“เจ้ากำลังทำอันใดอยู่” เสียงของบุรุษผู้หนึ่งที่กระซิบที่ข้างหูทำให้นางตกใจยิ่งนัก ก่อนจะรีบหันไปมองอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากจึงแตะเข้ากับริมฝีปากของเขาแต่แทนที่จะเป็นนางที่ร้องโวยวายกลับเป็นเขาที่แสดงท่าทีตกใจระคนรังเกียจ
“เจ้า!” เพื่อป้องกันไม่ให้เขาส่งเสียงไปมากกว่านี้ นางจึงรีบกระโจนเข้าหาแล้วใช้มือข้างหนึ่งจับหัวเขาเอาไว้ มือข้างหนึ่งปิดปาก
“ท่านอย่าได้ตกใจ คนที่อยู่ในห้องเป็นพี่ชายของข้า ข้าเพียงมาหาเขา หาได้มีเจตนาร้ายอันใดไม่”
“...” บุรุษที่ถูกนางปิดปากอยู่กลอกตาไปมาคล้ายอยากเอ่ยวาจา
“ท่านสัญญาได้หรือไม่ หากข้าปล่อยมือท่านจะไม่โวยวาย”
“...” เขาพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงตอบรับ
‘นั่นใคร!’ เสียงที่ดังจากในห้องทำให้นางตกใจ นางปล่อยมือจากตัวเขาแล้วแสร้งยืนเบียดเขาทำตัวคล้ายชายงามออดอ้อนคุณชายที่มาเที่ยวหอชายงามทำให้บุรุษผู้นั้นตกใจจนตัวแข็งทื่อ เดือดร้อนให้นางต้องจับตัวเขาหันหลังให้ประตู
พรึ่บ! เมื่อเสียงประตูด้านหลังเปิดออกนางก็รีบจับมือของเขาให้มาโอบเอวตนเอง
“คุณชายขอรับ วันนี้ต้องขอบคุณท่านมากนะขอรับที่เรียกหาข้า” ฟ่านซีอิ๋งเอนซบใบหน้าลงกับแผงอกของบุรุษผู้นั้นหวังซ่อนใบหน้าของตน หากพี่ชายวิ่งออกจากห้องมาดูหน้าพวกนาง
“...”
“ข้าทราบดีว่าท่านยังไม่อยากกลับ แต่หากอยู่นานกว่านี้ประเดี๋ยวฮูหยินของท่านจับได้ ท่านก็จะไม่ได้มาหาข้าอีกนะขอรับ”
‘คุณชายขอรับมีปัญหาอันใดหรือไม่ ให้ข้าน้อยเรียกผู้คุ้มกันมาหรือไม่’ เสียงของคนด้านหลังทำให้นางหยุดฝีเท้า ก่อนจะขยับตัวและใบหน้าของตนผ่านอกของบุรุษผู้นั้นเพื่อลอบมองสิ่งที่อยู่ด้านหลังผ่านช่องว่างระหว่างตัวและแขนของเขา
‘ไม่ต้อง ช่างเถิด เราเข้าไปหาความสำราญด้านในต่อกันเถิด’
เมื่อประตูห้องที่พี่ชายอยู่ปิดลง นางก็รีบผละตัวออกห่างจากบุรุษผู้นั้นอย่างรวดเร็ว
“ขออภัยคุณชายที่ล่วงเกินท่าน ข้าน้อยเพียงกลัวพี่ชายจะรู้สึกไม่ดี หากทราบว่าข้าน้อยเห็นเขามาเที่ยวในที่เช่นนี้”
