‘มีอันใดก็รีบเอ่ยมา’ แม้ไม่ได้เห็นสีหน้า แต่คนลอบฟังเช่นนางก็สามารถคาดเดาได้ว่าบุรุษผู้นั้นกำลังรู้สึกรำคาญ
‘ข้าเพียงแต่อยากจะเอ่ยวาจาขอบคุณท่านที่ได้ยื่นมือช่วยเหลือข้าในวันนั้นเจ้าค่ะ’
‘ข้าน่ะหรือ ช่วยเหลือเจ้า’
นี่แหละนะบุรุษรูปงามมักไม่จดจำว่าตนเองได้ล่อลวงสตรีใดไปบ้าง
‘เจ้าค่ะ เป็นท่านที่ช่วยเหลือข้ายามที่ม้าเหล่านั้นกำลังพยศ’
‘อ๋อ! ในตอนนั้นข้าเพียงไม่อยากให้รถม้าของตระกูลนั้นต้องจ่ายค่าเสียหายมากมาย’ แท้จริงที่ช่วยก็เพียงมีใจอยากช่วยไม่ให้จวนท่านตาต้องชดเชยค่าเสียหายจำนวนมากก็เท่านั้น
บุรุษผู้นี้ปากร้ายยิ่งนัก สตรีงดงามรู้สึกซาบซึ้งแทนที่จะรับคำขอบคุณไว้กลับบอกไปเช่นนั้นไม่รู้คนงามจะหน้าชาเพียงใด
‘อย่างไรข้าก็ต้องขอบคุณท่านที่ยื่นมือช่วยเหลือ มิเช่นนั้นข้าคงเจ็บหนัก’
‘ที่เจ้ามาขวางทางข้าเพราะอยากเอ่ยวาจาเพียงเท่านี้ใช่หรือไม่’
‘ยังมีอีกเรื่องเจ้าค่ะ ข้าอยากตอบแทนท่าน ข้าสามารถทำเช่นไรได้บ้างเจ้าคะ’
ก็ต้องพลีกายตบแต่งเป็นฮูหยินให้อย่างไรเล่า นี่เป็นการตอบแทนที่ดีที่สุดแล้ว
‘เจ้าไม่สามารถมอบให้ข้าได้หรอก’
‘ไม่มีสิ่งใดที่ข้าคุณหนูซิว นามว่าลู่หลิน ทำไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ’
โอ๊ะ! แนะนำตนให้อีกฝ่ายได้รู้จักอย่างแนบเนียน ประเดี๋ยวนะ...ซิวลู่หลินเช่นนั้นหรือ นั่นมันบุตรสาวของราชครูมิใช่หรือ
คงเพราะเมื่อครู่กลัวโดนจับได้ นางเลยไม่ทันมองให้ละเอียดถี่ถ้วนจึงไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นคุณหนูคนงามที่มีบุรุษหมายปองมากมายแต่หากอ้างอิงจากฝันร้ายของนางแล้ว ที่ยังไม่ยอมตอบรับแม่สื่อของตระกูลใดคงเพราะรอที่จะได้ครองคู่กับชินอ๋องซื่อจื่ออยู่เป็นแน่
‘ที่แท้เป็นคุณหนูจวนราชครูนั่นเอง เช่นนั้นหากอยากตอบแทนข้า ในอีกสามวันข้างหน้าจงเตรียมทองคำสองหีบใหญ่ ข้าจะส่งคนไปรับ’
‘ท่าน!’ สตรีผู้นั้นเอ่ยเรียกบุรุษด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแฝงความผิดหวัง
ชินอ๋องซื่อจื่ออยู่ที่ใด เหตุใดถึงไม่รีบมาช่วยว่าที่พระชายาของท่าน นางกำลังโดนรีดไถอยู่รู้หรือไม่
‘ทองคำสองหีบ เทียบกับชีวิตคุณหนูซิว ข้าว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ’
‘เจ้าค่ะ ข้าจะจัดเตรียมให้ท่านตามต้องการ แต่ท่านต้องมารับด้วยตนเองนะเจ้าคะ’
