LOGINหลังจากที่ขวัญนรีเข้ามาในห้องเรียบร้อยแล้ว ร่างเพรียวระหงก็เริ่มจัดการถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ มือขาวปลดกระดุมเสื้อนิสิตก่อนจะถอดมันออก จากนั้นจึงเลื่อนลงต่ำที่กระโปรงตัวยาว สาวน้อยยังคงเปลื้องผ้าต่อไปจนเนื้อตัวของเธอเปลือยเปล่า
ขาเรียวเดินไปหยิบเอาผ้าเช็ดตัวสีขาวและเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อทำความสะอาดและชำระร่างกายให้กลับมาสดชื่นดังเดิมเวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง…
กายขาวเนียนก้าวออกมาจากห้องน้ำและมุ่งตรงไปยังตู้เสื้อผ้า มือสวยหยิบจับเอาชุดนอนตัวยาวและชุดชั้นในขึ้นมาสวมใส่
“อืม… ตั้งแต่บ่ายก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเราเลย” เสียงใสเอ่ยขึ้นเบา ๆ นิ้วมือทั้งห้าลูบไปตามหน้าท้องแบนราบของตัวเอง
“คงต้องลงไปหาอะไรกินหน่อยแล้ว” เมื่อนึกขึ้นได้ดังนั้น ร่างเล็กบอบบางจึงเดินไปที่หน้ากระจกเพื่อส่องดูความเรียบร้อย
นัยน์ตาสีน้ำตาลสุกใสมองสำรวจภาพสะท้อนของเจ้าหล่อนจนพอใจดีแล้วจึงค่อย ๆ เดินออกจากห้องไปและไม่ลืมที่จะคว้ามือถือเครื่องแพงติดตัวมาด้วย ขวัญนรีมุ่งตรงไปยังชั้นล่างของหอที่มีร้านค้าร้านขายหลากหลายคอยเปิดให้บริการอยู่
“…จะกินอะไรดีนะ ดึกดื่นแบบนี้…” ใบหน้าสวยน่ารักทำท่าทางครุ่นคิดพลางไล่สายตามองสำรวจไปทั่วทุกบริเวณนั้น
“ร้านขนมปังละกัน”
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ขาคู่สวยก็ก้าวเดินไปยังร้านเบเกอรีเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล และทันทีที่เข้ามาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดวงตากลมโตไล่มองไปตามชั้นวางที่มีขนมปังกับขนมหวานวางเรียงรายมากมายหลายชนิด ขวัญนรีกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะพบเข้ากับสิ่งที่เธอนั้นกำลังตามหาและต้องการ สาวน้อยร่างบางจึงรีบเดินไปยังทิศทางนั้นด้วยความเร็วไว
“น่ากินจัง…” ปากกระจับเอ่ยออกมาเบา ๆ เมื่อสาวเจ้ากำลังยืนอยู่ด้านหน้าตู้ครัวซองต์ที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นกระตุ้นความหิว
“สวัสดีจ้ะ มาถูกทางแล้ว ตอนนี้กำลังอุ่น ๆ พร้อมทานเลย หนูสนใจจะรับสักชิ้นไหม… ป้าการันตีความอร่อยและนุ่มละมุน” เจ้าของร้านเอ่ยทักอย่างสุภาพพร้อมกับยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้
“…กลิ่นหอมมากเลยค่ะ หนูขอแบบออริจินอลและแบบสอดไส้นะคะ ไส้อะไรก็ได้ รับเป็นอย่างละสองชิ้นค่ะ หิวมากตอนนี้” ขวัญนรีรีบเอ่ยบอก ใบหน้ามีเสน่ห์ยังคงยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร มือเล็กก็คอยลูบท้องตัวเองป้อย ๆ ทำเอาคนมองถึงกับเอ็นดู
“โอเคจ้ะ ได้เลย… เดี๋ยวป้ารีบใส่ถุงให้นะจ๊ะ รอสักครู่นะ” น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยตอบพร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ ที่สวยสะกด
“…คุณป้ายิ้มสวยมากเลยค่ะ”
“ขอบคุณนะจ้ะ หนูก็สวยและน่ารักมาก ๆ เลยนะ” ใบหน้างดงามและดูดีตามวัยแย้มยิ้มกว้างมากขึ้น มือเรียวดูมีอายุจัดการคีบขนมปังอบเข้าใส่ถุงกระดาษสีน้ำตาลก่อนจะยื่นมาให้เด็กสาวตรงหน้าที่ช่างพูดจาเอาอกเอาใจเก่งอย่างขวัญนรี
“เย่~ ขอบคุณนะคะ ใส่ในกระดาษสีน้ำตาลแบบนี้แล้วให้ฟีลเหมือนไปกินที่ต่างประเทศเลย บรรยากาศในร้านก็ดีมากค่ะ” เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยออกมาอย่างสดใสเหมือนเคย มือขาวยื่นไปรับเอาถุงขนมมาไว้แนบอกและกอดมันเอาไว้ ปากบางนั้นคลี่ยิ้มจนตาหยี เรียกความน่ารัก น่าเอ็นดู จากคนมองได้อย่างดี
“ถ้าหนูเกิดหิวก็แวะมาที่นี่ได้ตลอดเลยนะ”
“คุณป้าเปิดร้านทั้งวันทั้งคืนเลยเหรอคะ?”
