‘โชคดีที่พี่ใหญ่ไม่สงสัยอะไร’ นางลอบถอนหายใจเมื่อแผนการผูกวาสนาด้ายแดงของพี่สาวและว่าที่พี่เขยยังคงถูกเก็บเป็นความลับ
สวนรกร้างนอกเมืองช่างเงียบสงบคิดไม่ผิดจริงๆ ที่นางเลือกที่แห่งนี้เป็นที่นั่งตกปลา
“คุณหนูเจ้าคะ เรารีบกลับกันดีหรือไม่ ออกมาเช่นนี้หากฮูหยินรู้เข้า ท่านต้องโดนตำหนิเป็นแน่”
“ข้าไม่พูด เจ้าไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้”
“แต่สวนรกร้างเช่นนี้ มันอันตรายนะเจ้าคะ” สาวใช้คนสนิทกล่าวพลางมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง
“ไม่มีอะไรหรอกน่า วันก่อนข้าก็มาตกปลาที่นี่ได้ปลาตั้งหลายตัว อุ๊บ!” นางรีบยกมือปิดปากตน
“คุณหนู! นี่วันก่อนที่ข้าหาท่านไม่เจอ แท้จริงแล้วท่านมาที่นี่ หาใช่เดินเล่นอยู่ในจวนดังที่บอกข้าไม่” ท่าทางแง่งอนของสาวใช้ทำให้ผู้เป็นนายยิ้มกริ่ม
ดูเหมือนเจียวลู่ สาวใช้อายุสิบหกผู้นี้จะสนิทกับนางมากขึ้นไปอีกขั้น
“โอ๋ๆ ข้าขอโทษ ที่ข้าไม่บอกเจ้าก็เพราะกลัวเจ้าเป็นห่วง”
“ท่านเป็นสตรีนะเจ้าคะ ปีหน้าก็จะปักปิ่นแล้ว เหตุใดถึงชอบมุดช่องสุนัขลอดออกมาเที่ยวเล่นตามลำพัง” หากเป็นคุณหนูบ้านอื่นก็คงเก็บตัวอยู่ในบ้านฝึกศาสตร์ทั้งสี่ให้เชี่ยวชาญ เมื่อถึงเวลาปักปิ่นจะได้มีบุรุษผู้เพียบพร้อมส่งแม่สื่อมาสู่ขอ
“เฮ้อ...ข้าเริ่มเบื่อคำว่าปีหน้าจะต้องปักปิ่นแล้วสิ เหตุใดพอใกล้จะปักปิ่นข้าถึงทำนั่นทำนี่ตามใจไม่ได้”
“คุณหนูเมื่อปักปิ่นแล้ว สตรีทุกคนก็ต้องเตรียมตัวออกเรือนนะเจ้าคะ คุณหนูทั้งหลายจึงเก็บตัวเพื่อฝึกความเชี่ยวชาญในศาสตร์ทั้งสี่ เตรียมตัวเป็นฮูหยินของบุรุษที่ตนพึงใจ”
“แต่ข้ายังไม่มีบุรุษที่พึงใจนี่ และข้าก็ไม่คิดที่จะไปเป็นฮูหยินของใครด้วย ข้าไม่เข้าใจจริงๆ เหตุใดสตรีจะต้องฝึกศาสตร์ทั้งสี่
ฉี[1] ซู[2] ฮั่ว[3] นี่ข้าพอเข้าใจว่าที่ต้องฝึกฝนให้ชำนาญเพราะมันจะเป็นประโยชน์ต่อสตรีผู้นั้นในภายหน้า แต่ที่ข้าไม่เข้าใจคือศาสตร์ฉิน[4] จะให้ฝึกไปทำไม สุดท้ายแล้วบุรุษก็ชอบไปฟังที่หอนางโลมอยู่ดี” นางบ่นไปจับไส้เดือนเกี่ยวตะขอเบ็ดไม้ไป
“คุณหนูอย่าเอ่ยเช่นนั้นเจ้าค่ะ มันไม่งาม”
“ข้าไม่พูดแล้วก็ได้ เจ้าก็อย่าเอ่ยให้มาก ประเดี๋ยวปลาข้าจะตกใจหนีไปหมด”
“ท่านอยากกินปลาเหตุใดไม่ให้บ่าวไปหาซื้อที่ตลาด”
