LOGINหลังจากที่ขวัญนรีกลับขึ้นห้องเรียบร้อยแล้ว ร่างบางก็เอนตัวลงนอนบนเตียงนุ่มอย่างเหนื่อยอ่อน มือขาวยกเอาโทรศัพท์ขึ้นโทรหาเพื่อนใหม่ที่เพิ่งสนิทกันได้ไม่นานอย่างนิราในทันที
ตื๊ดดด… ตื๊ดดด…
รอไม่นานปลายสายก็กดรับ…และกรอกเสียงลงมา
“ยังไม่นอนอีกเหรอ คนน่ารัก” นิรณาเอ่ยถามขึ้นเมื่อพบว่าเวลาล่วงเลยเข้าสู่ช่วงสี่ทุ่มกว่าแล้ว เป็นเวลาที่เธอใกล้ จะเข้านอน แต่เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวตัวเล็กโทรมาจึงต้องยอมรับสาย
“นิรา ขวัญมีเรื่องจะคุยน่ะ”
“ได้สิ เธอเล่ามาได้เลยนะ”
เมื่อได้รับคำอนุญาตจากอีกฝ่าย น้ำเสียงใสจึงเริ่มเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เพื่อนสาวสวยในคณะที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานมากฟัง
“คือ… เราบังเอิญไปเจอผู้ชายคนหนึ่ง เรารู้จักกันได้ไม่นาน เขาเป็นคนที่หล่อ นิสัยดี จิตใจดีและอบอุ่นจนสัมผัสได้เลย” ขวัญเอ่ยพลางนึกไปถึงร่างสูงโปร่งของหนุ่มรุ่นพี่ผู้มีใบหน้าอันหล่อเหลา นิสัยช่างแสนดี เป็นเพียงคนเดียวที่ติดอยู่ภายในใจของเจ้าตัว เพราะขวัญนรีไม่เคยมีความรักมาก่อนเลยสักครั้ง
“โอเค แล้วยังไงต่อนะ?”
“เอ่อ… เหมือนว่าเราจะเจอกันบ่อยและพูดคุยกันบ่อยมากขึ้นน่ะ จนพักหลังมานี้ เหมือนขวัญเริ่มจะตกหลุมรักเขาน่ะ” หญิงสาวยอมรับออกมาตรง ๆ เพราะเชื่อว่านิราไว้วางใจได้
“อืม… ก็ดีแล้ว พอฟังที่เธอเล่ามา…ก็ดูเป็นคนที่ใช้ได้อยู่นะ”
“ใช่เลย แต่ว่า… พี่เขามักจะชอบโผล่มาตอนที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกันอะ นี่ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้นิราได้เข้าใจเหมือน กัน” สาวน้อยเอ่ยออกมาพร้อมกับนึกไปถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิด
“ยังไงนะ?”
“…อย่างวันแรกนะ พี่เขาทักเราเรื่องไหว้ศาล เรายังไม่ได้ทำก็เลยลงไปไหว้ตามที่พี่เขาบอก และในขณะที่พูดขอขมาลาโทษเสร็จและกำลังจะปักธูปใช่ไหม… อยู่ดี ๆ เขาก็โผล่มาตรงนั้น”
“โอเค แล้วมีเรื่องอะไรอีกไหม?”