“ใช่จ้ะ เปิดทุกวันและเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย ป้าสลับขายกับลูกสาวน่ะ และที่เปิดทั้งวันก็เพราะเข้าใจหัวอกของคนที่หิวดึก” คำพูดที่ออกมาจากปากของหญิงวัยกลางคนทำเอาสาวน้อยวัยแรกแย้มถึงกับอมยิ้มอย่างประทับใจเมื่อได้ฟังจบประโยค
“คุณป้าจิตใจดีมากค่ะ เดี๋ยวหนูจะมาอุดหนุนบ่อย ๆ นะคะ” ขวัญเอ่ยอย่างกระตือรือร้นเรียกรอยยิ้มเอ็นดูได้อย่างง่ายดาย
“จ้ะ พอได้ยินแบบนี้… ป้าก็ชื่นใจมากแล้ว”
“ยินดีค่ะ แล้วค่าขนมปังเป็นเท่าไรเหรอคะ?”
“ทั้งหมดรวมเป็นแปดสิบบาทจ้ะ มีสี่ชิ้น”
“…ตกชิ้นละยี่สิบบาทเอง ถูกมากเลยค่ะ อนาคตร้านโปรดหนูแน่!” สาวเจ้าที่เงียบไปสักพักโพล่งออกมาอย่างตกตะลึงปนตื่นเต้น
“ไว้ถ้ามาบ่อย ๆ ป้าจะลดและแถมให้เป็นพิเศษ”
“ไม่พลาดแน่นอนค่ะ! หนูขอสแกนจ่ายนะคะ”
“ตรงมุมนั้นเลยจ้ะ” เจ้าของร้านยิ้มให้และชี้ไปที่คิวอาร์โค้ดที่แปะอยู่ไม่ไกล นิ้วสวยจึงเปิดโทรศัพท์เพื่อทำการจ่ายชำระเงิน
“หนูโอนไปแล้วนะคะ” พร้อมกลับยื่นภาพหลักฐานการโอนเงินให้กับป้าเจ้าของร้าน
“โอเคจ้ะ ไว้มาใหม่อีกนะ”
ใบหน้าสวยน่ารักยิ้มตอบเมื่อเห็นว่าคุณป้านั้นได้ส่งยิ้มมาให้เมื่อสิ้นสุดคำกล่าวลาแล้ว ขาเรียวจึงได้ก้าวเดินออกจากร้าน
“มีร้านเบเกอรีแบบนี้สิ…ถึงจะไม่อดตาย”
และในขณะที่หญิงสาวกำลังจะเดินกลับห้องนั้น ดวงตาคู่สวยก็ได้เหลือบไปเห็นหนุ่มรุ่นพี่สุดหล่อที่พักนี้คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ขวัญจึงเบี่ยงเบนเป้าหมายก้าวไปใกล้ร่างสูงโปร่งที่อยู่ไม่ไกล
“พี่เรนทำอะไรอยู่คะ?”
