Share

9. โลกคู่ขนาน 2

last update Last Updated: 2025-08-26 12:00:03

พิริยายังคงนั่งเหม่อลอยอยู่ที่เก้าอี้สาธารณะริมถนนใหญ่ตรงปากทางเข้าซอยบ้านในชาติก่อน ความรู้สึกเหงา โดดเดี่ยว สิ้นหวัง ได้จู่โจมเข้ามาหาอย่างไม่หยุดหย่อน เธอคิดว่าเธอเข้าใจความรู้สึกของเจ้าของร่างเดิมก่อนแขวนคอตายได้อย่างถ่องแท้แล้ว ความรู้สึกของการไม่เหลือใครให้พึ่งพิงมันน่ากลัวอย่างที่สุด

พิริยาเริ่มเข้าใจอยู่ลาง ๆ แล้วว่าเธอน่าจะย้อนเวลากลับมาอยู่ในโลกคู่ขนานกับโลกเดิมที่เคยอยู่ โลกคู่ขนานที่ไม่เคยมีครอบครัวเดิมในชาติก่อน จะให้คิดว่าครอบครัวอาจเปลี่ยนไปอยู่ในที่ใดที่หนึ่งของเมืองหลวงแห่งนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้ ที่ดินตรงนั้นเป็นที่ดินมรดกซึ่งได้รับสืบทอดต่อ ๆ กันมาตั้งแต่สมัยคุณทวด ไม่เคยขายหรือเปลี่ยนมือให้ใคร

แล้วเธอก็เริ่มเชื่อได้อย่างสนิทใจแล้วว่า ป๊ากับม้าคนเดิมของเธอในชาติก่อนคือพ่อและแม่ของเจ้าของเดิมในโลกคู่ขนานแห่งนี้ เธอได้มีโอกาสย้อนกลับมาเป็นลูกของพวกท่านอีกครั้ง แต่โชคชะตาก็ยังเล่นตลก ให้พ่อและแม่ตายจากไปอีกครั้ง ไม่ให้โอกาสเธอได้พบปะ พูดคุย หรือแสดงความรักกับพ่อและแม่แม้แต่น้อย พิริยานั่งกอดเข่าพร้อมซุกหน้าลงไปอย่างหมดแรง

หนูคิดถึงป๊ากับม้า

“ร้องไห้ได้นะลูก ร้องไห้กับย่าตรงนี้ได้เลย” เสียงพูดของหญิงชราลอยแว่วเข้ามาที่หู พิริยาชะงักฟังนิ่ง

“ไม่ครับ คนอ่อนแอเท่านั้นถึงจะร้องไห้ได้” เสียงของเด็กชายวัยรุ่นเอ่ยตอบ

“แล้วตอนนี้หลานชายย่ากำลังรู้สึกอ่อนแออยู่หรือเปล่าล่ะ” หญิงชราถามหลานชายด้วยน้ำเสียงเอื้ออารี

“คนเราย่อมต้องมีเวลาอ่อนแอนะลูก อย่าฝืนบังคับให้ตัวเองต้องเข้มแข็งเสมอไป บางทีการได้ร้องไห้ออกมาดัง ๆ ก็เป็นการแสดงถึงความเข้มแข็งอย่างหนึ่งเหมือนกัน เป็นความเข้มแข็งและความกล้าที่จะแสดงอารมณ์เสียใจออกมา”

“แล้วการร้องไห้ก็เป็นการปลดปล่อยอารมณ์อย่างหนึ่งของคน ย่าเชื่อว่าหลังจากที่หลานได้ปลดปล่อยอารมณ์นั้นไปแล้ว หลานชายของย่าจะต้องรู้สึกดีขึ้นอย่างแน่นอน”

“ผมร้องไห้ได้จริง ๆ เหรอ” คราวนี้ฝ่ายหลานชายถามกลับเสียงเครือ

“ได้สิลูก อารมณ์เสียใจเป็นอารมณ์ความรู้สึกอย่างหนึ่งของคน ทุกคนมีสิทธิ์ร้องไห้ออกมาได้เมื่อรู้สึกเสียใจ”

