เข้าสู่ระบบก่อนที่โจวเลี่ยงรุ่ยจะเข้าใจในเวลาต่อมาถึงคำของนางที่บอกให้เขาอดทน ที่แท้คุณหนูผู้มีใบหน้างดงามก็มือหนักเช่นนี้
ด้านสตรีซุกซนนั้นเอาแต่นั่งมองพี่สาวที่กำลังช่วยทำแผลให้บุรุษที่ตนหมายตาจะให้เป็นพี่เขยอยู่ไกลๆ
“สมหวังดั่งใจแล้วนะเยว่เอ๋อร์” เสียงทุ้มของบุรุษที่ดังขึ้นดึงความสนใจให้นางหันไปมอง
‘หล่อวัวตายควายล้ม หล่อไม่บันยะบันยัง รูปงามยิ่งกว่าเทพเซียน พ่อแม่ปั้นมาอย่างไรลูกถึงได้ออกมาหน้าตาเช่นนี้’ อวี้ซีเยว่ตกตะลึงในทันทีเมื่อหันมาแล้วเห็นสหายของพี่ชายกำลังยืนมองนางด้วยรอยยิ้มกริ่ม
‘หรือแท้จริงเขาจะเป็นเทพเซียนแปลงกายมากันนะ’ บุรุษผู้นี้หล่อเหลาจนนางไม่รู้จะบรรยายออกมาอย่างไร ตอนไม่ยิ้มว่ารูปงามแล้ว แต่พอยิ้มนี่สามารถล่มแคว้นได้เลย หน้าตาดีจนสตรีอย่างนางรู้สึกอับอาย
มิน่าล่ะ แม่นางเอกดอกบัวขาวถึงได้เอ่ยปากขอให้สอนยิงธนูทั้งๆ ที่ตนเองก็ยิงเป็น แท้จริงคงอยากให้ท่าพระเอกผู้นี้
แต่ก็น่าเสียดายบุรุษรูปงามเช่นนี้ ไม่น่าจะได้ครองคู่กับสตรีที่ดีแต่หน้าตาอย่างเฟินฮุ่ยเหมย ช่างน่าเสียดาย
“เย่วเอ๋อร์ เย่วเอ๋อร์...ซีเยว่” หยางเฟยฉีส่งเสียงเรียกสตรีที่มองหน้าเขาแล้วอ้าปากค้างอย่างไม่คิดรักษามารยาท
“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าเพียงตกตะลึงในความรูปงามของท่านมากไปหน่อย” พอนางกล่าวจบเขาก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง
สตรีผู้นี้ช่างซื่อตรงจนน่าเอ็นดู...
“ถ้าเจ้าชอบให้พี่ยิ้ม พี่จะยิ้มให้เจ้าบ่อยๆ ดีหรือไม่”
“ดี...เอ้ย! ไม่ดีเจ้าค่ะ” ข้าเพิ่งอายุสิบสี่ ยังไม่ผ่านการปักปิ่น ท่านอย่าคิดมาล่อลวงข้านะเจ้าคะ เพราะข้าไม่ใช่นางเอกของท่าน
“เหตุใดถึงไม่ดี เจ้าไม่ชอบให้พี่ยิ้มหรือ” ใบหน้าราวกับรูปสลักของเทพเซียนนั่นยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่
“ก็...ก็ชอบเจ้าค่ะ เพียงแต่ท่านควรไปยิ้มให้กับสตรีที่ท่านพึงใจจะดีกว่าเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นหรือ”
ยังไม่หยุดยิ้มอีก...