“หากเจ้าไม่หยุดพูดก็กลับไปซะ แล้วถ้าเรื่องที่ข้าแอบมาตกปลาหลุดออกไป ข้าจะสั่งงดของว่างเจ้าสิบวัน”
“ข้าจะอยู่เงียบๆ เจ้าค่ะ” สุดท้ายเพื่อของว่างแสนอร่อย สาวใช้ร่างอวบอย่างเจียวลู่จึงยอมอยู่นิ่ง
สตรีทั้งสองคนไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังตกอยู่ในสายตาของบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังจ้องมองพวกนางอยู่
“กำลังมองอันใด”
“ไม่มีอะไร” ชายผู้ที่มารออยู่ก่อนแล้วตอบกลับ
“จะไม่มีได้อย่างไร ข้าเห็นเจ้ามองอยู่” บุรุษในอาภรณ์สีทองกล่าวก่อนจะพยายามจ้องมองไปยังจุดที่สหายยืนมองเมื่อครู่
“ข้าบอกไม่มีก็คือไม่มี” มือใหญ่ยกบังดวงตาของผู้สูงศักดิ์ พร้อมกับเจ้าตัวที่พยายามเคลื่อนตัวมาบัง
“หวงนัก ข้าไม่ดูก็ได้” ท่าทางแง่งอนของบุรุษตรงหน้าทำให้เขารู้สึกเอือมระอายิ่งนัก
“หากไม่มีอันใดจะกล่าวกับข้า ข้าขอตัว”
“เจ้าช่างใจร้อนจริง เอาล่ะที่ข้าเรียกเจ้าออกมาคุยเช่นนี้ เพราะข้าอยากให้เจ้าช่วยสืบเรื่องของแม่ทัพอุดร”
“แม่ทัพอุดร เฟินซิวซู ผู้นั้นน่ะหรือ”
“ใช่ ท่านพ่อสงสัยว่าเขากำลังคิดจะทำอะไรบางอย่างซึ่งเกี่ยวกับจวิ้นอ๋อง”
“จวิ้นอ๋อง? องค์ชายห้าผู้นั้นน่ะหรือ”
“ใช่ เรื่องนี้ต้องกระทำการให้เงียบที่สุด ข้าถึงได้คิดถึงนายท่านเฟยแห่งหอข่าวฮว๋าฮวน”
“ได้เรื่องนี้ข้าจะหาข่าวให้ มีเรื่องไหว้วานข้าแค่นี้ใช่หรือไม่”
“อืม”
“เช่นนั้นเชิญองค์รัชทายาทเสด็จกลับวังบูรพาไปได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“รีบไล่ข้าเช่นนี้ เจ้าต้องมีอะไรปิดบังข้าแน่ๆ”
“ท่านคงต้องเลือกแล้วว่าจะอยากอยู่ต่อเพื่อรู้เรื่องของข้า หรือให้ข้าช่วยสืบเรื่องของจวิ้นอ๋องกับแม่ทัพอุดรผู้นั้น”
“เจ้ากำลังข่มขู่รัชทายาทอย่างข้า”
“ใช่”
“ก็ได้ ข้ากลับวังก็ได้” หนิงหลงกล่าวก่อนจะใช้วิชาตัวเบากระโดดจากไป ใครใช้ให้เขาโตมากับเจ้านี่เล่า ข่มขู่อันใดไม่เคยได้ เพราะอีกฝ่ายเก่งกาจด้านการต่อสู้มากกว่าเขาที่เป็นถึงรัชทายาท
เมื่อเห็นสหายสูงศักดิ์จากไปเขาก็มองหาคนตกปลาอีกครั้ง หวังจะเข้าไปทักทายหยอกเย้า
แต่ใต้ต้นไม้ที่เคยมีสตรีซุกซนนั่งตกปลาอยู่บัดนี้ว่างเปล่า เขาจึงเรียกลูกน้องของตนให้ออกมาจากเงามืด
“สตรีสองคนที่นั่งตกปลาอยู่ตรงนั้นหายไปเมื่อใด พวกเจ้าเห็นหรือไม่”
“พวกนางเพิ่งกลับไปเมื่อครู่ขอรับ”
“เจ้าตามไปดู ว่านางถึงจวนเรียบร้อยดีหรือไม่”
“ขอรับ” สิ้นเสียงบุรุษในชุดดำก็ทะยานหายไป
“ซุกซนเช่นนี้น่าจับมาวิ่งเล่นในจวนหลังใหม่ซะจริง” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของบุรุษรูปงาม
[1] หมากล้อม/หมากรุกจีน
[2] เขียนพู่กันจีน
[3] การวาดภาพแบบจีน
[4] การเล่นดนตรี
“ตามแต่ท่านต้องการเจ้าค่ะ แต่ขอยกเว้นชีวิตและเงินทองเจ้าค่ะ ข้าค่อนข้างยากจน ทุกวันนี้อยู่ดีกินดีเพราะบิดามารดา” นางกล่าวจบก็กลับมานั่งตัวตรงพร้อมกับหลุบตาลงเล็กน้อยให้ดูน่าเอ็นดูกึ่งน่าสงสาร “ท่านผู้ตรวจการโจว เย็นนี้ท่านพอจะมีเวลาว่างหรือไม่ขอรับ” เมื่อมีคนเสนอค่าตอบแทนให้ คุณชายหยางเช่นเขามีหรือจะไม่รับไว้ ในเมื่อค่าตอบแทนที่เขาต้องการมันช่างหอมหวานยิ่ง... “ข้าไม่ได้มีงานสำคัญใด ท่านมีอันใดหรือไม่” ขุนนางหนุ่มเอ่ยถามบุรุษผู้ที่มีอายุน้อยกว่า “เย็นนี้ข้าอยากจะเชิญท่านมารับมื้อเย็นที่จวนที่พวกข้าพักอาศัย อาจจะมีการจิบสุราบ้างเล็กน้อยเพื่อสร้างความคุ้นเคยกัน” หยางเฟยฉีกล่าวจบก็เหลือบมองสหายตน&nb
“ใช่ เขากล่าวว่าอย่างไรก็ไม่แต่ง เพราะตัวเขานั้นรักฮูหยินมาก สุดท้ายคนแบกความอับอายจึงเป็นคุณหนูเฟินที่บุรุษหลายคนในงานได้เห็นนางในสภาพเช่นนั้น ทั้งยังถูกบุรุษปฏิเสธไม่รับผิดชอบอีก” “ข้าเพิ่งรู้ว่ามีเรื่องเช่นนี้ด้วย แล้วการที่นางตกน้ำเป็นฝีมือใครหรือเจ้าคะ” เหตุใดนางถึงได้รู้สึกเหมือนว่าเวรกรรมกำลังตามทันสตรีผู้นั้น “ไม่ทราบ คุณหนูเฟินก็บอกไม่ได้ว่าเป็นฝีมือใคร เพราะบริเวณนั้นไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว” ‘ก็คงไปสร้างศัตรูเอาไว้มาก เลยมีคนมาเอาคืน’ “เจ้าอยากกินอะไรเพิ่มหรือไม่ พี่จะสั่งให้” สิ้นเสียงของรองเจ้ากรมยุติธรรม ก็มีบุรุษสองคนเปิดประตูห้องส่วนตัวเข้ามา “มิรบกวนท่านรอ
14 ว่าที่น้องเขยของอวี้ลู่หมิง ด้านบนของหอขายข่าวมีบุรุษสองคนนั่งมองกลุ่มคนด้านล่างด้วยสายตาเรียบเฉย นิ้วแกร่งหยิบถั่วในจานก่อนจะโยนเข้าปาก หากไม่ได้มาหนานโจวด้วยในคราวนี้ ตนก็คงไม่รู้ว่าแท้จริงนายท่านเฟยเจ้าของหอขายข่าวที่ยิ่งใหญ่และหอประมูลแห่งนั้นคือสหายผู้นี้ แม้จะรับรู้