“กำลังเล่นกับแมวน่ะ” ฉัตรธรเอ่ยตอบ ใบหน้าหล่อมีเสน่ห์ยังคงมุ่งความสนใจไปที่แมวส้มตัวอ้วนกลมผู้น่ารักน่าเอ็นดู
“…น่ารักจัง ตัวกลมดิ๊กเลย~” เด็กสาวตาเป็นประกายเมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตสี่ขาที่หลาย ๆ คนต่างหลงรักจนต้องยอมตกเป็นทาส
“ฉันเห็นมันตั้งแต่ตอนที่ยังตัวเล็ก ๆ น่ะ… จนตอนนี้กลายเป็นหมูหุ่นถังแก๊สและเป็นคุณแม่ลูกดก มีลูก มีครอบครัวไปแล้ว” มือหนายังคงลูบไปตามหน้าท้องของสัตว์หน้าขนอย่างรักใคร่
“เอ่อ… ขวัญขอ…ลูบมันได้ไหมคะ?”
“ได้สิ ลูบเบา ๆ นะ มันไม่ชอบให้ลูบแรงน่ะ”
ใบหน้าสวยพยักหน้ารับอย่างกระตือรือร้น ร่างเพรียวค่อย ๆ ย่อตัวลงนั่งก่อนจะเอื้อมมือขาวไปลูบตัวแมวอย่างอ่อนโยน
“ขนนุ่มจัง…”
“ก็นุ่มมากจริง ๆ นั่นแหละ”
“เห็นด้วย…” ขวัญนรีต้องกลืนคำพูดลงคอเมื่อมือของทั้งสองแตะไปโดนและสัมผัสกัน สาวเจ้าเริ่มรู้สึกถึงความร้อนบนหน้าพร้อมกับก้อนเนื้อภายในอกที่กำลังเต้นแรงจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเข้า เจ้าหล่อนจึงต้องรีบชักมือกลับและถอยห่างนิด ๆ
‘นี่ฉัน… กำลังตกหลุมรักพี่เขาเหรอ…’ สาวน้อยกล่าวในใจ ถึงแม้เธอจะเป็นเพียงแค่เด็กสาววัยรุ่น แต่ขวัญก็รับรู้ได้ดีว่าตนเองนั้น…กำลังตกหลุมรักในตัวของหนุ่มรุ่นพี่อย่างแน่นอน
“เป็นอะไรไหม?” เรนเอ่ยถามขึ้น ใบหน้าหล่อละความสนใจจากแมวตัวอ้วนและกำลังมองมายังคนเด็กกว่าที่แปลก ๆ ไป
“ปะ…เปล่าค่ะ…”
ฉัตรธรหันความสนใจไปที่สิ่งมีชีวิตตัวสีส้มต่อ มือใหญ่ยังคงลูบและเล่นกับมันอย่างไม่มีทีท่าว่าจะยอมหยุดลงในเร็ว ๆ นี้
ร่างบางเพียงมองดู นัยน์ตาสีน้ำตาลจับจ้องทุกการกระทำของคนด้านหน้าตนอยู่นานสองนาน ‘นี่ฉันเอาแต่มอง
พี่เขา ฉันว่าฉันคงชอบพี่เขาจริง ๆ แล้วแหละ ความรู้สึกฉันชัดเจนเกินไป’เมื่อรู้ตัวและความรู้สึกภายในแล้ว ขวัญนรีจึงเรียกสติกลับคืนพลางครุ่นคิดว่าจะทำลายความเงียบและดึงความสนใจคนพี่ยังไงให้หันกลับมาสนใจตัวเธอในตอนนี้ กระทั่งดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นถุงที่บรรจุครัวซองต์ จึงเกิดประกายความคิดขึ้น
“…รับนี่ไปกินสิคะ” มือเล็กข้างที่ไม่ได้สัมผัสตัวแมวได้หยิบเอาขนมปังอบออกมาก่อนจะยื่นมันไปให้ชายหนุ่มที่ตนชอบ
“หือ?”
