LOGINบทที่ 8
พ่อตา&แม่ยาย
เสียงกดปากกาดัง คลิก ขึ้นมาในห้อง ก่อนที่โทมัสจะเงยหน้าจากเอกสารช้าๆ แววตาคมไร้อารมณ์ตวัดมองไปทางแม่และสายขิม
“แม่…ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องพวกนี้มากนักหรอกครับ” น้ำเสียงเรียบเย็นเอ่ยออกมา “แหวนก็แค่เครื่องประดับ ไม่ได้การันตีอะไรทั้งนั้น”
บรรยากาศในห้องถึงกับชะงัก สายขิมลอบกำมือแน่นพลางฝืนยิ้มไว้ แม้ในใจจะโกรธเคืองกับคำพูดของเขา แต่สีหน้าเธอก็ยังคงอ่อนหวานอย่างคนที่ไม่ยอมให้ใครเห็นความจริงในใจ
“โท พูดอะไรอย่างนั้น” คุณหญิงหันขวับไปตำหนิลูกชายทันที “การแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ สิ่งเล็กๆ น้อยๆ อย่างแหวน มันก็เป็นสัญลักษณ์ที่มีความหมาย”
โทมัสขยับแววตาเพียงเล็กน้อย แต่ท่าทีไม่ต่างไปจากเดิม
“แล้วแต่แม่จะคิดครับ”
คำพูดห้วนๆ ของเขาทำให้ห้องทั้งห้องเงียบกริบ เหลือเพียงเสียงนาฬิกาบนผนังที่เดินไปอย่างช้าๆ กดทับความอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
สายขิมรีบเอื้อมไปแตะแขนแม่โทมัสเบาๆ พร้อมส่งรอยยิ้มกลบเกลื่อน
“คุณแม่อย่าเพิ่งโกรธเลยค่ะ บางทีพี่โทมัสอาจจะเหนื่อยจากงานก็ได้…ขิมใส่แหวนนี้เพราะมันสำคัญกับขิมค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ”
คำพูดอ่อนโยนของเธอเปรียบเสมือนสายลมบางๆ ที่ช่วยคลายความตึงเครียด แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยร่องรอยหนาวเย็นที่โทมัสทิ้งไว้ไม่ต่างจากคมมีด
หลังจากพูดคุยกันได้ไม่นาน แม่ของโทมัสก็ขอตัวกลับเพราะท่านมีธุระต่อ สายขิมเดินไปส่งแม่เข้าลิฟต์เสร็จเธอก็รีบก้าวเดินไปหาโทมัสในห้องทำงาน
เขาเงยหน้ามองเธอด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พร้อมยกแขนขึ้นกอดอก
“ทำไม หงุดหงิดมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ถ้าคุณกวนประสาทอีก ฉันจะปั่นหัวคุณจนต้องร้องขอชีวิตเลยคอยดู”
“ก็ถนัดอยู่แล้วนี่ ทุกวันนี้ฉันยังคิดว่าเธอปั่นประสาทฉันอยู่นะ”
“โทมัส!”
