ปึก เสียงแรงเหวี่ยงร่างบางกระทบกับเตียงนอนใหญ่
"โอ๊ย เป็นบ้าอะไรของนายเนี่ย! " หญิงสาวตะโกนเอ่ยถามออกมาอย่าเก็บความเกลียดชังไม่มิด
"แล้วที่ไปทำแบบนั้นละเป็นบ้าอะไร! " แรนดิ้งค์พูดออกมาด้วยความโมโหอย่างเหลืออด
"นั้นมันก็สิทธิ์ของฉันนายอย่ามายุ่งได้ไหม" เธอก็พูดออกมาเพราะสุดจะทนแล้วเหมือนกัน
"แต่เธอเป็นแฟนฉันนะ จะทำอะไรที่ไหนก็ควรบอกฉันหน่อยสิวะ" ชายหนุ่มก็พยายามที่จะระงับอารมณ์ร้ายๆ ของตัวเองอย่างที่สุด
"หึ จะมาสนใจอะไรเอาปานนี้มันไม่สายเกินไปหน่อยเหรอ" หญิงสาวก็ตอบด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน รู้สึกสมเพชตัวเองที่ทุ่มเทความรักให้กับคนที่ไม่เห็นคุณค่าของมัน
"อะไรนักหนาวะ ก็แค่ไลน์บอกโทรบอกอะไรก็ได้ช่วยบอกกันหน่อยไม่ได้หรือไงสถานะแฟนของเราเธอเอามันไปไว้ไหนเหรอ" ชายหนุ่มพึ่งจะมาถามหาอะไรเอาตอนนี้ตอนที่เธอกำลังเลือกที่จะเดินออกไปจากชีวิตของเขา
"เหอะนายละเอามันไปไว้ไหนก่อนจะถามคนอื่นย้อนถามตัวเองก่อนไหม! แค่แฟนไม่ใช่ผัวไม่ต้องอยากมาสะระแนเรื่องคนอื่น! " หญิงสาวตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความอัดอั้นที่อยู่ในใจมานาน
"มันจะมากไปแล้วนะ! ที่เอากันอยู่เกือบทุกเมื่อเชื่อวันนี้ให้ได้แค่แฟนหรอวะ! " ต่างคนต่างสาดอารมณ์ใส่กันไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
"แล้วทีนายไปเอาคนนั้นคนนี้ซึ่งๆ หน้ากันขนาดนี้ฉันไม่เห็นจะเป็นเดือดเป็นร้อนอะไรเลย! แค่สถานะแฟนสำหรับนายที่ฉันให้ไปมันก็มากเกินพอแล้ว! " หญิงสาวพูดอย่างจริงจังวันนี้เธอกับเขาจะต้องตัดความสัมผัสกันให้ขาด
"ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนเลยสินะ แล้วไง! ไม่รักกันมากกว่ามั้ง ทั้งใจคงมีให้แค่ไอ้ทันสินะ แต่ขอโทษนะไอ้ทันมันมีเมียไปแล้ว! " ด้วยความเก็บกดของชายหนุ่มตั้งแต่สนามแข่งรถยันคอนโดตอนนี้กับได้รับการระบายโทสะลงบ้างนิดหน่อย
"แล้วยังไง นายลองคิดใหม่ดีไหมฉันเคยให้นายไปทั้งใจ ในเมื่อมีมันแล้วไม่เก็บรักษาจะถามหามันทำไมอีก! ในวันที่ทุกอย่างมันกำลังเปลี่ยนไปห้ะ!" หญิงสาวก็เริ่มมีอารมณ์เหวี่ยงขึ้นมาอีกครั้ง
"แต่เธอก็ควรบอกฉันสักนิดสิ ไปไหนทำอะไรกับใครควรบอกกันบ้าง" ชายหนุ่มเริ่มระงับสติอารมณ์ได้เล็กน้อยแต่ก็ยังเคลือบแคล้งใจ