“ก็… อย่างวันนี้ ตอนที่พวกเราแยกย้ายกันกลับน่ะ ขวัญรู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังเดินตามหลังอยู่ เกิดกลัวมากก็เลยรีบวิ่งหนีมาและไปชนเข้ากับพี่เขาพอดี ไม่รู้บังเอิญหรืออะไร”
“…อาจจะบังเอิญก็ได้มั้งนะ” ถึงแม้สาวสวยอย่างนิรณาจะแปลกใจมากแค่ไหน แต่เจ้าหล่อนก็ทำเพียงเก็บความสงสัยไว้
“คงจะอย่างที่เธอว่า…”
“…ใช่แหละ”
“แต่ว่าเมื่อกี้นี้… ขวัญเห็นพี่เขาเล่นกับแมวอยู่เลยแวะไปคุยด้วยสักหน่อย มือเราสองคนแตะกันด้วยแหละ ใจเรานี่…เต้นแรงมากเลย ไม่รู้ว่าพี่เรนจะได้ยินไหม… แต่มือพี่เขาอุ่นมาก”
“…จ้ะ อันนี้อยากขิงแหละเนอะขวัญนรี” ปลายสายอดไม่ได้ที่จะถามกึ่งค่อนแคะขึ้น ทำเอาคนพูดถึงกับต้องหัวเราะออกมา
“คิกคิก~ ขอนิดหนึ่งนะ มันยุบยิบในใจ ไม่รู้จะพูดให้ใครฟัง”
“โอเค…”
“หลังจากที่เผลอแตะเนื้อต้องตัวกัน ขวัญเลยรีบดึงมือตัวเองกลับ จังหวะนั้นคือทำอะไรไม่ถูก เหมือนกลับไปสิบสี่
อีกครั้ง” สาวน้อยวัยแรกแย้มยังคงพูดคุยต่อไป ตัวเธอยังคงจำได้ดีถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อตอนนั้น ทำเอาใบหน้าใสเริ่มขึ้นสีระเรื่อ“โอ้โฮ… ย้อนกลับไปตอนมัธยมต้นเลยนะ” นิรารีบเอ่ยแซว
“ก็คนมันเขิน~ เราไม่รู้จะชวนคุยอะไรต่อ เพราะเงียบกันไปทั้งคู่ หันไปเห็นขนมปังที่ซื้อมา ก็เลยยื่นครัวซองต์ไปให้พี่เขาน่ะ”
“แล้วพี่เขารับไหม?”
“หึ… ไม่อะ พี่เรนไม่ได้รับ เห็นบอกว่า… ถ้าไม่ได้เรียกชื่อดี ๆ เหมือนจะไม่ยอมกินหรือกินไม่ได้อะไรประมาณนั้นแหละมั้ง” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยออกมาอย่างน่ารักน่าเอ็นดู แต่ประโยคที่พูดมานั้น ทำเอาคนฟังถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัยไม่น้อย
“หืม… แปลก ๆ นะ เธอไม่แอบเอะใจบ้างเลยเหรอ?”
“แปลกยังไงนิรา” ใบหน้าสวยมีเสน่ห์ทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพัก แต่ก็ยังนึกคิดอะไรไม่ออกจึงต้องเอ่ยปากถามอย่างช่วยไม่ได้
“ก็… ปกติไม่ต้องเรียกชื่อก็กินได้นี่นา”
“อืม…” ขวัญนรียังคงใช้ความคิดอยู่
“นี่จำเป็นต้องเรียกชื่อซะด้วย… มันแปลกจริง ๆ นะ”
“ไม่หรอกง… เธออาจจะคิดมากเกินไป” เมื่อมองไม่เห็นถึงความแปลกหรือว่าผิดปกติสักเท่าไร เจ้าตัวจึงเอ่ยเพื่อตัดบท
“ส่วนเธอ…ก็ไม่คิดอะไรเลยสินะ”
“คิกคิก~ พูดอีกก็ถูกอีก ใช่เลย!”
เกิดเป็นเสียงหัวเราะขบขันขึ้น เมื่อประโยคสนทนานั้นน่าขำ สองสาวจึงแย้มยิ้มเริงร่าอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยพูดต่อไป
“เธอนี่มัน…จริง ๆ เลย…” นิรณาเอ่ยขึ้นเบา ๆ อย่างเหนื่อยใจ แต่ก็อดเอ็นดูอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะขวัญนรีนั้นช่างน่ารักน่าเอ็นดู
“เราว่าจะวางสายแล้ว นิราควรได้พักผ่อน”
“โอเค ขวัญก็เหมือนกันนะ รีบนอนได้แล้ว”
“ราตรีสวัสดิ์นะ”
“จ้ะ ราตรีสวัสดิ์”
เมื่อเพื่อนสาวสวยตอบกลับมาเรียบร้อย นิ้วเรียวขาวก็กดวางสายไป พลางครุ่นคิดไปถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเจ้าตัวกับหนุ่มรุ่นพี่ที่อยู่ห้องตรงข้าม แต่ก็ต้องรีบกลับมาตั้งสติให้มั่นอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงดังมาจากหน้าห้อง ร่างเพรียวระหงจึงต้องรีบลุกและเดินไปที่ประตูบานใหญ่ก่อนจะสอดส่องดูตาแมวช่องใสเล็ก ๆ ที่พอให้สังเกตสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่หน้าห้องตนได้
“ป้าวัลย์นี่นา… ออกมาจากห้องพี่เรนงั้นเหรอ?”
