Mag-log inหลังจากที่ใช้ชีวิตหลังแต่งงานอยู่กินด้วยกันมาหลายเดือน ในที่สุดขวัญนรีก็กำลังตั้งครรภ์เข้าสู่เดือนที่เก้าไปเสียแล้ว และคนที่ดูจะภูมิอกภูมิใจแลดูมีความสุขที่สุดก็คงจะเป็นว่าที่คุณพ่ออย่างฉัตรธรนั่นเอง ซึ่งตอนนี้ร่างสูงกำลังนั่งรออยู่หน้าห้องคลอดอย่างใจจดใจจ่อ มือหนาชื้นเหงื่อกำเข้าหากันแน่นด้วยความประหม่าหลัง จากที่หญิงสาวผู้เป็นที่รักและสิ่งมีชีวิตตัวน้อยภายในครรภ์ได้เข้าสู่กระบวนการสำคัญของแม่และเด็ก “ขอให้ปลอดภัย” เสียงทุ้มเอ่ยพึมพำเบา ๆ ขายาวลุกขึ้นก่อนจะก้าวเดินไปมาอย่างอยู่ไม่สุข ทำเอาผู้เป็นแม่อย่างคุณนายปฐมาวัลย์ถึงกับเริ่มจะวิงเวียนศีรษะจากการกระทำของลูกชาย “ใจเย็นหน่อยจ้ะ คุณพ่อ” เสียงนุ่มละมุนหูเอ่ยเตือนสติอีกฝ่าย เมื่อได้ยินเสียงของผู้เป็นแม่ เรนจึงค่อย ๆ สงบลง ทว่าภายในใจเขานั้นกำลังกระวนกระวายเพราะเป็นห่วงคนที่ยังอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมนั้น “ผม… เป็นห่วงเมียและลูก” น้ำเสียงที่ฉายชัดถึงแววกังวลเอ่ยบอก หญิงสูงวัยทำได้เพียงพยักหน้ารับเบา ๆ อย่างเข้าอกเข้าใจ
หลังจากที่เข้าห้องหอมาเป็นที่เรียบร้อย สามีหนุ่มหล่อก็จูงมือเจ้าสาวคนสวยมานั่งที่เตียงสีแดงสดที่โรยด้วยกลีบกุหลาบรูปหัวใจเอาไว้อยู่ ซึ่งคนตัวเล็กก็ยอมนั่งลงแต่โดยดี “ที่รักครับ พี่ขอไปอาบน้ำก่อนนะ” “ได้ค่ะ เราแกะของขวัญรอได้ไหม?” “ได้สิ เดี๋ยวพี่มาดูด้วยอีกทีนะหนู” เจ้าหล่อนพยักหน้ารับเบา ๆ ชายหนุ่มจึงมุ่งเดินเข้าห้องน้ำไป มือเรียวขาวเอื้อมไปหยิบของขวัญแต่งงานที่ได้จากแขกเหรื่อขึ้นมาแกะดูทีละกล่องด้วยความตื่นเต้นและรอลุ้น “อืม อันนี้ของพี่เขมสินะ” เธอเอ่ยพึมพำและเริ่มเปิดดูของที่อยู่ข้างใน และสิ่งที่ได้เห็นทำเอาขวัญนรีถึงกับหน้าแดงด้วยความเขินอาย เพราะภายในมีเสื้อผ้าเด็กทารกและของอื่น ๆ อีกหลายอย่างสำหรับลูกน้อย “พี่เขมนะพี่เขม หนูก็เขินเป็นนะ” เสียงใสเอ่ยบ่นพี่สาวอย่างไม่จริงจังมากนะ ก่อนจะหันความสนใจไปที่กล่องสี่เหลี่ยมอันถัดไปที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ “อันนี้จากนิราและตรีนี่นา เปิดเลยดีกว่า” สาวเจ้าไม่รอช้า เธอจัด
วันที่ 1 เดือนเมษายน พุทธศักราช 256x ฤกษ์งามยามดีที่ครอบครัวทั้งสองบ้านนั้น จะได้ปรองดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน เป็นวันที่คู่รักทั้งหลายต่างก็ใฝ่ฝันให้เกิด ขึ้นในชีวิตของพวกเขาในสักครั้ง วันที่จะเป็นเหมือนการประกาศถึงความรักและความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในตัวสามี-ภรรยา ซึ่งฉัตรธรกับขวัญนรีเองก็เป็นหนึ่งในนั้น หลังจากที่ทั้งคู่ตกลงคบหาดูใจกันเป็นระยะเวลาอันยาวนาน และวันนี้ก็มาถึง วันที่ทั้งสองจะได้เปิดเผยความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ ถูกต้องและเหมาะสม โดยมีสักขีพยานรักรับรู้ เมื่อบรรดาแขกเหรื่อมากันครบแล้ว พิธีแต่งงานจึงเริ่มต้นขึ้นโดยมีผู้เป็นมารดาของหนุ่มสาวทั้งสองฝั่งได้เดินไปจุดเทียนที่แท่นบูชาเพื่อเริ่มพิธีสำคัญนี้ หลังจากจุดเทียนเสร็จเป็นที่เรียบร้อย วงดนตรีค่อย ๆ บรรเลงเพลงเพื่อต้อนรับการมาของเจ้าสาว เสียงเพลงเคล้าดนตรีที่นุ่มละมุนหูดังคลอไปทั่วทั้งบริเวณ ประกอบไปด้วยเสียงจากเปียโน ไวโอลิน และเครื่องดนตรีอื่น ๆ ที่เสียงไม่ดังโฉ่งฉ่างนัก ร่างเพรียวระหงที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวลวดลายลูกไม้ห