“ขวัญให้พี่ค่ะ ซื้อมาค่อนข้างเยอะ แบ่ง ๆ กันกิน”
“ฉันกินไม่ได้หรอก…” เรนเอ่ยบอกออกมา สายตาคู่คมมองดูขนมในมือเรียวสวยก่อนจะหันความสนใจไปที่ใบหน้าน่ารัก
“ทำไมล่ะคะ?”
“ถ้าเธออยากให้ฉันกิน ก็ต้องเรียกชื่อด้วยนะ ไม่งั้น…ฉันคงไม่กล้ากินและอาจจะกินมันไม่ได้น่ะ ก็ประมาณนั้นแหละนะ…”
“…เอ๋?”
“เอาเป็นว่า… เธอเก็บไว้เถอะ ฉันไม่ค่อยหิว”
“โอเคค่ะ…”
แม้จะสงสัยและแคลงใจในคำพูดก่อนหน้าของอีกฝ่าย แต่สาวเจ้าก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก เพียงแต่คิดว่าหนุ่มรุ่นพี่มารยาทดี
“ขวัญมีเรื่องสงสัยค่ะ…”
“อืม… ว่ามาสิ”
“พี่เรนเคยมีแฟนไหมคะ?”
“…เคยมีนะ แต่จบกันนานมากแล้ว” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยตอบหลังครุ่นคิดอยู่สักพัก ขวัญนรีจึงพยักหน้ารับเบา ๆ เป็นอันเข้าใจ
“พี่… เคยรู้สึก… คิดถึงเขาไหมคะ?”
“เมื่อก่อนก็คิดถึงนะ แต่ตอนนี้ไม่ค่อยแล้ว…” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาแผ่วเบา ดึงดูดความสนใจของสาวเจ้าได้เป็นอย่างดี
“โอเคค่ะ” เจ้าหล่อนเพียงแค่ขานรับ ไม่ได้เอ่ยถามต่อ
“แค่เสียดายที่ตอนนั้น… ฉันไม่ค่อยได้ดูแลเขาให้ดีมากน่ะ” เสียงทุ้มเอ่ย ปากหยักกำลังยิ้มอ่อนและแววตาที่เริ่ม
สั่นระริก“ไม่เป็นไรนะคะ ขวัญเชื่อว่าพี่คงทำเต็มที่แล้ว ถึงแม้ว่าพี่จะไม่คิดแบบนั้นก็ตาม แต่อย่างน้อย… เรื่องราวที่ผ่านก็คงจะดีอยู่”
เรนเพียงแค่พยักหน้ารับและยิ้มบาง ๆ เมื่อได้ฟังที่คนตัวเล็กกว่าพูดขึ้นมา และก็เป็นอย่างที่อีกฝ่ายว่า เพราะลึก ๆ ในใจ ตัวเขารู้ดีว่าตนนั้นยังไม่เต็มที่ในความสัมพันธ์ครั้งนั้นมากนัก ชายหนุ่มจึงรู้สึกดีอย่างอดไม่ได้ เมื่อเด็กสาวรับฟังและเข้าใจ
“ปฐมนิเทศเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
“ก็ดีนะคะ สนุกดีค่ะ ได้เจอเพื่อนที่สามารถคุยและสนิทได้ตั้งสองคนเลย นึกว่าจะไม่มีใครคบขวัญซะแล้ว โล่งใจไปเลยค่ะ” ขวัญนรีเอ่ยตอบขึ้น แม้อีกฝ่ายจะเปลี่ยนเรื่องกะทันหันก็ตาม
“ดีแล้ว ฉันก็ได้เจอแฟน… คงต้องเรียกว่าเธอคนนั้นมากกว่า ฉันเจอเธอคนนั้นตอนงานปฐมนิเทศ แล้วเธอถูกใจ
ใครไหม?”ราวกับมีเข็มนับร้อยนับพันมาทิ่มแทงที่กลางใจ เจ้าหล่อนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดและคันยุบยิบอยู่ในอก เมื่อได้ฟังที่หนุ่มรุ่นพี่พูดและเอ่ยถาม แต่ก็ต้องแสร้งทำเหมือนไม่ได้เป็นอะไร
“…เจอแล้วค่ะ แต่เขาไม่ใช่คนในงานหรอก”
“แล้วเขาเป็นคนยังไงเหรอ?”