“ซีอิ๋ง...เจ้าเป็นสตรีไม่ควรมาอยู่ในที่เช่นนี้” วาจาที่ออกจากปากบุรุษผู้นั้นทำให้นางตื่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านจำคนผิดแล้ว” นางตอบกลับพลางทำท่าจะวิ่งหนี แต่กลับถูกอีกฝ่ายดึงรั้งคออาภรณ์ด้านหลังเอาไว้
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าบุรุษที่อยู่ในห้องนั้นเป็นพี่ชายของเจ้ามิใช่หรือ”
“ท่านอาจจะฟังผิดแล้ว”
“เช่นนั้นเจ้าเป็นศัตรูสินะ” สิ้นเสียงเขา นางสัมผัสได้ถึงไอสังหาร
“มิใช่ ๆ พี่ชายไห่ถิงเป็นเปี่ยวเกอ[1]ของข้าขอรับ” นางมีสีหน้าเลิ่กลั่กเล็กน้อยก่อนจะรีบเอ่ยคำโกหกออกไป
“เปี่ยวเกอหรือ ข้ารู้จักไห่ถิงมานานหลายปี ข้าเพิ่งทราบว่าเขามีเปี่ยวเกอหน้าตาเช่นเจ้า”
“กาลเวลาผันเปลี่ยน คนเราย่อมหน้าตาเปลี่ยนไปขอรับ”
“อืม...ที่เจ้ากล่าวมาก็ไม่ผิด ไม่ได้เจอกันเพียงปีสองปี มิคาดว่าจะงดงามขึ้นถึงเพียงนี้” หากใครที่เคยดูแคลนต่อว่าเจ้าก้อนแป้งอ้วนกลมมาเห็นนางยามนี้เข้า เกรงว่าจะต้องสำลักน้ำลายตนเองตาย
“พี่ชาย! เมื่อครู่ท่านเอ่ยว่าอันใดนะขอรับข้าไม่ได้ยินที่ท่านกล่าว ท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่”
“อย่าริอ่านทำตัวเป็นเด็กซุกซนมาวิ่งเล่นในที่เช่นนี้”
“ข้าเป็นบุรุษที่อยากลองมาเที่ยวหอชายงามบ้าง มันก็ไม่ผิดแปลกนี่ขอรับ”
“ในเมื่อเจ้ากล่าวว่าเป็นน้องของไห่ถิง ข้าที่เป็นสหายของเขาจะรับหน้าที่ไปส่งเจ้าเอง”
“มิเป็นไรขอรับ ข้ามาเองก็กลับเองได้” กล่าวจบนางก็ทำท่าจะวิ่งหนี แต่เขาที่เคลื่อนไหวเร็วกว่ารีบคว้าข้อมือกลมกลึงเอาไว้
“อย่าได้เกรงใจกันเลย คนกันเองทั้งนั้น”
“แต่ว่า...”
“น้องของสหายก็เหมือนน้องของข้า ไปเถิดข้าจะไปส่งเจ้ากลับจวน” เขาไม่ปล่อยให้นางหนีไปได้ มือใหญ่จับข้อมือกลมกลึงไว้แน่น
“ข้ายังไปไม่ได้ขอรับ” คุณหนูฟ่านพยายามรั้งฝีเท้าตนเองไม่ให้ก้าวตามแต่สตรีมีหรือจะสู้แรงบุรุษได้
“เพราะเหตุใด”
“ก็ข้า...ข้าเรียกชายงามมาปรนนิบัติยังไม่ได้จ่ายตำลึงให้พวกเขาเลย”
“อ๋อ! เป็นเช่นนั้นเอง ห้องของเจ้าคือห้องใด”
“ห้องนั้นขอรับ” เมื่อรู้ตัวว่าอย่างไรก็สลัดบุรุษผู้นี้ออกไปไม่ได้ นางจึงจำใจต้องชี้นิ้วไปที่ห้องนั้น
“อืม” เขาตอบรับก่อนจะลากนางให้เดินตามไป
[1] ลูกพี่ลูกน้องฝ่ายแม่ที่เป็นผู้ชายอายุมากกว่า
........................................