‘...’ ไร้เสียงตอบรับจากอีกฝ่าย
‘ทองคำสองหีบเทียบไม่ได้กับบุญคุณช่วยชีวิต หากมีสิ่งใดให้ข้าช่วยเหลือ ท่านสามารถมาพบข้าได้ที่จวนราชครูเจ้าค่ะ’
เสนอตัวเป็นที่สุด สหายของพี่ใหญ่ผู้นั้นจะทราบหรือไม่ว่า ว่าที่พระชายาของท่านกำลังอยากตอบแทนบุญคุณของบุรุษรูปงามด้วยการพลีกาย
‘หลีกทางได้แล้ว ข้าจะได้ไปธุระของข้าต่อ’
‘ขออภัยเจ้าค่ะที่รบกวนท่าน อีกสามวันข้างหน้า เจอกันที่จวนตระกูลซิวเจ้าค่ะ’
เมื่อบทสนทนาจบลงคุณหนูผู้นั้นก็เดินออกมาจากตรอก พอไม่มีการเคลื่อนไหวของใครอีกนางจึงเกาะผนังร้านแล้วชะเง้อคอมองเข้าไปในตรอก
ไม่มี! หรือบุรุษผู้นั้นใช้วิชาตัวเบาจากไปแล้ว ที่แท้ก็เพียงอยากสนทนากับหญิงงาม แต่คงกลัวเสียหน้าจึงแสร้งทำเป็นไม่สนใจหวังให้สตรีเสนอตัว ทั้งที่แท้จริงหากไม่อยากสนทนากับสตรีผู้นั้นจริง ๆ ก็สามารถใช้วิชาตัวเบาจากไปได้ทันที
“คุณหนู! ท่านกำลังมองหาสิ่งใดอยู่เจ้าคะ” เสียงเรียกที่ดังด้านหลังทำให้นางสะดุ้งจนตัวโยน
“เจ้า! ซูฉี...เจ้าทำให้ข้าตกใจเกือบตาย” ฟ่านซีอิ๋งยกมือตบอกคล้ายกับปลอบประโลมตนเองให้คลายกังวล
“ขออภัยเจ้าค่ะ คุณหนูกำลังมองหาสิ่งใดอยู่เจ้าคะ ให้บ่าวช่วยหาหรือไม่”
“ไม่ต้อง ข้ากำลังมองหาเจ้าอยู่นั่นแหละ เป็นอย่างไรบ้าง ทราบแล้วหรือไม่ว่าคนเขามุงดูอันใดกันอยู่”
“แสดงปามีดและฟันดาบเจ้าค่ะ ทั้งยังมีขายเครื่องรางป้องกันภัยด้วยเจ้าค่ะ บ่าวจึงมาถามคุณหนูว่าอยากได้หรือไม่ บ่าวจะฝ่าผู้คนเข้าไปซื้อให้”
“พวกเขาแสดงจบแล้วหรือเจ้าถึงได้กลับมาหาข้า”
“ยังเจ้าค่ะ แต่บ่าวเป็นห่วงคุณหนูจึงออกมาก่อน”
“เช่นนั้นก็ไปซื้อเครื่องรางให้ข้า แล้วเจ้าก็อยู่ดูให้จบ จะได้กลับมาเล่าให้ข้าฟัง ข้าจะไปรอเจ้าที่โรงเตี๊ยมหนานเหิง ไปถึงก็แจ้งเสี่ยวเอ้อร์ให้เขาพาเจ้าไปหาข้า” นางแสร้งกล่าวด้วยสีหน้ารำคาญก่อนจะโบกมือไล่สาวใช้ไป
“เจ้าค่ะคุณหนู บ่าวจะตั้งใจดูแล้วไปเล่าให้คุณหนูฟัง”
“อืม” นางตอบรับก่อนจะมองตามสาวใช้ที่วิ่งแทรกเข้าไปในกลุ่มคนด้วยรอยยิ้ม
“ยังเป็นเด็กน้อยเสียจริง พี่ชายอินไปตามดูแลซูฉีสักคนเถิดเจ้าค่ะ” นางเอ่ยเสียงเบาก่อนจะเดินไปที่โรงเตี๊ยมซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านร้างที่นางยืนอยู่ เพราะรอบกายยังเหลือผู้คุ้มกันอีกสามคนที่เร้นกายเฝ้าปกป้องอยู่ นางจึงไม่กังวลเท่าใดนัก
“ขอรับคุณหนู”
