แชร์

10. ตลาดนัด 1

ผู้เขียน: ฉันรัก
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-27 12:00:04

พิริยากำลังเดินอย่างช้า ๆ บนทางเท้าใกล้กับสถานีรถไฟหลักของเมืองหลวง เพื่อไปซื้อตั๋วรถไฟกลับบ้าน ใบหน้าเธอยังซีดเซียว ดวงตายังคงบวมตุ่ยเนื่องจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

เมื่อคืนเป็นการร้องไห้ที่ยาวนานที่สุดของเธอ หลังจากผ่านการร้องไห้จนไม่หลงเหลือน้ำตาให้ร่วงหล่นอีกแล้ว เธอก็นั่งจมอยู่กับความคิดจวบจนรุ่งเช้า เหมือนกับคุณยายคนนั้นพูดไว้ไม่มีผิด การร้องไห้ เป็นการปลดปล่อยความอ่อนแอให้ออกไป แล้วยังเป็นการบำบัดอารมณ์รูปแบบหนึ่งอีกเช่นกัน

ตอนนี้อารมณ์ของเธอเริ่มมั่นคงได้ในระดับหนึ่งแล้ว แม้จะไม่มากแต่ก็ถือว่าดีขึ้นกว่าเมื่อวาน เธอเปิดกระเป๋าสะพายเพื่อนับเงินที่เหลือติดตัว ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวเธอเหลือเงินอีกแค่สองร้อยบาท คงต้องกลับไปบ้านหางานทำเหมือนที่เคยอ้างไว้จริง ๆ แล้ว

ระหว่างเตรียมที่จะเดินเข้าประตูสถานีรถไฟ เธอก็สังเกตเห็นผู้คนมากมายที่ฝั่งตรงข้ามสถานี ดูเหมือนพวกเขากำลังเตรียมตั้งร้านเพื่อค้าขาย หลังจากนิ่งมองอยู่ครู่จึงนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

แม้จะเป็นโลกคู่ขนานกับที่เธอเคยอยู่ แต่หญิงสาวสังเกตเห็นว่าสภาพแวดล้อม ผู้คน สถานที่ต่าง ๆ ใกล้เคียงกับโลกที่เธอเคยอยู่แทบจะไม่ผิดเพี้ยน และถ้าจำไม่ผิด พื้นที่โล่งตรงข้ามสถานีรถไฟนั้น ในทุกวันศุกร์จะมีตลาดนัดขนาดใหญ่ที่พ่อค้าแม่ค้านำสินค้าเข้ามาขายหลากหลายชนิด เป็นที่นิยมของชาวเมืองหลวงแห่งนี้มาก ยิ่งในปี พ.ศ.2566 ยุคที่เธอจากมา ตลาดนัดแห่งนี้เป็นตลาดนัดที่ใหญ่และเป็นที่นิยมที่สุดในเมืองหลวง พิริยามองภาพตรงหน้าด้วยความสนใจ ก่อนจะตัดสินใจข้ามถนนเพื่อไปสังเกตการณ์อยู่ใกล้ ๆ

แม้จะเป็นช่วงเวลาเที่ยงวัน ดวงตะวันยังคงสาดแสงแรงกล้าไปทั่ว แต่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าก็ไม่หวาดหวั่นกับความร้อน ยังคงก้มหน้าจัดเรียงสินค้ากันอย่างขมีขมันเพื่อให้ทันกับลูกค้าที่จะเข้ามาเดินซื้อหาจับจ่ายสินค้าในช่วงเวลาตั้งแต่สิบห้านาฬิกาเป็นต้นไป

ระหว่างยืนสังเกตการณ์อยู่ชั่วระยะหนึ่ง เธอก็พบว่ามีบางพื้นที่ในตลาดนัดยังไม่มีพ่อค้าหรือแม่ค้ามาจับจองเพื่อตั้งขายสินค้า ความคิดหนึ่งก็สว่างวาบเข้ามาในหัว

