3
ถูกจับได้เสียแล้ว
ผลั่ก! บุรุษที่บอกว่าเป็นสหายของพี่ชายดันประตูให้เปิดออกอย่างแรง
ชายงามในห้องทั้งสามคนที่กำลังกินอาหารอยู่พลันสะดุ้งสุดตัวก่อนจะรีบวางมือแล้วหันไปยิ้มต้อนรับคุณชายจิตใจดี
“คุณชายกลับมาแล้วหรือขอรับ”
“บอกลาชายงามของเจ้าซะ”
“พวกท่านตามสบายเถิดขอรับ นี่เป็นค่าเสียเวลาของพวกท่าน พี่ชายข้าจะพากลับจวนแล้ว เอาไว้ข้าจะมาหาพวกท่านใหม่นะขอรับ”
“เจ้ายังคิดจะมาในที่เช่นนี้อยู่อีกหรือ” สหายของพี่ชายหันมาถลึงตาใส่นาง
‘มันเป็นคำบอกลาที่ไม่ให้ดูเสียมารยาทเจ้าค่ะ บุรุษกักขฬะเช่นท่านคงไม่เข้าใจ’ นางค่อนขอดเขาในใจ
“คุณชายอย่าได้เกรงใจพวกเราเลยขอรับ” ชายงามทั้งสามมองคุณชายจิตใจดีด้วยสายตาอาวรณ์อยู่บ้าง
“รีบจ่ายตำลึงจะได้รีบกลับ”
“ขอรับ ๆ” นางตอบรับพลางนึกในใจ หากรีบก็กลับเองสิจะมาเร่งนางด้วยเหตุใด
“รับไปเถิดขอรับ ข้าเรียกพวกท่านมาข้าก็ต้องจ่าย” นางมอบก้อนตำลึงให้พวกเขาพลางน้ำตาตกใน ตำลึงทองที่นางเก็บหอมรอมริบไว้เกือบจะหมดถุงแล้ว
หอชายงามช่างเป็นแหล่งสูบเงินชั้นยอดเสียจริง ข้าเปิดบ้างดีหรือไม่ เผื่อจะได้มีเงินถุงเงินถังโดยไม่ต้องเอ่ยขอท่านแม่
“เสร็จแล้วใช่หรือไม่”
“ขอรับ”
“เช่นนั้นก็กลับจวนได้แล้ว” กล่าวจบก็จับข้อมือกลมกลึงแล้วลากคุณชายตัวปลอมออกจากห้องแห่งนั้น ทิ้งให้ชายงามทั้งสามมองตาม
“คุณชายรูปงามคงเป็นสามีของแม่นางน้อยผู้นั้นเป็นแน่”
“ข้าก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า แต่คงเป็นคนนิสัยไม่ดีเท่าใด มิเช่นนั้นฮูหยินของเขาคงไม่ลอบหนีมาเที่ยวหาความสำราญในหอชายงามเช่นนี้”
“ช่างน่าเสียดายแม่นางน้อยผู้นั้น สตรีจิตใจดีมีเมตตาเช่นนางสมควรจะได้เจอบุรุษที่ดี”
“นั่นสิ! ช่างน่าเสียดาย น่าเสียดาย” ชายงามทั้งสามกล่าวก่อนจะพากันออกจากห้องเช่นกัน
ด้านคุณหนูผู้มีจิตใจเมตตานั้นกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ดวงตาเมล็ดซิ่งกลอกมองซ้ายทีขวาทีคล้ายกำลังหาทางเอาตัวรอด
“หากคิดจะหนีไปก่อน เลิกคิดได้เลย”
‘หากท่านไปส่งข้าที่หน้าทางเข้าจวน ข้าก็ถูกท่านพ่อท่านแม่ต่อว่าสิ”
“หากเจ้าหนีไป ไม่ให้ข้าไปส่งถึงจวน ข้าจะไปบอกไห่ถิง ให้กลับจวนไปลงโทษซีอิ๋ง”
“ข้าทำผิด เหตุใดซีอิ๋งนางถึงต้องถูกลงโทษแทนขอรับ”
“ในบรรดาคนตระกูลฟ่านนอกจากไห่ถิง ข้าก็รู้จักเพียงนาง ดังนั้นเป็นนางต้องรับโทษแทนเจ้าก็ถูกต้องแล้ว”
“ข้า เผิงเย่ฟางขอรับ หากข้าทำสิ่งใดผิดก็ให้มาลงโทษที่ข้าเผิงเย่ฟางเถิด”
“ขึ้นรถม้าได้แล้ว”
“ข้า ข้า...”