จุดใต้ตำตอแล้วไหมละน้องเอ๋ย เจอเพื่อนพี่ชายซะงั้น
โปรดปรานจนวาระสุดท้าย เวลาผ่านไปนานถึงยี่สิบห้าหนาว ฮ่องเต้คังเฟยหลงในวัยสี่สิบเจ็ด ป่วยและจากไปด้วยโรคประจำตัว แม้ในวังหลังจะมีสนมมากมาย แต่ทว่าฮ่องเต้กลับมีโอรสและธิดากับฮองเฮาเพียงสามพระองค์โดยสนมทุกคนจะถูกบังคับให้ดื่มน้ำแกงไร้บุตรก่อนที่จะเข้าถวายการรับใช้ ซึ่งฮ่องเต้จะเป็นผู้ยืนดูความเรียบร้อยด้วยตนเอง แม้จะมีฎีกาคัดค้านเรื่องนี้จากขุนนางมากมาย แต่ทว่าขุนนางเหล่านั้นก็จะโดนฮ่องเต้กล่าวหาว่ามักใหญ่ใฝ่สูงหวังอยากเป็นพระอัยกาของฮ่องเต้พระองค์ถัดไปทั้งคิดจะกลืนกินราชวงศ์ สุดท้ายจึงไม่มีใครกล้าโต้แย้งพระประสงค์ของฮ่องเต้ด้วยกลัวว่าจะต้องโทษกบฏ องค์ไท่จื่อที่ได้รับการแต่งตั้งจึงเป็นองค์ชายใหญ่ ส่วนองค์ชายรองก็รับหน้าที่ส่งเสริมพี่ชายโดยได้รับตำแหน่งอ๋อง และองค์หญิงก็ได้แต่งกับท่านราชบุตรเขยซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ ทั้งสามพี่น้องรักใคร่เกื้อกูลกันเนื่องจากประสูติจากครรภ์ของฮองเฮา “ชินอ๋องซื่อจื่อแจ้งว่ายามได้รับทราบข่าวของพระองค์ ชินอ๋องและพระชายารีบเร่งเดินทางออกจากเมืองจิ่นเฟิงเพคะ” “อืม...แต่เจิ้นคงรอพวกเขาไม่ไหวหรอก อย่างไรฝากขอโทษพวกเขาด้ว
“อืม” คังซืออี้หน้าตึงไม่ค่อยพอใจอยู่บ้างที่เห็นพระชายาของตนส่งยิ้มให้โอรสสวรรค์ “ซีถิง อากลับก่อนนะ เอาไว้วันหน้าอาจะนำของเล่นมามอบให้” “พ่ะย่ะค่ะ” เด็กน้อยวัยห้าหนาวตอบรับเสียงอ่อน “ฟู่กงกง ส่งเสด็จฮ่องเต้” “เชิญพ่ะย่ะค่ะ” ฟู่กงกงรีบมาทำหน้าที่ พลางคิดว่าคงจะมีแต่ตำหนักนี้กระมังที่ให้ขันทีเป็นคนออกไปส่งฮ่องเต้ที่หน้าตำหนักหาใช่เจ้าของตำหนัก คล้อยหลังโอรสสวรรค์แล้ว พระชายาฟ่านก็หันหน้ามาจ้องหนึ่งบุรุษ หนึ่งเด็กน้อยที่หน้าตาคล้ายคลึงกันยิ่งนัก ไหนจะท่าทางก้มหน้าเล็กน้อยแล้วช้อนตาขึ้นมองเพื่อเรียกร้องความน่าสงสารนั่นอีก ‘สมแล้วที่เป็นพ่อลูกกัน’ นางเกือบเผลอยิ้มออกมาก่อนจะแสร้งทำหน้าเคร่งขรึม “ท่านแม่ขอรับ เรื่องนี้เป็นท่านพ่อที่ผิดนะขอรับ ลูกเพียงแต่น้อยใจ...” “บิดาเจ้าเพียงห่วงใยมารดา จึงไม่อยากให้เจ้าไปรบกวน พ่อผิดที่ใด” “หยุดเอ่ยวาจาเลยเจ้าค่ะ นับตั้งแต่นี้ชินอ๋องและชินอ๋องซื่อจื่อจะต้องย้ายไปอยู่เรือนท้ายตำหนักและถูกกักบริเวณเป็นเวลาสามวันห้ามก้าวเท้าออกจากเรือนท้