ดวงตากลมโตยังคงจ้องมองและเฝ้าสังเกตต่อไป
“มืดจังเลยนะ ไฟก็ไม่เปิดให้มันสว่างสักหน่อย”
และในขณะนั้น… ตากลมโตถึงกับเบิกโพลง
“เดี๋ยวนะ… คุณป้าเขาล็อกห้องของลูกชาย…” เจ้าหล่อนเอ่ยออกมาเบา ๆ ดวงตาสีน้ำตาลสุกใสยังคงเฝ้ามองดูการกระทำของหญิงวัยกลางคนที่กำลังล็อกแม่กุญแจอยู่ห้องตรงข้ามตน
“ช่างเถอะ พี่เรนคงไม่อยู่แหละมั้ง ไปนอนดีกว่า” ใบหน้าเนียนส่ายสะบัดไปมาก่อนจะเดินไปที่เตียงนุ่มเพื่อเข้าสู่การพักผ่อน
ในขณะที่ร่างบางของเด็กสาวกำลังหลับใหลอยู่นั้น…
ขวัญนรีสังเกตเห็นร่างสูงโปร่งของรุ่นพี่หน้าหล่อที่กำลังเล่นกับแมวอยู่ ราวกับเดจาวู ขาเรียวจึงก้าวเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย
“มาทำอะไรมืด ๆ อยู่ตรงนี้คะ?”
“มาเล่นกับแมวน่ะ”
“ทำไมถึงเป็นตอนดึกดื่นแบบนี้ล่ะ”
“กลางคืนมันสงบดีน่ะ เหงาดีด้วย”
“โอเคค่ะ ขวัญเข้าใจแล้ว…”
ร่างเล็กบอบบางถึงกับตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น ใบหน้าหล่อที่ย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาจากบริเวณหน้าผาก ขวัญถึงกับตกใจและนิ่งอึ้งไป ปากสวยพยายามจะเอ่ยพูดแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อของเหลวสีสดยังคงทะลักออกมากขึ้นเรื่อย ๆ
เฮือก!!!
กายขาวเนียนสะดุ้งตื่นขึ้นในทันที ใบหน้าสวยน่ารักนั้นเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมา มือเรียวยกขึ้นเช็ดออกอย่างลวก ๆ
“ฝันงั้นเหรอ…”
น้ำเสียงใสเอ่ยพึมพำเบา ๆ ก่อนจะลูบและสัมผัสไปที่บริเวณหน้าอกที่กำลังเต้นแรงอยู่ด้านใน สาวเจ้าค่อย ๆ สูด
ลมหายใจเข้าและผ่อนลมหายใจออก อย่างอยากจะเรียกสติให้กลับคืนเช้าวันต่อมา…
เปลือกตาสีอ่อนค่อย ๆ เปิดขึ้นมาและเริ่มกะพริบเพื่อปรับการมองเห็น มือเล็กยกขึ้นลูบผมตัวเองเบา ๆ เพื่อจัดทรงให้เข้าที่
“เมื่อคืนเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนนะ…”
ใบหน้ามีเสน่ห์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะส่ายสะบัดไปมา
“ช่างเถอะ… ลุกไปอาบน้ำและหาอะไรกินดีกว่า”
เมื่อนึกขึ้นได้ดังนั้น ขาเรียวจึงลุกลงจากเตียงและก้าวเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อชำระร่างกายให้กลับมาสดชื่นมีชีวิตชีวาดังเดิม
ผ่านไปสักพัก…
