พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน
ตอนที่ 6
สิบนาทีต่อมา
บนรถมีแต่ความเงียบจนน่าอึดอัด ฉันพยายามชวนคุย แต่ไอ้คนข้าง ๆ ก็เอาแต่ถามคำตอบคำ แถมบางทีไม่ตอบเลยด้วย! พี่สิงห์ไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นเลย เขาไม่พยายามชวนคุยหรืออะไรเลย จะมีก็แต่…
“เลี้ยวขวาซอยหน้า”
“อือ”
“ซ้าย”
“อือ”
แค่นี้จริง ๆ
ฉันขับรถช้า ๆ ยืดเวลาอยากจะอยู่กับคนเขาให้นาน ๆ แต่ดูเหมือนบ้านเขาจะอยู่ใกล้อย่างที่บอกจริง ๆ ไอ้ที่ว่าเดินกลับก็น่าจะพอไหวอยู่ แต่มันเรื่องอะไร… มีคนเสนอตัวมาส่งก็ต้องตอบรับสิ เอ้อ!
“ซ้ายมือนั่นแหละ รั้วขาว ๆ”
เสียงเรียบเอ่ยต่อมาเมื่อใกล้ถึงจุดหมาย เจ้าตัวปลดเบลต์แทบจะในทันทีที่รถจอดเทียบหน้าบ้าน ฉันชำเลืองมองไปก็เห็นบ้านไม้หลังเล็ก ๆ ปลูกอยู่ในรั้วสีขาวเตี้ย ๆ สภาพบ้านเหมือนมีแค่ผู้ชายอยู่…
คือไม่ใช่ว่ามันไม่สะอาดหรอก แต่นอกตัวบ้านด้านซ้ายดูเหมือนมีมุมที่ใช้สำหรับซ่อมรถด้วย ซ้ำต้นไม้ใบหญ้ายังเหี่ยวเฉาเหมือนไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร
“เงียบจัง ไม่มีคนอยู่เหรอ?” ฉันลองหยั่งเชิงถามดู คนข้าง ๆ ทำท่าจะลงจากรถแต่ก็ยอมหันมาตอบ
“อยู่คนเดียว”
เมื่อเจ้าของบ้านลงไปแล้วฉันเลยรีบดับเครื่องตามลงไปบ้างอย่างหน้าไม่อาย ร่างสูงที่กำลังไขแม่กุญแจรั้วบ้านเหลือบตามามองกันนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้ไล่อะไร ฉันเลยรีบล็อกรถทันที จังหวะนั้นแหละพี่สิงห์ถึงได้หันมามองจริงจัง
“จะเข้าไป?” คิ้วเข้มเลิกถามขึ้น
“หิวน้ำ” ฉันทำเป็นกลืนน้ำลาย ทั้ง ๆ ที่เมื่อกี้ซัดเบียร์มาตั้งสามขวด
“…”
ใบหน้าหล่อหันกลับไปไขกุญแจต่อเหมือนขี้เกียจจะไล่ ฉันเลยถือโอกาสมองบรรยากาศรอบ ๆ เพราะบ้านเขาอยู่ในซอยลึกทำให้แถวนี้แทบไม่มีบ้านคน บรรยากาศน่ากลัวไม่น้อยเพราะไฟข้างทางแทบไม่มีเลย แต่พี่สิงห์เป็นผู้ชายคงไม่กระไรนักหรอก
เจ้าของบ้านเปิดรั้วเดินเข้าไปโดยไม่ได้หันมาปิด ถึงแม้จะแอบประหม่าแต่ฉันก็เดินตามเขาเข้าไป และก็เห็นไอ้แก่ของเขาจอดอยู่ใต้หลังคาโรงจอดที่มีอุปกรณ์ซ่อมรถอยู่เพียบ
“เข้าไปรอก่อนจะสูบบุหรี่” ร่างสูงไขประตูเข้าสู่ตัวบ้านพร้อมกดเปิดสวิตช์ไฟให้เสร็จสรรพ แต่กลับหมุนตัวเดินออกมา
“อะ… อือ”
ฉันทำใจดีสู้เสือเดินผ่านหน้าเขาที่กำลังดึงบุหรี่ออกมาจุดสูบ ในใจก็เริ่มจะหวั่นวิตกขึ้นมาไม่น้อย
โอเค! ฉันเองก็ชอบเขามากเพราะเขาหล๊อหล่อ… แต่ก็ลืมคิดไปเหมือนกัน ว่าถ้าพี่สิงห์คิดจะทำอะไรกันขึ้นมาจริง ๆ ฉันคงไม่รอดแน่เพราะเขาตัวใหญ่ออก ซ้ำยังมีกล้ามเนื้อแบบคนแข็งแรง แค่ล็อกตัวกันไว้ฉันก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว
แต่มาขนาดนี้แล้ว… ก็ต้องลองใจดูหน่อยไหมล่ะ… ท่าทางเจ้าตัวก็ไม่ได้คลั่งอะไรกัน คงไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก!
