หลายวันต่อมา
เป็นวันเริ่มงานที่แสนจะน่าเบื่อของรองประธานสาวอย่างชาไหม ร่างเพรียวสูงเดินหมดอาลัยตายยากถือเอกสารในมือตรงเข้าไปในห้องทำงานของท่านประธาน และเมื่อเข้ามาในห้องก็วางมันลงบนโต๊ะตรงหน้าของท่านประธาน “ขอลาพักร้อนค่ะ” “ลาพักร้อนไปไหน งานมีเยอะแยะจะมาลาพักร้อน?” “ก็มันเหนื่อยนี่คะ สองสามวันมานี่หนูแทบไม่ได้พักเลยนะ” “แต่เธอเป็นรองประธานหน้าที่ของเธอคือจัดการดูแลควบคุมทุกอย่างในบริษัท” “แต่แม่คะ…” “ฉันบอกให้เรียกว่าอะไร?” “แต่ท่านประธานคะ แล้วหมอนั่นล่ะ..ผู้ช่วยหนูนั่นมันหายหัวไปไหนแล้ว” ตั้งแต่จากกันวันนั้นเธอก็ยังไม่เห็นเจ้าเฮโรนั่นเลย ไม่รู้ว่าไปกกสาวอยู่ที่ไหนถึงได้ไม่ยอมมาทำงานมาช่วยแบ่งงานเธอไปทำบ้างเลย “โรมันไปช่วยงานบุญญาติที่ต่างจังหวัด วันนี้แหละน่าจะกลับ” “แล้วสรุปนี่หนูขอลาพักร้อนไปพักผ่อนสักอาทิตย์ไม่ได้เหรอคะ?” ปีใหม่ก็ไม่ได้หยุดพักเหมือนพนักงานคนอื่น ใครบอกว่าเป็นลูกสาวของท่านประธานและได้รับตำแหน่งเป็นถึงรองประธานแล้วจะสบายเธอขอเถียงเลยว่าไม่! ไม่เลยสักนิด! “พักผ่อนหรือพักใจ ฉันบอกแกแล้วว่าหมอนั่นมันเจ้าชู้กะล่อน” “ไม่ต้องมาซ้ำเติมหรอกคนเรามันก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้าง สรุปขอลาพักร้อนอาทิตย์หนึ่งนะคะ” กล่าวจบก็รีบสาวเท้าเดินออกไป ทิ้งเพียงท่านประธานสาวที่ก็ได้แต่ส่ายหัวให้โดยไม่ลืมที่จะเซ็นใบขอลาให้เจ้าลูกสาวด้วย เมื่อเดินออกมาจากบริษัทของผู้เป็นแม่แล้วชาไหมก็ตรงไปขึ้นรถและขับไปยังคาเฟ่และเข้าไปหามุมนั่งสั่งชานมดื่มคลายร้อยคลายเครียดเสียแก้วหนึ่งพร้อมด้วยขนมเค้กชิ้นใหญ่อีกหนึ่งชิ้น “อู้งานในเวลาที่งานยังไม่เลิกแบบนี้ ไม่ยักจะรู้ว่ารองประธานสาวสวยชอบทำ” “ฉันลาพักร้อนแล้วย่ะ!” ชาไหมหันไปตอบต้นเสียงที่เห็นว่าเป็นเฮโรกำลังเดินมาหย่อนก้นนั่งตรงข้ามเธอ บางทีก็ไม่เข้าใจว่าทำไมการที่เขามาเป็นผู้ช่วยของเธอนั้นนอกเหนือจากเวลางานยังต้องมาบังเอิญเจอกันบ่อยขนาดนี้! “ถามจริง แบบนี้ผมก็ต้องไปลาพักร้อนด้วยแล้ว” “นายเป็นแค่เด็กฝึกงานไม่มีลาพักร้อน” “ได้ไง!!? แต่ว่าที่จริงผมมาเป็นผู้ช่วยพี่แบบนี้ถ้าพี่ลาพักร้อนผมก็ต้องได้ลาไปด้วยแล้วสินะ” “ทางที่ดีนายควรจะไปถามท่านประธานก่อนนะ ขืนหยุดสุ่มสี่สุ่มห้าโดนด่าฉันช่วยไม่ได้หรอกนะ” “ไม่รู้ล่ะ ยังไงพี่หยุดผมก็จะหยุด” เฮโรบอกด้วยน้ำเสียงที่ขึงขังจริงจังพร้อมกับมือหนาที่เอื้อมไปหยิบแก้วน้ำชานมของชาไหมมาดูดดื่มอย่างหน้าตาเฉย “นี่นาย!!” “ผมหิวนี่นา เพิ่งถึงแล้วก็กะจะมาหาอะไรดื่มก่อนเข้างานแต่ไม่คิดว่าจะเจอพี่ที่นี่” “เจอฉันที่นี่แล้วเกี่ยวอะไรกับการที่มาแย่งน้ำฉันดื่มไม่ทราบ!?” “ก็ผมหิว!” “เหอะ! ฉิบหาย!” ถอนหายใจออกมาอย่างรำคาญกับความมึนของชายหนุ่มตรงหน้าแล้วซบศีรษะลงไปบนโต๊ะเมื่อเห็นแฟนเก่าของเธออย่างพีพีที่เพิ่งเลิกกันเมื่อคืนเดินควงสาวหน้าหวานตรงเข้ามาในร้าน “อ่อ แฟนเก่า..ทำไมแค่นี้ต้องหลบหน้ากันด้วย หลบหน้าแบบนี้เท่ากับแพ้นะ” เธอล่ะเชื่อเลยว่าหมอนี่เป็นพวกชอบยุแยงน่ะ แต่ที่จริงเธอก็ไม่ควรจะหลบหน้าเขาสิ คิดดังนั้นชาไหมจึงเงยหน้าขึ้นมาแล้วพยายามจัดแจงตัวเองให้ดูดีสักหน่อย “เลิกกันไปแล้วเขาไม่สนใจแล้วไม่ต้องมาจัดแจงตัวเองเพื่อเขาหรอก” ฉึก! เหมือนมีหอกหลายด้ามพุ่งตรงมาปักกลางใจของเธอเลย! “หุบปากไปเลย!!” “ผมพูดเรื่องจริงนี่นา” “อ้าว! นั่นแฟนเก่านายนิ” เสียงของยัยหน้าหวานที่เดินควงแขนพีพีแฟนเก่าของชาไหมนั้นเอ่ยขึ้นทำให้พีพีหันมามองชาไหมที่ก็ถึงกับเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูกจึงเอื้อมมือไปคว้าแก้วน้ำจากเฮโรมาดื่มต่อ “ไง เลิกกันไปได้วันเดียวก็ควงคนใหม่มาเลยนะ” เสียงทุ้มจากพีพีเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับบร่างสูงที่เดินมาหยุดตรงหน้าพวกเขาสองคน ชาไหมนั้นรีบหันไปขยิบตาให้เฮโรหวังให้เขาช่วยเธอแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เข้าใจหรืออาจจะเข้าใจแต่ตั้งใจกวนประสาทก็ไม่รู้เพราะยังคงนั่งเฉยๆ อยู่แบบนั้น “ฉันต้องเป็นคนพูดมากกว่ามั้ง” “อ่อ ลืมแนะนำ..นี่น้ำหวานแฟนของฉันที่คบกันได้หนึ่งเดือนกว่าแล้ว” “หนึ่งเดือน?” อย่าบอกนะไปแอบคบกันทั้งที่ยังคบอยู่กับเธอน่ะ ใครก็ได้มาลากเธออกไปจากตรงนี้สักทีได้มั้ย นอกจากโดนบอกเลิกด้วยเหตุผลไร้สาระไม่พอยังมาถูกสวมเขาในตอนที่คบกันโดยเธอไม่รู้อีกเหรอเนี่ยนะ! “ใช่ ก็เพราะเธอไม่มีเวลาให้ฉัน แถมเรื่องเซ็ส์ที่ฉันชอบเธอก็ไม่ยอมให้จนฉันตรงไปหาความสุขจากน้ำหวานแทนไงล่ะ!” “ยังไงตอนนี้เลิกกันแล้วนายก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉันหรอก!” “ฉันไม่ได้อยากมายุ่งกับเธอ แค่อยากมาบอกว่าน้ำหอมได้เรื่องกว่าเธอทุกอย่างเลยนะโดยเฉพาะเรื่องบนเตียง!!” “แล้วไง?” “ก็ไม่แล้วไง