ร่างเล็กบอบบางเดินกลับออกมาโดยสวมใส่ชุดเรียบร้อยเสร็จสรรพ เจ้าตัวเดินไปที่เตียงเพื่อหยิบเอาโทรศัพท์เครื่องสวยหรูก่อนจะเดินลงมาที่ชั้นล่างเพื่อหาอะไรกินคลายความหิวที่เกิด
และสิ่งที่เธอเลือกก็คือ…ร้านตามสั่งนั่นเอง
“ป้าคะ หนูขอกะเพราหมูกรอบไข่ดาวหนึ่งที่ค่ะ”
เจ้าของร้านเพียงแค่พยักหน้ารับและยิ้มให้บาง ๆ ก่อนจะเริ่มลงมือทำอาหารให้ลูกค้าต่อ ขวัญจึงเดินไปนั่งลงที่โต๊ะใกล้ ๆ
“กะเพราหมูกรอบของหนูคนสวยได้แล้วจ้ะ”
เมื่อได้ยินเสียงเอ่ยเรียกตนและเมนูที่สั่ง ร่างบางจึงรีบเดินไปรับเอาจานอาหารมาไว้ในมือและเดินกลับมานั่งประจำที่เดิม
“น่ากินจัง…”
ปากบางเอ่ยออกมา ไม่รอช้า… สาวเจ้ารีบตักข้าวเข้าปากเพื่อลิ้มรสอาหาร ทันทีที่กลืนเสร็จ รสชาติที่อร่อยกลมกล่อมอย่างลงตัวทำเอาดวงตาคู่สวยถึงกับเบิกกว้างและเป็นประกายขึ้น
“นั่นแมวนี่นา”
ขณะเดียวกัน ใบหน้าน่ารักก็ได้หันไปเห็นสัตว์สี่ขาที่กำลังนอนอยู่ไม่ไกล ทำให้หวนนึกไปถึงความฝันที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้น…
“คงต้องแวะให้อาหารหน่อยแล้ว”
เมื่อทานเสร็จ เจ้าหล่อนก็รีบเดินไปจ่ายเงินทันที เพราะตัวเธอมีจุดหมายต่อแล้ว
“เป็นเท่าไรคะ?”
“ของหนูห้าสิบบาทจ้ะ สแกนตรงนั้นได้เลย”
มือขาวจัดการชำระเสร็จก็โชว์สลิปขึ้นให้ดู เจ้าของร้านจึงพยักหน้ารับ และในขณะที่เด็กสาวกำลังหันหลังและจะเดินจากไป ก็มีเสียงเอ่ยเรียกรั้งเอาไว้ ขวัญจึงต้องพุ่งความสนใจคืนมาหา
“หนู… เอานี่ไปสิ”
“…อาหารแมว?”
“ป้าฝากให้อาหารแมวพวกนั้นหน่อยนะ อย่างที่เห็นว่าป้าเปิดร้านอาหาร ทั้งยุ่งและไม่ค่อยมีเวลา และลูกค้าคงไม่ค่อยโอเคเท่าไรถ้าเห็นว่าให้อาหารพวกสัตว์และกลับมาทำอาหารต่อ”
“โอเคค่ะ เดี๋ยวหนูจัดการให้นะคะ”
สาวน้อยรับเอาอาหารแมวขนาดกำลังดีมาไว้ก่อนจะรีบเดินไปหาพวกสี่ขาที่ยังคงนอนอยู่ที่เดิม ไม่ยอมขยับไปไหนมาไหน
“เจ้าเหมียว~ มากินข้าวเร็ว”
ฝูงแมวต่างเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะจ้องมองไปยังตัวเธอ มือขาวจึงค่อย ๆ เทอาหารเม็ดลงบนพื้นที่สะอาดและไม่ค่อยสกปรก
“กินเยอะ ๆ ให้อิ่มไปเลยนะ”
เมื่อเห็นของกินอยู่ตรงหน้า เหล่าสัตว์น่ารักจึงเริ่มขบเคี้ยวและลิ้มรสของโปรดของพวกมันอย่างเอร็ดอร่อย ทำเอาฝ่ายคนให้ถึงกับแย้มยิ้มอย่างมีความสุขกับภาพที่ตนเองกำลังได้เห็นอยู่
“อ้าว! หนูขวัญ… มาให้อาหารเจ้าพวกนี้เหรอ?”