"เหอะจะมาเห็นความสำคัญในวันที่แทบจะไม่เหลือเยื่อใยให้แล้วเนี่ยนะ นายประสาทหรือไง! " เขายิ่งพูดก็เหมือนยิ่งจุดไฟในใจของเธอให้ประทุออกมาแทบจะไม่มีกักเก็บเอาไว้เลย
"เอาเวลาของนายคืนไปเถอะเพราะตอนนี้ไม่มีนายฉันก็อยู่ได้ ถึงจะมีนายอยู่ฉันก็เหมือนอยู่คนเดียวแล้วมันจะต่างอะไรกัน!" เธอระบายออกมาอย่างเหลืออดกับการกระทำของชายหนุ่มที่เหมือนตบหัวแล้วลูบหลังมันยิ่งทำให้เธอสมเพชตัวเองที่ไม่รู้ทนอยู่กับคนแบบนี้มาได้ยังไง
"เธอควรใจเย็นกว่านี้หน่อยสิ" ชายหนุ่มเริ่มอ่อนลงหลังจากที่เกือบปะทุแรงอารมณ์ของตัวเอง
"ใจเย็นเหรอตอนนี้ยังใจเย็นไม่พออีกหรือไง รับไม่ได้ก็เลิกกันไป! " เป็นครั้งแรกที่เธอพูดคำว่าเลิกออกมาเป็นครั้งแรกจริงๆ
สีหน้าตกใจระคนกลัวเริ่มแสดงออกมาจากใบหน้าของชายหนุ่มอย่างเป็นกังวล
"พูดอะไร อ..ออกมารู้ตัวหรือเปล่า" น้ำเสียงสั่นเคืองเล็กน้อยของชายหนุ่มแสดงออกมาอย่างปิดไม่มิด
"หึ เกิดกลัวขึ้นมาหรือไงชีวิตนายยังมีผู้หญิงรอต่อคิวอีกเพียบแค่เลิกกันคงไม่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตนายหรอมั้ง!? " หญิงสาวพูดออกมาอย่างคนเย็นชาทำเอาหัวใจของชายหนุ่มกระตุกวูบอย่างคนเริ่มอยู่ไม่สุข
"ไม่สิเราไม่ควรคุยเรื่องนี้" เขารีบเปลี่ยนประเด็นทันที
"งั้นนายก็ออกไปจากชีวิตฉันชะสิต่างคนต่างอยู่ชีวิตใครชีวิตมัน" หญิงสาวยังคงพูดเพื่อการตัดความสัมพันธ์อันไร้ค่านี้ให้มันจบๆ ลงสักที
"รอเธอใจเย็นกว่านี้ค่อยคุยกันดีไหม" ชายหนุ่มยังคงไม่ยอมจะว่าเขาเห็นแก่ตัวก็ได้แต่เขายังไม่พร้อมคุยเรื่องนี้กับเธอ
"คนอย่างนายนี่มัน..." หญิงสาวชำเลืองตามองหน้าชายหนุ่มเล็กน้อยและไม่พูดอะไรออกมาอีก
"ออกไปได้แล้วฉันจะพักผ่อน" หญิงสาวพูดออกมาด้วยความเหนื่อยล้าจากการแข่งขันยังต้องมาใช้พลังงานในการทะเลาะกันกับชายหนุ่มอีก
"นอนเถอะ" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับสาวเท้าขึ้นบนเตียงไม่ยอมออกจากห้องตามที่หญิงสาวกล่าวไล่เขา เธอแค่มองการกระทำของเขาแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาให้มากความ
ช่วงดึกเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของหญิงสาวทำให้รับรู้ถึงการเข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อย
"เธอพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า" เสียงของชายหนุ่มพูดออกมาเบาๆ พร้อมกับกระซับอ้อมแขนกอดเธอเอาไว้แน่นอย่างคนไม่อยากเสียของรักไป
"....."