ในบ้านเงียบเชียบเหมือนเขาจะอยู่คนเดียวจริง ๆ แต่ก็สะอาดสะอ้านกว่าที่คิด ก็บ้านธรรมดา ๆ นี่แหละ มีโซฟาหนังที่ถูกขัดจนเงาวับ โต๊ะกลางหน้าโซฟาตัวเตี้ยมีหนังสือเกี่ยวกับรถวางซ้อน ๆ กันอยู่ มุมหนึ่งของบ้านมีโต๊ะกินข้าวที่ดูเก่าแต่ก็ยังแข็งแรง ทุกอย่างในนี้ดูเก่าไปหมด แต่ก็สะอาดอย่างน่าเหลือเชื่อ บนพื้นไม่มีขยะเลยสักชิ้น กระทั่งฝุ่นฉันยังแทบไม่เห็นเลย
ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นบ้านที่ผู้ชายอยู่คนเดียว…
“ตู้เย็นอยู่ในครัว”
“อะ… อือ”
เสียงทักดังขึ้น ฉันหันกลับไปมองพบว่าเจ้าของบ้านเดินเข้ามาแล้ว พี่สิงห์ไม่ได้มองฉันแต่กำลังถอดรองเท้าเก็บเข้าชั้น ร่างสูงยืดตัวขึ้นก่อนที่เราจะสบตากัน เพราะความประหม่าทำให้ฉันต้องรีบเดินเข้าไปด้านในที่เป็นส่วนของครัว ตู้เย็นอยู่ตรงนั้นจริง ๆ แต่ฉันไม่ได้หิวน้ำสักหน่อย…
แต่ก็ถือโอกาสมองนั่นมองนี่ไปเรื่อย ที่นี่ก็ไม่ได้แย่หรอก ยังดีกว่าที่ฉันจินตนาการไว้ด้วยซ้ำไป
“ผลิตน้ำอยู่หรือไง?”
เมื่อเห็นว่าฉันเดินหายมานาน พี่สิงห์ก็โผล่มายืนตรงประตู สีหน้านิ่งสนิทเป็นปกติของเขาเกิดจะทำให้ฉันกลัวขึ้นมา ทั้งที่ปกติต่อให้ทำหน้ารำคาญกว่านี้ หรือดุกว่านี้ฉันยังไม่รู้สึกอะไรเลย อาจจะเป็นเพราะตอนนี้ฉันอยู่ในบ้านเขา ซ้ำยังมีแค่เราสองคน…
“เป็นอะไร?”
“ปะ… เปล่านี่”
ฉันหลบสายตาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ได้ยินเสียงคนตรงหน้าแค่นลมหายใจเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเข้ามาหาเหมือนย่างสามขุมยังไงยังงั้น จากใบหน้านิ่งเฉยเริ่มเปลี่ยนเป็นยกยิ้มน่ากลัว ฉันตกใจจนเผลอเดินถอยหลัง กระทั่งแผ่นหลังชนเข้ากับผนังตัวบ้าน
“กลัว?”