ก็แค่อยากสมน้ำหน้าเธอที่เลิกกับฉันไปก็คงไม่มีคนเอาแล้วแหละทำมาเป็นหวงเนื้อหวงตัวแบบนี้ไม่ใช่ว่าโดนมาเยอะจนหลว…” ผั้วะ!! พีพีพูดยังไม่ทันจบประโยคใบหน้าของเขาก็หันไปตามแรงหมัดจากเฮโรจนตัวล้มลงไปกับพื้นทำให้น้ำหวานต้องรีบพยุงตัวเขาให้ยืนขึ้นเมื่อผู้คนในร้านถึงกับแตกตื่นแล้วหันมาให้ความสนใจกับพวกเขา “เฮโร นายทำบ้าอะไรเนี่ย!?” ชาไหมรีบลุกขึ้นเดินไปดึงแขนของเฮโรไว้เมื่อเห็นสีหน้าที่ดุดันนั้นส่งประกายออกมา สงครามแย่งชิงสาวสวยกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วสินะ! หมับ!! เฮโรยกมือขึ้นมาโอบเอวของชาไหมแล้วดึงให้เข้าไปชิดตัวของเขา “ที่ชาไม่ให้มึงเอาเพราะเธอนอนเอากับกูทุกวันไง! อ้อ!..ที่มึงบอกว่าคบกับแฟนมาหนึ่งเดือนตั้งแต่คบกับชา เสียใจด้วยน้ำกูกับชาเราคบกันลับหลังมึงมาสองเดือนจะเข้าเดือนที่สามแล้ว!!” แน่นอนว่าคนที่ถูกพูดถึงอย่าชาไหมก็ถึงกับอ้าปากเหวอจนเฮโรต้องยกมือขึ้นมาปิดปากของเธอไว้ เอิ่ม.. “หน้าอ่อนอย่างมึงเนี่ยนะจะมาคบกับชา อายุคงยังไม่ถึงยี่สิบปีเลยมั้ง อย่ามาใช้ลูกไม้ตื่นๆ เอาชนะกูเลย!” “กูไม่ได้เอาชนะ!!” “พิสูจน์สิว่ามันเป็นเรื่องจริง” พีพีสวนกลับอย่างทันควันทำเอาชาไหมถึงกับต้องกระพริบตาตัวเองถี่ยิบเมื่อร่างสูงลุกเดินเข้ามาหาเธอใกล้เรื่อยๆ “เฮโร!” “แค่จุ๊บเอง” ชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไปแตะปากลงบนกลีบปากชมพูของชาไหมจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมา ทว่าดูเหมือนว่าพีพีจะยังไม่เชื่อการกระทำของพวกเขาสักเท่าไหร่! “แค่จุ๊บกันแบบนั้นใครก็ทำได้วะ แน่จริงจูบแลกลิ้นกันเลยสิ” “นายอย่ามาพูดเพ้อเจ้ออะไรนะ!! ที่นี่มันมีคนมากมายใครจะบ้ามาทำเรื่องบัดสีบัด…อื้อออ” ไม่ต้องเดาเลยว่าเสียงของเธอหายไปไหนหากไม่หลุดไปจากการที่เฮโรโน้มลงมาบดขยี้ปากของเธออย่างรุนแรงแบบนี้ การไม่ยอมคนนี่คงไม่ได้เป็นแค่เธอแต่ยังลามไปถึงหมอนี่ด้วยอีกต่างหาก “นาย!!” “เงียบ พอใจหรือยัง..ถ้าอยากดูมากกว่านี้ที่คอนโดพี่ชามาได้นะมีหนังสดให้ดูทุกคืน” เฮโรพูดด้วยรอยยิ้มมุมปากแล้วดึงมือของชาไหมให้เดินออกจากร้านไปท่ามกลางสายตาของผู้คนในร้านโดยเฉพาะพีพีที่คิดไม่ถึงว่าเฮโรจะกล้าจูบชาไหมจริงๆ “นี่นาย! นายคิดว่าฉันไม่อายบ้างหรือไงที่มาจูบฉันต่อหน้าคนมากมายแบบนี้” ชาไหมแว้ดใส่ร่างสูงทันทีเมื่อเดินออกมาจากร้านแล้ว ไม่เพียงแค่จูบยังพูดถึงเรื่องบนเตียงที่มันน่าอายสิ้นดี หากเรื่องนี้ได้ยินไปถึงหูของคุณหญิงมัมมีหวังเธอจบเห่แน่ “ไม่เห็นมีอะไรน่าอายเลย ตอนผมไปเรียนต่างประเทศผมยังเคยจูบกับแฟนกลางโรงอาหารเลย” “นั่นมันต่างประเทศ!! นายนี่หยุดสร้างเรื่องให้ฉันสักวันไม่ได้หรือไง!” “ผมสร้างเรื่องตรงไหน นี่ผมช่วยพี่ต่างหากหรือพี่อยากให้หมอนั่นมันพูดดูถูกพี่แบบนั้น” “ฉันก็ไม่อยากให้เขาพูดดูถูก แต่นายก็ช่วยแบบอื่นก็ได้นี่..อีกอย่างเรื่องที่นายพูดนั้นล้วนไม่ใช่เรื่องจริงเลยสักนิด!” “อ้อ! พี่โมโหที่ผมที่แต่งเรื่องขึ้นมาไม่เป็นเรื่องจริงแบบนี้มันคงจะเป็นการเอาเปรียบพี่สินะ งั้นคืนนี้เราทำให้มันเป็นเรื่องจริงเลยก็ได้นี่นาไม่เห็นยาก” ใบหน้าที่ทะเล้นปนความเจ้าเล่ห์ของเฮโรนั้นขยับเข้ามาใกล้จนชาไหมถึงกับยกมือไปดันใบหน้าเขาให้ออกห่างจากตัวเธอ “ใครจะไปทำเรื่องแบบนั้นกับผู้ชายอย่างนายก็ทำไป แต่คนอย่างฉันไม่มีวัน!!” “อ่า! รอดูคนกลืนน้ำลายตัวเอง” “นายไสหัวไปไกลๆ ฉันเลยนะ!!” “ผมจะไปกับพี่” “เฮโร!!” “ชาไหม!!” เหมือนยิ่งพูดกับหมอนี่เธอก็ยิ่งรู้สึกเปลืองน้ำลาย ชาไหมจึงสูดลมหายใจตัวเองเข้าและพ่นออกช้าๆ เพื่อให้ตัวเองใจเย็นไม่วิ่งไปขอมีดทำครัวจากร้านอาหารข้างๆ มาปาดคอหมอนี่ให้ตายตรงนี้ จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถ พรึ่บ!! โดยมีไอ้ เอ้ย! ผู้ช่วยสุดหล่อของเธอขึ้นตามมาด้วย ชาไหมจึงต้องยอมขับรถออกไปอย่างไม่อยากเสียเวลาด่าผู้ชายไม่มีหูอย่างเฮโร“โกรธแม่ฉันมั้ย ฉันขอโทษแทนท่านด้วยนะท่านเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว” ชาไหมเอ่ยขอโทษคนข้างกายแทนผู้เป็นแม่เมื่อขึ้นมาบนรถแล้ว แต่ชายหนุ่มกับส่ายหน้าให้แล้วเอื้อมมือมากุมมือของเธอไว้“ผมต่างหากที่ต้องขอโทษแทนแม่ผม ท่านน่ะเป็นคนไม่ค่อยมีเหตุผลถึงมีก็เป็นเหตุผลส่วนตัวที่ชอบยกมาอ้างไปมั่ว”“จะว่าฉันเป็นคนไม่มีมารยาทก็ได้นะ แต่เวลาฉันมีแฟนน่ะฉันไม่ค่อยสนใจครอบครัวของแฟนสนใจแค่แฟนของฉัน ไม่สนใจคือไม่ว่าเขาจะชอบหรือไม่ชอบฉันก็เรื่องของเขาขอแค่ลูกชายเขารักฉันแค่นั้นก็เพียงพอ กับแม่ผัวฉันแค่ทำในสิ่งที่ลูกสะใภ้ควรทำแค่นั้น”“ผมเข้าใจครับ ถ้างั้นเรากลับคอนโดพี่นะ”“อืม ฉันอยากไปนอนพักสักหน่อยเดี๋ยวคืนนี้ไปเที่ยวอีก” จากนั้นเฮโรก็สตาร์ทรถและขับออกไป