“พี่รองน่ะสิเจ้าคะ คะนึงหาพี่เลี่ยงรุ่ยจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ข้าและพี่ใหญ่จึงต้องพากันเดินทางมาที่หนานโจว” “ซีเยว่เจ้าล้อพี่เล่นแล้ว” อวี้ลู่เสียนกล่าวด้วยท่าทีเขินอาย จนบุรุษตระกูลเฟินกำมือแน่น “ข้าพูดความจริงเจ้าค่ะ” “เราไปนั่งคุยกันในเหลาแห่งนั้นดีหรือไม่ จะได้คุยไปกินข้าวไป” ในสายตาอวี้ซีเยว่ตอนนี้ พี่ชายซ่างกวนป๋อช่างรู้ใจนาง กินอาหารเลิศรสไปด้วยคุยกันไปด้วยดีที่สุด “เช่นนั้นข้า...” คุณหนูเฟินตั้งใจจะเอ่ยปากแต่โดนอวี้ลู่เสียนเอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน “เช่นนั้นเราสี่คนรีบไปกันเถิดเจ้าค่ะ” คำจำกัดจำนว
‘อย่างไรสำหรับพี่ บุรุษก็ต้องมาก่อนนะน้องเล็ก’ พี่สาวอย่างตนไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งได้จริงๆ เพราะมิเช่นนั้นว่าที่ฟูจวินของนางจะเดือดร้อน แคว้นฉีจินก็แสนจะกว้างใหญ่ แต่เหตุใดนางถึงได้พบศัตรูบนทางแคบ[1] ด้วยสัญชาตญาณอวี้ซีเยว่รีบจับแขนพี่สาวเอาไว้แน่น เพราะกลัวพี่สาวจะบุกเข้าไปทำร้ายสตรีดอกบัวขาว “มีอันใดหรือซีเยว่” อวี้ลู่เสียนเอ่ยถามน้องสาว เมื่อเห็นนางทำสีหน้าไม่ค่อยดี “มิมีอันใดเจ้าค่ะ เรารีบไปหาอะไรกินในโรงเตี๊ยมทางนั้นเถิดเจ้าค่ะ” “เดินทางรอนแรมจากเมืองหลวงมาไกลมิคาดคิดว่าจะมาเจอคนรู้จักที่หนานโจว” เสียงหวานของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้นก
“หากเป็นข้าแต่งเข้าจวนเจ้า เจ้าจะรังเกียจหรือไม่เล่า” คุณชายตระกูลหยางกล่าวทีเล่นทีจริง เพราะตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากจะสืบทอดตำแหน่งกั๋วกงต่อจากบิดาเท่าใดนัก จึงพยายามรีบเร่งให้บิดาที่บัดนี้ปลดประจำการจากการเป็นแม่ทัพแล้ว มอบน้องชายน้องสาวให้เขาสักสองสามคน “ล้อข้าเล่นแล้ว คุณชายหยางผู้ยิ่งใหญ่เนี่ยนะจะมาชอบสตรีซุกซนที่ยังไม่ปักปิ่นอย่างน้องสาวข้า อีกอย่างคุณสมบัติเจ้าไม่ผ่าน เพราะซื่อจื่อจวนกั๋วกงอย่างเจ้า ไม่มีทางจะเป็นเขยแต่งเข้าจวนผู้ใดได้” “เจ้าก็คิดเช่นนั้นหรือ” “บุรุษรูปงามทั้งสอง ข้าน้อยยังนั่งอยู่ตรงนี้นะเจ้าคะ เหตุใดถึงได้เอ่ยถึงข้าอย่างไม่คิดเกรงใจเช่นนี้ และหากพวกท่านยังจะกล่าวเรื่องพวกนี้ต่ออีก ข้าจะเป็นฝ่ายออกไปขี่ม้าเองเจ้าค่ะ” น้องน้อยบ่นยืดยาว แก้มเนียนใสป่องขึ้นอย่างแง่งอน สร้างรอยยิ้มให้กับอวี้ลู่เสีย