“…”
พี่สิงห์หยุดยืนลงตรงหน้าพร้อมถามคำถามนั้นออกมาหน้าตาเฉย ฉันได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ มองคนตัวสูงกว่าที่อยู่ในระยะประชิด หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมาจากหน้าอก นัยน์ตาสีอ่อนลากสายตามองผ่านใบหน้าฉันต่ำลงไปยังชุดโป๊ ๆ ที่ใส่อยู่พร้อมเลียริมฝีปาก ฉันกลัวจนตัวสั่นเพราะคิดว่าเขาอาจจะหน้ามืดขึ้นมา
“หึ…”
“…”
แต่แล้วใบหน้าหล่อ ๆ นั่นก็เปลี่ยนกลับมาเป็นปกติ ซ้ำยังยกยิ้มเหมือนขำเสียเต็มประดาที่เห็นฉันอยู่ในสภาพตื่นกลัวแบบนี้ พี่สิงห์ถอนหายใจยาว แล้วขยับถอยห่างออกไปหนึ่งก้าว
“เข้าใจรึยังว่าทำไมไม่ควรตามผู้ชายไปไหนต่อไหน?” เสียงเรียบเอ่ยบอก ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก พร้อมยกมือขึ้นมาทาบบนหัวใจที่จังหวะเริ่มกลับมาสงบ
“ไอ้พี่บ้า! อย่าเล่นแบบนี้นะ ลินกลัว” ฉันมองค้อนเขาไปหนึ่งที แต่เจ้าตัวกลับยักคิ้วกวนประสาท
“ก็สอนไง… เที่ยวตามผู้ชายกลับบ้านอยู่แบบนี้ ถ้าไม่ใช่ฉันคงโดนกินแล้ว”
“…” ฉันถึงกับพูดไม่ออก
“แล้วก็เรื่องแต่งตัวยั่วแบบนี้” ว่าแล้วก็ลากสายตามองผ่านชุดราคาแพงของฉันที่ขนาดของมันค่อนข้างสวนทางกับราคา สายตาคนตรงหน้าดูนิ่งมาก แต่สุดท้ายก็เบนมองไปทางอื่น
“ละ… ลินก็แค่อยากรู้ว่าพี่สิงห์อยู่ที่ไหน” ฉันพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“รู้แล้วไง จะมาอีก? เห็นแล้วนี่ว่ามันไม่ได้สะดวกสบาย” เจ้าตัวตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นิ่งกว่าเดิม
“ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรแต่แรกอยู่แล้ว ลินแค่ชอบพี่เพราะพี่หล่อ” ฉันเองก็ทำหน้าจริงจังไม่แพ้กัน
“…” คนตรงหน้าถึงกับถอนหายใจเสียงดัง “หล่อแต่ไม่มีปัญญาเลี้ยงนี่ยังสนใจ?”
“สน… สนมากด้วย จะรวยจะจนแล้วมันทำไม?” ฉันเถียงทันควัน
“เออ เอาเหอะ”
พี่สิงห์กลอกตามองบนแล้วเดินออกไป ฉันเลยรีบเดินตามออกมาด้วย ร่างสูงเดินไปเปิดประตูบ้านอีกครั้งเหมือนเป็นการไล่แขกกลาย ๆ แต่ฉันทำเป็นไม่สนใจ แล้วกระแทกตัวนั่งลงบนโซฟา เจ้าของบ้านหันมาเห็นก็ทำหน้าเหนื่อยใจ แต่ก็ยอมปิดประตูลง
“จะเอาอะไร?” เสียงเรียบเอ่ยถาม ขายาวเดินมาหยุดลงตรงหน้าฉัน “จะกลับเมื่อไร?”
“อีกสักแป๊บน่า เมื่อกี้กินเบียร์ไปด้วย มึน ๆ”
“…” พอได้ยินเขาก็ขมวดคิ้วใส่ทันที “แล้วขับรถมาถึงนี่เนี่ยนะ?”
“ก็พี่บอกว่าไม่ไกล” ฉันพึมพำตอบ เลี่ยงมองสีหน้าดุ ๆ ของคนที่ยืนค้ำหัวอยู่
“งั้นเดี๋ยวขับไปส่ง” ว่าแล้วก็แบมือลงตรงหน้า “เอากุญแจมา”
“จะส่งกันไปส่งกันมาเพื่อ? แล้วถ้าไปส่งลินพี่จะกลับยังไง?” ฉันถามเสียงสูง พร้อมทำตาเหลือก
“เออน่า เดี๋ยวหาทางเอง”
“ไม่ต้องหรอก นั่งพักแป๊บนึงเดี๋ยวก็ขับได้แล้ว”
“ไม่ต้องแล้ว อันตราย”
“ไม่เอา”
“…”
“หรือนอนนี่ดี?” ฉันทำเป็นเอียงคอมองเจ้าของบ้านอย่างกวน ๆ เจ้าตัวถึงกับยกมือขึ้นเท้าสะเอวอีกรอบ
“อย่ามากวน กลับไปนอนบ้าน”
“โห… ยังไงพี่ก็ไม่ทำอะไรลินอยู่แล้วนี่…”
“ที่สอนไปนี่เข้าหัวบ้างไหมวะ?”
“ก็พี่สิงห์ไม่ชอบลินสักหน่อย”
“…”
“ใช่ไหมล่ะ?”
