Mag-log inบทที่ 9
ลูกเขย No.1
มื้อค่ำดำเนินไปอย่างอบอุ่น พ่อแม่ของสายขิมแทบจะไม่ปล่อยให้โทมัสวางช้อนหลังจากทั้งสองกลับเข้ามานั่งในโต๊ะอาหาร ทั้งคู่คอยถามไถ่ พูดคุย หัวเราะเสียงดังอย่างชื่นชม
“โทมัสนี่ทั้งเก่ง ทั้งสุขุม เหมาะสมจริงๆ” พ่อเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงภูมิใจสุดๆ
“ใช่ค่ะ ตั้งแต่แต่งเข้าบ้านมา แม่ยังไม่เห็นข้อเสียเลยสักอย่าง” แม่เสริมพลางยกแก้วน้ำให้ชายหนุ่ม
“ขอบคุณครับ ผมยินดีที่ได้ดูแลขิมครับ” โทมัสตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ สุภาพเกินกว่าปกติที่เธอคุ้นเคย
สายขิมที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ ต้องกลั้นหัวเราะหยันในลำคอ เขาเก่งเหลือเกิน…เก่งในการใส่หน้ากาก ต่อหน้าเธอเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง แต่พออยู่ต่อหน้าพ่อแม่ กลับสวมบทลูกเขยในอุดมคติที่ใครๆ ก็ต้องรัก
“พ่อว่า…โทมัสเป็นลูกเขยโนหนึ่งเลยนะ” พ่อยิ้มกว้าง หันไปมองลูกสาวด้วยสายตาเปี่ยมความหมาย
แม่ก็หัวเราะคล้อยตาม
“ใช่จ้ะ ขิมโชคดีมากจริงๆ”
คำพูดเหล่านั้นยิ่งทำให้สายขิมอยากกลอกตาแรงๆ แต่ก็ทำได้เพียงฝืนยิ้มหวานรับไป เพราะไม่อยากให้พ่อแม่ผิดหวัง เธอหันไปมองโทมัสที่นั่งนิ่งสงบ จังหวะที่ดวงตาคมหันมาประสาน เธอเห็นแววเย็นชาเจืออยู่ใต้รอยยิ้มสุภาพนั่นเต็มๆ
สายขิมกัดริมฝีปากตัวเองเล็กน้อย รู้สึกหมั่นไส้จนแทบอยากสะกิดบอกพ่อแม่ว่า
‘ลองมาอยู่ด้วยจริงๆ สิ แล้วจะรู้ว่าลูกเขย No.1 ของพ่อแม่น่ะ ตัวตนจริงๆ เย็นชาขนาดไหน’
หลังจากทานข้าวเสร็จ ทั้งสองก็ขอตัวกลับเพราะโทมัสอ้างว่ามีงานต้องจัดการต่อ
รถหรูแล่นออกจากบ้านพ่อแม่สายขิม ท่ามกลางความเงียบงันที่แผ่ปกคลุมภายในห้องโดยสาร มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ดังสม่ำเสมอเท่านั้นที่ตัดความอึดอัดนี้ออกเป็นช่วงๆ
สายขิมนั่งพิงเบาะ มองไฟถนนที่ผ่านไปทีละดวงด้วยหัวใจที่ขุ่นมัวเต็มที ก่อนจะหลุดเสียงหัวเราะหยันออกมาเบาๆ
“ลูกเขยNo.1 เล่นได้เก่งจังนะคะ”
โทมัสหรี่ตาลงเล็กน้อย มือใหญ่ยังคงจับพวงมาลัยมั่นโดยไม่เหลียวมองเธอ
“แล้วไม่ชอบหรือไง ที่พ่อแม่เธอภูมิใจ”