"ขอโทษ.." คำพูดเบาๆ ที่เปล่งออกมาแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยินก็ตามตอนนี้ชายหนุ่มกับหลุดอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง
"ให้โอกาสกันอีกสักครั้งได้ไหม.." ชายหนุ่มยังคงอยากพูดคำนี้ต่อหน้าเธอแต่ก็ทำได้แค่เก็บไว้แล้วกระซิบบอกเบาๆ แม้จะรู้ว่าคนที่เข้าสู่ห้วงนิทราจะไม่ได้ยินก็ตามแต่เขาก็ยังอยากได้โอกาสจากเธออีกสักครั้ง แม้ที่ผ่านมาเขาจะทำตัวแย่แค่ไหนเธอก็ยังไม่เคยพูดคำว่าเลิกออกมาเลยสักครั้งจนวันนี้ วันที่เขาพยายามจูนตัวเองเข้าหาเธอหลังจากนอนคิดทบทวนทั้งวัน
แต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นว่าไม่ได้ดังใจเขาไปเสียหมด คนในอ้อมกอดก็ยังคงหลับสนิทไม่มีทีท่าว่าจะตื่นมาฟังเลยสักนิด
"ให้โอกาสกันอีกครั้ง อีกแค่ครั้งเดียว..ยังทันอยู่หรือเปล่า" คำพูดแผ่วเบาผ่านน้ำเสียงขอร้องคนที่นอนอยู่ในอ้อมกอดก็ไม่รับรู้ว่าจะได้ยินในสิ่งที่เขาพูดหรือเปล่าแต่เขาก็ยังอยากจะพูดออกมาสักครั้ง
ช่วงเช้าของวันใหม่
"อื้ออ" เสียงครางงัวเงี่ยเบาๆ ในลำคอของหญิงสาวเนื่องจากความอึดอัดที่เธอได้รับจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม
"ตื่นแล้วเหรอ" น้ำเสียงทุ้มจากคนในอ้อมกอดเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงแหบแห้งที่เหมือนคนยังไม่ได้นอนหรือนอนไม่เต็มอิ่มมากนัก
"ออกไป.." หลังจากที่ได้ยินเสียงของชานหนุ่มของคนที่รัก เธอไม่รอช้าที่จะเอ่ยปากไล่เขาทันทีแบบไม่ต้องคิดสิ่งใดให้เจ็บปวดในใจเหมือนที่เคยผ่านมา
"ไม่ขอกอดอีกสักพักนะ อย่าไล่ได้ไหม" คำพูดของไอซ์แลนด์กลับทำให้เขากอดเธอแน่นขึ้นยิ่งกว่าเดิม
"ฉันอึดอัด" เธอบอกออกมาแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับหรือตอบกลับใดๆ ให้ได้ยินเลยได้แต่นอนให้เขากอด
"..."
"แรนดิ้งค์ฉันอึดอัด" หญิงสาวยังคงพูดออกมาอีกครั้งแต่ก็ไร้เสียงตอบรับของเขาอีกเช่นเคย
"..."