“ก็เป็นคนหน้าตาดี เอาใจใส่ แสนดี และดูอบอุ่น” ในขณะที่เอ่ยถึงลักษณะคนที่ชอบอยู่นั้น ดวงตาคู่สวยยังคงจ้องมองไปยังรุ่นพี่หน้าหล่อไม่วางตา เพื่อจะเน้นย้ำถึงความรู้สึกเหล่านั้น
“อืม… ดีเลยนะที่ฟังมาน่ะ ลองจีบเขาดูหรือยังล่ะ?”
ใบหน้าเนียนใสส่ายไปมาเบา ๆ เพื่อบ่งบอกคำตอบ
“เธอควรทำนะ อย่างน้อยก็ได้ลองไง จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลังที่เอาแต่เฝ้ามองโดยที่ไม่ลงมือทำอะไร จนพลาดไป” ทันทีที่เอ่ยจบ ฉัตรธรก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะก้าวเดินจนหายลับจากบริเวณนั้น เหลือก็เพียงร่างบางที่ยังคงนั่งนิ่งเงียบ ขวัญนรีได้แต่จมอยู่ในภวังค์ห้วงแห่งความคิดโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าร่างสูงโปร่งของเรนได้เดินห่างหายจากไปนานแล้ว
หลังจากที่ใช้ชีวิตหลังแต่งงานอยู่กินด้วยกันมาหลายเดือน ในที่สุดขวัญนรีก็กำลังตั้งครรภ์เข้าสู่เดือนที่เก้าไปเสียแล้ว และคนที่ดูจะภูมิอกภูมิใจแลดูมีความสุขที่สุดก็คงจะเป็นว่าที่คุณพ่ออย่างฉัตรธรนั่นเอง ซึ่งตอนนี้ร่างสูงกำลังนั่งรออยู่หน้าห้องคลอดอย่างใจจดใจจ่อ มือหนาชื้นเหงื่อกำเข้าหากันแน่นด้วยความประหม่าหลัง จากที่หญิงสาวผู้เป็นที่รักและสิ่งมีชีวิตตัวน้อยภายในครรภ์ได้เข้าสู่กระบวนการสำคัญของแม่และเด็ก “ขอให้ปลอดภัย” เสียงทุ้มเอ่ยพึมพำเบา ๆ ขายาวลุกขึ้นก่อนจะก้าวเดินไปมาอย่างอยู่ไม่สุข ทำเอาผู้เป็นแม่อย่างคุณนายปฐมาวัลย์ถึงกับเริ่มจะวิงเวียนศีรษะจากการกระทำของลูกชาย “ใจเย็นหน่อยจ้ะ คุณพ่อ” เสียงนุ่มละมุนหูเอ่ยเตือนสติอีกฝ่าย เมื่อได้ยินเสียงของผู้เป็นแม่ เรนจึงค่อย ๆ สงบลง ทว่าภายในใจเขานั้นกำลังกระวนกระวายเพราะเป็นห่วงคนที่ยังอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมนั้น “ผม… เป็นห่วงเมียและลูก” น้ำเสียงที่ฉายชัดถึงแววกังวลเอ่ยบอก หญิงสูงวัยทำได้เพียงพยักหน้ารับเบา ๆ อย่างเข้าอกเข้าใจ
หลังจากที่เข้าห้องหอมาเป็นที่เรียบร้อย สามีหนุ่มหล่อก็จูงมือเจ้าสาวคนสวยมานั่งที่เตียงสีแดงสดที่โรยด้วยกลีบกุหลาบรูปหัวใจเอาไว้อยู่ ซึ่งคนตัวเล็กก็ยอมนั่งลงแต่โดยดี “ที่รักครับ พี่ขอไปอาบน้ำก่อนนะ” “ได้ค่ะ เราแกะของขวัญรอได้ไหม?” “ได้สิ เดี๋ยวพี่มาดูด้วยอีกทีนะหนู” เจ้าหล่อนพยักหน้ารับเบา ๆ ชายหนุ่มจึงมุ่งเดินเข้าห้องน้ำไป มือเรียวขาวเอื้อมไปหยิบของขวัญแต่งงานที่ได้จากแขกเหรื่อขึ้นมาแกะดูทีละกล่องด้วยความตื่นเต้นและรอลุ้น “อืม อันนี้ของพี่เขมสินะ” เธอเอ่ยพึมพำและเริ่มเปิดดูของที่อยู่ข้างใน และสิ่งที่ได้เห็นทำเอาขวัญนรีถึงกับหน้าแดงด้วยความเขินอาย