“ลงโทษซีอิ๋ง” เขากดเสียงต่ำเพื่อข่มขู่
‘ข้า เผิงเย่ฟาง ท่านไม่ได้ยินหรืออย่างไร’ แม้จะโต้แย้งไปเช่นนั้น แต่เมื่อเห็นสีหน้าอยากสังหารคนของเขา นางได้แต่คอตกยอมเดินขึ้นรถม้าแต่โดยดี
“ก็ได้ขอรับ”
ก็เป็นอย่างที่คิด ภายในรถม้าเงียบกริบไร้เสียง สหายของพี่ชายผู้นี้นั่งหลับตานิ่งไม่ยอมเอ่ยปากสนทนาพานทำให้นางรู้สึกอึดอัดไปด้วย
‘สหายพี่ชายคนนี้มีนามว่าอะไร’ เหตุใดถึงรู้สึกคุ้นหน้าเช่นนี้
‘บะ บุรุษผู้นี้ คงไม่ใช่พี่ชายซืออี้หรอกนะ’ ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจ
จะไม่ให้นางตกใจได้อย่างไร ในเมื่อพี่ชายซืออี้เป็นหนึ่งในต้นเหตุที่จะทำให้นางและคนตระกูลฟ่านถูกประหารทั้งตระกูล
คังซืออี้ คือบุตรชายคนเดียวของชินอ๋อง อดีตแม่ทัพใหญ่ซึ่งบัดนี้ส่งคืนอำนาจทางการทหารแล้วพาพระชายาออกท่องเที่ยว ปล่อยให้บุตรชายอย่างคังซืออี้หรือชินอ๋องซื่อจื่ออยู่จวนตามลำพัง และเขาผู้นี้ยังเป็นคนที่ฟ่านไห่ถิงพึงใจ จนนำไปสู่การล่มสลายของตระกูลฟ่าน
“อย่าได้ริอ่านจ้องมองบุรุษอื่นด้วยสายตาเช่นนั้น”
“ขะ ขอรับ” ฟ่านซีอิ๋งตื่นตกใจไม่น้อยที่เขาทราบว่านางลอบมองเขาอยู่
“มิเช่นนั้นจะถูกตราหน้าว่าเป็นต้วนซิ่วได้”
“ขอรับ” โล่งอกไป นึกว่าความแตกเสียแล้ว แม้จะทราบดีว่าพี่ใหญ่และบิดามารดาเฝ้าประคบประหงมนาง แต่หากพวกเขาทราบว่านางปลอมตัวเป็นบุรุษลอบไปที่หอชายงาม ต่อให้รักมากเพียงใดก็คงไม่พ้นต้องโดนลงโทษเป็นแน่
“อยากทราบสิ่งใดก็เอ่ยปากถามมา”
“ท่านกล่าวว่าเป็นสหายของพี่ไห่ถิง ท่านมีนามว่าอันใดหรือขอรับ”
“ข้า...คังซืออี้” สิ้นเสียงของเขา นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเบิกกว้าง สีหน้าของนางฉายแววตื่นตระหนกอย่างชัดเจน ทำให้เขาเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ
“ทะ ท่านคือพี่ซืออี้”
“อืม” เขาตอบรับพลางปรายตามองท่าทีของอีกฝ่าย
“ที่แท้เป็นชินอ๋องซื่อจื่อนี่เอง ขออภัยที่ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่”
โปรดปรานจนวาระสุดท้าย เวลาผ่านไปนานถึงยี่สิบห้าหนาว ฮ่องเต้คังเฟยหลงในวัยสี่สิบเจ็ด ป่วยและจากไปด้วยโรคประจำตัว แม้ในวังหลังจะมีสนมมากมาย แต่ทว่าฮ่องเต้กลับมีโอรสและธิดากับฮองเฮาเพียงสามพระองค์โดยสนมทุกคนจะถูกบังคับให้ดื่มน้ำแกงไร้บุตรก่อนที่จะเข้าถวายการรับใช้ ซึ่งฮ่องเต้จะเป็นผู้ยืนดูความเรียบร้อยด้วยตนเอง แม้จะมีฎีกาคัดค้านเรื่องนี้จากขุนนางมากมาย แต่ทว่าขุนนางเหล่านั้นก็จะโดนฮ่องเต้กล่าวหาว่ามักใหญ่ใฝ่สูงหวังอยากเป็นพระอัยกาของฮ่องเต้พระองค์ถัดไปทั้งคิดจะกลืนกินราชวงศ์ สุดท้ายจึงไม่มีใครกล้าโต้แย้งพระประสงค์ของฮ่องเต้ด้วยกลัวว่าจะต้องโทษกบฏ องค์ไท่จื่อที่ได้รับการแต่งตั้งจึงเป็นองค์ชายใหญ่ ส่วนองค์ชายรองก็รับหน้าที่ส่งเสริมพี่ชายโดยได้รับตำแหน่งอ๋อง และองค์หญิงก็ได้แต่งกับท่านราชบุตรเขยซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ ทั้งสามพี่น้องรักใคร่เกื้อกูลกันเนื่องจากประสูติจากครรภ์ของฮองเฮา “ชินอ๋องซื่อจื่อแจ้งว่ายามได้รับทราบข่าวของพระองค์ ชินอ๋องและพระชายารีบเร่งเดินทางออกจากเมืองจิ่นเฟิงเพคะ” “อืม...แต่เจิ้นคงรอพวกเขาไม่ไหวหรอก อย่างไรฝากขอโทษพวกเขาด้ว
“อืม” คังซืออี้หน้าตึงไม่ค่อยพอใจอยู่บ้างที่เห็นพระชายาของตนส่งยิ้มให้โอรสสวรรค์ “ซีถิง อากลับก่อนนะ เอาไว้วันหน้าอาจะนำของเล่นมามอบให้” “พ่ะย่ะค่ะ” เด็กน้อยวัยห้าหนาวตอบรับเสียงอ่อน “ฟู่กงกง ส่งเสด็จฮ่องเต้” “เชิญพ่ะย่ะค่ะ” ฟู่กงกงรีบมาทำหน้าที่ พลางคิดว่าคงจะมีแต่ตำหนักนี้กระมังที่ให้ขันทีเป็นคนออกไปส่งฮ่องเต้ที่หน้าตำหนักหาใช่เจ้าของตำหนัก คล้อยหลังโอรสสวรรค์แล้ว พระชายาฟ่านก็หันหน้ามาจ้องหนึ่งบุรุษ หนึ่งเด็กน้อยที่หน้าตาคล้ายคลึงกันยิ่งนัก ไหนจะท่าทางก้มหน้าเล็กน้อยแล้วช้อนตาขึ้นมองเพื่อเรียกร้องความน่าสงสารนั่นอีก ‘สมแล้วที่เป็นพ่อลูกกัน’ นางเกือบเผลอยิ้มออกมาก่อนจะแสร้งทำหน้าเคร่งขรึม “ท่านแม่ขอรับ เรื่องนี้เป็นท่านพ่อที่ผิดนะขอรับ ลูกเพียงแต่น้อยใจ...” “บิดาเจ้าเพียงห่วงใยมารดา จึงไม่อยากให้เจ้าไปรบกวน พ่อผิดที่ใด” “หยุดเอ่ยวาจาเลยเจ้าค่ะ นับตั้งแต่นี้ชินอ๋องและชินอ๋องซื่อจื่อจะต้องย้ายไปอยู่เรือนท้ายตำหนักและถูกกักบริเวณเป็นเวลาสามวันห้ามก้าวเท้าออกจากเรือนท้
