกับเสียงครวญครางหวานหวิวและเสียงคำรามแหบพร่าของธีธัส กระทั่งเสร็จสมในเวลาเกือบพร้อมๆ กันจากนั้นเขาก็อุ้มเธอไปวางบนเตียง กอดคลอเคลียพร่ำคำรักอย่างอ่อนโยน กระทั่งหลับใหลไปด้วยกันทั้งคู่สามเดือนต่อมาคำว่าสวยงามเหมือน
“คุณแพม เธอสวยและเซ็กซี่จังนะคะ” เธอพูดในสิ่งที่ยังค้างคาใจ“กำลังรอให้ดาถามเรื่องเขาอยู่เหมือนกันนะ”“ถ้าพี่อยากเล่าอะไรเกี่ยวกับเขาก็เล่าได้ค่ะ ดาพร้อมฟัง”“หึงหรือเปล่าเนี่ย”“ไม่ค่ะ แต่หวงนิดหน่อย”“นิดหน่อยแน่นะ”“ไม่แน่ใจเลยค่ะ เพราะแวบหนึ่งดาก็คิดอยากให้พี่ธีกลับไปเป็นธีธัส ศิวารักษ์เหมือนเดิม เผื่อว่าพี่จะได้ดูด้อยกว่าคุณแพมในเรื่องฐานะ ส่วนหน้าตาก็รู้อยู่ พี่ธีเบ้าหน้าฟ้าประทาน”“อวยผัวตัวเองเกินไปแล้วนะ แต่ฟังแล้วรู้สึกดีกว่าคนอื่นๆ พูด ส่วนเรื่องคุณแพมไม่มีอะไร ก่อนหน้านั้นเขาก็ติดต่อพี่ตามปกติ กระทั่งครั้งล่าสุด พี่ปฏิเสธจะเจอเขา ให้เหตุผลไปแล้วเรื่องดากับลูก เขาก็ยอมรับ แต่ครั้งนี้ที่มาเจอกัน เพราะเขาอยากเจอพี่ครั้งสุดท้าย อยากเห็นดากับลูกเท่านั้นแหละ”“ท่าทางเขาคงชอบพี่มาก”“ก็น่าจะชอบปกติ และไม่ต้องกังวลเรื่องคุณแพมหรอก ไม่ว่าเขาจะชอบพี่มากหรือน้อย แต่เขาก็มีศักดิ์ศรีที่จะไม่ยุ่งกับคนมีครอบครัว ไว้ใจได้”“ฟังพี่ธีพูดแบบนี้แล้ว ดาไม่คิดมากแล้วค่ะ”“แสดงว่าก่อนหน้านี้คิด”“นิดหนึ่ง” แล้วดาริณก็หัวเราะกลบเกลื่อนที่เขารู้ทัน“เมื่อก่อนดาริณคนนี้มั่นใจในตัวพี่มาตลอดนะ ว่าพี่
เมื่อคิดถึงว่าพวกเขาเคยมีเซ็กซ์ที่เร่าร้อนต่อกันมากแค่ไหน สิ่งที่เขากับเธอ ธีธัสจะเคยทำกับผู้หญิงเหล่านั้นบ้างไหม แม้บางอย่างธีธัสบอกว่าทำกับเธอเพียงคนเดียว แต่เมื่อคิดว่าพวกเขากอดตรงนั้น จูบตรงนี้ พอคิดแล้วก็แปลบๆ ดี แต่มันก็ช่วยไม่ได้ เพราะเธอทิ้งเขาก่อน ความรู้สึกของเธอตอนนี้ก็ถือว่าเป็นการชดใช้ก็แล้วกันจากนั้นดาริณก็สูดลมหายใจลึกๆ ปลุกปลอบใจตัวเอง“ดา น้องดรีม มาด้วยรูปด้วยกันที่สระว่ายน้ำเถอะ” ธีรดนย์ร้องเรียก พร้อมกวักมือเรียก ขณะนั่งบนเก้าอี้ริมสระว่ายน้ำบ้านพักตากอากาศของตระกูลอรุณกรนั้น ธีธัสบอกกับดาริณว่า ผู้ที่รับมรดกเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์คือธีรดนย์ ส่วนธีธัสได้กรรมสิทธิ์เป็นเพนส์เฮ้าส์ตากอากาศที่หัวหิน ซึ่งเขาบอกเธอว่ายังไม่เคยมีโอกาสได้ไปพักผ่อน มีแต่ธีรดนย์ที่ใช้ที่นั่นบ่อยครั้งที่หัวหินนั้นก็เป็นอีกหนึ่งความทรงจำระหว่างเธอกับเขาสมัยยังเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน เพราะเขาเคยพาเธอไปเที่ยวหลายครั้ง พอเลิกกันแล้วก็ไม่อยากไปเที่ยวที่นั่นอีกแต่ในเมื่อคืนดีกันแล้ว เขาก็อยากพาเธอกับลูกไปพักผ่อนที่นั่น แต่ครั้งนี้เลือกมาที่ภูเก็ต เพราะเธอยังไม่เคยมีโอกาสมาเที่ยวที่นี่นั่นเอง บ
บทส่งท้าย : เป็นความรักเสมอมาริมชายหาด หน้าบ้านพักตากอากาศอรุณกรในจังหวัดภูเก็ต เด็กชายธีรดาเล่นปั้นดินปั้นทรายอยู่กับธีรดนย์อย่างเพลิดเพลิน ในขณะที่พ่อกับแม่ของเด็กชายนั้นกำลังถ่ายรูป“หอมแก้มกันหน่อย” อติรุจบอกคู่รักที่กำลังโอบกอดกันอยู่ริมชายหาด ขณะที่ตัวเขาเองกำลังทำหน้าที่ช่างภาพจำเป็น ด้วยการถือกล้อง DSLR ด้วยท่าทางทะมัดทะแมงธีธัสสนองต่อการเรียกร้องของเพื่อนรักด้วยการหอมแก้มภรรยา แถมจูบให้อีกหนึ่งฟอดใหญ่“พอๆ ให้หอมเฉยๆ ไม่ได้ให้จูบ” อติรุจแซว แต่ก็กดชัตเตอร์รัวๆกระทั่งเด็กชายธีรดาที่เนื้อตัวเปื้อนทรายวิ่งมาหา“ดรีมอยากถ่ายรูปคับ”“มาสิลูก” ธีธัสอุ้มลูกชายไว้ในอ้อมแขน จากนั้นภาพสามคนพ่อแม่ลูกก็ดูเหมือนจะมีมากกว่าภาพคู่ของธีธัสกับดาริณเสียอีก รวมทั้งภาพที่เล่นน้ำทะเลกันด้วย ธีรดนย์เข้ามาแจม ด้วยการแกล้งน้องชาย แทรกกลางระหว่างระหว่างธีธัสกับดาริณ“อะไรของพี่ ผัวเมียเขาจะถ่ายรูปกัน” ธีธัสว่า“อะไรของแก พี่ชายจะถ่ายรูปกับน้องสะใภ้และหลานชายบ้างไง” ธีรดนย์ผลักธีธัสออกจากเฟรม แล้วอุ้มเด็กชายธีรดาไว้ แล้วร้องบอกช่างภาพ“ถ่ายพี่หล่อๆ นะ”“ครับผม” แล้วอติรุจก็กดชัตเตอร์รัวๆ จนธีรดนย์พ
“โสดค่ะ เพิ่งเลิกกับแฟนมาไม่นานนี่เอง”“งั้นเราจะมีโอกาสได้เจอกันอีกไหมคะพี่ดา”“ถ้าว่างก็แวะไปเที่ยวที่อรุณกรรีสอร์ตสิ คุณธีเป็นเจ้าของที่นั่น และพี่ก็ช่วยงานในคาเฟ่ของรีสอร์ต”“อรุณกรรีสอร์ตเหรอคะ!” เพราะนั่นคือรีสอร์ตหรู ราคาห้องพักค่อนข้างแพง เธอก็ได้แต่เล็งๆ ไว้ว่ามีแฟนก็อยากให้ผู้ชายคนนั้นพาไปพักผ่อนที่นั่นบ้าง เพราะอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านนัก“ใช่ค่ะ ว่างก็ไปเที่ยวนะคะ ขอตัวก่อน ได้เวลากินของว่างน้องดรีมแล้ว” จากนั้นดาริณก็หยิบชุดว่ายน้ำ ที่เล็งไว้สามสี่ชุด รวมทั้งเสื้อผ้าสำหรับเดินเล่นชายหาดอีกหลายชุด แล้วเดินไปจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตที่ธีธัสให้ไว้อย่างเชิดๆ ทำให้น้ำรินมองด้วยสายตาริษยาอย่างปิดไม่มิดอยากมีชีวิตดีๆ แบบนี้บ้าง อยากมีผัวรวยๆ นั่นคือเป้าหมายในชีวิตของน้ำริน ส่วนดาริณนั้น เธอมั่นใจว่าข่าวซุบซิบเรื่องเธอกับลูกชายคงต้องเป็นข่าวที่อัปเดตใหม่เร็วๆ นี้แล้วในตอนเย็นเมื่อธีธัสเลิกงานดาริณก็เล่าเรื่องที่เจอน้ำรินให้อีกฝ่ายฟัง“ก็หวังว่าเขาจะได้เรื่องใหม่ไปซุบซิบน่ะ” ดาริณบอกจุดประสงค์ในการบอกเล่าเรื่องราวของตนเองให้น้ำรินรู้“พวกเขาจะนินทาว่าดาท้องแล้วจับผู้ชายคนนั้นน่ะสิ