โปรดปรานจนวาระสุดท้าย เวลาผ่านไปนานถึงยี่สิบห้าหนาว ฮ่องเต้คังเฟยหลงในวัยสี่สิบเจ็ด ป่วยและจากไปด้วยโรคประจำตัว แม้ในวังหลังจะมีสนมมากมาย แต่ทว่าฮ่องเต้กลับมีโอรสและธิดากับฮองเฮาเพียงสามพระองค์โดยสนมทุกคนจะถูกบังคับให้ดื่มน้ำแกงไร้บุตรก่อนที่จะเข้าถวายการรับใช้ ซึ่งฮ่องเต้จะเป็นผู้ยืนดูความเรียบร้อยด้วยตนเอง แม้จะมีฎีกาคัดค้านเรื่องนี้จากขุนนางมากมาย แต่ทว่าขุนนางเหล่านั้นก็จะโดนฮ่องเต้กล่าวหาว่ามักใหญ่ใฝ่สูงหวังอยากเป็นพระอัยกาของฮ่องเต้พระองค์ถัดไปทั้งคิดจะกลืนกินราชวงศ์ สุดท้ายจึงไม่มีใครกล้าโต้แย้งพระประสงค์ของฮ่องเต้ด้วยกลัวว่าจะต้องโทษกบฏ องค์ไท่จื่อที่ได้รับการแต่งตั้งจึงเป็นองค์ชายใหญ่ ส่วนองค์ชายรองก็รับหน้าที่ส่งเสริมพี่ชายโดยได้รับตำแหน่งอ๋อง และองค์หญิงก็ได้แต่งกับท่านราชบุตรเขยซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ ทั้งสามพี่น้องรักใคร่เกื้อกูลกันเนื่องจากประสูติจากครรภ์ของฮองเฮา “ชินอ๋องซื่อจื่อแจ้งว่ายามได้รับทราบข่าวของพระองค์ ชินอ๋องและพระชายารีบเร่งเดินทางออกจากเมืองจิ่นเฟิงเพคะ” “อืม...แต่เจิ้นคงรอพวกเขาไม่ไหวหรอก อย่างไรฝากขอโทษพวกเขาด้ว
“อืม” คังซืออี้หน้าตึงไม่ค่อยพอใจอยู่บ้างที่เห็นพระชายาของตนส่งยิ้มให้โอรสสวรรค์ “ซีถิง อากลับก่อนนะ เอาไว้วันหน้าอาจะนำของเล่นมามอบให้” “พ่ะย่ะค่ะ” เด็กน้อยวัยห้าหนาวตอบรับเสียงอ่อน “ฟู่กงกง ส่งเสด็จฮ่องเต้” “เชิญพ่ะย่ะค่ะ” ฟู่กงกงรีบมาทำหน้าที่ พลางคิดว่าคงจะมีแต่ตำหนักนี้กระมังที่ให้ขันทีเป็นคนออกไปส่งฮ่องเต้ที่หน้าตำหนักหาใช่เจ้าของตำหนัก คล้อยหลังโอรสสวรรค์แล้ว พระชายาฟ่านก็หันหน้ามาจ้องหนึ่งบุรุษ หนึ่งเด็กน้อยที่หน้าตาคล้ายคลึงกันยิ่งนัก ไหนจะท่าทางก้มหน้าเล็กน้อยแล้วช้อนตาขึ้นมองเพื่อเรียกร้องความน่าสงสารนั่นอีก ‘สมแล้วที่เป็นพ่อลูกกัน’ นางเกือบเผลอยิ้มออกมาก่อนจะแสร้งทำหน้าเคร่งขรึม “ท่านแม่ขอรับ เรื่องนี้เป็นท่านพ่อที่ผิดนะขอรับ ลูกเพียงแต่น้อยใจ...” “บิดาเจ้าเพียงห่วงใยมารดา จึงไม่อยากให้เจ้าไปรบกวน พ่อผิดที่ใด” “หยุดเอ่ยวาจาเลยเจ้าค่ะ นับตั้งแต่นี้ชินอ๋องและชินอ๋องซื่อจื่อจะต้องย้ายไปอยู่เรือนท้ายตำหนักและถูกกักบริเวณเป็นเวลาสามวันห้ามก้าวเท้าออกจากเรือนท้