“หึ” สายขิมหัวเราะเบาๆ พลางส่ายหน้า “หน้าฉันบอกเหรอว่าชอบ ฉันนั่งข้างๆ เลยรู้ไง ว่าสามีแสนดีคนนี้มันก็แค่ละครฉากหนึ่ง”
โทมัสเลิกคิ้วเล็กน้อย ริมฝีปากเหยียดยิ้มเย็น
“แล้วเธอไม่เล่นละครอยู่เหรอ วันนี้ยิ้มหวานอะไรนักหนา หรือมีแค่หน้ากากใบเดียว”
สายขิมสะอึกเล็กน้อย แต่รีบตีหน้านิ่งตอบกลับทันที
“ใช่ ฉันก็แสดง…แต่ต่างกันตรงที่ฉันไม่ได้ทำให้ใครหลงเชื่อว่าตัวเองเป็นคนดีทั้งที่ไม่ใช่”
รถยังคงแล่นต่อไปในความมืด แต่บรรยากาศภายในกลับหนาวเหน็บราวกับไร้ซึ่งอากาศหายใจ ทั้งสองต่างรู้ดีว่าคำพูดของอีกฝ่ายคือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้
บรรยากาศในรถถูกกลืนกินด้วยความเงียบอันหนักอึ้ง ไฟถนนทอดเงาสลับวูบวาบเข้ามาในห้องโดยสาร สะท้อนเสี้ยวหน้าคมของโทมัสที่ยังคงเรียบเฉยไม่เปลี่ยน ราวกับคำพูดเสียดแทงเมื่อครู่ไม่กระทบเขาเลยสักนิด
สายขิมขยับกอดอก มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างหัวเสีย ความหมั่นไส้ที่คุกรุ่นในอกยิ่งพอกพูนขึ้นทุกวินาที เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“จริงๆ นะ ถ้าไม่ติดว่าพ่อแม่ฉันเชื่อในละครของคุณ ฉันคงไม่เสียเวลานั่งอยู่ตรงนี้หรอก”
โทมัสเลิกคิ้วเล็กน้อย มือยังคงประคองพวงมาลัยมั่นไม่หวั่นไหว น้ำเสียงทุ้มเรียบถูกเปล่งออกมาอย่างเย็นชา
“งั้นก็ดี…จำไว้ว่าเธอเลือกเอง ว่าอยากอยู่ในละครเรื่องนี้”
คำตอบสั้นๆ แต่เฉียบคมเหมือนคมมีดกรีดลึกลงไปในความรู้สึกของสายขิมจนเธอเผลอกำมือแน่น รอยยิ้มบางผุดขึ้นที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มที่ไม่ใช่เพราะความสุข แต่เพราะไม่อยากแสดงให้เขาเห็นว่าเธอโกรธราวกับโดนลากไปตบกลางสี่แยกไฟแดง
หลังจากนั้นไม่มีใครพูดอะไรอีก รถทั้งคันตกอยู่ในความเงียบและความกดดันราวกับกำลังขับฝ่าอากาศหนาวเหน็บไปสู่ที่หมาย
จนเมื่อรถเลี้ยวเข้าสู่โครงการคอนโดของสายขิม เสียงเบรกเบาๆ ดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าความเงียบชวนอึดอัดนี้สิ้นสุดลงเพียงชั่วคราว แต่ไม่ได้คลายลงแม้แต่น้อย
“พรุ่งนี้ไม่ว่าง ไม่ว่าจะไปไหน ทำอะไรฉันก็ไม่ว่าง ไม่ต้องทักบอกให้ไปไหน เข้าใจนะ” พูดจบเธอก็ปิดประตูรถแล้วเดินออกไป ทว่าโทมัสกลับบีบแตรเสียงดัง ทำเอาร่างบางสะดุ้งโหยงอุทานคำหยาบออกมา “อะไร!!”