ตอนนี้พื้นที่ของเธอมีเสื้อผ้าอยู่จำนวนมาก ถ้าเธอจะนำออกมาขายเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาไม่ใช่เหรอ แต่เธอจะเข้าไปขายในตลาดนัดนี้ได้อย่างไรนี่สิ

“พี่คะ ถ้าจะเข้าไปขายของที่ตลาดนัดต้องทำยังไงคะ” เธอเลือกที่จะหันไปถามแม่ค้าขายเครื่องดื่มที่ตั้งร้านอยู่ใกล้ ๆ

แม่ค้าวัยห้าสิบกว่ามองหน้าเธออย่างหวาดระแวงก่อนถามเสียงห้วน “จะขายอะไร”

พิริยาเข้าใจโดยธรรมชาติ เธอจึงยิ้มน้อย ๆ ก่อนที่จะตอบออกไป “หนูอยากขายเสื้อผ้าค่ะ แต่ไม่ใช่ขายประจำนะคะ จะขายวันนี้แค่วันเดียว ไม่รู้เขาจะอนุญาตให้ขายไหม”

“อ๋อ” น้ำเสียงของแม่ค้าดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเมื่อรู้ว่าไม่ใช่คู่แข่งของตัวเอง “ปกติมันก็เหลือที่ว่างทุกอาทิตย์นะเวลาเจ้าประจำเขาไม่มา น้องลองเดินไปถามคนจัดงานที่เต็นท์สีน้ำเงินนั่น บอกเขาว่าอยากขายอะไร ถ้ามีที่เหลือก็สามารถตั้งขายได้เลย”

“ขอบคุณมากนะคะ” หลังจากกล่าวขอบคุณ เธอรีบเดินมุ่งหน้าไปยังทิศที่ตั้งของเต็นท์ดังกล่าว และโชคดีที่วันนี้มีที่ว่างเหลือมากพอสมควร เธอจึงตัดสินใจจองพื้นที่ขายสองที่ติดกัน ค่าเช่าอยู่ที่สามสิบบาทต่อหนึ่งพื้นที่ขาย แม้ค่าเช่าจะค่อนข้างสูงแต่พิริยาก็เต็มใจจ่าย เพราะเธอมั่นใจอยู่ลึก ๆ ว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นของเธอต้องขายได้อย่างแน่นอน

หลังจากจ่ายเงินค่าที่เรียบร้อย เธอก็เดินออกจากตลาดนัดไปหาสถานที่ที่ไม่มีคนเพื่อจะเข้าไปในพื้นที่ว่าง หลังจากเดินวนอยู่นาน เธอก็เจอสุสานจีนที่ตั้งอยู่หลังตลาดนัด หญิงสาวข่มความกลัวเดินเข้าไปในสุสาน เพราะสถานที่นี้เหมาะสมที่สุดสำหรับขนเสื้อผ้าจำนวนมากออกมาโดยไม่มีใครสังเกตเห็น