“ข้าคิดดีแล้วขอรับ ท่านอามาเป็นสามีใหม่ของมารดาข้าเถิด ข้ายินดีจะเรียกท่านว่าบิดาอย่างไม่อิดออด” “หน๊อย! เจ้าเด็กนี่ เฟยหลงเจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ” ชินอ๋องร้องโวยวายเมื่อถูกน้องชายจับตัวไว้หวังช่วยเหลือเจ้าเด็กมากมารยา “ท่านพี่ใจเย็น ๆ ก่อนเถิด ซีถิงยังเยาว์วัยนักท่านอย่าได้ถือสาเขาเลย” “ท่านพ่อคนใหม่ ช่วยข้าด้วยขอรับ เห็นหรือไม่ บิดาคนเก่าของข้าใจร้ายเพียงใด” ท่าทางก้มหน้าเล็กน้อยพลางตอบเสียงอ่อน ทำให้ผู้ใหญ่เอ็นดูได้ไม่อยาก แต่ยกเว้นบุรุษที่เจ้ามารยาไม่แพ้กันเช่นชินอ๋อง “หยุดเอ่ยเรียกผู้อื่นว่าบิดาได้แล้ว มิเช่นนั้นข้าจะลงโทษเจ้า” คังซืออี้รู้สึกอยากลงโทษบุตรชายก็คราวนี้ จะมารยาเรียกร้องความสนใจเช่นไรเขาไม่นึกถือสา แต่หากคิดจะหาบุรุษมาให้ชายาของเขา เขามีหรือจะยอม “จะลงโทษซีถิงด้วยเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ” ฟ่านซีอิ๋งเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง นางถูกสาวใช้คนสนิทปลุกให้ตื่นหวังให้มาห้ามทัพระหว่างบุรุษทั้งสอง ด้วยกลัวว่าท่านอ๋องน้อยจะถูกลงโทษเพราะไปยั่วโทสะบิดาเข้า เรื่องที่แตะเกล็ดมังกรย้อนของชินอ๋องผู้นี้เห
“ท่านอ๋องสั่งไว้ว่าไม่ว่าใครก็ห้ามรบกวนขอรับ” “บังอาจ! พวกเจ้าไม่เห็นข้าเป็นนายหรือ” เด็กน้อยวัยห้าหนาวยืนกอดอกจ้องทหารยามด้วยสายตาดุ แต่ในสายตาผู้อื่นกลับดูน่ารักไปเสียได้ “ย่อมเห็นขอรับจึงไม่อยากให้ท่านอ๋องน้อยต้องถูกท่านอ๋องลงโทษที่ขัดคำสั่ง” “ปล่อย...” ชินอ๋องซื่อจื่อตัวน้อยยังส่งเสียงร้องโวยวายไม่ทันจบก็ถูกบุรุษตัวโตปิดปากแล้วอุ้มให้ออกห่างจากเรือน “ชายาข้ากำลังพักผ่อน เจ้าอย่าได้ส่งเสียงรบกวนนาง” เรียกได้ว่าเพิ่งได้นอนเมื่อตะวันฉายแสงจะดีกว่า ทำอย่างไรได้ในเมื่อเขาทั้งรักและโปรดปรานนางยิ่งนัก ทันทีที่ร่างเล็กถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เจ้าตัวน้อยก็กอดอกแล้วต่อว่าผู้เป็นบิดาทันที “ท่านพ่อใจร้าย ไม่ยอมให้ข้าเจอท่านแม่เลย” “ซีถิง เจ้าโตแล้ว เป็นบุรุษจะทำตัวเป็นลูกแง่เกาะติดมารดาตลอดไปไม่ได้ ในภายหน้าเจ้าจะได้เป็นชินอ๋องที่น่าเกรงขาม เห็นหรือไม่ บิดาทำไปเพื่อฝึกฝนเจ้า” คังซืออี้กล่าวพลางตีหน้าเคร่งขรึมหวังหลอกล่อบุตรชายให้หลงเชื่อ ทั้งที่จริงแล้วยามเดินทางเขาไม่ได้ใกล้ชิดนางดั่งใจต้องการ