เธอรู้สึกว่าวันนี้เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดเลย คือแบบมีเรื่องมีราวเข้ามาเยอะจนงานของเธอนั้นไม่ได้กระดิกไปไหน ส่วนงานค้างของวันนี้แน่นอนว่าเธอก็ทักแชทไปบอกให้รองประธานเข้าไปเคลียร์งานแทนแล้วพูดถึงบริษัทก็ตัดมายังห้องทำงานของรองประธานหนุ่มที่นั่งหน้าเคร่งเครียดขมวดคิ้วมุ่นอยู่หน้างานกองโต ที่ไม่รู้ว่าปกติแล้วงานของท่านประธานสาวนั้นเยอะขนาดนี้อยู่แล้วหรือว่
บรรยากาศภายในร้านเงียบสงัดลงทันทีเมื่อลูกค้าภายในร้านเกิดมีปากเสียงจนถึงขั้นสาดน้ำใส่หน้ากัน ผู้คนต่างเริ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอัดคลิปอัดวิดีโอไว้แต่ก็ไม่ได้ทำให้สามสาวนั้นรู้สึกละอายแต่อย่างใดเพราะกำลังถูกความโมโหเข้าควบคุมอยู่“ด่ากูว่าร่านมึงก็ร่านพอๆ กูแหละแนน!”“เยอะไปป่าวบุ้ง!!?”“ก็มึงดูมันด่ากูดิชา!”“แต่กูว่ามันก็เรื่องจริงนะ!!” ชาไหมลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับผักบุ้ง มือเล็กกำเข้าหากันแน่นพร้อมจะยกขึ้นไปฟาดใบหน้าของคนตรงหน้าได้ทุกเมื่อ“ก็เพราะพวกมึงทำงานด้วยกันไงเลยเข้าข้างกันแบบนี้!!”“กูเข้าข้างกันเพราะสิ่งที่มึงทำมันผิดนะแนน!!” แนนซี่ลุกขึ้นยืนอีกคนแล้วบอกกับหญิงสาวตรงหน้าที่ยังเถียงจนคอเป็นเอ็น ทั้งที่ตัวเองผิดแต่กลับไม่ยอมรับความผิดพยายามโบ้ยความผิดไปให้คนอื่นอีก เหอะ!“กูผิดตรงไหน กูแค่ทำตามความต้องการแม่”“มึงอย่าเอาแม่มาอ้างสิ!!”“มึงมีดีกว่ากูทุกอย่าง ทั้งเรียนเก่ง บ้านมีฐานะ มีธุรกิจเป็นของตัวเองแค่ผู้ชายคนเดียวมึงก็ยกให้กูดิ” เพี้ยะ! แน่นอนว่าประโยคที่สิ้นคิดของผักบุ้งนั้นทำให้ชาไหมยกฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้าของเธอเต็มๆ และจากที่ยืนอยู่คนละฝากเธอก็เดินปรี่ไปหาผักบุ้งจนแนนซี
ชาไหมเมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานของตัวเองก็ชวนโอเล่ต์กับแนนซี่ลงไปหาอะไรทานแถวข้างบริษัทที่มีร้านน้ำร้านขนมหวานเปิดใหบริการอยู่“พี่ไหมคะ พี่ยังรักแฟนเก่าอยู่มั้ยคะ?” โอเล่ต์เอ่ยถามหลังจากพวกเธอพากันมานั่งในร้านเบอเกอรี่และสั่งของหวานกับพนักงานไปเรียบร้อนแล้ว“ไม่รักแน่นอน คนอย่างนั้นไม่สมควรถูกรักหรอก”“จริงค่ะ พี่สวยแบบนี้คงมัดใจพี่โรได้สินะ”“โรต่างที่มัดใจคุณชาได้อ่ะ” แนนซี่แย้งด้วยรอยยิ้มขณะที่มือกำลังพยายามคุยแชทกับใครสักคนอยู่ จากนั้นเธอก็ยื่นโทรศัพท์ให้ชาไหมดูสิ่งที่เธอคุยกับคนในแชท“อะไรเหรอ?”