"เดียวเราค่อยคุยกันได้ไหม" แรนดิ้งค์พูดออกมาเพราะเขาคิดมาทั้งคืน วันนี้เขาต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่อง
"เรามีอะไรต้องคุยกันอีกงั้นเหรอทุกอย่างมันเริ่มเปลี่ยนไปช้าๆ จนมันเกินจะเยียวยาแล้วและฉันคิดทบทวนดูแล้วว่าเราควร ละ..." 'เลิกกัน' เธอยังไม่ทันได้พูดออกมาก็ถูกคัดจังหวะการพูดของเขาที่แทรกขึ้นมาเสียก่อน
"ไม่! และฉันก็คิดแล้วเหมือนกันว่าฉันควรคุยกับเธอให้รู้เรื่องแต่เดียวค่อยคุยกันได้ไหม ได้ไหม!?" น้ำเสียงที่เขาพูดออกมามันไม่ใช่ประโยคคำสั่งแต่เป็นเหมือนคำขอร้องมากกว่า
"อื้ม" เธอตอบรับออกไปเบาๆ เพื่อรอคุยกับเขาให้เคลียร์แลัวจบกันไปด้วยดีพอเวลาผ่านไปสักพักกลับมีเพื่อลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่นอนกอดเธออยู่
"แรนดิ้งค์? นายหลับหรอ" เธอเรียกเขาพร้อมกับกล่าวถามออกมาแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับของคนที่กอดเธออยู่มีเพียงลมหายใจที่สม่ำเสมอที่หายใจรดต้นคอของเธอเท่านั้น เมื่อไม่ได้รับเสียงตอบรับเธอก็ไม่กล่าวถามอะไรอีก และพยายามแกะมือของชายหนุ่มออก
"อย่าไป.." น้ำเสียงละเมอของชายหนุ่มหยุดมือของหญิงสาวที่กำลังพยายามแกะมือปลาหมึกของเขาออกต้องหยุดชะงักลง
"อย่าไปจากฉัน..ขอร้อง" เสียงละเมอของชายหนุ่มยังคงพูดออกมาอีกครั้งหญิงสาวก็ได้แค่รับฟังและยังคงมึนงงกับอาการละเมอของชายหนุ่ม
"ละเมอถึงใครอีกเนี่ย!?" เธอพูดออกมาเบาๆ ก่อนจะได้ยินคำพูดที่ละเมอของเขาออกมาอีกครั้ง
"ไอซ์..อย่าไป!" หญิงสาวถึงกับตัวแข็งค้างกับการที่ชายหนุ่มละเมอชื่อของเธอออกมา
"..." ชายหนุ่มรีบลืมตาขึ้นมาทันทีก่อนจะกระซับกอดแน่นขึ้นกว่าเดิม
"ขอบคุณ ขอบคุณที่เธอยังไม่ไปไหน" เขารีบพูดขึ้นมาทันทีที่ตกใจลืมตามองแผ่นหลังของเธออย่างคนที่เริ่มแสดงความรู้สึกที่ไม่เคยได้เห็นบ่อยนัก
"อื้ม" เธอตอบรับเขาเบาๆ ก่อนจะเกิดการตั้งคำถามกับตัวเองภายในใจกับการกระทำของชายหนุ่ม
หลังจากที่ทั้งคู่กอดกันอยู่นานจากภายในห้องนอน ก็ทำการเปลี่ยนที่มานั่งลงบนโซฟาภายในห้องเพื่อที่จะทำการพูดคุยกันให้รู้เรื่องคนหนึ่งต้องการตัดส่วนอีกคนต้องการรั้งไม่รู้ว่าการหันหน้าคุยกันจะส่งผลให้ทุกอย่างดูย่ำแย่หรือว่าดีกว่าเดิมแต่ทั้งคู่ก็เลือกที่จะคุยกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้จะมีการทะเลาะกันแต่มันก็ไม่ถึงขั้นที่รุนแรงหรือทำร้ายร่างกายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