“ข้าคิดดีแล้วขอรับ ท่านอามาเป็นสามีใหม่ของมารดาข้าเถิด ข้ายินดีจะเรียกท่านว่าบิดาอย่างไม่อิดออด” “หน๊อย! เจ้าเด็กนี่ เฟยหลงเจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ” ชินอ๋องร้องโวยวายเมื่อถูกน้องชายจับตัวไว้หวังช่วยเหลือเจ้าเด็กมากมารยา “ท่านพี่ใจเย็น ๆ ก่อนเถิด ซีถิงยังเยาว์วัยนักท่านอย่าได้ถือสาเขาเลย” “ท่านพ่อคนใหม่ ช่วยข้าด้วยขอรับ เห็นหรือไม่ บิดาคนเก่าของข้าใจร้ายเพียงใด” ท่าทางก้มหน้าเล็กน้อยพลางตอบเสียงอ่อน ทำให้ผู้ใหญ่เอ็นดูได้ไม่อยาก แต่ยกเว้นบุรุษที่เจ้ามารยาไม่แพ้กันเช่นชินอ๋อง “หยุดเอ่ยเรียกผู้อื่นว่าบิดาได้แล้ว มิเช่นนั้นข้าจะลงโทษเจ้า” คังซืออี้รู้สึกอยากลงโทษบุตรชายก็คราวนี้ จะมารยาเรียกร้องความสนใจเช่นไรเขาไม่นึกถือสา แต่หากคิดจะหาบุรุษมาให้ชายาของเขา เขามีหรือจะยอม “จะลงโทษซีถิงด้วยเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ” ฟ่านซีอิ๋งเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง นางถูกสาวใช้คนสนิทปลุกให้ตื่นหวังให้มาห้ามทัพระหว่างบุรุษทั้งสอง ด้วยกลัวว่าท่านอ๋องน้อยจะถูกลงโทษเพราะไปยั่วโทสะบิดาเข้า เรื่องที่แตะเกล็ดมังกรย้อนของชินอ๋องผู้นี้เห
“ท่านอ๋องสั่งไว้ว่าไม่ว่าใครก็ห้ามรบกวนขอรับ” “บังอาจ! พวกเจ้าไม่เห็นข้าเป็นนายหรือ” เด็กน้อยวัยห้าหนาวยืนกอดอกจ้องทหารยามด้วยสายตาดุ แต่ในสายตาผู้อื่นกลับดูน่ารักไปเสียได้ “ย่อมเห็นขอรับจึงไม่อยากให้ท่านอ๋องน้อยต้องถูกท่านอ๋องลงโทษที่ขัดคำสั่ง” “ปล่อย...” ชินอ๋องซื่อจื่อตัวน้อยยังส่งเสียงร้องโวยวายไม่ทันจบก็ถูกบุรุษตัวโตปิดปากแล้วอุ้มให้ออกห่างจากเรือน “ชายาข้ากำลังพักผ่อน เจ้าอย่าได้ส่งเสียงรบกวนนาง” เรียกได้ว่าเพิ่งได้นอนเมื่อตะวันฉายแสงจะดีกว่า ทำอย่างไรได้ในเมื่อเขาทั้งรักและโปรดปรานนางยิ่งนัก ทันทีที่ร่างเล็กถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เจ้าตัวน้อยก็กอดอกแล้วต่อว่าผู้เป็นบิดาทันที “ท่านพ่อใจร้าย ไม่ยอมให้ข้าเจอท่านแม่เลย” “ซีถิง เจ้าโตแล้ว เป็นบุรุษจะทำตัวเป็นลูกแง่เกาะติดมารดาตลอดไปไม่ได้ ในภายหน้าเจ้าจะได้เป็นชินอ๋องที่น่าเกรงขาม เห็นหรือไม่ บิดาทำไปเพื่อฝึกฝนเจ้า” คังซืออี้กล่าวพลางตีหน้าเคร่งขรึมหวังหลอกล่อบุตรชายให้หลงเชื่อ ทั้งที่จริงแล้วยามเดินทางเขาไม่ได้ใกล้ชิดนางดั่งใจต้องการ