“นี่ก็ผู้ชายไม่ใช่พระอิฐพระปูน ถ้าเกิดหน้ามืดตามัวปล้ำขึ้นมาจะพูดไม่ออก”
เจ้าตัวว่างั้นแต่ไม่ยักทำสีหน้าพิศวาสกันสักนิด ระหว่างเราเงียบไปอีกเพราะฉันไม่ยอมกลับ และยังยกเล็บขึ้นมาพิจารณาดูอย่างดื้อดึง ขายาว ๆ ของพี่สิงห์เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง เขาเดินไปทางบันไดก่อนจะตะโกนบอกโดยไม่บังคับกันอีก
“อยากกลับเมื่อไรบอกละกัน จะอาบน้ำ”
“โอเคค่า”
แหม… สุดท้ายก็ตามใจเหมือนเดิมนั่นแหละ ฉันได้ทีก็เดินดูนู่นนั่นนี่อีกรอบอย่างถือวิสาสะ ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดปิดอยู่ด้านบน เสียงพี่สิงห์กำลังอาบน้ำอย่างที่ว่าอยู่จริง ๆ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูอีกทีก็พบว่ามันปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้ว เดี๋ยวคงต้องรีบกลับแล้วล่ะ วันนี้แค่ได้มาก็คุ้มแล้ว…
อย่างน้อยก็รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน บ้านเป็นยังไง เป็นคนแบบไหน…
ถ้าตามใจฉันก็ผ่านหมดนั่นแหละ ไม่ซีเรียสเลย… แต่ถ้าวัดตามมาตรฐานเพื่อนฉัน คงกากบาททุกข้อเป็นแน่
หลังจากนั้นฉันก็นั่งเลื่อนมือถือเล่นไปเรื่อยจนรู้สึกง่วงมาก เลยขอนอนพักสักแป๊บ เดี๋ยวพี่สิงห์ลงมาก็คงปลุกเรียกเองนั่นแหละน่า…
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
เพราะนอนไม่ค่อยถนัดฉันเลยปรือเปลือกตาขึ้น แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดเพราะมันไม่ใช่บนโซฟาตัวเดิมที่ฉันแอบหลับเมื่อครู่ แต่กลายเป็นว่าตอนนี้ฉันกำลังนอนอยู่ในห้องนอน! จะเป็นห้องนอนใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าของบ้านนั่นแหละ!! แต่ไม่มีใครในห้องนี้นอกจากฉันเลย
อันดับแรกก็ถึงกับต้องก้มมองตรวจเช็กสภาพความเรียบร้อยของตัวเองก่อนเลย เมื่อพบว่าเสื้อผ้าทุกชิ้นยังอยู่ครบก็ถึงกับโล่งอก ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก็ปาเข้าไปตีหนึ่งกว่าแล้ว ให้ตาย…
ฉันขยับตัวลงจากเตียงแข็ง ๆ นี่อย่างอิดโรยเพราะวันนี้เล่นเดินกับยิมมาตลอดช่วงบ่ายเลย ซ้ำยังมาตามเฝ้าผู้ชายอีก… เหนื่อยโคตร…
คิดว่าพี่สิงห์ไม่ได้คิดจะทำอะไรกันหรอกคงแค่อุ้มมานอนบนเตียงเพราะเห็นว่าฉันนั่งหลับนกอยู่ข้างล่างแน่ ๆ เพราะในห้องนอนปิดไฟเงียบมีแสงแค่จากโคมไฟข้างเตียงเท่านั้นที่ยังเปิดอยู่ เจ้าของห้องดูเป็นคนสะอาดเรียบร้อย ในห้องดูได้รับการทำความสะอาดเป็นอย่างดี หน้าตู้เสื้อผ้ามีเสื้อช็อปที่ถูกรีดจนเรียบกริบแขวนอยู่
ฉันอยากจะดูมากกว่านี้แต่ก็พึงระลึกได้ว่าไม่สมควรก็เลยจำใจต้องเดินออกมาจากห้องนอน แต่ก็ต้องงงเพราะไฟในบ้านปิดหมดแล้ว ฉันยังกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่ตรงหน้าประตูห้องนอนนั่นเองเพราะมันมืดมากมองอะไรแทบไม่เห็น ไอ้พี่บ้าก็ไม่รู้ไปอยู่ไหนด้วยนี่สิ เลยต้องลองตะโกนเรียก
“พี่สิงห์”
ได้ผลชะงัด ฉันได้ยินเสียงคนขยับตัวอยู่ข้างล่างก่อนที่ไฟในบ้านจะเปิดขึ้นอีกครั้ง ร่างสูงในกางเกงนอนตัวเดียวชะโงกหน้าขึ้นมามอง ผมสีน้ำตาลเข้มดูยุ่ง ๆ เหมือนเพิ่งลุกจากหมอน สีหน้าเขาเองก็ดูง่วงงุน
ฉันเดินลงบันไดไปหาพบว่าเจ้าของบ้านหอบผ้าห่มกับหมอนลงมานอนบนโซฟาตัวที่ฉันนอนในตอนแรก ร่างสูงกำลังยืนพิงกำแพงมองมา สายตาไม่ได้แสดงอะไรมากไปกว่าการง่วงนอน และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นร่างกายแน่นขนัดไปด้วยกล้ามเนื้อของเขา
นอกจากพี่สิงห์จะหล่อมากแล้ว ยังหุ่นแซ่บมากด้วย! ลอนกล้ามหน้าท้องเรียงกันแน่นขนัดไปหมด แล้วไหนจะยังกล้ามเนื้อตรงบริเวณขอบกางเกงนอนนั่นอีก… พระเจ้า… คนอะไรจะเพอร์เฟกต์ได้ทั้งตัวขนาดนี้
“มองขนาดนั้นจะกินเลยไหม?”