"เรามาปรับความเข้าใจกันก่อนสักหน่อยดีไหม" แรนดิ้งค์เริ่มพูดขึ้นมาก่อนด้วยความกระตือรือร้นที่มากกว่าปกติแถมยังแฝงความกังวลที่อยู่ภายในใจไปด้วย
"ปรับไปก็ไม่เข้าใจหรอกในเมื่อทุกอย่างมันเลยจุดนั้นมาแล้ว จุดที่ความสัมพันธ์ของเราไม่มีใครสามารถอยู่หรือไปต่อได้นายเข้าใจใช่ไหมแรนดิ้งค์" ไอซ์แลนด์พูดออกมาด้วยเหตุผลที่ดูว้าจะเข้าใจง่ายที่สุดระหว่างเราควรพอและจบมันลงตอนนี้หรือความจริงมันควรจบลงไปตั้งนานแล้ว
"ฉันเข้าใจ แต่ช่วยฟังกันอีกหน่อยอยู่ด้วยกันอีกหน่อยไม่ได้เหรอ" ชายหนุ่มอยากจะเข้าไปสวมกอดและฉุดรั้งเธอเอาไว้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้เพียงแต่เป็นแค่ความคิดและความรู้สึกของเขาเท่านั้นที่ไม่ยอมเอ่ยออกมาจากปากเขาเลย ทำได้เพียงพูดขอร้อง
"นายเข้าใจ !? แล้วที่ขอออกมามันคืออะไรกัน มันไม่ใช่การรั้งให้ฉันอยู่กับนายต่อหรอกเหรอแรนดิ้งค์" หญิงสาวพูดออกมาตามความรู้สึกที่ได้รับฟังคำที่ชายหนุ่มพูดออกมา
"ไม่ มันไม่ใช่การรั้งเธอแต่มันคือการขอร้องเธอใหเอยู่ต่ออีกหน่อยได้ไหม" ชายหนุ่มยังคงถามออกมาเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือทำให้เธออยู่กับเขายังไงเขาไม่มีวิธีรับมือกับคนตรงหน้าที่ตอนนี้พร้อมจะเดินจากไปอย่างไม่หันหลังกลับมามองเขาเลยสักนิด
"นายไม่เคยเข้าใจอะไรเลยสักครั้งจริงๆ สินะแรนดิ้งค์ การที่เราคุยกันนายต้องรับฟังเหตุและผลของอีกฝ่ายไม่ใช่เอาแต่คำพูดของตัวเองเป็นที่ตั้งแบบนี้" ไอซ์แลนด์พยายามมากที่จะคุยด้วยเหตุผลเพื่อที่จะทำให้ความสัมพันธ์ครั้งนี้จบลงด้วยดีโดยไม่มีการเกียดชังกันไปมากกว่านี้
"ใครบอกเธอกัน เหตุผลของฉันคือเธอ" ชายหนุ่มรีบท้วงทันทีที่เธอพูดจบเขาจะไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ เพราะตอนนี้เขาพร้อมที่จะให้ใจเธอเพียงคนเดียว
"???" หญิงสาวเงียบไปสักพักก่อนที่จะเอ่ยออกมาอย่างเชื่องช้า
"ดูเหมือนวันนี้เราจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วละแรนดิ้งค์" ไอซ์แลนด์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ฉัน... ฉันขอโอกาส" ชายหนุ่มพูดออกมาทันทีแทบจะไม่ต้องคิดอะไร
"โอกาสของนาย นายเคยได้มันไปแล้ว ไม่ใช่เหรอแล้วตอนนี้ยังจะมาขอโอกาสอะไรอีกฉันไม่มีให้หรอกนะ" หญิงสาวพูดออกมาช้าๆ ในเมื่อเขาเคยได้มันไปแล้วและไม่เคยคิดที่จะรักษาโอกาสอันมีค่านั้นไว้เลยแล้วมันจะต่างอะไรกับการให้โอกาสเขาอีกครั้งมันก็คงจะเป็นแบบเดิมไปเรื่อยๆ
"ฉันต้องทำยังไงบอกฉันสิ บอกฉันหน่อย" แรนดิ้งค์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเคืองดวงตากลมโตเริ่มแดงกล่ำ