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   25. เช่าห้องแถว

    บ้านของวิภาวีอยู่ใจกลางเขตเทศบาลเมือง ใกล้สถานที่ราชการทุกแห่ง เดินทางไปมาได้สะดวกมาก บ้านของเธอเป็นบ้านไม้หลังใหญ่สองชั้น เนื้อไม้เงาวับ บ่งบอกถึงฐานะที่มีอันจะกินของครอบครัวนี้ชาตรีทำงานในตำแหน่งระดับสูงของพาณิชย์จังหวัด ประกอบกับที่เกิดมาในครอบครัวฐานะดี จึงเป็นที่นับหน้าถือตามากของบรรดาข้าราชการและผู้คนในตัวจังหวัดส่วนญาดานั้น ถึงแม้จะเป็นเพียงแม่บ้านธรรมดา แต่ก็ต้องออกงานและดำรงตำแหน่งในสมาคมต่าง ๆ ในฐานะภรรยาหัวหน้าส่วนราชการ ประกอบกับพ่อแม่ของญาดาเป็นเศรษฐีระดับต้น ๆ ของจังหวัด จึงค่อนข้างเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงเช่นเดียวกับสามี“แก้วจะขายขนมอบแบบไหน” ญาดาถามด้วยความสนใจหลังจากได้กินมื้อค่ำและคุยเรื่องสัพเพเหระจนรู้สึกสนิทชิดเชื้อกันมากขึ้น ปิ่นแก้วจึงได้เอ่ยถึงสิ่งที่ตั้งใจจะทำในอนาคตให้ทั้งครอบครัวฟัง“ตอนนี้แก้วคิดไว้ 4 อย่างค่ะ มีขนมปังกระเทียม ทาร์ตไข่ บราวนี แล้วก็คุกกี้นิ่ม”“อาเคยกินแต่ขนมปังกระเทียมกับคุกกี้ แต่คงไม่เหมือนคุกกี้นิ่มของแก้วแน่ ๆ ส่วนอีกสองอย่างอาไม่เคยกิน นึ

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   24. ขายดี

    ระหว่างที่ยุ่งกับการขาย เธอก็ไม่พลาดที่จะสังเกตเห็นแหวงและแววมายืนมองด้วยความอิจฉาเป็นระยะ ทำให้เธอรู้สึกสะใจเป็นอย่างยิ่ง ก็ตามประสามนุษย์คนหนึ่งแหละนะส่วนความกลัวที่เคยมีต่อทั้งคู่ไม่ได้เกิดขึ้นอีกแล้วในครั้งนี้ เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้ไปแย่งที่ของใครเขา อีกอย่างมีลุงสุขมานั่งคุมเชิงให้ที่หลังร้านยิ่งทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นไปอีก“ปิ่นแก้ว! ใช่ปิ่นแก้วจริง ๆ ด้วย” น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจของหญิงสาววัยรุ่นดังขึ้นที่หน้าร้านเมื่อได้ยินเสียงไม่คุ้นหูเรียกชื่อตนเอง ปิ่นแก้วจึงเขม้นมองไป เธอยืนนึกอยู่ครู่ใหญ่จึงยิ้มออกมาอย่างดีใจวิภาวี สาวน้อยบนรถไฟคนนั้นนั่นเอง“พ่อคะ แม่คะ ใช่ปิ่นแก้วจริง ๆ ด้วย บอกแล้วว่าวิตาไม่ฝาด” วิภาวีหันไปพูดกับทั้งพ่อและแม่ที่เดินตามหลัง“ปิ่นแก้ว นี่พ่อของเรา ส่วนแม่ เธอก็เคยเจอแล้วเมื่อคราวก่อน”ชาตรีและญาดาต่างส่งยิ้มให้ปิ่นแก้วอย่างมีไมตรีจิต หลังจากที่ลูกสาวเล่าเหตุการณ์ในรถไฟให้ฟัง ทั้งคู่ต่างตกอกตกใจและรู้สึกขอบคุณปิ่นแก้วมาโดยตลอดที่ช่วยให้วิภาวี