“…” ฉันถึงกับต้องกระแอม ละสายตากลับมาจากท่อนลำขนาดใหญ่ที่มองผ่านร่มผ้ายังเห็นได้ชัดโดยไม่ต้องซูม
“ยังไง จะกลับไหม? เดี๋ยวออกไปส่ง”
เจ้าตัวหมุนตัวเดินไปคว้าเสื้อที่วางพาดอยู่มาถือไว้ ฉันกะพริบตามองเขาอย่างเกรงใจ
“ลินกลับเองก็ได้ สร่างแล้ว”
“…” คนตัวโตหันมามองนิ่ง ๆ ทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ “ก็หรือจะนอนนี่ก็ได้ ดึกแล้ว”
“หา?”
“ก็ถ้ามันไม่สบายอยากกลับไปนอนบ้านก็ได้ ฉันแค่เห็นว่ามันดึก…”
“พี่ให้ลินนอนนี่ได้?” ฉันไม่สนใจว่าคนตรงหน้าจะพยายามอธิบายอะไร เอาแต่ตกใจที่เขาถึงขั้นยอมให้ฉันนอนค้างได้
“ก็นอนไปเป็นชั่วโมงแล้วนี่” เจ้าตัวพึมพำ แล้วชี้ไปที่โซฟา “ถ้าจะนอนเดี๋ยวนอนข้างล่างเอง”
“จะดีเหรอ?” ฉันทำเป็นเกรงใจ แต่ริมฝีปากกลับฉีกยิ้มกว้าง
“…” พี่สิงห์เหลือบตามามองอย่างรู้ทัน “จะนอนก็นอน”
“อืม… งั้นลินยึดห้องพี่วันนึงละกันนะ?”
“เออ”
เจ้าของบ้านหลบสายตาแล้วเดินกลับไปทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาเหมือนขี้เกียจจะคุย ฉันยังยืนเกาะขอบบันไดอยู่อย่างนั้นไม่สามารถหุบยิ้มลงได้เลย คนตัวโตหันมามองอีกรอบก่อนจะโบกมือไล่
“ไปนอนไป”
“ขอบคุณนะคะ” ฉันตะโกนบอก เสี้ยวหน้าหล่อเหมือนจะทำหน้าไม่ถูกเลยขยับตัวหันหลังให้ แต่ก็ไม่วายพึมพำบอกมา
“ถ้ากล้าใส่เสื้อฉันก็ไปค้น ๆ เอาละกัน นอนแบบนั้นอึดอัดตายชัก”
“…”
ฉันก้มมองสภาพตัวเองอย่างเขิน ๆ ไม่คิดจะรบกวนพี่สิงห์อีก เพราะคงเหนื่อยมาทั้งวัน ทำงานตั้งสองอย่าง แถมยังมาเจอผู้หญิงบ้า ๆ แบบนี้อีก…
กลับขึ้นมาข้างบนก็ถือโอกาสไปค้นเอาเสื้อของเจ้าตัวมาใส่ตามที่ได้รับอนุญาต พบว่ามันมีแต่ไซซ์เขาซึ่งใหญ่กว่าฉันมาก แต่ถึงงั้นฉันก็เลือกมาตัวนึง ก่อนจะเปลี่ยนชุดเก่าออกวางกองไว้กับพื้น ใส่เพียงแค่เสื้อยืดตัวใหญ่ตัวเดียวเท่านั้น รู้สึกสบายขึ้นเยอะเลย…
แหม… ไม่กี่วันก็ได้เข้าบ้าน ไม่กี่วันก็ได้ใส่เสื้อ… ที่ไล่ ๆ นั่นก็แค่ทำตัวไม่ถูกนั่นแหละ
ฉันสวยออก… จะเมินได้ไงกัน…