"ไม่ยากเลยแรนดิ้งค์ นายแค่ปล่อยฉันไปเราแค่เลิกกันทำได้ใช่ไหมถ้าฉันจะขอร้องนายบ้าง" หญิงสาวพูดออกมาด้วยความปวดหนึบในใจแม้ภายนอกจะดูเหมือนไม่สนใจอะไรแต่ภายในใจกลับเจ็บปวดเมื่อเห็นหยดน้ำตาของชายหนุ่มเธอรีบเบี่ยงหน้าไปทางอื่นเพราะกลัวจะใจอ่อนให้กับชายหนุ่ม
"ไม่ฉันทำไม่ได้ฉันไม่ยอม" แรนดิ้งค์รีบพูดขึ้นมาและพยายามที่จะควบคุมเสียงตัวเองให้อยู่ในโทนเสียงที่ดูปกติ
"อยู่ไปก็ไม่มีใครมีความสุขหรอกนะถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้รัก ฉันเข้าใจความรู้สึกนี้ดีช่วยปล่อยฉันไปได้ไหมในเมื่อเราก็ไม่ได้รักกันตั้งแต่แรกนายไม่ได้รักฉันไม่เคยรักแล้วจะขอร้องหรือรั้งไว้ทำไม สักวันนายคงได้เจอคนที่นายอยากใช้ชีวิตคู่ด้วยจริงๆ นายจะเอาฉันไปไว้ตรงไหนเราควรจบตั้งแต่ตอนนี้ก่อนที่ทุกอย่างมันจะแย่ไปมากกว่านี้ นายว่ามันไม่ดีเหรอ" เธอยังคงหาข้อที่เป็นเหตุเป็นผลกับการจากลาครั้งนี้โดยที่ไม่ทำให้อีกฝ่ายต้องเจ็บปวดแต่กลับเป็นตัวเธอเองที่พยายามฝืนพูดมันออกมาอย่างเจ็บปวดแทน
"แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่เคยรักเธอ ฉันไม่เคยบอกว่าไม่รักเธอเลย มีแต่เธอที่คิดไปคนเดียวและฉันจะไม่ยอมเลิกกับเธอแน่ช่างเหตุผลของเธอสิ" ชายหนุ่มเริ่มระเบิดอารมณ์ความหงุดหงิดออกมาอย่างไม่ยอมรับกับเหตุผลน้ำเน่าของเธอ
"ใช่นายไม่เคยพูดว่าไม่รักฉันนายพูดถูกฉันคิดไปเอง แต่นายก็ไม่เคยที่จะบอกว่ารักฉันเหมือนกันไม่ใช่เหรอ" หญิงสาวรีบพูดท้วงออกมาทันทีเหมือนว่าวันนี้การพูดคุยจะไม่จบลงง่ายๆ อย่างที่เธอคิดเอาไว้
"ฉันไม่อยากเจ็บปวดอีก" เพียงคำพูดสั้นๆ ของหญิงสาวก็ทำให้ชายหนุ่มฉุดคิดได้อีกครั้ง
"เธอจะไม่เจ็บปวดอีกขอแค่เธอยังอยู่ตรงนี้อยู่กับฉัน" ชายหนุ่มรีบพูดขึ้นมาทันที
"ฉันว่าวันนี้เราคงคุยกันไม่รู้เรื่องจริงๆ" เธอพูดออกมาก่อนจะคว้ากระเป๋าบนโต๊ะที่เตรียมไว้เพื่อจะออกไปข้างนอกไปเอารถที่ถูกทิ้งไว้ที่สนามแข่งทั้งคืน แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องหยุดลง
หมับ! ชายหนุ่มรีบคว้าข้อมือของเธอแล้วหมุนตัวเธอกลับเข้ามาสวมกอดเอาไว้แน่น
"อย่าไป...จากฉัน" น้ำเสียงแหบแห้งเพียงเบาๆ ที่ออกมาจากปากชายหนุ่มแต่ก็ทำให้เธอได้ยินมันอย่างชัดเจนเขากลับรั้งเธอในวันที่เธอจะก้าวออกจากชีวิตของเขาแล้วจริงๆ ตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงควรอยู่ต่อหรือเดินออกไปโดยไม่หันหลันกลับมาอีกเลยความสับสนตีฝ่าเส้นเลือดในสมองกระตุกให้ทำงานหนักกว่าเดิม หรือเธอควรจะเอาความรู้สึกเป็นที่ตั้งแทนความคิด