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   23. ขนมอบ 2

    หญิงสาวเดินเข้าร้านเพื่อเลือกซื้อขนมอบ ขนมเค้กไม่มีแบ่งขายเป็นชิ้น เธอจึงเลือกปอนด์เล็กสุด และหยิบคุกกี้กระปุกเล็ก เค้กโรล ขนมปังปอนด์มาอีกอย่างละหนึ่งเพื่อทดสอบรสชาติ“แอะ! แค็ก..” คาวไข่ขั้นสุดเมื่อกลับมาถึงหอพัก เธอได้รีบแกะขนมออกมาชิม ทันทีที่ตักขนมเค้กเข้าปาก ผลที่ได้คือเนื้อเค้กที่หวานจัดและคาวไข่เป็นอย่างมาก ไม่เท่านั้น เนื้อครีมที่ปาดหน้าเค้กค่อนข้างหนัก ทั้งหวานและเลี่ยน เมื่อกัดชิมคำแรกถึงกับคายทิ้งแทบไม่ทัน แล้วทำไมถึงยังขายดีได้ขนาดนี้เค้กโรลก็ให้ความรู้สึกไม่ต่างกัน สำหรับคุกกี้นั้นให้ความรู้สึกหวานเพียงอย่างเดียว ไม่มีความหอมหรือมันของเนยแม้แต่น้อย ส่วนขนมปังปอนด์นั้นสามารถพูดได้เลยว่าขนมปังให้ปลาในยุคที่เธอจากมายังนุ่มมากกว่า แล้วทำไมถึงยังขายดีขนาดนี้ได้อีกแต่ข้อด้อยพวกนี้แหละคือตัวช่วย หากทำขนมออกมาแบบไม่เหลือข้อด้อยพวกนี้ ธุรกิจจะต้องรุ่งโรจน์อย่างไม่ต้องสงสัย ปิ่นแก้วอยู่ในอารมณ์ที่คึกคักถึงขีดสุดเธอรีบหายเข้าไปในพื้นที่และเปิดคลิปวิดีโอเกี่ยวกับขนมยอดฮิตต่าง ๆ ดู ก่อนจะคัดเมนูที่ทำได้ไม

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   22. ขนมอบ 1

    “แก้วรู้ค่ะว่าป้าเป็นห่วงแก้วและหวังดีกับแก้วที่สุด แก้วขอบคุณป้ามาก ๆ นะคะ”“ถ้าจะให้พูดตามจริง ตอนนี้แก้วมีเงินพอที่จะส่งทั้งตัวเองและชัยเรียนได้อย่างสบาย แต่ใจแก้วยังไม่อยากเรียนเอง เพราะถ้าเรียนต่อ ม.4 แล้วพอจบ ม.6 ก็ต้องอยากเรียนต่อมหาวิทยาลัยอีก ค่าใช้จ่ายเรียนมหาวิทยาลัยค่อนข้างสูงป้าเองก็รู้นี่คะ แล้วแก้วจะเอาเงินที่ไหนไปเรียนต่อ”“สู้ตอนนี้ หยุดเรียนก่อนสักครึ่งปี สร้างฐานะให้มั่นคง เก็บเกี่ยวเงินให้ได้เยอะ ๆ แล้วค่อยไปเรียน กศน. แก้วว่าน่าจะสบายกว่า”วงเดือนถอนหายใจแรง “แต่เรียน กศน. แล้วเหมือนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยยากเต็มทีนะแก้ว ป้าเสียดายอนาคต”“ไม่หรอกค่ะป้า ลองเราตั้งใจจริง ไม่ว่าเรียนจบจากไหนก็สามารถสอบเข้าได้ แต่ที่เห็นกันจนชินตาว่าเรียน กศน.แล้วความรู้ไม่พอจะไปต่อมหาวิทยาลัย นั่นเพราะคนเรียน กศน.มีภาระผูกพันค่อนข้างมาก บางคนก็มีครอบครัวอยู่แล้ว ทำให้คิดไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยกันน้อย แต่แก้วไม่มีภาระตรงนี้นี่คะ ภาระอย่างเดียวของแก้วคือต้องหาเงินเลี้ยงตัวเองให้ได้เยอะ ๆ ถ้า