“ใช่ค่ะ ป้าวัลย์กำลังจะไปไหนเหรอคะ?”
“ป้ากำลังจะไปทำธุระน่ะ เห็นพอดี เลยแวะมาหา ขอบคุณนะจ๊ะที่เอาอาหารให้พวกมันกินน่ะ ป้าเองก็ไม่ค่อยว่างมาให้ของกินพวกมันสักเท่าไร เห็นหนูทำแบบนี้ ป้าค่อยโล่งใจหน่อย”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ หนูเห็นพี่เรนชอบเล่นกับแมว” เสียงใสเอ่ยตอบก่อนจะหันความสนใจไปที่ฝูงสัตว์สี่ขาตรงหน้าตนเองต่อ
“…”
“แล้ววันนี้… พี่เขาไม่อยู่เหรอคะ หนูไม่เห็นเลย?”
“…”
เมื่อไร้เสียงตอบกลับ ใบหน้าเนียนจึงหันกลับไปมองยังทิศที่เจ้าของหอเช่าอย่างคุณนายปฐมาวัลย์ยืนอยู่ แต่ก็ต้องงุนงงเมื่ออีกฝ่ายไม่อยู่เสียแล้ว
หลังจากที่ให้อาหารแมวเสร็จ ร่างเพรียวก็เดินกลับขึ้นหอไป ในระหว่างที่เจ้าตัวกำลังจะเข้าห้องก็เห็นว่าประตูของหนุ่มรุ่นพี่ยังคงถูกล็อกด้วยแม่กุญแจอยู่
“ตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาเหรอเนี่ย… หรือพี่เขาจะยุ่งอยู่กับการฝึกงานนะ เอาเถอะ… ไว้ถ้าเจอกันอีกค่อยลองถามดูแล้วกัน”
หลังจากที่เข้าห้องมาแล้ว ขาเรียวก็เดินไปที่ห้องน้ำเพื่อจะล้างมือที่ให้อาหารและสัมผัสขนแมว ในระหว่างที่กำลังยืนอยู่หน้าอ่างล้างมือและเอื้อมไปเปิดหัวก๊อกน้ำอยู่นั้น เจ้าหล่อนพบว่าน้ำไม่ไหล ขวัญนรีจึงรีบโทรศัพท์หาคุณป้าเจ้าของหอในทันที
รอไม่นาน… ปลายสายก็กดรับ
“ว่าไงจ๊ะหนูขวัญ?”
“ก๊อกน้ำห้องหนูมันเสียอะค่ะ”
“อืม… ช่างไม่ว่างซะด้วยสิวันนี้ เอาเป็นพรุ่งนี้ได้ไหมลูก เดี๋ยวป้าจะรีบให้ช่างไปซ่อมให้นะ ตอนนี้ยุ่งกันทั้งป้าและช่างเลย”
เมื่อได้ยินดังนั้น ขวัญจึงต้องจำยอมอย่างเข้าใจ แม้จะอยากเร่งเร้าให้แก้ปัญหาโดยเร็วไวมากแค่ไหนก็ตาม
“โอเคค่ะ ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ”
“จ้ะ ฝากวางสายให้ป้าทีหนูขวัญ”
มือสวยกดวางสาย ก่อนจะคิดไม่ตกเกี่ยวกับเรื่องก๊อกน้ำ เด็กสาวได้แต่ปล่อยวางเมื่อไม่อาจจะแก้ไขอะไรได้มากในตอนนี้
ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะที่ดังขึ้นทำลายความว้าวุ่นใจที่มีอยู่ ขวัญนรีรีบตั้งสติก่อนจะเดินไปที่ประตูและเปิดออก ภาพที่ปรากฏต่อหน้าทำเอาหญิงสาวถึงกับแปลกใจอยู่ไม่น้อยเมื่อได้เห็นหนุ่มรุ่นพี่ที่ในมือหนากำลังหิ้วกล่องอุปกรณ์และเครื่องมือช่างเอาไว้อยู่
“ฉันขอเข้าไปหน่อยได้ไหม?”