เพราะภายในมีเสื้อผ้าเด็กทารกและของอื่น ๆ อีกหลายอย่างสำหรับลูกน้อย “พี่เขมนะพี่เขม หนูก็เขินเป็นนะ” เสียงใสเอ่ยบ่นพี่สาวอย่างไม่จริงจังมากนะ ก่อนจะหันความสนใจไปที่กล่องสี่เหลี่ยมอันถัดไปที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ “อันนี้จากนิราและตรีนี่นา เปิดเลยดีกว่า” สาวเจ้าไม่รอช้า เธอจัด
วันที่ 1 เดือนเมษายน พุทธศักราช 256x ฤกษ์งามยามดีที่ครอบครัวทั้งสองบ้านนั้น จะได้ปรองดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน เป็นวันที่คู่รักทั้งหลายต่างก็ใฝ่ฝันให้เกิด ขึ้นในชีวิตของพวกเขาในสักครั้ง วันที่จะเป็นเหมือนการประกาศถึงความรักและความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในตัวสามี-ภรรยา ซึ่งฉัตรธรกับขวัญนรีเองก็เป็นหนึ่งในนั้น หลังจากที่ทั้งคู่ตกลงคบหาดูใจกันเป็นระยะเวลาอันยาวนาน และวันนี้ก็มาถึง วันที่ทั้งสองจะได้เปิดเผยความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ ถูกต้องและเหมาะสม โดยมีสักขีพยานรักรับรู้ เมื่อบรรดาแขกเหรื่อมากันครบแล้ว พิธีแต่งงานจึงเริ่มต้นขึ้นโดยมีผู้เป็นมารดาของหนุ่มสาวทั้งสองฝั่งได้เดินไปจุดเทียนที่แท่นบูชาเพื่อเริ่มพิธีสำคัญนี้ หลังจากจุดเทียนเสร็จเป็นที่เรียบร้อย วงดนตรีค่อย ๆ บรรเลงเพลงเพื่อต้อนรับการมาของเจ้าสาว เสียงเพลงเคล้าดนตรีที่นุ่มละมุนหูดังคลอไปทั่วทั้งบริเวณ ประกอบไปด้วยเสียงจากเปียโน ไวโอลิน และเครื่องดนตรีอื่น ๆ ที่เสียงไม่ดังโฉ่งฉ่างนัก ร่างเพรียวระหงที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวลวดลายลูกไม้ห
ห้าสิบปีผ่านไป… จากที่เคยเป็นสาวสวยร่างกายก็เปลี่ยนไปตามอายุและวัย ผมที่เคยสีน้ำตาลสวยบัดนี้ได้แปรผันไปเป็นสีขาวหงอก ผิวหนังที่เคยเต่งตึงก็เริ่มเหี่ยวย่นมากขึ้น ดวงตาคู่สวยเริ่มฝ้าฟางจ้องมองไปยังเด็กน้อยตัวเล็ก ๆ ที่นอนนิ่งอยู่บนตัก ขวัญนรีได้ผ่านช่วงเวลาอันยาวนานและมีชีวิตต่อมาอย่างสงบสุข เธอไม่ได้พบรักหรือว่าแต่งงาน เพียงแต่หลังจากเรียนจบเธอก็ทำอาชีพสุจริตและรับเลี้ยงเด็กสาวคนหนึ่งเอาไว้เป็นบุตรบุญธรรมกระทั่งที่อีกฝ่ายได้คลอดลูกน้อยออกมาจนได้ สิบสองขวบเสียแล้ว “คุณยายคะ ช่วยเล่าเรื่องรักแรกหรือความรักของคุณยายให้หนูฟังหน่อยได้ไหมคะ หนูไม่เคยเห็นผู้ชายที่ยายรักเลยค่ะ” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย พลางจ้องมองไปยังมืออันอบอุ่นที่คอยลูบศีรษะอยู่ “อืม อันที่จริงก็มีอยู่คนหนึ่งนะหลาน” เสียงแหบแห้งเอ่ยบอกพลางนึกไปถึงใบหน้าหล่อใสของชายผู้เป็นที่รักและเป็นหนึ่งเดียวในหัวใจไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไป แม้จะเลือนรางไม่เท่าเมื่อก่อน แต่ขวัญนรียังคงจดจำฉัตรธรได้ “โอ้โฮ รักที่มั่
