“จะไปไหน!?” ชาไหมถามชายหนุ่มข้างกายเมื่อขับรถออกมาได้สักพักแล้วไม่เห็นทีท่าว่าเฮโรจะบอกถึงสถานที่ที่ตัวเองต้องการไปสักที
“พี่เป็นคนขับก็แล้วแต่พี่สิ” “ฉันจะไปส่งนาย นายจะไปที่ไหน!?” “คอนโดพี่!” “นายจะไปทำอะไร!?” “ก็พี่จะไปทำอะไรผมก็จะไปด้วย!!” ตอบอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่านี่ตัวเองกำลังมาสร้างความน่าโมโหให้กับคนขับรถ ชาไหมจึงได้แต่กรอกตามองบนให้กับคำตอบของเขาแล้วหันกลับมาสนใจกับถนนตรงหน้าที่ยังมีค่ากว่าหมอนี่อีก “อ้าว เงียบไม!?” “รำคาญ!!” “ขึ้นเสียง!?” เฮโรชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเมื่อถูกรองประธานสาวสวยนี่ขึ้นเสียงใส่เป็นรอบที่สิบเก้าล้านห้าหลังจากที่รู้จักกันมา! ทั้งที่เขาก็เป็นผู้ชายที่เหล่าผู้หญิงต้องการแต่ไม่รู้ทำไมคุณชาของเขาถึงชอบมาขึ้นเสียง มาแว้ดๆ ใส่เขาแบบนี้ นิสัยเขาก็ออกจะดี ดีไม่ค่อยห่างเหิน เดินไม่ค่อยห่าง… “เฮโรฉันถามจริงว่านายว่างมากหรือไงถึงได้มาคอยตามคอยวุ่นวายกับฉันไม่จบไม่สิ้น!” “พี่ทำไอ้โบ้ของผมทำตาย!” พอเถียงไม่ได้ก็ยกเรื่องไอ้โบ้ โบ้นี่ไม่ใช่หมานะแต่เป็นปลาทองที่เธอบังเอิญไปทำโหลมันเเตกและเหยียบมันซ้ำจนมันตายน่ะสิพอมันตายปุ๊ปเจ้านี่ก็รีบลากเธอเข้าวัดไปทำบุญให้ไอ้โบ้ทันที! “เรื่องมันผ่านมานานแล้วนายจะรื้อมันขึ้นมาทำบ้าอะไร!?” “หุ่นพี่มันยั่วยวนผม” เออ! ให้มันได้อย่างนี้ เปลี่ยนเรื่องแถไปเรื่อยอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เหมือนมันตั้งใจหาเรื่องมาให้เธอด่ามันมากกว่าอ่ะ! “หุ่นฉันมันยั่วนายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่นายต้องมายุ่งวุ่นวายกับฉัน” “ก็หุ่นพี่มันทำให้ผมติดใจพี่” ก็คือพูดไร้สาระไปเรื่อยจริงๆ อ่ะ ยอมใจมันโคตร! “ไอ้ไฮโล!!” “พี่ดักแด้!!” “โอเค ฉันจะเงียบนะ..” และคนที่เงียบก็คงต้องเป็นเธออีกตามเดิม หากยื้อเถียงมันไปมาเธอได้พามันขับรถไปชมนรกแน่ ผู้ชายอะไรปากจัดปากเก่งชะมัดเถียงเก่งยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีก! และสถานที่ที่เธอจะมานั่นก็คือห้างสรรพสินค้า แน่นอนว่าอารมณ์เสียแบบนี้ก็ต้องมาช้อปปิ้งสิ แต่เพียงแค่เข้าไปหาที่จอดรถเจ้าคนข้างกายเธอก็ดีดดิ้นไปมาเหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวกซะอย่างนั้น “นายเป็นอะไรไม่ทราบ!!?” “ผมไม่อยากมาห้าง!” “ก็นายบอกเองว่าฉันไปไหนก็จะไปด้วยนี่ แล้วในห้างมันเป็นอะไรมีเมียน้อยอยู่หรือไงถึงได้ดีดดิ้นไปมาเหมือนผีบ้าเข้าสิงไปได้!” ร่างเพรียวเดินลงจากรถแล้วกอดอกถามชายหนุ่มร่างสูงที่เดินคอตกออกมาจากรถ “พนักงานร้านเสื้อผ้ากับรองเท้าแทบจะทั้งแถบ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงชวนขนลุก ทำเอาชาไหมถึงกับเลิ่กคิ้วตัวเองแล้วแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ ขาเรียวก็สาวเท้าเดินตรงเข้าไปในร้านอย่างไม่อยากสนทนาไร้สาระกับเขา “ผมพูดจริงนะ พนักงานสาวที่นี่มาติดผมตรึมอ่ะ!” “ฉันก็ยังไม่ได้เถียงเลยนะ!” “สายตาพี่บอกว่าไม่เชื่อคำพูดของผม” “สายตาฉันนี่ดีเนอะ บ่งบอกได้ทุกอย่างจริงๆ” ชาไหมหยุดเดินแล้วถามชายหนุ่มข้างกายที่เชิดหน้าเชิดตาพูดอย่างมั่นอกมั่นใจในแต่ละประโยคของตัวเอง “ก็มันเรื่องจริงนี่นา นี่ๆ เธอคนนั้นก็เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ชอบตื๊อผมนะ” เมื่อเห็นชาไหมกำลังเดินตรงไปยังร้านเสื้อผ้าที่พนักงานสาวคนนั้นเขาจำได้ว่าหล่อนเคยวิ่งควบเขาแทบจะทั่วผับในคืนนั้น แต่ชาไหมหาได้สนใจประโยคของเฮโรเธอเดินดิ่งเข้าไปในร้านเพื่อเลือกหาเสื้อผ้า “สวัสดีค่ะคุณชาไหม สนใจชุดแบบไหนสอบถามฉันได้นะคะ” “ขอดูก่อนนะ” “ได้ค่ะ เอ๊ะ?” พนักงานสาวหน้าหวานพยักหน้าให้ชาไหมแล้วหันมาจ้องผู้ชายที่เดินตามหลังของชาไหมซึ่งเอาแต่ก้มหน้าก้มตาหลบอะไรสักอย่าง และเธอรู้สึกคุ้นกับเขาเป็นอย่างมาก “คุณเฮโรใช่มั้ยคะ?” “ไม่ใช่ครับ ผมชื่อไฮโล” เฮโรตอบโดยที่ยังคงก้มหน้าก้มตาเดินตามชาไหมไป แต่พนักงานสาวกลับไม่เชื่อเพราะเธอจำท่าทางบุคลิกของเขาได้จึงเดินไปกระซิบถามอะไรบางอย่างจากชาไหม “ฉันจำได้ค่ะว่าคุณชื่อเฮโร ลูกชายคนเดียวของคุณฮารี” “คะ คุณรู้จักแม่ผมด้วยเหรอ!?” เมื่อได้ยินชื่อผู้เป็นมารดาเฮโรก็ถึงกับยอมเงยหน้าขึ้นมามองพนักงานสาวที่ฉีกยิ้มหวานให้เขาจนเขาต้องรีบเดินไปยืนด้านหลังของชาไหมโดยที่พนักงานสาวสวยนั้นเดินตามเขาไปยืนหน้าชาไหมด้วยเช่นกัน! “แน่นอนว่าฉันต้องรู้จักสิคะ คุณเฮโรทั้งหล่อทั้งน่ากินแบบนี้” “เห็นมั้ยผมบอกแล้วว่าเธอคนนี้ก็ชอบผม!” “ตาฉันไม่ได้บอด เก็บความมั่นหน้าของนายไปซะ!” ชาไหมหันไปบอกกับชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนเกาะไหล่อยู่ด้านหลังของเธอ และเมื่อพนักงานสาวกำลังจะเดินเข้าไปหาเฮโรก็รีบวิ่งไปอยู่อีกมุมด้วยความเร็วสูง “ถ้าคุณชอบผมขอแค่ถ่ายรูปกับผมก็ได้นะ” เขายื่นข้อเสนอกับพนักงานสาวที่มองเขาด้วยสายตาแพรวพราว หล่อนเพียงยกยิ้มมุมปากขึ้นมาแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาเฮโรเรื่อยๆ ส่วนชาไหมนั้นก็ยืนกอดอกมองทั้งคู่อยู่แบบนั้นอย่างปลงๆ “ถ้างั้นคุณก็ขยับเข้ามาหาฉันสิฉันจะได้ถ่ายรูปกับคุณอย่างใกล้ชิด” “แค่ถ่ายรูปนะ!” “ขอจับสักนิด!” “จับอะไร?” “มือสิคะ คิดอะไรทะลึ่งหรือเปล่า?” “เปล่าครับ” ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองเริ่มไม่ปลอดภัยจากผู้หญิงคนนี้ยังไงไม่รู้ ฟิ้ว! และเมื่อหล่อนกำลังจะเดินเข้ามารวบตัวเขาเฮโรก็รีบวิ่งย้อนกลับไปกอดตัวชาไหมไว้แน่น “ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว วันนั้นเธอวิ่งควบผมรอบผับเลยครับ” “เฮโรนายปล่อยฉันนะ!!” “ไม่ปล่อย!! ถึงผมจะชอบผู้หญิงแต่ผมก็ชอบเข้าหาก่อน” เขาไม่ชอบให้ผู้หญิงมาวิ่งเข้าหาเขาก่อนเพราะมันให้ความรู้สึกที่น่ากลัวยังไงก็ไม่รู้ “แนนเลิกเล่นสักที ฉันปวดหัวกับหมอนี่จนหัวจะระเบิดอยู่แล้ว!” เมื่อดึงตัวเฮโรไม่ออกชาไหมจึงหันไปบอกหญิงสาวร่างเล็กอย่างแนนซี่ที่ก็ยอมหยุดฝีเท้าที่กำลังจะเดินเข้าไปหาเฮโรไว้ทันที “พี่รู้จักกับเธอเหรอ?” “รู้จักสิ เธอเป็นเพื่อนฉันชื่อแนนซี่เป็นเจ้าของร้านนี้” “ห๊า! แล้วทำไมตอนพูดต้องพูดดูห่างเหินกันขนาดนั้นด้วย” “มันเป็นเวลางานของเธอนี่นา” ชาไหมตอบพลางดันตัวของเฮโรให้ออกจากตัวของเธอจนเขายอมปล่อยมันในที่สุด ส่วนหญิงสาวที่ถูกพูดถึงอย่างแนนซี่ก็ยืนปิดปากหัวเราะออกมาก่อนจะเดินตรงมาดึงคอเสื้อของเฮโรทำเอาเขาถึงกับต้องเม้มปากตัวเองแน่นแล้วกระพริบตาตัวเองถี่ๆ “สเปคฉันไม่ใช่คนพูดมากอย่างนายและที่ฉันวิ่งควบนายวันนั้นเพราะใครไม่รู้เอาเชือกรองเท้าของฉันไปผูกไว้กับรองเท้านาย และหากฉันไม่วิ่งฉันก็คงถูกนายลากไถลไปกับพื้นแล้ว!!” ไม่รู้ว่าคืนนั้นใครมันมือบอลเอาเชือกรองเท้าผ้าใบของเธอไปผูกกับรองเท้าเฮโร เธอจึงขยับเข้าไปหาเขาหวังจะให้เขาแก้เชือกให้เพราะมือเธอตอนนั้นถือแก้วเหล้าและขี้เกียจวาง แต่อยู่ๆ หมอนี่ก็เกิดโรคหลงตัวเองเข้าสิงคิดว่าเธอจะไปจูบมั้งถึงได้วิ่งหนีอย่างหน้าตื่นจนเธอต้องวิ่งตามเพราะกลัวจะล้ม และวิ่งรอบผับจนเชือกมันคลายตัวหลุดเอง จากที่เมาก็คือสร่างเพราะหมอนี่อ่ะ!!“โกรธแม่ฉันมั้ย ฉันขอโทษแทนท่านด้วยนะท่านเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว” ชาไหมเอ่ยขอโทษคนข้างกายแทนผู้เป็นแม่เมื่อขึ้นมาบนรถแล้ว แต่ชายหนุ่มกับส่ายหน้าให้แล้วเอื้อมมือมากุมมือของเธอไว้“ผมต่างหากที่ต้องขอโทษแทนแม่ผม ท่านน่ะเป็นคนไม่ค่อยมีเหตุผลถึงมีก็เป็นเหตุผลส่วนตัวที่ชอบยกมาอ้างไปมั่ว”“จะว่าฉันเป็นคนไม่มีมารยาทก็ได้นะ แต่เวลาฉันมีแฟนน่ะฉันไม่ค่อยสนใจครอบครัวของแฟนสนใจแค่แฟนของฉัน ไม่สนใจคือไม่ว่าเขาจะชอบหรือไม่ชอบฉันก็เรื่องของเขาขอแค่ลูกชายเขารักฉันแค่นั้นก็เพียงพอ กับแม่ผัวฉันแค่ทำในสิ่งที่ลูกสะใภ้ควรทำแค่นั้น”“ผมเข้าใจครับ ถ้างั้นเรากลับคอนโดพี่นะ”“อืม ฉันอยากไปนอนพักสักหน่อยเดี๋ยวคืนนี้ไปเที่ยวอีก” จากนั้นเฮโรก็สตาร์ทรถและขับออกไป เธอรู้สึกว่าวันนี้เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดเลย คือแบบมีเรื่องมีราวเข้ามาเยอะจนงานของเธอนั้นไม่ได้กระดิกไปไหน ส่วนงานค้างของวันนี้แน่นอนว่าเธอก็ทักแชทไปบอกให้รองประธานเข้าไปเคลียร์งานแทนแล้วพูดถึงบริษัทก็ตัดมายังห้องทำงานของรองประธานหนุ่มที่นั่งหน้าเคร่งเครียดขมวดคิ้วมุ่นอยู่หน้างานกองโต ที่ไม่รู้ว่าปกติแล้วงานของท่านประธานสาวนั้นเยอะขนาดนี้อยู่แล้วหรือว่
บรรยากาศภายในร้านเงียบสงัดลงทันทีเมื่อลูกค้าภายในร้านเกิดมีปากเสียงจนถึงขั้นสาดน้ำใส่หน้ากัน ผู้คนต่างเริ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอัดคลิปอัดวิดีโอไว้แต่ก็ไม่ได้ทำให้สามสาวนั้นรู้สึกละอายแต่อย่างใดเพราะกำลังถูกความโมโหเข้าควบคุมอยู่“ด่ากูว่าร่านมึงก็ร่านพอๆ กูแหละแนน!”“เยอะไปป่าวบุ้ง!!?”“ก็มึงดูมันด่ากูดิชา!”“แต่กูว่ามันก็เรื่องจริงนะ!!” ชาไหมลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับผักบุ้ง มือเล็กกำเข้าหากันแน่นพร้อมจะยกขึ้นไปฟาดใบหน้าของคนตรงหน้าได้ทุกเมื่อ“ก็เพราะพวกมึงทำงานด้วยกันไงเลยเข้าข้างกันแบบนี้!!”“กูเข้าข้างกันเพราะสิ่งที่มึงทำมันผิดนะแนน!!” แนนซี่ลุกขึ้นยืนอีกคนแล้วบอกกับหญิงสาวตรงหน้าที่ยังเถียงจนคอเป็นเอ็น ทั้งที่ตัวเองผิดแต่กลับไม่ยอมรับความผิดพยายามโบ้ยความผิดไปให้คนอื่นอีก เหอะ!“กูผิดตรงไหน กูแค่ทำตามความต้องการแม่”“มึงอย่าเอาแม่มาอ้างสิ!!”“มึงมีดีกว่ากูทุกอย่าง ทั้งเรียนเก่ง บ้านมีฐานะ มีธุรกิจเป็นของตัวเองแค่ผู้ชายคนเดียวมึงก็ยกให้กูดิ” เพี้ยะ! แน่นอนว่าประโยคที่สิ้นคิดของผักบุ้งนั้นทำให้ชาไหมยกฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้าของเธอเต็มๆ และจากที่ยืนอยู่คนละฝากเธอก็เดินปรี่ไปหาผักบุ้งจนแนนซี
ชาไหมเมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานของตัวเองก็ชวนโอเล่ต์กับแนนซี่ลงไปหาอะไรทานแถวข้างบริษัทที่มีร้านน้ำร้านขนมหวานเปิดใหบริการอยู่“พี่ไหมคะ พี่ยังรักแฟนเก่าอยู่มั้ยคะ?” โอเล่ต์เอ่ยถามหลังจากพวกเธอพากันมานั่งในร้านเบอเกอรี่และสั่งของหวานกับพนักงานไปเรียบร้อนแล้ว“ไม่รักแน่นอน คนอย่างนั้นไม่สมควรถูกรักหรอก”“จริงค่ะ พี่สวยแบบนี้คงมัดใจพี่โรได้สินะ”“โรต่างที่มัดใจคุณชาได้อ่ะ” แนนซี่แย้งด้วยรอยยิ้มขณะที่มือกำลังพยายามคุยแชทกับใครสักคนอยู่ จากนั้นเธอก็ยื่นโทรศัพท์ให้ชาไหมดูสิ่งที่เธอคุยกับคนในแชท“อะไรเหรอ?”“ลองอ่านสิ”“ถ้างั้นหนูขอไปสั่งขนมเพิ่มได้มั้ยคะ?” เมื่อเห็นว่าผู้ใหญ่คงมีเรื่องส่วนตัวโอเล่ต์จึงเอ่ยถามสองสาวซึ่งก็พยักหน้าให้เธอ ร่างเล็กจึงเดินดุ๊กดิ๊กไปมองหาขนมหวานที่ถูกใจเพื่อสั่งมันพร้อมกับน้ำปั่นสีสันสดใส“มันจะมานี่เหรอ?”“อืม กูถามมันเรื่องโรมันบอกว่ามันไม่รู้เรื่องอะไรเลยจะมาอธิบายกับเรา” แนนซี่บอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เมื่อเธอทักไปถามผักบุ้งเรื่องหมั้นกับโรแต่หล่อนกับบอกว่าไม่รู้เรื่องอะไรรู้แค่ว่าแม่อยากให้หมั้นกับผู้ชายที่อายุน้อยกว่าเลยจะมาอธิบายให้พวกเธอฟังที่นี่ด้วยตัวเอง อ
“แล้วนี่นั่งยิ้มอะไร ฉันกำลังอารมณ์ไม่ดีนะ!!” คุณหญิงมัมหันมาถามบุตรสาวที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทั้งที่ตัวเธอโมโหพีพีจนอกจะแตกตายอยู่แล้ว ชาไหมจึงขยับเข้าไปนวดแขนให้ผู้เป็นแม่“นานทีคุณหญิงจะออกโรงช่วยไล่สิ่งไม่ดีออกจากชีวิตลูกสาวนี่คะเลยดีใจไปหน่อย”“อ๋อ นี่จะบอกว่าฉันไม่เคยออกโรงปกป้องหรือช่วยอะไรเธอเลยว่างั้น?”“ก็ตั้งแต่อายุยี่สิบ…”“เพราะเธอโตแล้วควรช่วยเหลือตัวเอง เอาตัวรอดเองได้แล้วนี่”“โอเคๆ ไม่เถียงค่ะ ว่าแต่มาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า” ตั้งแต่ยกตำแหน่งประธานบริษัทให้ คุณหญิงมัมก็ไม่เคยมาหาเธอเลยสักครั้ง และนานครั้งมากที่เธอกับแม่จะเจอกันเพราะอย่างที่รู้ว่าเธอไม่ได้อยู่บ้านอาศัยอยู่ที่คอนโดเป็นส่วนใหญ่ ส่วนคุณพ่อนั้นแล้วใหญ่เลยปีหนึ่งแทบจะเจอกันแค่ครั้งหนึ่งเห็นจะได้!“วันนี้ไปเดินห้างมาเห็นพนักงานพูดถึงเธอกับแฟนหนุ่ม มีแฟนทั้งทีไม่คิดจะบอกฉันเลยเหรอ!?”“ก็คิดว่าจะบอกอยู่ แต่ยังไม่กล้าบอกกลัวไม่ถูกใจ”“แล้วใครล่ะ”“เฮโร ผ่านมั้ย..ลูกชายคุณฮารี”“เฮโร หมอนั่นน่ะเหรอ เหอะ! ไม่เห็นมีอะไรคู่ควรกับเธอสักนิด”“แล้วผ่านมั้ยล่ะ?”“ก็พอผ่าน ตอนนี้ได้ข่าวว่าจะเปิดร้านเสื้อผ้านี่ ไปเรียนกลับ