“ข้าคิดดีแล้วขอรับ ท่านอามาเป็นสามีใหม่ของมารดาข้าเถิด ข้ายินดีจะเรียกท่านว่าบิดาอย่างไม่อิดออด” “หน๊อย! เจ้าเด็กนี่ เฟยหลงเจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ” ชินอ๋องร้องโวยวายเมื่อถูกน้องชายจับตัวไว้หวังช่วยเหลือเจ้าเด็กมากมารยา “ท่านพี่ใจเย็น ๆ ก่อนเถิด ซีถิงยังเยาว์วัยนักท่านอย่าได้ถือสาเขาเลย” “ท่านพ่อคนใหม่ ช่วยข้าด้วยขอรับ เห็นหรือไม่ บิดาคนเก่าของข้าใจร้ายเพียงใด” ท่าทางก้มหน้าเล็กน้อยพลางตอบเสียงอ่อน ทำให้ผู้ใหญ่เอ็นดูได้ไม่อยาก แต่ยกเว้นบุรุษที่เจ้ามารยาไม่แพ้กันเช่นชินอ๋อง “หยุดเอ่ยเรียกผู้อื่นว่าบิดาได้แล้ว มิเช่นนั้นข้าจะลงโทษเจ้า” คังซืออี้รู้สึกอยากลงโทษบุตรชายก็คราวนี้ จะมารยาเรียกร้องความสนใจเช่นไรเขาไม่นึกถือสา แต่หากคิดจะหาบุรุษมาให้ชายาของเขา เขามีหรือจะยอม “จะลงโทษซีถิงด้วยเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ” ฟ่านซีอิ๋งเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง นางถูกสาวใช้คนสนิทปลุกให้ตื่นหวังให้มาห้ามทัพระหว่างบุรุษทั้งสอง ด้วยกลัวว่าท่านอ๋องน้อยจะถูกลงโทษเพราะไปยั่วโทสะบิดาเข้า เรื่องที่แตะเกล็ดมังกรย้อนของชินอ๋องผู้นี้เห
“ท่านอ๋องสั่งไว้ว่าไม่ว่าใครก็ห้ามรบกวนขอรับ” “บังอาจ! พวกเจ้าไม่เห็นข้าเป็นนายหรือ” เด็กน้อยวัยห้าหนาวยืนกอดอกจ้องทหารยามด้วยสายตาดุ แต่ในสายตาผู้อื่นกลับดูน่ารักไปเสียได้ “ย่อมเห็นขอรับจึงไม่อยากให้ท่านอ๋องน้อยต้องถูกท่านอ๋องลงโทษที่ขัดคำสั่ง” “ปล่อย...” ชินอ๋องซื่อจื่อตัวน้อยยังส่งเสียงร้องโวยวายไม่ทันจบก็ถูกบุรุษตัวโตปิดปากแล้วอุ้มให้ออกห่างจากเรือน “ชายาข้ากำลังพักผ่อน เจ้าอย่าได้ส่งเสียงรบกวนนาง” เรียกได้ว่าเพิ่งได้นอนเมื่อตะวันฉายแสงจะดีกว่า ทำอย่างไรได้ในเมื่อเขาทั้งรักและโปรดปรานนางยิ่งนัก ทันทีที่ร่างเล็กถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เจ้าตัวน้อยก็กอดอกแล้วต่อว่าผู้เป็นบิดาทันที “ท่านพ่อใจร้าย ไม่ยอมให้ข้าเจอท่านแม่เลย” “ซีถิง เจ้าโตแล้ว เป็นบุรุษจะทำตัวเป็นลูกแง่เกาะติดมารดาตลอดไปไม่ได้ ในภายหน้าเจ้าจะได้เป็นชินอ๋องที่น่าเกรงขาม เห็นหรือไม่ บิดาทำไปเพื่อฝึกฝนเจ้า” คังซืออี้กล่าวพลางตีหน้าเคร่งขรึมหวังหลอกล่อบุตรชายให้หลงเชื่อ ทั้งที่จริงแล้วยามเดินทางเขาไม่ได้ใกล้ชิดนางดั่งใจต้องการ