“ดะ…ได้ค่ะ เข้ามาเลยค่ะพี่”
ทันทีที่ได้รับคำอนุญาตแล้ว ขายาวของชายหนุ่มก็ก้าวเดินเข้ามาในห้องของสาวน้อยก่อนจะมุ่งตรงไปยังก๊อกน้ำทุกจุดและเริ่มจัดการแก้ไขมันโดยมีร่างบางคอยมองดูอยู่ไม่ไกลมากนัก
ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง…
“อืม… เสร็จเรียบร้อยแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยออกมา เมื่อทดลองเปิดดูและพบว่าน้ำกลับมาไหลเป็นปกติจึงได้ปิดหัวก๊อกเอาไว้
“…พี่เรนซ่อมเป็นด้วยเหรอคะ” เสียงใสเอ่ยขึ้นหลังจากที่ยืนดูเงียบ ๆ อยู่นาน ใบหน้าหล่อจึงพยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยตอบ
“ก็พอทำได้อยู่นะ”
“ขอบคุณนะคะ ที่มาจัดการให้ขวัญ”
สองสายตาสบมองกันอยู่สักครู่ เรนจึงเอ่ยพูดต่อ
“ไม่เป็นไร ขอตัวก่อนนะ พอดียุ่ง ๆ อยู่”
เอ่ยจบ ร่างสูงโปร่งก็ก้าวเดินจากไปในทันที ทิ้งให้แต่เจ้าของห้องตัวเล็กได้มองตามก่อนจะถูกประตูปิดกั้นการมองเห็นไป
หลังจากที่ใช้ชีวิตหลังแต่งงานอยู่กินด้วยกันมาหลายเดือน ในที่สุดขวัญนรีก็กำลังตั้งครรภ์เข้าสู่เดือนที่เก้าไปเสียแล้ว และคนที่ดูจะภูมิอกภูมิใจแลดูมีความสุขที่สุดก็คงจะเป็นว่าที่คุณพ่ออย่างฉัตรธรนั่นเอง ซึ่งตอนนี้ร่างสูงกำลังนั่งรออยู่หน้าห้องคลอดอย่างใจจดใจจ่อ มือหนาชื้นเหงื่อกำเข้าหากันแน่นด้วยความประหม่าหลัง จากที่หญิงสาวผู้เป็นที่รักและสิ่งมีชีวิตตัวน้อยภายในครรภ์ได้เข้าสู่กระบวนการสำคัญของแม่และเด็ก “ขอให้ปลอดภัย” เสียงทุ้มเอ่ยพึมพำเบา ๆ ขายาวลุกขึ้นก่อนจะก้าวเดินไปมาอย่างอยู่ไม่สุข ทำเอาผู้เป็นแม่อย่างคุณนายปฐมาวัลย์ถึงกับเริ่มจะวิงเวียนศีรษะจากการกระทำของลูกชาย “ใจเย็นหน่อยจ้ะ คุณพ่อ” เสียงนุ่มละมุนหูเอ่ยเตือนสติอีกฝ่าย เมื่อได้ยินเสียงของผู้เป็นแม่ เรนจึงค่อย ๆ สงบลง ทว่าภายในใจเขานั้นกำลังกระวนกระวายเพราะเป็นห่วงคนที่ยังอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมนั้น “ผม… เป็นห่วงเมียและลูก” น้ำเสียงที่ฉายชัดถึงแววกังวลเอ่ยบอก หญิงสูงวัยทำได้เพียงพยักหน้ารับเบา ๆ อย่างเข้าอกเข้าใจ
หลังจากที่เข้าห้องหอมาเป็นที่เรียบร้อย สามีหนุ่มหล่อก็จูงมือเจ้าสาวคนสวยมานั่งที่เตียงสีแดงสดที่โรยด้วยกลีบกุหลาบรูปหัวใจเอาไว้อยู่ ซึ่งคนตัวเล็กก็ยอมนั่งลงแต่โดยดี “ที่รักครับ พี่ขอไปอาบน้ำก่อนนะ” “ได้ค่ะ เราแกะของขวัญรอได้ไหม?” “ได้สิ เดี๋ยวพี่มาดูด้วยอีกทีนะหนู” เจ้าหล่อนพยักหน้ารับเบา ๆ ชายหนุ่มจึงมุ่งเดินเข้าห้องน้ำไป มือเรียวขาวเอื้อมไปหยิบของขวัญแต่งงานที่ได้จากแขกเหรื่อขึ้นมาแกะดูทีละกล่องด้วยความตื่นเต้นและรอลุ้น “อืม