โทมัสลดกระจกลงครึ่งหนึ่ง
“งั้นเธอก็เลือกเอาเองแล้วกัน ว่าจะไปนั่งตอบคำถามทีหลัง หรือไปนั่งปั้นหน้ายิ้มเฉยๆ”
“ฉันตัดสินใจเองได้ ไม่ต้องหาข้ออ้างไร้สาระมาพูด”
เสียงหัวเราะแผ่วต่ำดังลอดออกมาจากริมฝีปากโทมัส เป็นเสียงหัวเราะที่ไม่แม้แต่จะเข้าถึงดวงตาคมเย็นคู่นั้น
“แน่ใจเหรอว่านั่นคือการตัดสินใจของเธอจริงๆ…” เขาทอดเสียงเรียบแต่กดดัน น้ำเสียงที่ไม่ดังมากนัก ทว่ามีแรงกดทับหนักหน่วงพอจะทำให้สายขิมกัดฟันกรอด
เธอหันหลังกลับไปมองเขา แววตาขุ่นเคืองเจือแววท้าทาย
“ใช่สิ ฉันมีสมองพอจะคิดเอง”
โทมัสเลิกคิ้วช้าๆ มุมปากคลี่เป็นรอยยิ้มบางที่ชวนให้ขนลุกมากกว่าชวนให้ใจเต้น
“ก็ดี…เพราะถ้าเธอเลือกผิด ฉันจะไม่ยื่นมือไปช่วย”
คำพูดนั้นเหมือนประโยคข่มขู่แฝงกลายๆ ก่อนที่เขาจะยกมือหมุนพวงมาลัย รถหรูเคลื่อนตัวออกไปอย่างใจเย็น ทิ้งให้ร่างบางยืนกำมือแน่นมองตามด้วยความโมโหปนสับสน
ไฟท้ายรถคันนั้นค่อยๆ ห่างออกไปทุกที ในอกของสายขิมร้อนรุ่มด้วยความรู้สึกที่ตีกันไปมา ทั้งโกรธ หมั่นไส้ และลึกๆ ยังมีบางอย่างที่เธอไม่กล้ายอมรับว่าคืออะไร
พอขึ้นมาถึงห้องพัก เธอกลับชะงักเพราะเห็นกล่องสีขาววางอยู่หน้าห้อง ร่างบางตัวแข็งทื่อ ทั้งระแวงว่ามีใครแอบปองร้าย ทั้งอยากรู้ว่ากล่องใบนี้มาจากไหน ท้ายที่สุดก็ทนความอยากรู้ไม่ไหว เธอจึงใช้เท้าเขี่ยเบาๆ ก่อน ค่อยเดินเข้าไปใกล้แล้วดันกล่องใบนั้นเข้าห้องพักไป
“ใครส่งอะไรมาล่ะเนี่ย” หญิงสาวรวบกระโปรงแล้วนั่งขัดสมาธิลงกับพรมในห้องนั่งเล่น กล่องไม่มีชื่อคนส่ง และไม่มีอะไรบอกเลยว่าข้างในเป็นอะไร สายขิมค่อยๆ เปิดฝากล่องช้าๆ แล้วชะโงกหน้ามอง “กรี๊ด!!!” เท้าเล็กถีบกล่องล้มลง ส่งผลให้ของด้านในกลิ้งออกมา และสายขิมก็กรีดร้องอีกครั้งด้วยความตกใจและความกลัว
ตอนพิเศษ 4 จบผ่านมาอีกหลายนาทีบทรักเร่าร้อนยังไม่จบเพียงเท่านั้น โทมัสอุ้มสายขิมมานั่งริมสระว่ายน้ำ เธอนั่งคร่อมตักเขา กำลังเคลื่อนไหวร่างกายอย่างพลิ้วไหวภายใต้แสงแดดร่ำไรในช่วงบ่าย“อ๊า ขิม…ทำแบบนี้พี่ก็เสร็จก่อนสิ”“นานๆ ทีนะ” โทมัสกระซิบบอก ความเสียวซ่านที่ได้รับพลุ่งพล่านไปทั่วร่าง ภายในหญิงสาวตอดรัดเบาๆ บ่งบอกถึงความเสียวซ่านอย่างหนักเสียงครางระงมดังขึ้นเบาๆ กับจังหวะรักเร่าร้อนของทั้งสองโทมัสจูบเนินอกอวบเบาๆ พลางบีบขยำบั้นท้ายของสายขิม“พี่ชอบนะ”“ชอบ…อ๊ะ อ๊า~ ชอบแบบไหน”“ชอบแบบนี้ แบบที่เราเป็น”ร่างเล็กอมยิ้มจนตาหยี แล้วโน้มหน้าลงจูบหน้าผากเขาเบาๆ“ขิมก็ชอบเหมือนกัน”“หึหึ”ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงสายขิมนอนหอบหายใจถี่อยู่ในอ้อมแขนของคนรัก ร่างกายทั้งสองยังเปลือยเปล่า และแสงของวันก็กำลังลับขอบฟ้า“พี่ทำนานเกินไปแล้วนะเนี่ย”“วันนี้อิ่มแล้ว เอาไว้ต่อพรุ่งนี้แล้วกัน”สายขิมตีแขนเขาเบาๆ แล้วเกยคางกับอกแกร่ง“อิ่มเรื่องนี้ แต่ท้องขิมยังว่างนะคะ หิวด้วย”“พี่สั่งอาหารมาให้แล้ว อีกเดี๋ยวพนักงานคงเอามาให้”“รู้ใจจริงๆ”“เมียใช้แรงเยอะ พี่ต้องเอาใจหน่อย”โทมัสหัวเราะเบาๆ พลางยกมือขึ้น
ตอนพิเศษ 3 NC“เดี๋ยวก่อนคุณพ่อ เราเพิ่งมาถึงนะคะ ไม่ไปเที่ยวก่อนแน่นะ”“เที่ยววันไหนก็ได้ เรามาตั้งห้าวัน”“แต่จะ…ทำตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเลยเหรอ”“เรามีเวลาว่างทั้งห้าวัน จะออกไปเที่ยวตอนไหนก็ได้ หรือ…จะอยู่แต่ในห้องก็ยังได้เลย” เสียงเขากระเส่ามากแล้วโทมัสก็พาสายขิมเดินไปที่เตียงนอน “เรามายั่วให้พี่อยากเองนะ”“แล้วอยากไหม”“ไม่อยากได้ไง แข็งแล้วเนี่ย จะดูไหม”“บ้า! พูดอะไรเนี่ยพี่โท”“พูดบ้าอะไร พูดตรงๆ กับเมียผิดตรงไหนล่ะ แต่พี่ว่าเราอย่าหาเรื่องคุยให้เสียเวลาเลยดีกว่า” ชายหนุ่มดันตัวคนตัวเล็กไปที่เตียงนอน ขณะที่มือข้างหนึ่งไล่ปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ดจนเม็ดสุดท้ายหลุดออกจากรังดุม “ต้องให้พี่ป้องกันไหม”“ป้องกันเถอะ ตอนนี้ขิมยังไม่พร้อมเลี้ยงเบบี๋อีกค่ะ รอให้พัตเตอร์โตกว่านี้ก่อน เราค่อยวางแผนกันอีกทีนะ”“ได้ พี่ก็เตรียมพร้อมมาพอดี”“ทำไมรู้ว่าต้องเตรียม?”“หึหึ สายตาเราฟ้องขนาดนั้น พี่ก็ต้องเตรียมตัวบ้างสิ” เขาพูดขณะหันไปหยิบซองถึงยางอนามัยในกระเป๋าเสื้อผ้า แล้วโยนมันลงบนเตียงโทมัสถอดเสื้อออก แล้วปลดเข็มขัดออกจากเอวสอบ“แอบไปฟิตหุ่นมาไหม ทำไมดูแข็งแรงขึ้น”“ก็ต้องมีบ้างสิ เดี๋ยวเมียจ
ตอนพิเศษ 2สองชั่วโมงต่อมาโทมัสกับสายขิมนั่งรถมาถึงพลูวิลลาจังหวัดพังงา บรรยากาศเย็นสบายชุ่มฉ่ำเพราะฝนเพิ่งหยุดตก“รู้ได้ยังไงว่าขิมชอบที่นี่”“พี่ทักไปถาทจุ๊บแจง เห็นว่าเราเคยมาที่นี่สมัยเรียนมหา'ลัย แล้วเราก็บ่นบ่อยๆ ว่าอยากใส่ชุดว่ายน้ำ”“อ๋า…แบบนี้นี่เอง ขอบคุณนะคะ”“เข้าที่พักเถอะ”พนักงานเดินมาเข็นกระเป๋าและเดินนำทั้งสองไปยังห้องพักที่จองเอาไว้ ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัว มีทั้งสระว่ายน้ำที่มองวิวได้สามร้อยหกสิบองศา“สวยเหมือนเดิมเลย ค่าพักต่อคืนแพงหน่อย แต่คุ้ม”“แพงก็จ่ายไหว ว่าแต่เมียชอบ”“แหม ปากหวานเชียว”“พี่มีของจะให้ขิมด้วย” โทมัสเดินไปเปิดกระเป๋าแล้วหยิบกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ สีดำออกมาจากยื่นให้เธอ “จะให้นานแล้วล่ะ แต่มัวยุ่งอยู่กับพัตเตอร์ ก็เลยไม่ได้ให้สักที”“อะไรคะ?”“เปิดดูสิ”สายขิมยิ้มบางๆ แล้วเปิดกล่องนั้นอย่างระวัง เธอยิ้มหวานเมื่อรู้ว่าของข้างในคือบัตรแบล็คการ์ดไม่จำกัดวงเงิิน“ให้ทำไมเนี่ย ขิมไม่ได้ใช้บ่อยขนาดนั้น”“พี่กลัวเราเครียดเรื่องเลี้ยงลูกอยู่บ้าน เผื่อเราอย่กชอปปิงออนไลน์บ้าง”“เป็นสามีที่เอาใจเก่งมากๆ” เธอวางกล่องลงแล้วลุกขึ้นไปหาเขา สองแขนโอบรอบคอเขาหลวม
ตอนพิเศษ 1หลายเดือนต่อมาเสียงอ้อแอ้ของพัตเตอร์ดังมาจากห้องนั่งเล่น ขณะที่เขากำลังเล่นกับพ่อหลังจากตื่นนอนช่วงบ่ายสายขิมถือถ้วยข้าวบดที่เตรียมจะป้อนลูกเดินมานั่งลงบนโซฟา มองโทมัสหยอกล้อลูกชายก็พลอยได้ยิ้มตามเขา“ป้อนข้าวลูกไหม หรือพี่จะให้ขิมป้อน?”“พี่ป้อนเองดีกว่า เราจะได้มีเวลาพัก”“เอางั้นก็ได้ แล้วก็เรื่องจะไปเที่ยวน่ะค่ะ ขิมคุยกับแม่แล้วนะ แม่จะมาอยู่ที่นี่ แม่อาสาจะดูพัตเตอร์เอง”“หืม? เราไม่พาลูกไปด้วยเหรอ”“ขิมอยากพาไปนะ แต่แม่บอกว่าให้เราสองคนมีเวลาอยู่ด้วยกันบ้าง”“อืม…เดี๋ยวพี่คุยกับพี่เลี้ยงพัตเตอร์อีกทีหนึ่ง ให้เขาดูพัตเตอร์ช่วยแม่ด้วย จะได้ไม่เหนื่อยมาก”“ค่ะ”เย็นวันนั้นโทมัสอุ้มพัตเตอร์เดินเล่นอยู่ริมสระว่ายน้ำ เด็กน้อยตัวจ้ำม่ำดีดขาไปมาเบาๆ เพียงแค่ดองลีลาวดีร่วงลงตรงหน้า“ดิ้นใหญ่เลยลูก แค่ดอกไม้ครับ” เสียงสองพ่อลูกพูดคุยกันดังเข้ามาในห้องนั่งเล่นสายขิมที่นั่งพักอยู่จนต้องละสายตาจากโทรศัพท์แล้วหันมองไปยังพ่อลูก“ร้อนไหมคะนั่น กลับมานั่งเล่นในห้องดีไหม”“อากาศดี ให้ถูกลมถูกแดดบ้าง เดี๋ยวป่วยบ่อย”“ไปฟังใครพูดมาเนี่ย”“ก็พ่อๆ ในกลุ่ม”“หะ? อะไรนะคะ”“อืม…ก็ตามที่เ