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   21. ฉันรับประกันเอง 2

    วงเดือนใช้มือตบพื้นเรือนเสียงดังด้วยความไม่พอใจ “ยุพินนี่มันเกินไปจริง ๆ รังแกได้แม้กระทั่งเด็ก”“ป้า อย่าโมโหไปเลย เรื่องมันสบช่องให้เขาได้เปรียบก็ต้องปล่อยไป” ปิ่นแก้วพูดปลอบ“ชัย พี่แก้วเค้าไปลงชื่อค้ำประกันเราไว้แบบนี้แล้ว ต่อไปเราต้องระมัดระวังตัว อย่าไปทำเรื่องทำนองนี้จนทำให้พี่เค้าเดือดร้อนอีกนะ ถ้าหิวหรือขาดอะไร ให้มาหาป้ากับลุงก่อน ป้ากับลุงจะช่วยเอง”“ผมขอบคุณพี่แก้วอีกครั้งนะครับที่ช่วย ต่อไปผมไม่กล้าแล้วจริง ๆ” ชิงชัยพูดพร้อมกับมีน้ำตารื้นอยู่เต็ม มันเป็นความรู้สึกทั้งเสียใจบวกกับความอับอายที่โดนประณามในเรื่องนี้“แม่กับพี่แก้วไม่ต้องห่วง ชัยเป็นคนดีจริง ๆ ไม่เคยมีนิสัยชอบขโมย” แดนไทยช่วยรับประกันให้เพื่อนรัก “ต่อไปหลังเลิกเรียนผมจะไปช่วยชัยหาผักป่าไปขายอีกแรง จะได้เอาเงินไปใช้หนี้ที่ติดอยู่ไว ๆ”“นี่แม่ชัยยังสร้างหนี้เพิ่มอีกเหรอ” วงเดือนเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจ “อาทิตย์หน้าจะเปิดเทอมแล้วด้วย จะมีเวลาไปหาของป่าขายได้ที่ไหน เลิกเรียนก็ใกล้ค่ำแล้ว คงไม่พอหาหรอก”“ชัยไม่เรียนต่อแล้วนะแม่ ไม่มีค่าเทอม”“แล้วแม่ชัยรู้ไหมว่าลูกตัวเองจะไม่เรียนต่อแล้ว” วงเดือนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พ

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   20. ฉันรับประกันเอง 1

    “ที่น้าพูดมันก็ถูก แต่ควรดูเจตนาเด็กก่อนที่จะกล่าวหา ชัยไม่ได้ตั้งใจขโมยแต่แรกนี่ เขาได้ยินว่าน้าไม่กินแล้ว และกำลังจะเทให้หมา ชัยเขาหิว เขาเลยตัดสินใจไปแบบนั้น”“หล่อนไม่ต้องมาทำหัวหมอ ฉันไม่สนใจ ถึงแม้ฉันจะไม่ต้องการกินแกงนี่แล้ว แต่มันก็ยังเป็นของฉัน ฉันจะให้ใครมันก็เป็นเรื่องของฉัน ในเมื่อฉันตั้งใจจะยกให้หมาแล้ว ไอ้เด็กหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์แย่งไปได้ ฉันจะเอาเรื่องไอ้เด็กเหลือขอนี่ให้ถึงที่สุด”เมื่อยุพินพูดจบ ผู้คนที่ยืนรายล้อมต่างส่งเสียงออกมาหลายแนว บ้างก็เห็นด้วยกับยุพิน บ้างก็เห็นด้วยกับปิ่นแก้ว บ้างก็มองดูเหตุการณ์ด้วยความสะใจและสนุกกับคราวเคราะห์ของชัยในครั้งนี้ บ้างก็มีสีหน้าแสดงความเห็นใจเด็กชาย แต่ยุพินไม่สนใจ เธอยังคงตั้งมั่นในความคิดของตน“ตกลงมีเรื่องอะไรกัน” คำแปง ผู้ใหญ่บ้านที่โดนเรียกตัวมาอย่างเร่งด่วน สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อได้ฟังทั้งยุพินและปิ่นแก้วชี้แจงเรื่องราวในมุมมองของตน คำแปงก็ทำสีหน้าหนักใจอยู่ไม่น้อย เรื่องเหมือนจะดูเล็กน้อย แต่ถ้าคิดเป็นเรื่องใหญ่ ก็ดูใหญ่พอตัว โดยเฉพาะในหมู่บ้านที่ไม่เคยเกิดเหตุทำนองนี้มาก่อน“ยุพิน ปล่อยเด็กไปสักครั้งเถอะ อย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status