로그인3
น้องสาวของสหายน่าเอ็นดูไม่น้อย
“คุณชายขอรับ มีคุณหนูมารอพบท่านอยู่ที่โถงด้านหน้าขอรับ” พ่อบ้านฉางรีบเข้ามารายงานทันทีที่เห็นคุณชายของตนเดินเข้าจวนมา
“ใคร?”
“คุณหนูเฟินฮุ่ยเหมยขอรับ”
“ไล่กลับไป” หยางเฟยฉีกล่าวก่อนจะเดินตรงไปยังห้องหนังสือของตน
เขาหยิบแผ่นกระดาษคำรับสารภาพของโจรป่าที่เป็นพวกเดียวกับที่ดักทำร้ายรถม้าของผู้ตรวจการโจว ซึ่งดูเหมือนเรื่องนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่องค์รัชทายาทไหว้วาน
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องหนังสือดังขึ้น เขาจึงเอ่ยปากอนุญาตตามความเคยชิน และเพราะเขาไม่ชอบความวุ่นวาย หน้าห้องหนังสือจึงไม่มีเวรยามยืนเฝ้าอยู่
“เข้ามา” พอกล่าวจบเขาก็ก้มหน้าอ่านอะไรบางอย่างต่อ
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาหยุดยืนที่หน้าโต๊ะ เขาจึงเงยหน้าขึ้นมอง
“ขออภัยเจ้าค่ะที่เข้ามารบกวนท่านพี่เฟยฉี”
“พ่อบ้านฉาง อยู่ที่ใด” เสียงที่เอ่ยถามดังก้องบ่งบอกถึงแรงโทสะได้เป็นอย่างดี
“พ่อบ้านฉางกำลังยุ่งกับการจัดการงานเจ้าค่ะ” เฟินฮุ่ยเหมยตอบด้วยคิดว่าเขากำลังถามตน
“ข้าไม่ได้ถามเจ้า”
“มาแล้วขอรับคุณชาย ขออภัยขอรับพอดีมีปัญหาที่โรงครัวนิดหน่อย ข้าน้อยจึงรีบไปจัดการก่อน”
“จัดการเรียบร้อยดีหรือไม่”
“เรียบร้อยขอรับ”
“เช่นนั้นจัดการสตรีผู้นี้ แล้วไปรับบทลงโทษตามกฎข้อที่สิบของจวน”
“ขอรับ”
“ท่านพี่เฟยฉีเจ้าคะ อย่าได้ลงโทษท่านพ่อบ้านเลยเจ้าค่ะ เป็นความผิดของข้าที่เดินเข้ามาในเรือนส่วนในโดยไม่ได้รับอนุญาต” คุณหนูเฟินรีบคุกเข่าลงบนพื้นกล่าวขอความเมตตาด้วยท่าทางโศกเศร้าราวกับดอกสาลี่ต้องฝน
“ในเมื่อรู้เช่นนั้นเจ้าก็ควรจะรีบออกไปจากจวนตระกูลหยาง และข้าจะบอกกล่าวเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายว่า อย่าเรียกข้าด้วยคำที่สนิทสนมเช่นนั้น”
“เพราะเหตุใดเจ้าคะ เมื่อก่อนข้าก็เรียกท่านเช่นนี้”
“ยามนั้นข้าติดตามท่านแม่ทัพใหญ่ไปตรวจกองทัพ ข้าจึงต้องให้เกียรติแม่ทัพอุดร มิอาจปฏิเสธท่าทางสนิทสนมของเจ้าให้เสียน้ำใจบิดาเจ้า”
“แล้วเหตุใดตอนนี้...” นางตั้งใจจะถามว่าเหตุใดเขาถึงปฏิเสธนาง หรือเป็นเพราะนางไม่งดงามพอ
“เพราะเจ้าไม่ให้เกียรติข้า ข้าก็ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติเจ้า เอาล่ะพ่อบ้านฉางรีบนำขยะกลิ่นเน่าเหม็นออกไปจากห้องหนังสือข้าเสียที ส่วนเจ้าคุณหนูเฟิน หากต่อแต่นี้พบเจอข้า เจ้าควรที่จะทำเป็นไม่รู้จักข้า”
“ท่านพี่เฟยฉี...คุณชายหยางเหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายกับข้านัก” เฟินฮุ่ยเหมยรีบเปลี่ยนคำเรียกขานเมื่อเห็นสายตาเย็นชาก่อนจะกล่าวพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลรินดุจไข่มุกร่วงหล่น
“ท่านพ่อบ้านเหตุใดไม่รีบจัดการ”
“ขอรับๆ คุณหนูเชิญขอรับ”
“ไม่ ข้าไม่ไป ท่านต้องตอบคำถามของข้าก่อน”
“หากเจ้าอยากรู้ข้าก็จะบอก” จะได้เลิกยุ่งกับเขาเสียที
“...”