“ลองอ่านสิ”“ถ้างั้นหนูขอไปสั่งขนมเพิ่มได้มั้ยคะ?” เมื่อเห็นว่าผู้ใหญ่คงมีเรื่องส่วนตัวโอเล่ต์จึงเอ่ยถามสองสาวซึ่งก็พยักหน้าให้เธอ ร่างเล็กจึงเดินดุ๊กดิ๊กไปมองหาขนมหวานที่ถูกใจเพื่อสั่งมันพร้อมกับน้ำปั่นสีสันสดใส“มันจะมานี่เหรอ?”“อืม กูถามมันเรื่องโรมันบอกว่ามันไม่รู้เรื่องอะไรเลยจะมาอธิบายกับเรา” แนนซี่บอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เมื่อเธอทักไปถามผักบุ้งเรื่องหมั้นกับโรแต่หล่อนกับบอกว่าไม่รู้เรื่องอะไรรู้แค่ว่าแม่อยากให้หมั้นกับผู้ชายที่อายุน้อยกว่าเลยจะมาอธิบายให้พวกเธอฟังที่นี่ด้วยตัวเอง อ
“แล้วนี่นั่งยิ้มอะไร ฉันกำลังอารมณ์ไม่ดีนะ!!” คุณหญิงมัมหันมาถามบุตรสาวที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทั้งที่ตัวเธอโมโหพีพีจนอกจะแตกตายอยู่แล้ว ชาไหมจึงขยับเข้าไปนวดแขนให้ผู้เป็นแม่“นานทีคุณหญิงจะออกโรงช่วยไล่สิ่งไม่ดีออกจากชีวิตลูกสาวนี่คะเลยดีใจไปหน่อย”“อ๋อ นี่จะบอกว่าฉันไม่เคยออกโรงปกป้องหรือช่วยอะไรเธอเลยว่างั้น?”“ก็ตั้งแต่อายุยี่สิบ…”“เพราะเธอโตแล้วควรช่วยเหลือตัวเอง เอาตัวรอดเองได้แล้วนี่”“โอเคๆ ไม่เถียงค่ะ ว่าแต่มาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า” ตั้งแต่ยกตำแหน่งประธานบริษัทให้ คุณหญิงมัมก็ไม่เคยมาหาเธอเลยสักครั้ง และนานครั้งมากที่เธอกับแม่จะเจอกันเพราะอย่างที่รู้ว่าเธอไม่ได้อยู่บ้านอาศัยอยู่ที่คอนโดเป็นส่วนใหญ่ ส่วนคุณพ่อนั้นแล้วใหญ่เลยปีหนึ่งแทบจะเจอกันแค่ครั้งหนึ่งเห็นจะได้!“วันนี้ไปเดินห้างมาเห็นพนักงานพูดถึงเธอกับแฟนหนุ่ม มีแฟนทั้งทีไม่คิดจะบอกฉันเลยเหรอ!?”“ก็คิดว่าจะบอกอยู่ แต่ยังไม่กล้าบอกกลัวไม่ถูกใจ”“แล้วใครล่ะ”“เฮโร ผ่านมั้ย..ลูกชายคุณฮารี”“เฮโร หมอนั่นน่ะเหรอ เหอะ! ไม่เห็นมีอะไรคู่ควรกับเธอสักนิด”“แล้วผ่านมั้ยล่ะ?”“ก็พอผ่าน ตอนนี้ได้ข่าวว่าจะเปิดร้านเสื้อผ้านี่ ไปเรียนกลับ