“ขิม ใจเย็นก่อนสิ”
“คอยดู ว่าใครจะแน่กว่ากัน” สายขิมหันกลับไปคว้ากระเป๋าจากมือจุ๊บแจงแล้วหันหลังเดินออกไปด้วยความหงุดหงิด
คุณเดี่ยวก้าวเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสารในมือ เขาวางลงบนโต๊ะเรียบหรู ก่อนจะเหลือบสายตาไปยังประตูที่เพิ่งปิดลง ราวกับสงสัยในสิ่งที่ได้เห็น
“เรื่องคอนโดใหม่ ไปถึงไหนแล้ว อ้นรายงานมาหรือยัง” โทมัสถามเสียงเรียบโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากงานตรงหน้า
“อ้นกำลังให้คนขนเฟอร์นิเจอร์เข้าไปครับ แล้วก็รายงานว่าคุณขิมเข้าไปดูความเรียบร้อยเอง และมีการขอปรับเพิ่มหลายอย่าง ต้องการให้เสร็จก่อนอาทิตย์หน้า”
ปลายนิ้วของโทมัสหยุดเคลื่อนไหวเล็กน้อย ก่อนเอ่ยสั้นๆ โดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
“เธอขอเพิ่มอะไร”
“สักครู่นะครับ” คุณเดี่ยวรีบเปิดโทรศัพท์เช็กข้อมูลแล้วเลื่อนส่งให้เจ้านายดู “ส่วนใหญ่เป็นห้องนอน สระว่ายน้ำ แล้วก็รายละเอียดที่เหมาะกับผู้หญิงครับ”
ชายหนุ่มเหลือบตามองข้อมูลไม่กี่วินาที ก่อนส่งโทรศัพท์คืนด้วยท่าทีไร้ความสนใจ “อืม” เสียงตอบรับแผ่วต่ำ ไร้ความหมายเกินกว่าการรับรู้
คุณเดี่ยวจึงเปลี่ยนเรื่องรายงานต่อ
“แล้วทางคุณพ่อคุณแม่ของคุณสายขิม ฝากเชิญนายไปทานข้าวที่บ้านครับ ติดต่อมาตั้งแต่เช้า แต่เหมือนติดต่อหานายไม่ได้ รวมถึงคุณสายขิมด้วย”
โทมัสเงียบไปชั่วอึดใจ สายตาหลุบกลับไปยังตัวหนังสือในแฟ้มราวกับเรื่องที่ได้ยินไม่สำคัญนัก ก่อนเปล่งเสียงแผ่วทุ้มออกมาอย่างเย็นชา
“อืม…เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
คุณเดี่ยวก้มศีรษะรับคำสั่ง
“ครับนาย”
บรรยากาศในห้องกลับสู่ความเงียบงันอีกครั้ง เหลือเพียงเสียงพลิกหน้ากระดาษที่ดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เหมือนหัวใจของชายหนุ่มที่ไม่เคยสั่นไหวต่อสิ่งรอบตัว
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
ภายในห้องทำงาน เสียงพลิกหน้ากระดาษยังดังแผ่วสม่ำเสมอ โทมัสก้มหน้าลงอ่านเอกสารโดยไม่สนใจสิ่งใดรอบกาย ราวกับทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับสายขิมเป็นเพียงหน้าที่มากกว่าความผูกพัน
ไม่นานนัก เสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้น คุณเดี่ยวกลับเข้ามาพร้อมรายงานเสริม
“นายครับ คุณผู้หญิงฝากย้ำมาอีกที อยากให้นายไปทานข้าวกับทางครอบครัวคุณสายขิมให้ได้”
โทมัสไม่ตอบทันที เพียงยกมือขึ้นกดขมับราวกับรำคาญ ก่อนเปรยเสียงเรียบเย็น
“บอกสายขิมให้เป็นคนประสาน ฉันไม่ว่างเสียเวลามากขนาด”
“ครับนาย” คุณเดี่ยวก้มศีรษะ ก่อนถอยออกจากห้องอย่างเงียบเชียบ
ด้านสายขิม เธอกำลังนั่งอยู่กับจุ๊บแจงในห้องรับแขกของคอนโดฯ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพร้อมชื่อคุณเดี่ยวปรากฏบนหน้าจอ
“ว่าไงคะคุณเดี่ยว” เธอกรอกเสียงลงไปด้วยท่าทีสงบ
(คุณสายขิมครับ เรื่องทานข้าวกับทางครอบครัว ทางนายให้คุณเป็นคนจัดการ นัดเวลาแล้วบอกนายทีหลัง)
“อ๋อ…” สายขิมเงียบไปเพียงครู่เดียว ก่อนยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ราวกับเข้าใจดีว่าผู้ชายเย็นชาแบบโทมัสไม่มีวันใส่ใจเรื่องเช่นนี้ “ได้ค่ะ เดี๋ยวขิมจัดการเอง” เธอกดวางสายแล้วเอนหลังพิงโซฟา ถอนหายใจยาวพร้อมพูดกับเพื่อนเสียงขื่นขัน “เห็นไหม…แต่งงานครั้งนี้ฉันก็เหมือนเลขาส่วนตัวเขาเท่านั้นเอง”
จุ๊บแจงหันมามองเพื่อนสนิทด้วยสายตาสงสารปนกังวล
“แล้วแบบนี้แกจะอยู่กันยังไงวะ อีกคนเย็นเป็นน้ำแข็ง อีกคนก็…” จุ๊บแจงถอนหายใจเบาๆ แทนการพูด
สายขิมหัวเราะแผ่ว แต่แฝงความขมขื่นอยู่ในรอยยิ้ม
“ก็อยู่กันไปแบบที่ตกลงไง…ในนามเท่านั้น”
“แล้วนี่พ่อแม่แกนึกยังไงอยากกินข้าวกับพี่โทมัส”
“นั่นสิ สงสัยโทรหาฉันไม่ติดมั้ง” สายขิมไม่คิดเปิดดูข้อความที่แม่ส่งมา เธอเพียงลุกขึ้นเดินไปที่ห้องแต่งตัสแล้วเลือกชุดที่จะใส่ไปกินข้าวที่บ้าน
19:30 น.
รถหรูแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านสองชั้นสไตล์อบอุ่นของครอบครัวสายขิม ไฟในบ้านสว่างไสวต้อนรับแขกตั้งแต่ยังไม่ก้าวเท้าเข้าไป โทมัสเปิดประตูรถให้หญิงสาวด้วยท่าทางเรียบนิ่งแต่เปี่ยมด้วยมาดที่คนภายนอกคงมองว่าใส่ใจ
“ลูกขิมมาแล้ว” เสียงแม่ดังลอดออกมาจากในบ้าน เมื่อเห็นว่ามีชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทเดินเคียงมากับลูกสาว หญิงวัยกลางคนก็แทบยิ้มไม่หุบ
โทมัสเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงสุภาพเรียบ
“สวัสดีครับคุณแม่ สวัสดีครับคุณพ่อ” ก่อนจะโน้มตัวเล็กน้อยเหมือนลูกเขยที่เคารพครอบครัวฝ่ายภรรยา
สายขิมเหลือบตามองเขาเล็กน้อย ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาด เย็นชากับเธอตลอดเวลา แต่พออยู่ต่อหน้าคนอื่นกลับสวมบทสามีผู้แสนดีได้อย่างแนบเนียน
ระหว่างมื้ออาหาร โทมัสคอยตักกับข้าวใส่จานเธอเป็นระยะ เอ่ยถามเล็กๆ น้อยๆ ว่าอยากทานอะไรเพิ่มหรือเปล่า สายตาของพ่อแม่ที่นั่งฝั่งตรงข้ามเต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม
“โทมัสเอาใจลูกสาวเราดีนะ” พ่อเอ่ยยิ้มๆ
“ครับ ผมอยากให้ขิมสบายใจเสมอ” โทมัสตอบโดยไม่แม้แต่จะหันมามองหญิงสาวข้างกาย ราวกับประโยคเหล่านั้นถูกท่องจำมา
สายขิมได้ยินแล้วถึงกับหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้พ่อแม่สังเกตเห็นสีหน้าที่แท้จริง
จนกระทั่งเมื่อได้จังหวะออกมาที่ระเบียงหลังบ้าน เธอก็เอ่ยกับเขาด้วยเสียงแผ่ว แต่เต็มไปด้วยการเสียดสี
“แกล้งทำเป็นรักต่อหน้าคนอื่น ดูพยายามดีนะ”
ดวงตาคมหันมาสบเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะปรายมองออกไปในความมืดราวกับไม่แยแสต่อคำพูดนั้น แต่ริมฝีปากกลับกระตุกขึ้นน้อยๆ คล้ายยิ้มที่ไม่เต็มใจ
“ก็ดูพยายามเหมือนกันไม่ใช่หรือไง น่าสมเพชดี”
ตอนพิเศษ 4 จบผ่านมาอีกหลายนาทีบทรักเร่าร้อนยังไม่จบเพียงเท่านั้น โทมัสอุ้มสายขิมมานั่งริมสระว่ายน้ำ เธอนั่งคร่อมตักเขา กำลังเคลื่อนไหวร่างกายอย่างพลิ้วไหวภายใต้แสงแดดร่ำไรในช่วงบ่าย“อ๊า ขิม…ทำแบบนี้พี่ก็เสร็จก่อนสิ”“นานๆ ทีนะ” โทมัสกระซิบบอก ความเสียวซ่านที่ได้รับพลุ่งพล่านไปทั่วร่าง ภายในหญิงสาวตอดรัดเบาๆ บ่งบอกถึงความเสียวซ่านอย่างหนักเสียงครางระงมดังขึ้นเบาๆ กับจังหวะรักเร่าร้อนของทั้งสองโทมัสจูบเนินอกอวบเบาๆ พลางบีบขยำบั้นท้ายของสายขิม“พี่ชอบนะ”“ชอบ…อ๊ะ อ๊า~ ชอบแบบไหน”“ชอบแบบนี้ แบบที่เราเป็น”ร่างเล็กอมยิ้มจนตาหยี แล้วโน้มหน้าลงจูบหน้าผากเขาเบาๆ“ขิมก็ชอบเหมือนกัน”“หึหึ”ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงสายขิมนอนหอบหายใจถี่อยู่ในอ้อมแขนของคนรัก ร่างกายทั้งสองยังเปลือยเปล่า และแสงของวันก็กำลังลับขอบฟ้า“พี่ทำนานเกินไปแล้วนะเนี่ย”“วันนี้อิ่มแล้ว เอาไว้ต่อพรุ่งนี้แล้วกัน”สายขิมตีแขนเขาเบาๆ แล้วเกยคางกับอกแกร่ง“อิ่มเรื่องนี้ แต่ท้องขิมยังว่างนะคะ หิวด้วย”“พี่สั่งอาหารมาให้แล้ว อีกเดี๋ยวพนักงานคงเอามาให้”“รู้ใจจริงๆ”“เมียใช้แรงเยอะ พี่ต้องเอาใจหน่อย”โทมัสหัวเราะเบาๆ พลางยกมือขึ้น
ตอนพิเศษ 3 NC“เดี๋ยวก่อนคุณพ่อ เราเพิ่งมาถึงนะคะ ไม่ไปเที่ยวก่อนแน่นะ”“เที่ยววันไหนก็ได้ เรามาตั้งห้าวัน”“แต่จะ…ทำตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเลยเหรอ”“เรามีเวลาว่างทั้งห้าวัน จะออกไปเที่ยวตอนไหนก็ได้ หรือ…จะอยู่แต่ในห้องก็ยังได้เลย” เสียงเขากระเส่ามากแล้วโทมัสก็พาสายขิมเดินไปที่เตียงนอน “เรามายั่วให้พี่อยากเองนะ”“แล้วอยากไหม”“ไม่อยากได้ไง แข็งแล้วเนี่ย จะดูไหม”“บ้า! พูดอะไรเนี่ยพี่โท”“พูดบ้าอะไร พูดตรงๆ กับเมียผิดตรงไหนล่ะ แต่พี่ว่าเราอย่าหาเรื่องคุยให้เสียเวลาเลยดีกว่า” ชายหนุ่มดันตัวคนตัวเล็กไปที่เตียงนอน ขณะที่มือข้างหนึ่งไล่ปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ดจนเม็ดสุดท้ายหลุดออกจากรังดุม “ต้องให้พี่ป้องกันไหม”“ป้องกันเถอะ ตอนนี้ขิมยังไม่พร้อมเลี้ยงเบบี๋อีกค่ะ รอให้พัตเตอร์โตกว่านี้ก่อน เราค่อยวางแผนกันอีกทีนะ”“ได้ พี่ก็เตรียมพร้อมมาพอดี”“ทำไมรู้ว่าต้องเตรียม?”“หึหึ สายตาเราฟ้องขนาดนั้น พี่ก็ต้องเตรียมตัวบ้างสิ” เขาพูดขณะหันไปหยิบซองถึงยางอนามัยในกระเป๋าเสื้อผ้า แล้วโยนมันลงบนเตียงโทมัสถอดเสื้อออก แล้วปลดเข็มขัดออกจากเอวสอบ“แอบไปฟิตหุ่นมาไหม ทำไมดูแข็งแรงขึ้น”“ก็ต้องมีบ้างสิ เดี๋ยวเมียจ
ตอนพิเศษ 2สองชั่วโมงต่อมาโทมัสกับสายขิมนั่งรถมาถึงพลูวิลลาจังหวัดพังงา บรรยากาศเย็นสบายชุ่มฉ่ำเพราะฝนเพิ่งหยุดตก“รู้ได้ยังไงว่าขิมชอบที่นี่”“พี่ทักไปถาทจุ๊บแจง เห็นว่าเราเคยมาที่นี่สมัยเรียนมหา'ลัย แล้วเราก็บ่นบ่อยๆ ว่าอยากใส่ชุดว่ายน้ำ”“อ๋า…แบบนี้นี่เอง