หลังจากนั้นก็มีเสียงสะอื้นเบา ๆ ของหลานชายดังแว่วออกมาอย่างไม่ขาดสาย

“มนุษย์ทุกคน ไม่ว่ายากดีมีจน ย่อมจะต้องเคยเจอกับความเหนื่อย ความผิดหวัง ความเสียใจนะลูก มันเป็นกฎธรรมชาติ เราไม่จำเป็นต้องฝืนเก็บความทุกข์ตรมไว้ในใจจนทำให้เกิดบาดแผลลึก ควรปลดปล่อยออกมาให้หมด”

“แล้วที่สำคัญ เหนื่อยได้ เสียใจได้ ร้องไห้ได้ แต่เราอย่าท้อนะลูก เหนื่อยแล้วล้มไม่เป็นไร นั่งพักให้หายเหนื่อยเพื่อที่จะได้ลุกขึ้นอย่างมั่นคงและแข็งแรงอีกครั้ง อาจจะลุกขึ้นได้ช้าบ้างก็ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องรีบ พักให้ขาเราแข็งแรงมากที่สุดเพื่อที่จะก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง”

พิริยาน้ำตาคลอเมื่อได้ฟังเสียงปลอบโยนของหญิงชราที่พูดกับหลานชาย เธอรีบลุกขึ้นและเดินเข้าไปในซอยเล็ก ๆ ซอยแรกที่เจอ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น ก็รีบดิ่งเข้าไปในพื้นที่ วิ่งเข้าไปที่ห้องนอนในคอนโดส่วนตัว ก่อนโถมตัวลงบนที่นอนและก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นปลดปล่อยอารมณ์ออกมาอย่างสุดกลั้น

เมื่อได้ย้อนเวลากลับมาในชาตินี้ เธอใจแป้วพอดูอยู่แล้วกับสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวเจ้าของร่างเดิม แต่ดีที่ยังมีพื้นที่พกพาติดตัวมาด้วย กระทั่งมาเจอความจริงที่ว่าพ่อกับแม่ของเจ้าของร่างเดิมอาจเป็นคนคนเดียวกับป๊าและม้าของเธอ และพวกเขาก็ได้จากเธอไปแบบไม่มีวันกลับเหมือนชาติก่อน

แต่แรก ตอนเธอย้อนเวลากลับมาในร่างคนอื่น เธอก็ไม่ได้ต้องการที่จะเล่าเรื่องนี้ให้ป๊ากับม้าทราบ หรือไปขอความช่วยเหลือจากทั้งคู่อยู่แล้ว เธอขอเพียงแค่ได้แอบดูพวกท่านอยู่ห่าง ๆ เพื่อให้ตัวเองรู้สึกอบอุ่นหัวใจว่าอย่างน้อยเธอก็ไม่ได้อยู่เพียงลำพัง แต่แล้วความหวังก็พังทลายไม่มีเหลือ มันทำให้ไร้เรี่ยวแรงที่จะดำเนินชีวิตอีกต่อไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   104. เข้าไปยุ่งอีกจนได้

    ยุพินและมานพกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างชอบใจเมื่อเห็นเงินห้าหมื่นบาทในมือ ไม่นึกเลยว่าแค่รอบแรกก็ได้มากถึงเพียงนี้ แล้วรอบต่อไปนั้นเป็นกาแฟซึ่งร่ำลือกันว่ารายได้ดีกว่าดอกไม้แห้ง คงได้จับเงินแสนกันก็คราวนี้“แม่ยุพินที่หลักแหลมจริง ๆ” มานพเอ่ยชมภรรยาไม่หยุด“เอาเชียว ที่แรกทำท่าเหมือนไม่เต็มใจ”“ฉันขอโทษ ต่อไปไม่ค้านแล้ว ไม่คิดเลยว่ารายได้จะมากขนาดนี้ แล้วรวมทั้งปีที่เจ้าดินได้มันไม่เหยียบล้านไปแล้วเหรอ”“ก็คงประมาณนั้นแหละพี่ คราวหน้าฉันว่าจะไม่ขายอย่างเดียวแล้ว ฉันจะเอาเมล็ดพันธุ์มาปลูกเองด้วย นี่ก็ไปมอง ๆ ที่เปล่าในหมู่บ้านของพ่อฉันเอาไว้แล้ว ฉันตั้งใจจะเอาไปปลูกตรงโน้น จะได้ไกลหูไกลตาไอ้ดินมันหน่อย”“ดี อีกหน่อยบ้านเราก็จะมีเงินมากมายเหมือนกับมันแล้ว”“ว่าแต่เราเอาเงินก้อนนี้ไปใช้หนี้ที่ยืมมาก่อนเถอะ ที่เหลือก็พอส่งให้นารีได้อีกสามสี่เดือน รอขายงวดหน้าเราก็สบายกันแล้ว”“เจ้านะตั้งแต่ย้ายไปทำงานในเมืองนี่หายเงียบไม่ยอมกลับมาบ้านเลย” มานพเอ่ยด้วยสุ้มเสียงไม่พอใจ“ลูกสอนพิเศษหลายที่ กำลังช่วยกันเก็บเงินซื้อที่ดินเพื่

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   103. คนโกง

    “นี่บ้านเก่า ๆ โทรม ๆ ที่เธอเคยเล่าจริง ๆ เหรอ” นิสารัตน์หันมาถาม“เมื่อก่อนเคยเก่าและโทรมมาก” ปิ่นแก้วยืนยัน “เพิ่งได้ปรับปรุงใหม่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี้เอง”“ไม่พ้นพี่ดินอีกแล้วแน่เลย” อรรณพหรี่ตามองอย่างรู้ทัน ขณะที่แดนดินยืนยิ้มกว้างอยู่ข้าง ๆ“เฮ้อ..พี่ดินไม่ควรมีคนเดียวในโลก” อรรณพยังคงรำพึงรำพันต่อไปคราวนี้พาเอาทุกคนหัวเราะครืนด้วยความชอบใจเพื่อไม่ให้เสียเวลา หลังจากจัดเก็บข้าวของกันแล้วปิ่นแก้วจึงพาทุกคนไปที่สวนผลไม้ของแดนดินที่ตอนนี้ทุเรียนและมังคุดออกลูกแก่จัดรอเก็บเกี่ยวในอีกสองสามวันข้างหน้านี้แล้ว“พวกเรากินได้จริง ๆ หรือคะพี่ดิน” มาลินีหันมาถามชายหนุ่มอีกทีเพื่อความแน่ใจ“กินได้เลย ไม่ใช่แค่ทุเรียนและมังคุดนะ สตรอว์เบอร์รีและเชอร์รีที่ปลูกในสวนข้าง ๆ ก็เข้าไปเด็ดกินได้เหมือนกัน ห้ามเกรงใจพี่เด็ดขาด คิดเสียว่าเป็นสวนบ้านตัวเอง” แดนดินอนุญาตอย่างใจดี“หน้าร้อนแบบนี้สตรอว์เบอร์รีและเชอร์รียังออกผลได้อีกเหรอคะ” นิสารัตน์อดทึ่งไม่ได้“เมล็ดพันธุ์ของเราค่อนข้างพิเศษน่ะ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับหันมา

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   102. เป็นที่รู้จัก

    แดนดินขมวดคิ้วเมื่อเห็นปริมาณดอกไม้แห้งที่เก็บเกี่ยวได้จากไร่ของผาด หนึ่งในคนที่เซ็นสัญญาปลูกดอกไม้และกาแฟเมื่อคราวก่อน“ที่ดินตั้งสิบไร่ ทำไมได้ดอกไม้แห้งพอ ๆ กับไร่น้าทาที่มีเพียงห้าไร่”“ม..แหม ความชำนาญมันต่างกันนะดิน น้าทานั่นชาวไร่ดีเด่นประจำหมู่บ้าน แกมีฝีมือในการดูแลต้นไม้อยู่แล้ว ปลูกดอกไม้ได้เยอะก็ไม่แปลก ไอ้ฉันมันมือใหม่ ถึงพื้นที่จะเยอะกว่าแต่ดันไม่มีฝีมืออย่างใครเขา เลยได้มาเท่านี้” ผาดละล่ำละลักอธิบายแดนดินกวาดตามองไปทั่วไร่อย่างสงสัย ในใจไม่คิดเชื่อคำพูดของผาดแม้แต่น้อย เขารู้ดีถึงคุณภาพของเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ ขนาดคนที่ปลูกอะไรไม่เป็นเลยอย่างปิ่นแก้วยังสามารถปลูกจนออกดอกออกผลได้งดงาม แล้วนับประสาอะไรกับคนที่ทำไร่ทำนาอยู่ทุกวันแบบนี้ล่ะถึงจะไม่เชื่อแต่เขาก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรออกมาเรื่องนี้ผิดปกติเกินกว่าจะละเลยได้ เมื่อกลับถึงบ้านเขาเล่าความผิดปกตินี้ให้กับทั้งคำปันและวงเดือนได้รับทราบ ผู้สูงอายุทั้งสองคนต่างมีสีหน้าเครียดลงถนัดตา“ดินคิดว่ามีเรื่องคดโกงเกิดขึ้นแน่ใช่ไหม” คำปันถามเสียงเครียด

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   101. ห้ามดูถูกตัวเอง

    “จินตนานั่งรถประจำทางไปหาน้าที่ต่างอำเภอ แล้วรถเกิดคว่ำทับจินตนาจนแขนขาด”ปิ่นแก้วใจหายวาบเมื่อได้ยิน นึกถึงใบหน้าที่ยิ้มแย้มและบุคลิกที่ไม่คิดอะไรมากของจินตนา ปิ่นแก้วก็ยิ่งใจหาย ถึงแม้จะไม่ค่อยสนิทสนมกันนักแต่ก็มีโอกาสได้ทำงานด้วยกันหลายครั้ง จินตนานับว่าเป็นคนที่ทำงานด้วยง่ายคนหนึ่งแล้วคนที่เคยมีครบทั้งสามสิบสอง จู่ ๆ กลายเป็นคนพิการแบบนี้ ที่สำคัญยังอายุน้อยแค่นี้ จินตนาจะทำใจได้อย่างไรปิ่นแก้วเหลียวมองไปรอบห้อง “แล้วนิสารัตน์?”“เฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อคืน คอยอยู่เป็นเพื่อนรอพ่อกับแม่จินตนาที่กำลังนั่งรถมาหา”“แก้วใจไม่ดีเลย สงสารจินตนา แล้วนี่เราจะไปเยี่ยมกันดีไหม”คราวนี้มาลินีเป็นฝ่ายเล่า “ฉันกับอันนาไปเมื่อเย็นวานแต่ไม่ได้เจอ นิสารัตน์ให้กลับมาก่อนเพราะสภาพจิตใจของจินตนายังไม่สู้ดีนัก ให้รอพ่อกับแม่เค้ามาก่อนสักสองสามวัน ให้สงบลงอีกนิดแล้วค่อยไปเยี่ยมกันตอนนั้น”-----“อย่าตัดอนาคตตัวเองแบบนี้สิจิน”“นั่นสิลูก แค่เสียแขนซ้ายไปเอง แขนขวาก็ยัง