“เอาล่ะ พี่ไม่แกล้งเจ้าแล้ว ว่าแต่สมหวังดั่งใจเจ้าแล้วใช่หรือไม่” กล่าวจบก็หันไปมองสตรีที่กำลังทำแผลให้บุรุษ
“ทะ...ท่านหมายถึงเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ” นางมองต้นไม้ มองท้องฟ้ากลบเกลื่อน
“ว่าที่พี่เขยของเจ้า ผู้ตรวจการโจว”
“มีคนรู้ทันจนได้ ข้าเล่นงิ้วได้ไม่แนบเนียนจริงๆ”
“อืม” เพราะนางสามารถรั้งสายตาของเขาให้มองได้ตลอด เขาจึงสังเกตเห็นทุกอย่าง ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น รอยยิ้มของเขาเหตุใดถึงเผยออกมาทุกครั้งยามมองสตรีซุกซนนางนี้
“ท่านรู้ก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แต่ช่วยข้าปิดเป็นความลับด้วยนะเจ้าคะ”
“อยากให้พี่ช่วยเหลือ ก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน”
“ท่านอยากได้อันใดเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน” อวี้ซีเยว่ลุกยืนขึ้นพลางใช้มือปัดดินที่เปื้อนอาภรณ์
“ตอนนี้พี่ยังคิดไม่ออก เอาไว้ค่อยบอกเจ้าภายหลัง”
“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ อย่าลืมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะเจ้าคะ” นางยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขาเพื่อเอ่ยย้ำอีกครั้ง
“อะ อืม” เมื่อเห็นเขาตอบรับนางก็อมยิ้มแล้วเดินกลับไปนั่งรอในรถม้าตน
หลังจากทำแผลเสร็จอวี้ลู่หมิงที่ไปเดินสำรวจรอบๆ กลับมาก็มอบหมายให้ผู้คุ้มกันบังคับรถม้าไปส่งผู้ตรวจการโจวที่จวน ส่วนพวกตนก็พากันกลับจวน
“เอ๊ะ! ที่ข้างๆ จวนเราจะมีคนมาอยู่แล้วหรือเจ้าคะ” นางหันไปถามพี่สาว
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“เอาไว้ข้าค่อยถามท่านแม่ก็ได้เจ้าค่ะ” นางหันไปมองช่างไม้ที่กำลังสร้างจวนก่อนจะเลิกสนใจเมื่อเห็นมารดากำลังเดินออกมาต้อนรับ
“กลับมากันแล้วหรือลูกๆ”
“คารวะท่านน้าขอรับ”
“ตามสบายจ้ะเฟยฉี”
“หิวกันหรือไม่ แม่เตรียมอาหารไว้ให้พวกเจ้าหลายอย่างเลย เฟยฉีอยู่กินข้าวด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับจวน”
“เอาไว้คราวหน้านะขอรับ พอดีข้ามีเรื่องต้องไปทำต่อ ต้องขออภัยท่านน้าที่เสียมารยาท”
“มิเป็นไรๆ แต่งานเลี้ยงต้อนรับลู่หมิงเจ้าต้องมานะ”
“ขอรับ ข้ามาแน่นอนขอรับ”
“เช่นนั้นก็ไปเถิด”
“ข้าลานะขอรับ พี่ไปก่อนนะซีเยว่” เขาบอกลามารดานางก่อนจะหันมาบอกลานาง
เมื่อเห็นหยางเฟยฉีขึ้นควบม้าและขี่จากไป ทั้งสี่คนก็กลับเข้าจวน
‘โชคดีที่พี่ใหญ่ไม่สงสัยอะไร’ นางลอบถอนหายใจเมื่อแผนการผูกวาสนาด้ายแดงของพี่สาวและว่าที่พี่เขยยังคงถูกเก็บเป็นความลับ
“ครั้งต่อไปค่อยไปต่อที่เตียงเจ้าค่ะ” กล่าวจบนางที่ถูไถจุดสงวนกับแท่งหยกร้อนที่แข็งขึงจนมีน้ำหวานลื่นใสก็จัดแจงขยับตัวเพื่อให้แท่งหยกสามารถบุกรุกเข้าโพรงนุ่มอย่างง่ายดาย “อ่า...” “เจ้ายังคับแน่นเช่นนี้ พี่จะทนไม่ไหวเอา” แม้จะผ่านการคลอดลูกมาแล้วแต่โพรงนุ่มของนางยังรัดรึงแท่งหยกของเขาแน่น “ทนไม่ไหวก็ปลดปล่อยออกมาสิเจ้าคะ ข้าพร้อมรับ” “อ่า...มันดีมาก ฮูหยินพี่ช่างเก่งกาจ” เขาถึงกับร้องครวญครางออกมายามที่นางโยกตัวขยับขึ้นลง อกอวบอิ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าทำให้เขาทนไม่ได้จึงอ้าปากงับยอดอกนาง ก่อนจะใช้ลิ้นร้อนปัดป่ายไปมาสลับกับดูดกลืนเพื่อกระตุ้น “ข้าก็เป็นเช่นนี้เพียงกับท่า