ก๊อกก๊อก! เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นพร้อมกับบานประตูที่ถูกผลักเข้ามา ร่างของแนนซี่เดินนำชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินกรมกับกางเกงสแล็คสีดำรองเท้าหนังเดินเข้ามา ชาไหมจึงละสายตาจากงานแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองเขาก็เห็นว่าคนที่ให้เลขามานัดคุยงานกับเธอก็คือแฟนเก่าของเธออย่างพีพี!“นายจะไม่ยอมเลิกยุ่งกับฉันจริงๆ หรือไง” ชาไหมบ่นขึ้นกับตัวเองเบาๆ ไม่รู้ว่าพีพีต้องการอะไรจากเธอถึงยังมาวนเวียนตามตอแยเธออยู่เช่นนี้ ทั้งที่เลิกกันไปสองปีจะเข้าสามปีอยู่แล้ว ร่างบางจึงลุกขึ้นยืนแล้วกวักมือให้โอเล่ต์มานั่งตรงที่เธอส่วนตัวเธอนั้นก็เดินไปนั่งบนโซฟาไม่ลืมจะผายมือให้ชายหนุ่มร่างสูงมานั่งด้วย“ขอบคุณสำหรับอาหารกับน้ำนะคะ” แนนซี่ที่ยืนมองพีพีด้วยสายตาที่ไม่ชอบพอนั้นเอ่ยบอกกับประธานสาวแล้วก็เดินออกไปนั่งทำงานของตัวเองต่อด้านนอกทิ้งให้ภายในห้องนั้นเงียบกริบเมื่อไม่มีใครเอ่ยพูดอะไร มีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศที่ดังอยู่ สายตาคมกริบของพีพีจ้องมองไปยังใบหน้าคนข้างกายที่นั่งมองไปยังเด็กสาวที่นั่งอยู่ในห้องนี้อีกที“หนูรบกวนใช่มั้ยคะ?” โอเล่ต์จึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามชาไหมเมื่อเห็นว่าถูกจ้องมองและทั้งคู่ไม่พูด
เมื่อผู้หญิงคนนั้นถูกลากตัวไปแล้วเฮโรก็หันไปขอโทษลูกค้าท่านอื่นที่ทำให้ภายในร้านบรรยากาศเสียไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เดินตรงไปยังห้องทำงานของเขาที่เมื่อเดินเข้ามาก็เห็นว่ามีเด็กสาวร่างเล็กนั่งกอดอกอยู่บนเก้าอี้ทำงานของเขาและมีเลขาของเขายืนมองเธออยู่ด้วยสีหน้าที่ปานจะกลืนกินเด็กสาวไปทั้งตัว“เธอยังเด็กนะครับ”“อายุสิบเจ็ดนี่ก็ไม่ถือว่าเด็กแล้วนะคะ”“อ่า อย่าดุเธอเลย..คุณไปเคลียร์เรื่องที่โรงพักให้ผมหน่อย เดี๋ยวผมจัดการที่นี่ต่อเอง อ้อ..ฝากเอาเลขาพี่ชาไปส่งให้พี่เขาด้วยนะครับ” เฮโรสั่งงานธีรกานต์เสร็จแล้วเขาก็เดินไปนั่งบนโซฟากลางห้อง ส่วนธีรกานต์ที่ได้รับมอบหมายงานก็โค้งหัวให้ผู้เป็นนายเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป“ไม่ต้องไล่หนู หนูออกเอง!” คนตัวเล็กกระแทกเสียงบอกคนตัวใหญ่ที่นั่งอยู่บนโซฟาห่างจากเธอแถมยังยกแขนขึ้นมากอดอกมองเธออยู่ แต่เขายังไม่ทันได้ปริปากว่าอะไรเธอสักนิด“พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”“หนูรู้ว่าพี่จะดุหนูที่หนูไปว่าลูกค้าแบบนั้น แต่เธอทำหนูก่อนหนูไม่ยอมหรอกนะ เป็นพนักงานแล้วไงพนักงานไม่ใช่คนหรือไง!!”“พี่ให้คนพาเธอไปส่งตำรวจแล้ว” เขาส่ายหัวให้หญิงสาวตรงหน้าเบาๆ ที่ดูจะไม่ยอมรอฟังในส