อันนี้ของพี่เขมสินะ” เธอเอ่ยพึมพำและเริ่มเปิดดูของที่อยู่ข้างใน และสิ่งที่ได้เห็นทำเอาขวัญนรีถึงกับหน้าแดงด้วยความเขินอาย เพราะภายในมีเสื้อผ้าเด็กทารกและของอื่น ๆ อีกหลายอย่างสำหรับลูกน้อย “พี่เขมนะพี่เขม หนูก็เขินเป็นนะ” เสียงใสเอ่ยบ่นพี่สาวอย่างไม่จริงจังมากนะ ก่อนจะหันความสนใจไปที่กล่องสี่เหลี่ยมอันถัดไปที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ “อันนี้จากนิราและตรีนี่นา เปิดเลยดีกว่า” สาวเจ้าไม่รอช้า เธอจัด
วันที่ 1 เดือนเมษายน พุทธศักราช 256x ฤกษ์งามยามดีที่ครอบครัวทั้งสองบ้านนั้น จะได้ปรองดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน เป็นวันที่คู่รักทั้งหลายต่างก็ใฝ่ฝันให้เกิด ขึ้นในชีวิตของพวกเขาในสักครั้ง วันที่จะเป็นเหมือนการประกาศถึงความรักและความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในตัวสามี-ภรรยา ซึ่งฉัตรธรกับขวัญนรีเองก็เป็นหนึ่งในนั้น หลังจากที่ทั้งคู่ตกลงคบหาดูใจกันเป็นระยะเวลาอันยาวนาน และวันนี้ก็มาถึง วันที่ทั้งสองจะได้เปิดเผยความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ ถูกต้องและเหมาะสม โดยมีสักขีพยานรักรับรู้ เมื่อบรรดาแขกเหรื่อมากันครบแล้ว พิธีแต่งงานจึงเริ่มต้นขึ้นโดยมีผู้เป็นมารดาของหนุ่มสาวทั้งสองฝั่งได้เดินไปจุดเทียนที่แท่นบูชาเพื่อเริ่มพิธีสำคัญนี้ หลังจากจุดเทียนเสร็จเป็นที่เรียบร้อย วงดนตรีค่อย ๆ บรรเลงเพลงเพื่อต้อนรับการมาของเจ้าสาว เสียงเพลงเคล้าดนตรีที่นุ่มละมุนหูดังคลอไปทั่วทั้งบริเวณ ประกอบไปด้วยเสียงจากเปียโน ไวโอลิน และเครื่องดนตรีอื่น ๆ ที่เสียงไม่ดังโฉ่งฉ่างนัก ร่างเพรียวระหงที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวลวดลายลูกไม้ห
ห้าสิบปีผ่านไป… จากที่เคยเป็นสาวสวยร่างกายก็เปลี่ยนไปตามอายุและวัย ผมที่เคยสีน้ำตาลสวยบัดนี้ได้แปรผันไปเป็นสีขาวหงอก ผิวหนังที่เคยเต่งตึงก็เริ่มเหี่ยวย่นมากขึ้น ดวงตาคู่สวยเริ่มฝ้าฟางจ้องมองไปยังเด็กน้อยตัวเล็ก ๆ ที่นอนนิ่งอยู่บนตัก ขวัญนรีได้ผ่านช่วงเวลาอันยาวนานและมีชีวิตต่อมาอย่างสงบสุข เธอไม่ได้พบรักหรือว่าแต่งงาน เพียงแต่หลังจากเรียนจบเธอก็ทำอาชีพสุจริตและรับเลี้ยงเด็กสาวคนหนึ่งเอาไว้เป็นบุตรบุญธรรมกระทั่งที่อีกฝ่ายได้คลอดลูกน้อยออกมาจนได้ สิบสองขวบเสียแล้ว “คุณยายคะ ช่วยเล่าเรื่องรักแรกหรือความรักของคุณยายให้หนูฟังหน่อยได้ไหมคะ หนูไม่เคยเห็นผู้ชายที่ยายรักเลยค่ะ” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย พลางจ้องมองไปยังมืออันอบอุ่นที่คอยลูบศีรษะอยู่ “อืม อันที่จริงก็มีอยู่คนหนึ่งนะหลาน” เสียงแหบแห้งเอ่ยบอกพลางนึกไปถึงใบหน้าหล่อใสของชายผู้เป็นที่รักและเป็นหนึ่งเดียวในหัวใจไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไป แม้จะเลือนรางไม่เท่าเมื่อก่อน แต่ขวัญนรียังคงจดจำฉัตรธรได้ “โอ้โฮ รักที่มั่