ห้าสิบปีผ่านไป… จากที่เคยเป็นสาวสวยร่างกายก็เปลี่ยนไปตามอายุและวัย ผมที่เคยสีน้ำตาลสวยบัดนี้ได้แปรผันไปเป็นสีขาวหงอก ผิวหนังที่เคยเต่งตึงก็เริ่มเหี่ยวย่นมากขึ้น ดวงตาคู่สวยเริ่มฝ้าฟางจ้องมองไปยังเด็กน้อยตัวเล็ก ๆ ที่นอนนิ่งอยู่บนตัก ขวัญนรีได้ผ่านช่วงเวลาอันยาวนานและมีชีวิตต่อมาอย่างสงบสุข เธอไม่ได้พบรักหรือว่าแต่งงาน เพียงแต่หลังจากเรียนจบเธอก็ทำอาชีพสุจริตและรับเลี้ยงเด็กสาวคนหนึ่งเอาไว้เป็นบุตรบุญธรรมกระทั่งที่อีกฝ่ายได้คลอดลูกน้อยออกมาจนได้ สิบสองขวบเสียแล้ว “คุณยายคะ ช่วยเล่าเรื่องรักแรกหรือความรักของคุณยายให้หนูฟังหน่อยได้ไหมคะ หนูไม่เคยเห็นผู้ชายที่ยายรักเลยค่ะ” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย พลางจ้องมองไปยังมืออันอบอุ่นที่คอยลูบศีรษะอยู่ “อืม อันที่จริงก็มีอยู่คนหนึ่งนะหลาน” เสียงแหบแห้งเอ่ยบอกพลางนึกไปถึงใบหน้าหล่อใสของชายผู้เป็นที่รักและเป็นหนึ่งเดียวในหัวใจไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไป แม้จะเลือนรางไม่เท่าเมื่อก่อน แต่ขวัญนรียังคงจดจำฉัตรธรได้ “โอ้โฮ รักที่มั่
ฉัตรธรเปิดประตูให้คนตัวเล็กได้เข้าไปภายใน ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปรอบ ๆ ด้วยความสนอกสนใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่ขวัญนรีได้ก้าวเข้ามาในอาณาเขตของอีกฝ่าย “ดอกกุหลาบนั่นมันอะไรกัน?” เสียงทุ้มเอ่ยถามออกมาเมื่อสังเกตเห็นดอกไม้ในมือเรียวขาวของคนตัวเล็กที่ยังตื่นเต้นกับการสำรวจห้องของเขาอยู่ “อ้อ เกือบลืมไปเลยแน่ะ” “หือ? ลืมอะไรครับ” “สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะคะ คุณผีที่รัก” เธอว่าออกมายิ้ม ๆ พร้อมกับยื่นกุหลาบขาวแทนใจส่งมาให้ ชายหนุ่มจึงรับเอาไว้ก่อนจะสูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ เบา ๆ “ขอบคุณนะครับ” “ด้วยความรักค่ะ” “ต้องด้วยความยินดีสิ” “คิกคิก ก็มันจริงนี่นา” ทั้งสองมองสบประสานกันอย่างลึกซึ้ง ก่อนที่ใบหน้าหล่อจะก้มลงต่ำและโฟกัสไปที่พื้นแทน “พี่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” “พี่อยู่ได้ถึงพรุ่งนี้นะหนู” ประโยคที่ออกมาจากริมฝีปากหยักทำเอาคนฟังถึงกับนิ่งอึ้งตะลึงค้าง ขวัญรู้ดีว่าในสักวันหนึ่งเร
และแล้วก็มาถึง… วันที่เหล่าคนโสดนั้นแสนจะเกลียดและขยาด นั่นก็คือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ หรือวันวาเลนไทน์นั่นเอง สองสาวเพื่อนรักที่กำลังนั่งอยู่ที่จุดชมวิวของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ในขณะที่กำลังรอตรีวิทย์เดินทางมาอยู่นั้น “เธอจะชวนฉันมาทำไม?” นิราเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจจุดประสงค์ของคนตัวเล็ก ขวัญจึงยิ้มบาง ๆ ออกมา และเหตุผลที่ทั้งคู่กำลังอยู่ที่นี่ก็คือ เพื่อนชายเพียงคนเดียวในกลุ่มอย่างตรี ได้เอ่ยชวนเธอมาเที่ยว แต่ด้วยความที่รู้ดีว่านิรณาเองก็แอบมีใจให้อีกฝ่ายเลยชักชวนมาด้วยกัน ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เพราะกลัวว่าขวัญจะปฏิเสธ “ก็… เรารู้นะว่าเธอชอบตรี” “ใช่แล้ว แต่ฉันก็นกนั่นแหละ” ใบหน้าสวยของเจ้าหล่อนเริ่มเศร้าสร้อยเมื่อหวนนึกไปถึงคนที่ตนเองแอบชอบ แค่คิดก็ทำเอาเจ็บจนจุก เพราะตรีวิทย์ไม่เคยเหลียวแลนิรณามากกว่าเพื่อนเลย “อย่าเพิ่งท้อสิ ลองดูก่อนนะ” ขวัญเอ่ยอย่างให้กำลังใจพร้อมกับบีบมือเพื่อนสาวเบา ๆ นิราจึงยิ้มรับอย่างขมขื่น และเป็นจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มมาถึ