ฉัตรธรเปิดประตูให้คนตัวเล็กได้เข้าไปภายใน ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปรอบ ๆ ด้วยความสนอกสนใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่ขวัญนรีได้ก้าวเข้ามาในอาณาเขตของอีกฝ่าย “ดอกกุหลาบนั่นมันอะไรกัน?” เสียงทุ้มเอ่ยถามออกมาเมื่อสังเกตเห็นดอกไม้ในมือเรียวขาวของคนตัวเล็กที่ยังตื่นเต้นกับการสำรวจห้องของเขาอยู่ “อ้อ เกือบลืมไปเลยแน่ะ” “หือ? ลืมอะไรครับ” “สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะคะ คุณผีที่รัก” เธอว่าออกมายิ้ม ๆ พร้อมกับยื่นกุหลาบขาวแทนใจส่งมาให้ ชายหนุ่มจึงรับเอาไว้ก่อนจะสูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ เบา ๆ “ขอบคุณนะครับ” “ด้วยความรักค่ะ” “ต้องด้วยความยินดีสิ” “คิกคิก ก็มันจริงนี่นา” ทั้งสองมองสบประสานกันอย่างลึกซึ้ง ก่อนที่ใบหน้าหล่อจะก้มลงต่ำและโฟกัสไปที่พื้นแทน “พี่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” “พี่อยู่ได้ถึงพรุ่งนี้นะหนู” ประโยคที่ออกมาจากริมฝีปากหยักทำเอาคนฟังถึงกับนิ่งอึ้งตะลึงค้าง ขวัญรู้ดีว่าในสักวันหนึ่งเร
และแล้วก็มาถึง… วันที่เหล่าคนโสดนั้นแสนจะเกลียดและขยาด นั่นก็คือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ หรือวันวาเลนไทน์นั่นเอง สองสาวเพื่อนรักที่กำลังนั่งอยู่ที่จุดชมวิวของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ในขณะที่กำลังรอตรีวิทย์เดินทางมาอยู่นั้น “เธอจะชวนฉันมาทำไม?” นิราเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจจุดประสงค์ของคนตัวเล็ก ขวัญจึงยิ้มบาง ๆ ออกมา และเหตุผลที่ทั้งคู่กำลังอยู่ที่นี่ก็คือ เพื่อนชายเพียงคนเดียวในกลุ่มอย่างตรี ได้เอ่ยชวนเธอมาเที่ยว แต่ด้วยความที่รู้ดีว่านิรณาเองก็แอบมีใจให้อีกฝ่ายเลยชักชวนมาด้วยกัน ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เพราะกลัวว่าขวัญจะปฏิเสธ “ก็… เรารู้นะว่าเธอชอบตรี” “ใช่แล้ว แต่ฉันก็นกนั่นแหละ” ใบหน้าสวยของเจ้าหล่อนเริ่มเศร้าสร้อยเมื่อหวนนึกไปถึงคนที่ตนเองแอบชอบ แค่คิดก็ทำเอาเจ็บจนจุก เพราะตรีวิทย์ไม่เคยเหลียวแลนิรณามากกว่าเพื่อนเลย “อย่าเพิ่งท้อสิ ลองดูก่อนนะ” ขวัญเอ่ยอย่างให้กำลังใจพร้อมกับบีบมือเพื่อนสาวเบา ๆ นิราจึงยิ้มรับอย่างขมขื่น และเป็นจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มมาถึ