หาคนรักให้มารดา เสียงร้องโวยวายของเจ้าก้อนแป้งวัยห้าหนาวดังลั่นเรือนพร้อมเจ้าตัวที่กำลังดีดดิ้นและพยายามช่วยเหลือตนเองจากการถูกหิ้วคอเสื้อจากทางด้านหลัง “ท่านพ่อ ปล่อยข้านะขอรับ ข้าจะไปหาท่านแม่” เด็กน้อยเอื้อมแขนสั้น ๆ ของตนพยายามแกะมือที่จับยึดคออาภรณ์ของเขา “ท่านแม่เจ้ากำลังพักผ่อนให้คลายจากความเหน็ดเหนื่อยเจ้าอย่าได้ไปรบกวน” “นี่มันยามโหย่ว (17.00-18.59) แล้วนะขอรับ” “แล้วอย่างไร มีกฎข้อใดไม่ให้ชายาข้าพักผ่อนในยามโหย่ว (17.00-18.59)” “ก็มันใกล้จะมืดค่ำแล้วขอรับ” ประเดี๋ยวอีกหนึ่งชั่วยามก็ต้องเตรียมตัวเข้านอนอีก “เจ้ายังเด็กนัก บิดาจึงไม่อาจบอกได้ว่าแท้จริงยามค่ำคืนคนที่เติบโตแล้ว ไม่ต้องเข้านอนก็ได้” “ท่านพ่อกำลังโกหกข้า อีกอย่างหากท่านแม่ทราบว่าข้ากำลังร้องเรียกหา ท่านแม่หรือจะเมินเฉย” “ที่เจ้ากล่าวมาก็ไม่ผิด ด้วยเหตุนี้พ่อจึงได้พาเจ้ากลับมาที่เรือนแยก แม่นม จือไห่ จือซวน จือหม่า จือหมิง” “เพคะ/พ่ะย่ะค่ะ” คนที่รออยู่ด้านนอกรีบวิ่งเข้ามาพลางโค้งตัวรอรับคำส
“ในเมื่อพี่ตกลงกราบไหว้ฟ้าดินกับเจ้าแล้ว ชั่วชีวิตไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขพี่ย่อมมีเจ้าเป็นสตรีเพียงคนเดียวในเรือนหลัง หากเจ้าลองสังเกตดี ๆ เจ้าจะพบว่านอกจากบิดาของพี่จะมีฮูหยินเพียงคนเดียวแล้ว สหายของพี่ที่เป็นถึงชินอ๋อง ก็ยังแต่งพระชายาคือน้องสาวของพี่เพียงคนเดียว ไร้อนุฯ หรือสาวใช้อุ่นเตียง บ่งบอกว่าพวกเราคนตระกูลฟ่านต้องการมีรักเดียวชั่วชีวิต” “นี่ท่าน!” หูเซียงเฟยตกใจยิ่งนัก มิคิดว่าเขาจะคิดเช่นนั้นมาโดยตลอด “เช่นนั้นเจ้าอย่าได้เอ่ยถึงเรื่องข้อเสนอนั่นอีกเลย ในเมื่อการกราบไหว้ฟ้าดินของเราเกิดขึ้นเพราะความเต็มใจ” สิ้นเสียงเขาก็เชยคางมนขึ้นก่อนจะกดริมฝีปากทาบทับลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนุ่มเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้เขาจงใจทำให้นางคุ้นเคยกับสัมผัสของเขาจึงทำเพียงกินเต้าหู้นางเล็ก ๆ น้อย ๆ ลิ้นร้อนลิ้มรสความหวานจากโพรงปากนุ่ม ลิ้นเรียวเล็กของนางพยายามตอบรับสัมผัสของเขาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ยิ่งทำให้เข้าปรารถนาอยากจะกดนางลงบนเตียงแล้วทำให้นางกลายเป็นฮูหยินของเขาเต็มตัว “เซียงเซียง เจ้าหวานเหลือเกิน” เขากล่าวพลางจ้องมองนางด้ว