ก๊อกก๊อก! เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นพร้อมกับบานประตูที่ถูกผลักเข้ามา ร่างของแนนซี่เดินนำชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินกรมกับกางเกงสแล็คสีดำรองเท้าหนังเดินเข้ามา ชาไหมจึงละสายตาจากงานแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองเขาก็เห็นว่าคนที่ให้เลขามานัดคุยงานกับเธอก็คือแฟนเก่าของเธออย่างพีพี!“นายจะไม่ยอมเลิกยุ่งกับฉันจริงๆ หรือไง” ชาไหมบ่นขึ้นกับตัวเองเบาๆ ไม่รู้ว่าพีพีต้องการอะไรจากเธอถึงยังมาวนเวียนตามตอแยเธออยู่เช่นนี้ ทั้งที่เลิกกันไปสองปีจะเข้าสามปีอยู่แล้ว ร่างบางจึงลุกขึ้นยืนแล้วกวักมือให้โอเล่ต์มานั่งตรงที่เธอส่วนตัวเธอนั้นก็เดินไปนั่งบนโซฟาไม่ลืมจะผายมือให้ชายหนุ่มร่างสูงมานั่งด้วย“ขอบคุณสำหรับอาหารกับน้ำนะคะ” แนนซี่ที่ยืนมองพีพีด้วยสายตาที่ไม่ชอบพอนั้นเอ่ยบอกกับประธานสาวแล้วก็เดินออกไปนั่งทำงานของตัวเองต่อด้านนอกทิ้งให้ภายในห้องนั้นเงียบกริบเมื่อไม่มีใครเอ่ยพูดอะไร มีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศที่ดังอยู่ สายตาคมกริบของพีพีจ้องมองไปยังใบหน้าคนข้างกายที่นั่งมองไปยังเด็กสาวที่นั่งอยู่ในห้องนี้อีกที“หนูรบกวนใช่มั้ยคะ?” โอเล่ต์จึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามชาไหมเมื่อเห็นว่าถูกจ้องมองและทั้งคู่ไม่พูด
เมื่อผู้หญิงคนนั้นถูกลากตัวไปแล้วเฮโรก็หันไปขอโทษลูกค้าท่านอื่นที่ทำให้ภายในร้านบรรยากาศเสียไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เดินตรงไปยังห้องทำงานของเขาที่เมื่อเดินเข้ามาก็เห็นว่ามีเด็กสาวร่างเล็กนั่งกอดอกอยู่บนเก้าอี้ทำงานของเขาและมีเลขาของเขายืนมองเธออยู่ด้วยสีหน้าที่ปานจะกลืนกินเด็กสาวไปทั้งตัว“เธอยังเด็กนะครับ”“อายุสิบเจ็ดนี่ก็ไม่ถือว่าเด็กแล้วนะคะ”“อ่า อย่าดุเธอเลย..คุณไปเคลียร์เรื่องที่โรงพักให้ผมหน่อย เดี๋ยวผมจัดการที่นี่ต่อเอง อ้อ..ฝากเอาเลขาพี่ชาไปส่งให้พี่เขาด้วยนะครับ” เฮโรสั่งงานธีรกานต์เสร็จแล้วเขาก็เดินไปนั่งบนโซฟากลางห้อง ส่วนธีรกานต์ที่ได้รับมอบหมายงานก็โค้งหัวให้ผู้เป็นนายเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป“ไม่ต้องไล่หนู หนูออกเอง!” คนตัวเล็กกระแทกเสียงบอกคนตัวใหญ่ที่นั่งอยู่บนโซฟาห่างจากเธอแถมยังยกแขนขึ้นมากอดอกมองเธออยู่ แต่เขายังไม่ทันได้ปริปากว่าอะไรเธอสักนิด“พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”“หนูรู้ว่าพี่จะดุหนูที่หนูไปว่าลูกค้าแบบนั้น แต่เธอทำหนูก่อนหนูไม่ยอมหรอกนะ เป็นพนักงานแล้วไงพนักงานไม่ใช่คนหรือไง!!”“พี่ให้คนพาเธอไปส่งตำรวจแล้ว” เขาส่ายหัวให้หญิงสาวตรงหน้าเบาๆ ที่ดูจะไม่ยอมรอฟังในส