ล่อลวงสามีเพื่อบุตรคนที่สอง หลังจากที่เลี่ยงไม่ยอมร่วมหลับนอนกับฮูหยินจนนางร้องไห้น้ำตานองเพราะเข้าใจว่าเขาเบื่อหน่ายนางแล้ว หยางเฟยฉีจึงเปลี่ยนเป็นการให้นางกินยาห้ามครรภ์ที่มาในรูปลักษณ์ใหม่ไม่เหมือนเดิมอย่างชารสดี กลิ่นหอม “ท่านพี่เจ้าขาวันนี้ข้าเลี้ยงลูก เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเหลือเกิน ตอนอาบน้ำท่านช่วยนวดให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ” กล่าวจบโฉมสะคราญก็รั้งอาภรณ์ลงเผยให้เห็นไหล่ลาดขาวเนียน “อึก...ได้” หยางเฟยฉีลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเห็นความเย้ายวนของฮูหยิน เพราะลูกเกาะติดนางหลายวันเขาจึงไม่มีโอกาสไ
ตอนพิเศษ ว่าด้วยเรื่องราวของต้นหอม หลังจากเสร็จสิ้นพิธีกราบไหว้ฟ้าดินของบุตรชายได้สองเดือนหยางกั๋วกงและฮูหยินก็เตรียมตัวจะออกเดินทางกลับปราสาทโอสถ “ท่านแม่เจ้าขา ท่านว่างอยู่หรือไม่เจ้าคะ คือข้ามีเรื่องที่อยากจะรบกวนท่านเจ้าค่ะ” ท่าทางออดอ้อนน่ารักข
“ขอบคุณขอรับท่านหมอ” หยางเฟยฉีแสดงความเคารพท่านหมอหญิงอย่างนอบน้อม ก่อนจะหันไปดูแลฮูหยินของตนต่อ หลายวันผ่านไปร่างกายของอวี้ซีเยว่ฟื้นตัวดีขึ้น แม้จะทำงานเหน็ดเหนื่อยเพียงใด แต่หากยามค่ำคืนนางต้องตื่นขึ้นมาดูลูกน้อย สามีก็จะตื่นขึ้นมาช่วยด้วย เขาไม่เคยปริปากบ่นและยังคงดูแลนางเช่นเดิม “ท่านพี่มีอันใดจะบอกข้าหรือไม่เจ้าคะ” ในยามที่นางเผลอนางมักจะเห็นเขาทำสีหน้าไม่สบายใจ “ไม่มี เจ้าอย่าได้คิดมาก” “ข้าไม่ได้คิดมากเจ้าค่ะ แต่ข้ารู้สึกว่าท่านเปลี่ยนไปตั้งแต่ข้าคลอดลูก หรือว่าเป็นเพราะข้าไม่งดงามเหมือนแต่ก่อน ท่านจึงคิดหมางเมินข้า” 
คุณชายหยางที่ออกไปทำงานถูกตามกลับจวนในทันที หยางกั๋วกงและหยางฮูหยินที่บังเอิญทราบข่าวก็รีบตรงมาที่จวนของบุตรชายทันที ‘ข้าเจ็บเหลือเกินเจ้าค่ะ’ “ซีเยว่” พอได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดของฮูหยินตน หยางเฟยฉีแทบจะรีบเข้าไปหานางทันที หากไม่ถูกบิดารั้งตัวไว้ “ใจเย็นๆ เฟยฉี สตรีคลอดลูกก็ต้องเจ็บปวดเช่นนี้อยู่แล้ว” หยางกั๋วกงผู้เคยผ่านเหตุการณ์นี้มาก่อนเอ่ยปากบอก “เพราะเหตุนี้อย่างไรเล่า พ่อกับแม่ถึงมีเจ้าเป็นบุตรเพียงคนเดียว บิดาเจ้าไม่อยากให้แม่เจ็บปวดยามที่ต้องคลอดบุตรเช่นนี้” ‘ฮูหยินน้อยใจเย็นๆ เจ้าค่ะ’ ‘ข้าเ
22 สัญญาที่มอบให้เจ้า อวี้ซีเยวนั่งมองหน้าสามีด้วยสายตากรุ่นโกรธและไม่ยอมเข้าใกล้ เพราะเมื่อวานเขาบอกจะให้นางได้นอนหลับพักผ่อนหนึ่งคืน แต่ยังไม่ทันพ้นยามห้าย (21.00-22.59) โจรบุปผาที่พอแต่งงานก็กลายร่างเป็นปีศาจราคะจับนางกลืนกินครั้งแล้วครั้งเล่าจนนางหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้&nbs