หาคนรักให้มารดา เสียงร้องโวยวายของเจ้าก้อนแป้งวัยห้าหนาวดังลั่นเรือนพร้อมเจ้าตัวที่กำลังดีดดิ้นและพยายามช่วยเหลือตนเองจากการถูกหิ้วคอเสื้อจากทางด้านหลัง “ท่านพ่อ ปล่อยข้านะขอรับ ข้าจะไปหาท่านแม่” เด็กน้อยเอื้อมแขนสั้น ๆ ของตนพยายามแกะมือที่จับยึดคออาภรณ์ของเขา “ท่านแม่เจ้ากำลังพักผ่อนให้คลายจากความเหน็ดเหนื่อยเจ้าอย่าได้ไปรบกวน” “นี่มันยามโหย่ว (17.00-18.59) แล้วนะขอรับ” “แล้วอย่างไร มีกฎข้อใดไม่ให้ชายาข้าพักผ่อนในยามโหย่ว (17.00-18.59)” “ก็มันใกล้จะมืดค่ำแล้วขอรับ” ประเดี๋ยวอีกหนึ่งชั่วยามก็ต้องเตรียมตัวเข้านอนอีก “เจ้ายังเด็กนัก บิดาจึงไม่อาจบอกได้ว่าแท้จริงยามค่ำคืนคนที่เติบโตแล้ว ไม่ต้องเข้านอนก็ได้” “ท่านพ่อกำลังโกหกข้า อีกอย่างหากท่านแม่ทราบว่าข้ากำลังร้องเรียกหา ท่านแม่หรือจะเมินเฉย” “ที่เจ้ากล่าวมาก็ไม่ผิด ด้วยเหตุนี้พ่อจึงได้พาเจ้ากลับมาที่เรือนแยก แม่นม จือไห่ จือซวน จือหม่า จือหมิง” “เพคะ/พ่ะย่ะค่ะ” คนที่รออยู่ด้านนอกรีบวิ่งเข้ามาพลางโค้งตัวรอรับคำส
“ในเมื่อพี่ตกลงกราบไหว้ฟ้าดินกับเจ้าแล้ว ชั่วชีวิตไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขพี่ย่อมมีเจ้าเป็นสตรีเพียงคนเดียวในเรือนหลัง หากเจ้าลองสังเกตดี ๆ เจ้าจะพบว่านอกจากบิดาของพี่จะมีฮูหยินเพียงคนเดียวแล้ว สหายของพี่ที่เป็นถึงชินอ๋อง ก็ยังแต่งพระชายาคือน้องสาวของพี่เพียงคนเดียว ไร้อนุฯ หรือสาวใช้อุ่นเตียง บ่งบอกว่าพวกเราคนตระกูลฟ่านต้องการมีรักเดียวชั่วชีวิต” “นี่ท่าน!” หูเซียงเฟยตกใจยิ่งนัก มิคิดว่าเขาจะคิดเช่นนั้นมาโดยตลอด “เช่นนั้นเจ้าอย่าได้เอ่ยถึงเรื่องข้อเสนอนั่นอีกเลย ในเมื่อการกราบไหว้ฟ้าดินของเราเกิดขึ้นเพราะความเต็มใจ” สิ้นเสียงเขาก็เชยคางมนขึ้นก่อนจะกดริมฝีปากทาบทับลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนุ่มเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้เขาจงใจทำให้นางคุ้นเคยกับสัมผัสของเขาจึงทำเพียงกินเต้าหู้นางเล็ก ๆ น้อย ๆ ลิ้นร้อนลิ้มรสความหวานจากโพรงปากนุ่ม ลิ้นเรียวเล็กของนางพยายามตอบรับสัมผัสของเขาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ยิ่งทำให้เข้าปรารถนาอยากจะกดนางลงบนเตียงแล้วทำให้นางกลายเป็นฮูหยินของเขาเต็มตัว “เซียงเซียง เจ้าหวานเหลือเกิน” เขากล่าวพลางจ้องมองนางด้ว