ขอบคุณนะคะ”“เข้าที่พักเถอะ”พนักงานเดินมาเข็นกระเป๋าและเดินนำทั้งสองไปยังห้องพักที่จองเอาไว้ ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัว มีทั้งสระว่ายน้ำที่มองวิวได้สามร้อยหกสิบองศา“สวยเหมือนเดิมเลย ค่าพักต่อคืนแพงหน่อย แต่คุ้ม”“แพงก็จ่ายไหว ว่าแต่เมียชอบ”“แหม ปากหวานเชียว”“พี่มีของจะให้ขิมด้วย” โทมัสเดินไปเปิดกระเป๋าแล้วหยิบกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ สีดำออกมาจากยื่นให้เธอ “จะให้นานแล้วล่ะ แต่มัวยุ่งอยู่กับพัตเตอร์ ก็เลยไม่ได้ให้สักที”“อะไรคะ?”“เปิดดูสิ”สายขิมยิ้มบางๆ แล้วเปิดกล่องนั้นอย่างระวัง เธอยิ้มหวานเมื่อรู้ว่าของข้างในคือบัตรแบล็คการ์ดไม่จำกัดวงเงิิน“ให้ทำไมเนี่ย ขิมไม่ได้ใช้บ่อยขนาดนั้น”“พี่กลัวเราเครียดเรื่องเลี้ยงลูกอยู่บ้าน เผื่อเราอย่กชอปปิงออนไลน์บ้าง”“เป็นสามีที่เอาใจเก่งมากๆ” เธอวางกล่องลงแล้วลุกขึ้นไปหาเขา สองแขนโอบรอบคอเขาหลวม
ตอนพิเศษ 1หลายเดือนต่อมาเสียงอ้อแอ้ของพัตเตอร์ดังมาจากห้องนั่งเล่น ขณะที่เขากำลังเล่นกับพ่อหลังจากตื่นนอนช่วงบ่ายสายขิมถือถ้วยข้าวบดที่เตรียมจะป้อนลูกเดินมานั่งลงบนโซฟา มองโทมัสหยอกล้อลูกชายก็พลอยได้ยิ้มตามเขา“ป้อนข้าวลูกไหม หรือพี่จะให้ขิมป้อน?”“พี่ป้อนเองดีกว่า เราจะได้มีเวลาพัก”“เอางั้นก็ได้ แล้วก็เรื่องจะไปเที่ยวน่ะค่ะ ขิมคุยกับแม่แล้วนะ แม่จะมาอยู่ที่นี่ แม่อาสาจะดูพัตเตอร์เอง”“หืม? เราไม่พาลูกไปด้วยเหรอ”“ขิมอยากพาไปนะ แต่แม่บอกว่าให้เราสองคนมีเวลาอยู่ด้วยกันบ้าง”“อืม…เดี๋ยวพี่คุยกับพี่เลี้ยงพัตเตอร์อีกทีหนึ่ง ให้เขาดูพัตเตอร์ช่วยแม่ด้วย จะได้ไม่เหนื่อยมาก”“ค่ะ”เย็นวันนั้นโทมัสอุ้มพัตเตอร์เดินเล่นอยู่ริมสระว่ายน้ำ เด็กน้อยตัวจ้ำม่ำดีดขาไปมาเบาๆ เพียงแค่ดองลีลาวดีร่วงลงตรงหน้า“ดิ้นใหญ่เลยลูก แค่ดอกไม้ครับ” เสียงสองพ่อลูกพูดคุยกันดังเข้ามาในห้องนั่งเล่นสายขิมที่นั่งพักอยู่จนต้องละสายตาจากโทรศัพท์แล้วหันมองไปยังพ่อลูก“ร้อนไหมคะนั่น กลับมานั่งเล่นในห้องดีไหม”“อากาศดี ให้ถูกลมถูกแดดบ้าง เดี๋ยวป่วยบ่อย”“ไปฟังใครพูดมาเนี่ย”“ก็พ่อๆ ในกลุ่ม”“หะ? อะไรนะคะ”“อืม…ก็ตามที่เ