หาคนรักให้มารดา เสียงร้องโวยวายของเจ้าก้อนแป้งวัยห้าหนาวดังลั่นเรือนพร้อมเจ้าตัวที่กำลังดีดดิ้นและพยายามช่วยเหลือตนเองจากการถูกหิ้วคอเสื้อจากทางด้านหลัง “ท่านพ่อ ปล่อยข้านะขอรับ ข้าจะไปหาท่านแม่” เด็กน้อยเอื้อมแขนสั้น ๆ ของตนพยายามแกะมือที่จับยึดคออาภรณ์ของเขา “ท่านแม่เจ้ากำลังพักผ่อนให้คลายจากความเหน็ดเหนื่อยเจ้าอย่าได้ไปรบกวน” “นี่มันยามโหย่ว (17.00-18.59) แล้วนะขอรับ” “แล้วอย่างไร มีกฎข้อใดไม่ให้ชายาข้าพักผ่อนในยามโหย่ว (17.00-18.59)” “ก็มันใกล้จะมืดค่ำแล้วขอรับ” ประเดี๋ยวอีกหนึ่งชั่วยามก็ต้องเตรียมตัวเข้านอนอีก “เจ้ายังเด็กนัก บิดาจึงไม่อาจบอกได้ว่าแท้จริงยามค่ำคืนคนที่เติบโตแล้ว ไม่ต้องเข้านอนก็ได้” “ท่านพ่อกำลังโกหกข้า อีกอย่างหากท่านแม่ทราบว่าข้ากำลังร้องเรียกหา ท่านแม่หรือจะเมินเฉย” “ที่เจ้ากล่าวมาก็ไม่ผิด ด้วยเหตุนี้พ่อจึงได้พาเจ้ากลับมาที่เรือนแยก แม่นม จือไห่ จือซวน จือหม่า จือหมิง” “เพคะ/พ่ะย่ะค่ะ” คนที่รออยู่ด้านนอกรีบวิ่งเข้ามาพลางโค้งตัวรอรับคำส
“ในเมื่อพี่ตกลงกราบไหว้ฟ้าดินกับเจ้าแล้ว ชั่วชีวิตไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขพี่ย่อมมีเจ้าเป็นสตรีเพียงคนเดียวในเรือนหลัง หากเจ้าลองสังเกตดี ๆ เจ้าจะพบว่านอกจากบิดาของพี่จะมีฮูหยินเพียงคนเดียวแล้ว สหายของพี่ที่เป็นถึงชินอ๋อง ก็ยังแต่งพระชายาคือน้องสาวของพี่เพียงคนเดียว ไร้อนุฯ หรือสาวใช้อุ่นเตียง บ่งบอกว่าพวกเราคนตระกูลฟ่านต้องการมีรักเดียวชั่วชีวิต” “นี่ท่าน!” หูเซียงเฟยตกใจยิ่งนัก มิคิดว่าเขาจะคิดเช่นนั้นมาโดยตลอด “เช่นนั้นเจ้าอย่าได้เอ่ยถึงเรื่องข้อเสนอนั่นอีกเลย ในเมื่อการกราบไหว้ฟ้าดินของเราเกิดขึ้นเพราะความเต็มใจ” สิ้นเสียงเขาก็เชยคางมนขึ้นก่อนจะกดริมฝีปากทาบทับลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนุ่มเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้เขาจงใจทำให้นางคุ้นเคยกับสัมผัสของเขาจึงทำเพียงกินเต้าหู้นางเล็ก ๆ น้อย ๆ ลิ้นร้อนลิ้มรสความหวานจากโพรงปากนุ่ม ลิ้นเรียวเล็กของนางพยายามตอบรับสัมผัสของเขาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ยิ่งทำให้เข้าปรารถนาอยากจะกดนางลงบนเตียงแล้วทำให้นางกลายเป็นฮูหยินของเขาเต็มตัว “เซียงเซียง เจ้าหวานเหลือเกิน” เขากล่าวพลางจ้องมองนางด้ว