“เพราะเจ้าเป็นสตรีที่น่ารังเกียจอย่างไรเล่า” สิ้นวาจาร้ายกาจของบุรุษรูปงาม สตรีที่ทะนงตัวมาตลอดว่างดงามและเพียบพร้อมยืนนิ่งค้างราวกับวิญญาณได้หลุดลอยไปแล้ว
พ่อบ้านฉางที่มีความผิดฐานปล่อยคนนอกให้เข้าเรือนชั้นในรีบสั่งการให้สาวใช้มาจัดการ
“พวกเจ้ามาพาคุณหนูผู้นี้ออกไป”
คุณชายของจวนมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา สตรีผู้นี้คงจะเป็นสตรีดอกบัวขาวดั่งที่สตรีตัวน้อยกล่าว
‘โชคดีที่ข้าไม่ใช่บุรุษหน้าโง่ จึงไม่หลงกลสตรีดอกบัวขาว’ ดวงหน้าน้อยๆ ของสตรีวัยสิบสี่ปีปรากฏขึ้นในห้วงความคิด มุมปากของเขายกยิ้มอย่างไม่รู้ตัว
สำหรับเขาพระจันทร์ดวงน้อยแสนซุกซน น่าสนใจกว่า...
กว่าเฟินฮุ่ยเหมยจะรู้ตัวว่าถูกหิ้วตัวออกจากจวนหยาง นางก็ออกมาอยู่หน้าจวนแล้ว
‘กรี๊ด...หยางเฟยฉี ข้าจะทำให้ท่านมาสยบแทบเท้าข้าให้ได้’ เพราะภาพลักษณ์ของนางคือสตรีที่เพียบพร้อม ชื่อเสียงดีงามไม่เคยเสื่อมเสีย นางจึงได้แต่กรีดร้องในใจ มือเรียวกำเข้าหากันแน่นอย่างพยายามระงับโทสะ ก่อนจะสะบัดอาภรณ์แล้วกลับจวนตน
งานเลี้ยงจวนเจ้ากรมพิธีการในวันนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อต้อนรับบุตรชายที่เรียนจบจากสำนักศึกษาชื่อดังของแคว้นฉีจินเพราะสำนักศึกษาแห่งนี้การสอบค่อนข้างยาก หากไม่มีความสามารถมากพอ ต่อให้เป็นเชื้อพระวงศ์ก็ไม่อาจเข้าศึกษาได้ เรียกได้ว่าหากบุตรหลานตระกูลใดสามารถเข้าศึกษาได้ก็จะเป็นหน้าเป็นตาให้วงศ์ตระกูล
ทำให้วันนี้มีขุนนางน้อยใหญ่พาฮูหยินและบุตรธิดามาร่วมงานด้วยเป็นจำนวนมาก
ด้วยเหตุฉะนี้อวี้ซีเยว่ที่แสนจะซุกซนจึงถูกสั่งตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อขัดผิวและแต่งตัว ซึ่งฮูหยินอวี้สั่งไว้ว่าคุณหนูจะต้องออกมาสวยที่สุด
“ปักปิ่นแค่อันเดียวก็พอแล้ว” ใส่มากไปก็หนักหัว
“ไม่ได้เจ้าค่ะคุณหนู ฮูหยินสั่งเอาไว้ว่า...”
“เจ้าเอ่ยประโยคนี้เกือบสิบครั้งแล้ว เจียวลู่ข้าสบายใจที่จะแต่งตัวเช่นนี้ หากท่านแม่ตำหนิเจ้า ข้าจะรับโทษแทนเอง”
“ถ้าเช่นนั้นเติมชาดอีกหน่อยดีหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่! หากเจ้าเติมมากกว่านี้ ข้าคงต้องไปเล่นงิ้วแทนการเข้าร่วมงานเลี้ยงของพี่ใหญ่”
“ครั้งต่อไปค่อยไปต่อที่เตียงเจ้าค่ะ” กล่าวจบนางที่ถูไถจุดสงวนกับแท่งหยกร้อนที่แข็งขึงจนมีน้ำหวานลื่นใสก็จัดแจงขยับตัวเพื่อให้แท่งหยกสามารถบุกรุกเข้าโพรงนุ่มอย่างง่ายดาย “อ่า...” “เจ้ายังคับแน่นเช่นนี้ พี่จะทนไม่ไหวเอา” แม้จะผ่านการคลอดลูกมาแล้วแต่โพรงนุ่มของนางยังรัดรึงแท่งหยกของเขาแน่น “ทนไม่ไหวก็ปลดปล่อยออกมาสิเจ้าคะ ข้าพร้อมรับ” “อ่า...มันดีมาก ฮูหยินพี่ช่างเก่งกาจ” เขาถึงกับร้องครวญครางออกมายามที่นางโยกตัวขยับขึ้นลง อกอวบอิ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าทำให้เขาทนไม่ได้จึงอ้าปากงับยอดอกนาง ก่อนจะใช้ลิ้นร้อนปัดป่ายไปมาสลับกับดูดกลืนเพื่อกระตุ้น “ข้าก็เป็นเช่นนี้เพียงกับท่า