บทที่ 50บทส่งท้ายหลายเดือนต่อมาอากาศในเมืองอบอ้าวเล็กน้อย แสงแดดลอดผ่านม่านบางๆ เข้ามาในห้องนอน สะท้อนกับแหวนแต่งงานที่ยังอยู่บนนิ้วของสายขิม เธอนั่งพิงหมอนใบใหญ่ มือข้างหนึ่งวางบนหน้าท้องกลมโตที่ขยับเบาๆ เป็นระยะโทมัสเพิ่งกลับจากเตรียมของในห้องนั่งเล่น เขามีกระเป๋าใบหนึ่งที่จัดไว้เรียบร้อย เสื้อผ้า ผ้าห่ม เอกสาร และของใช้เด็กอ่อนครบทุกอย่าง เขาเผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็นเธอกำลังลูบท้องเบาๆ พลางพูดกับลูกในท้อง“อีกนิดเดียวนะครับลูก…อีกนิดเดียวเราก็จะได้เจอกันแล้ว”“พูดกับลูกเหรอ” เขาถามพลางเดินเข้ามาสายขิมหันมายิ้ม“ก็ต้องพูดสิ เขาเริ่มดื้อแล้วนะ ดิ้นทั้งคืนเลย”“สงสัยจะอยากออกมาเร็วๆ เหมือนพ่อ”“อย่ามาโยนความซนให้ลูกเลย คนที่ชอบวุ่นวายคือพี่นั่นแหละ” เธอหัวเราะเบาๆ แต่ก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกถึงแรงบีบรัดที่หน้าท้อง“โอ๊ย…”โทมัสรีบเข้ามาพยุงทันที“ขิม เป็นอะไร เจ็บเหรอ”“เหมือนจะปวด…แต่ยังไม่ถี่นะ คงแค่เตือน” เธอตอบพลางหายใจลึกๆ “พี่อย่าเพิ่งตกใจสิ”“พี่ไม่ได้ตกใจ แค่…แค่กลัวจะไม่ทัน” เขาหัวเราะแห้งๆ แต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความกังวลสายขิมจับมือเขาไว้แน่น“ใจเย็นหน่อยค่ะคุณพ่อมือให
บทที่ 49ครอบครัวสองเดือนต่อมาเวลา 21:20 น.ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นใหม่ดำเนินไปอย่างราบรื่น โทมัสเตรียมของบางอย่างไว้ให้สายขิม ขณะที่เธอกำลังนั่งเล่นอยู่ริมสระว่ายน้ำ“ง่วงหรือยัง” เขาถามขึ้นพลางเดินเข้ามาใกล้“ยังเลย ขิมกำลังดูน้ำในสระอยู่… อยากลงไปเล่น แต่กลัวใส่ชุดว่ายน้ำแล้วไม่สวย”“ทำไมล่ะ”“ก็พุงออกขนาดนี้น่ะสิ ใส่ชุดว่ายน้ำมันต้องหุ่นเพรียวๆ เซ็กซีๆ หน่อยสิ”“หึ เอาไว้หลังคลอดแล้วค่อยเข้าคอร์สฟิตหุ่นก็ได้”“แน่นอนอยู่แล้ว” เธอยิ้มบางๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขา “แล้วพี่ล่ะ ไม่ง่วงเหรอ มานั่งเฝ้าขิมทุกคืนแบบนี้ ไม่เหนื่อยหรือไง”“ไม่เหนื่อย พี่อยากทำเอง”“อืม…”เขาวางแก้วนมอุ่นๆ ลงบนโต๊ะข้างตัวเธอ แล้วนั่งลงเคียงกัน“พรุ่งนี้เราไปหาพ่อกับแม่พี่กันไหม ท่านถามถึงขิมทุกวันเลย”สายขิมนิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนตอบเสียงแผ่ว“ขิมไม่อยากออกไปไหน กลัวเป็นข่าว…” แต่พอเห็นแววตาอ้อนปนอบอุ่นของเขา เธอก็ถอนหายใจเบาๆ “ก็ได้ ขิมจะไป แล้วจะแวะหาพ่อกับแม่ด้วย”“ถ้าไม่อยากไป ไม่ต้องฝืนก็ได้ พี่ไม่บังคับนะ”“ไม่ได้ไปเพราะถูกบังคับหรอก แต่อยากไปจริงๆ ตั้งแต่กลับมาอยู่คอนโดก็ยังไม่ได้ไปหาท่านเลย ไปเยี่ยมท่