ฉัตรธรเปิดประตูให้คนตัวเล็กได้เข้าไปภายใน ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปรอบ ๆ ด้วยความสนอกสนใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่ขวัญนรีได้ก้าวเข้ามาในอาณาเขตของอีกฝ่าย “ดอกกุหลาบนั่นมันอะไรกัน?” เสียงทุ้มเอ่ยถามออกมาเมื่อสังเกตเห็นดอกไม้ในมือเรียวขาวของคนตัวเล็กที่ยังตื่นเต้นกับการสำรวจห้องของเขาอยู่ “อ้อ เกือบลืมไปเลยแน่ะ” “หือ? ลืมอะไรครับ” “สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะคะ คุณผีที่รัก” เธอว่าออกมายิ้ม ๆ พร้อมกับยื่นกุหลาบขาวแทนใจส่งมาให้ ชายหนุ่มจึงรับเอาไว้ก่อนจะสูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ เบา ๆ “ขอบคุณนะครับ” “ด้วยความรักค่ะ” “ต้องด้วยความยินดีสิ” “คิกคิก ก็มันจริงนี่นา” ทั้งสองมองสบประสานกันอย่างลึกซึ้ง ก่อนที่ใบหน้าหล่อจะก้มลงต่ำและโฟกัสไปที่พื้นแทน “พี่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” “พี่อยู่ได้ถึงพรุ่งนี้นะหนู” ประโยคที่ออกมาจากริมฝีปากหยักทำเอาคนฟังถึงกับนิ่งอึ้งตะลึงค้าง ขวัญรู้ดีว่าในสักวันหนึ่งเร
และแล้วก็มาถึง… วันที่เหล่าคนโสดนั้นแสนจะเกลียดและขยาด นั่นก็คือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ หรือวันวาเลนไทน์นั่นเอง สองสาวเพื่อนรักที่กำลังนั่งอยู่ที่จุดชมวิวของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ในขณะที่กำลังรอตรีวิทย์เดินทางมาอยู่นั้น “เธอจะชวนฉันมาทำไม?” นิราเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจจุดประสงค์ของคนตัวเล็ก ขวัญจึงยิ้มบาง ๆ ออกมา และเหตุผลที่ทั้งคู่กำลังอยู่ที่นี่ก็คือ เพื่อนชายเพียงคนเดียวในกลุ่มอย่างตรี ได้เอ่ยชวนเธอมาเที่ยว แต่ด้วยความที่รู้ดีว่านิรณาเองก็แอบมีใจให้อีกฝ่ายเลยชักชวนมาด้วยกัน ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เพราะกลัวว่าขวัญจะปฏิเสธ “ก็… เรารู้นะว่าเธอชอบตรี” “ใช่แล้ว แต่ฉันก็นกนั่นแหละ” ใบหน้าสวยของเจ้าหล่อนเริ่มเศร้าสร้อยเมื่อหวนนึกไปถึงคนที่ตนเองแอบชอบ แค่คิดก็ทำเอาเจ็บจนจุก เพราะตรีวิทย์ไม่เคยเหลียวแลนิรณามากกว่าเพื่อนเลย “อย่าเพิ่งท้อสิ ลองดูก่อนนะ” ขวัญเอ่ยอย่างให้กำลังใจพร้อมกับบีบมือเพื่อนสาวเบา ๆ นิราจึงยิ้มรับอย่างขมขื่น และเป็นจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มมาถึ