ล่อลวงสามีเพื่อบุตรคนที่สอง หลังจากที่เลี่ยงไม่ยอมร่วมหลับนอนกับฮูหยินจนนางร้องไห้น้ำตานองเพราะเข้าใจว่าเขาเบื่อหน่ายนางแล้ว หยางเฟยฉีจึงเปลี่ยนเป็นการให้นางกินยาห้ามครรภ์ที่มาในรูปลักษณ์ใหม่ไม่เหมือนเดิมอย่างชารสดี กลิ่นหอม “ท่านพี่เจ้าขาวันนี้ข้าเลี้ยงลูก เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเหลือเกิน ตอนอาบน้ำท่านช่วยนวดให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ” กล่าวจบโฉมสะคราญก็รั้งอาภรณ์ลงเผยให้เห็นไหล่ลาดขาวเนียน “อึก...ได้” หยางเฟยฉีลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเห็นความเย้ายวนของฮูหยิน เพราะลูกเกาะติดนางหลายวันเขาจึงไม่มีโอกาสไ
ตอนพิเศษ ว่าด้วยเรื่องราวของต้นหอม หลังจากเสร็จสิ้นพิธีกราบไหว้ฟ้าดินของบุตรชายได้สองเดือนหยางกั๋วกงและฮูหยินก็เตรียมตัวจะออกเดินทางกลับปราสาทโอสถ “ท่านแม่เจ้าขา ท่านว่างอยู่หรือไม่เจ้าคะ คือข้ามีเรื่องที่อยากจะรบกวนท่านเจ้าค่ะ” ท่าทางออดอ้อนน่ารักข
“ขอบคุณขอรับท่านหมอ” หยางเฟยฉีแสดงความเคารพท่านหมอหญิงอย่างนอบน้อม ก่อนจะหันไปดูแลฮูหยินของตนต่อ หลายวันผ่านไปร่างกายของอวี้ซีเยว่ฟื้นตัวดีขึ้น แม้จะทำงานเหน็ดเหนื่อยเพียงใด แต่หากยามค่ำคืนนางต้องตื่นขึ้นมาดูลูกน้อย สามีก็จะตื่นขึ้นมาช่วยด้วย เขาไม่เคยปริปากบ่นและยังคงดูแลนางเช่นเดิม “ท่านพี่มีอันใดจะบอกข้าหรือไม่เจ้าคะ” ในยามที่นางเผลอนางมักจะเห็นเขาทำสีหน้าไม่สบายใจ “ไม่มี เจ้าอย่าได้คิดมาก” “ข้าไม่ได้คิดมากเจ้าค่ะ แต่ข้ารู้สึกว่าท่านเปลี่ยนไปตั้งแต่ข้าคลอดลูก หรือว่าเป็นเพราะข้าไม่งดงามเหมือนแต่ก่อน ท่านจึงคิดหมางเมินข้า” 
คุณชายหยางที่ออกไปทำงานถูกตามกลับจวนในทันที หยางกั๋วกงและหยางฮูหยินที่บังเอิญทราบข่าวก็รีบตรงมาที่จวนของบุตรชายทันที ‘ข้าเจ็บเหลือเกินเจ้าค่ะ’ “ซีเยว่” พอได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดของฮูหยินตน หยางเฟยฉีแทบจะรีบเข้าไปหานางทันที หากไม่ถูกบิดารั้งตัวไว้ “ใจเย็นๆ เฟยฉี สตรีคลอดลูกก็ต้องเจ็บปวดเช่นนี้อยู่แล้ว” หยางกั๋วกงผู้เคยผ่านเหตุการณ์นี้มาก่อนเอ่ยปากบอก “เพราะเหตุนี้อย่างไรเล่า พ่อกับแม่ถึงมีเจ้าเป็นบุตรเพียงคนเดียว บิดาเจ้าไม่อยากให้แม่เจ็บปวดยามที่ต้องคลอดบุตรเช่นนี้” ‘ฮูหยินน้อยใจเย็นๆ เจ้าค่ะ’ ‘ข้าเ
22 สัญญาที่มอบให้เจ้า อวี้ซีเยวนั่งมองหน้าสามีด้วยสายตากรุ่นโกรธและไม่ยอมเข้าใกล้ เพราะเมื่อวานเขาบอกจะให้นางได้นอนหลับพักผ่อนหนึ่งคืน แต่ยังไม่ทันพ้นยามห้าย (21.00-22.59) โจรบุปผาที่พอแต่งงานก็กลายร่างเป็นปีศาจราคะจับนางกลืนกินครั้งแล้วครั้งเล่าจนนางหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้&nbs