บทที่ 50บทส่งท้ายหลายเดือนต่อมาอากาศในเมืองอบอ้าวเล็กน้อย แสงแดดลอดผ่านม่านบางๆ เข้ามาในห้องนอน สะท้อนกับแหวนแต่งงานที่ยังอยู่บนนิ้วของสายขิม เธอนั่งพิงหมอนใบใหญ่ มือข้างหนึ่งวางบนหน้าท้องกลมโตที่ขยับเบาๆ เป็นระยะโทมัสเพิ่งกลับจากเตรียมของในห้องนั่งเล่น เขามีกระเป๋าใบหนึ่งที่จัดไว้เรียบร้อย เสื้อผ้า ผ้าห่ม เอกสาร และของใช้เด็กอ่อนครบทุกอย่าง เขาเผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็นเธอกำลังลูบท้องเบาๆ พลางพูดกับลูกในท้อง“อีกนิดเดียวนะครับลูก…อีกนิดเดียวเราก็จะได้เจอกันแล้ว”“พูดกับลูกเหรอ” เขาถามพลางเดินเข้ามาสายขิมหันมายิ้ม“ก็ต้องพูดสิ เขาเริ่มดื้อแล้วนะ ดิ้นทั้งคืนเลย”“สงสัยจะอยากออกมาเร็วๆ เหมือนพ่อ”“อย่ามาโยนความซนให้ลูกเลย คนที่ชอบวุ่นวายคือพี่นั่นแหละ” เธอหัวเราะเบาๆ แต่ก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกถึงแรงบีบรัดที่หน้าท้อง“โอ๊ย…”โทมัสรีบเข้ามาพยุงทันที“ขิม เป็นอะไร เจ็บเหรอ”“เหมือนจะปวด…แต่ยังไม่ถี่นะ คงแค่เตือน” เธอตอบพลางหายใจลึกๆ “พี่อย่าเพิ่งตกใจสิ”“พี่ไม่ได้ตกใจ แค่…แค่กลัวจะไม่ทัน” เขาหัวเราะแห้งๆ แต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความกังวลสายขิมจับมือเขาไว้แน่น“ใจเย็นหน่อยค่ะคุณพ่อมือให
บทที่ 49ครอบครัวสองเดือนต่อมาเวลา 21:20 น.ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นใหม่ดำเนินไปอย่างราบรื่น โทมัสเตรียมของบางอย่างไว้ให้สายขิม ขณะที่เธอกำลังนั่งเล่นอยู่ริมสระว่ายน้ำ“ง่วงหรือยัง” เขาถามขึ้นพลางเดินเข้ามาใกล้“ยังเลย ขิมกำลังดูน้ำในสระอยู่… อยากลงไปเล่น แต่กลัวใส่ชุดว่ายน้ำแล้วไม่สวย”“ทำไมล่ะ”“ก็พุงออกขนาดนี้น่ะสิ ใส่ชุดว่ายน้ำมันต้องหุ่นเพรียวๆ เซ็กซีๆ หน่อยสิ”“หึ เอาไว้หลังคลอดแล้วค่อยเข้าคอร์สฟิตหุ่นก็ได้”“แน่นอนอยู่แล้ว” เธอยิ้มบางๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขา “แล้วพี่ล่ะ ไม่ง่วงเหรอ มานั่งเฝ้าขิมทุกคืนแบบนี้ ไม่เหนื่อยหรือไง”“ไม่เหนื่อย พี่อยากทำเอง”“อืม…”เขาวางแก้วนมอุ่นๆ ลงบนโต๊ะข้างตัวเธอ แล้วนั่งลงเคียงกัน“พรุ่งนี้เราไปหาพ่อกับแม่พี่กันไหม ท่านถามถึงขิมทุกวันเลย”สายขิมนิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนตอบเสียงแผ่ว“ขิมไม่อยากออกไปไหน กลัวเป็นข่าว…” แต่พอเห็นแววตาอ้อนปนอบอุ่นของเขา เธอก็ถอนหายใจเบาๆ “ก็ได้ ขิมจะไป แล้วจะแวะหาพ่อกับแม่ด้วย”“ถ้าไม่อยากไป ไม่ต้องฝืนก็ได้ พี่ไม่บังคับนะ”“ไม่ได้ไปเพราะถูกบังคับหรอก แต่อยากไปจริงๆ ตั้งแต่กลับมาอยู่คอนโดก็ยังไม่ได้ไปหาท่านเลย ไปเยี่ยมท่