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   100. สัมภาษณ์

    ถ้าพวกเขาได้มีโอกาสมาเห็นปิ่นแก้วในตอนนี้รับรองเลยว่าคงพูดไม่ออกเลยสักคนเดียว ปิ่นแก้วที่นวดแป้ง ปั่นส่วนผสมของขนมอย่างคล่องแคล่ว ปิ่นแก้วที่สามารถสั่งการได้อย่างเฉียบขาดและทุกคนที่อยู่รายรอบพร้อมจะทำตามคำสั่งนั้นอย่างไม่มีข้อแม้ เพราะปิ่นแก้วคนนี้คือเจ้าของร้านขนมรสชาติอร่อยที่สร้างความประทับใจให้กับประธานหอการค้าของจังหวัด m จนได้มาทำขนมจัดเลี้ยงผู้เข้าร่วมสัมมนากว่าสามร้อยคนในครั้งนี้“พวกเธอรู้ไหม รายได้ต่อวันของร้านแก้วสามารถจ่ายค่าเทอมทั้งปีได้อย่างสบาย” อรรณพเล่าด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้มคล้ายกับว่าทั้งสองร้านนี้เป็นของเขาก็ไม่ปาน“ทำไมปิ่นแก้วถึงไม่คิดพูดแก้ต่างเรื่องนี้กับเพื่อน ๆ ในคณะล่ะ ปล่อยให้พวกเรามองเขาเสีย ๆ หาย ๆ อยู่ได้ตั้งนาน” จินตนาบ่นงึมงำ“เค้ามองว่าเสียเวลาไง ถ้าเค้าพูดแก้ต่างพวกเธอคิดว่าจะมีใครยอมเชื่อไหม คนเราลองมีอคติต่อกันแล้ว ถึงจะแก้ตัวหรือทำดีให้ตายยังไงก็ไม่มีใครเปลี่ยนมุมมองหรอก พวกเขาเลือกที่จะเชื่อมุมที่พวกเขาคิดเสมอ สู้เอาเวลาที่เสียไปตรงนี้มาหาความสุขให้ตัวเองและมาใส่ใจคนที่รักและเข้าใจตัวเองดีกว่

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   99. ปิดกิจการ

    “ก็ไปพูดไม่ไว้หน้าเขาแบบนั้น ใครเขาจะไปทนไหว มานี่ฉันช่วยเอง” นิสารัตน์นั่งลงยอง ๆ อยู่ด้านข้างและคว้ากรรไกรมาช่วยตัด ขณะที่จินตนาลูกคู่ของเธอก็มานั่งช่วยพับกระดาษเป็นรูปดอกไม้ให้ด้วย“ขอบใจนะ” ปิ่นแก้วหันไปยิ้มให้“ไม่เป็นไร งานจะได้เสร็จไว ๆ”นิสารัตน์เงยหน้ามองปิ่นแก้วก่อนพูดออกมา “อันที่จริงการุณเขาก็พูดถูกนะ คนที่มีแววอนาคตจะสดใสแบบเธอน่าจะหันกลับมาใช้ชีวิตตามปกติแบบเพื่อน ๆ ได้แล้ว”หลังจากเหตุการณ์เย็นวันนั้น บรรดานักศึกษาและผู้อยู่ในเหตุการณ์ต่างเอาเรื่องนี้ไปพูดคุยกันอย่างสนุกปาก การุณรู้สึกอับอายอย่างที่สุด และมักจะทำหน้าบูดบึ้ง ส่งตาขวางให้ทุกครั้งที่เห็นปิ่นแก้ว ซึ่งปิ่นแก้วทำเพียงแค่ยักไหล่และใช้ชีวิตตามปกติของตัวเองไปวัน ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและใบหน้าการุณยิ่งบูดบึ้งมากขึ้นเมื่อได้ยินข่าวว่าปิ่นแก้วย้ายออกจากหอในไปอยู่กับผู้ชาย และยิ่งใบหน้าการุณบูดบึ้งเท่าไหร่ ใบหน้าของสกุณาก็ยิ่งสดชื่นมากขึ้นเท่านั้น-----“แก้ว ร้าน Best Bake ปิดกิจการไปแล้วนะ”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status