Share

20. ฉันรับประกันเอง 1

last update Last Updated: 2025-09-05 12:14:28

“ที่น้าพูดมันก็ถูก แต่ควรดูเจตนาเด็กก่อนที่จะกล่าวหา ชัยไม่ได้ตั้งใจขโมยแต่แรกนี่ เขาได้ยินว่าน้าไม่กินแล้ว และกำลังจะเทให้หมา ชัยเขาหิว เขาเลยตัดสินใจไปแบบนั้น”

“หล่อนไม่ต้องมาทำหัวหมอ ฉันไม่สนใจ ถึงแม้ฉันจะไม่ต้องการกินแกงนี่แล้ว แต่มันก็ยังเป็นของฉัน ฉันจะให้ใครมันก็เป็นเรื่องของฉัน ในเมื่อฉันตั้งใจจะยกให้หมาแล้ว ไอ้เด็กหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์แย่งไปได้ ฉันจะเอาเรื่องไอ้เด็กเหลือขอนี่ให้ถึงที่สุด”

เมื่อยุพินพูดจบ ผู้คนที่ยืนรายล้อมต่างส่งเสียงออกมาหลายแนว บ้างก็เห็นด้วยกับยุพิน บ้างก็เห็นด้วยกับปิ่นแก้ว บ้างก็มองดูเหตุการณ์ด้วยความสะใจและสนุกกับคราวเคราะห์ของชัยในครั้งนี้ บ้างก็มีสีหน้าแสดงความเห็นใจเด็กชาย แต่ยุพินไม่สนใจ เธอยังคงตั้งมั่นในความคิดของตน

“ตกลงมีเรื่องอะไรกัน” คำแปง ผู้ใหญ่บ้านที่โดนเรียกตัวมาอย่างเร่งด่วน สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เมื่อได้ฟังทั้งยุพินและปิ่นแก้วชี้แจงเรื่องราวในมุมมองของตน คำแปงก็ทำสีหน้าหนักใจอยู่ไม่น้อย เรื่องเหมือนจะดูเล็กน้อย แต่ถ้าคิดเป็นเรื่องใหญ่ ก็ดูใหญ่พอตัว โดยเฉพาะในหมู่บ้านที่ไม่เคยเกิดเหตุทำนองนี้มาก่อน

“ยุพิน ปล่อยเด็กไปสักครั้งเถอะ อย่าเพิ่งให้ถึงตำรวจเลย เห็นแก่อนาคตมัน ฉันจะให้เด็กพูดสาบานตรงนี้ว่าจะไม่ทำอีก” คำแปงอดเอนเอียงไปทางชิงชัยไม่ได้ ด้วยเพราะอายุยังน้อยนัก

“ไม่ได้นะผู้ใหญ่ อย่าลำเอียง เรื่องเล็กน้อยในตอนนี้อาจเป็นเรื่องใหญ่ในอนาคตได้ นี่ฉันปกป้องหมู่บ้านเราหรอกนะ ไม่อยากให้มีเหตุลักเล็กขโมยน้อยขึ้นในอนาคต” ยุพินพูดด้วยเสียงไม่พอใจ โดยมีชาวบ้านที่เห็นด้วยกับยุพินเริ่มส่งเสียงเชียร์

ครอบครัวยุพินมีฐานะดีที่สุดในหมู่บ้าน จึงค่อนข้างมีอิทธิพลพอตัว เธอจึงไม่รู้สึกเกรงกลัวหรือเกรงใจผู้ใหญ่บ้านอย่างที่ควรจะเป็นมากนัก คำแปงเองก็จำต้องให้ความเกรงใจครอบครัวนี้อยู่ส่วนหนึ่งเสมอมา ด้วยไม่อยากให้เกิดปัญหากระทบกระทั่งกันภายหลัง

“มีทางอื่นให้เลือกนอกเหนือจากจับส่งตำรวจอีกไหม” คำแปงอดไม่ได้ที่จะต่อรองให้เด็ก

“หาคนมาลงลายมือค้ำประกันว่าถ้าคราวหน้าไอ้เด็กนี่มันยังทำอีก ให้ครอบครัวมันและคนค้ำออกจากหมู่บ้านไป ไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่อีก”

“ว่าไง? จะมีใครกล้าค้ำประกันให้มันไหม ถ้ามีคนค้ำ ฉันจะยอมปล่อยมันไป”

คราวนี้ บรรดาชาวบ้านทั้งที่สนับสนุนยุพินและพวกที่เห็นใจชิงชัยต่างพากันส่ายหน้า เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่ง แล้วทำไมต้องพาตัวเข้าไปยุ่งด้วย

“ฉันค้ำประกันให้เอง” ปิ่นแก้วพูดโพล่งออกมาท่ามกลางสีหน้าแปลกใจของผู้คนที่อยู่รายล้อม นี่ยังใช่ปิ่นแก้วที่ขี้ขลาดและชอบทำหน้าเศร้าอยู่เป็นนิจอยู่หรือเปล่า?

ยุพินเองก็อดทำสีหน้าประหลาดใจไปด้วยไม่ได้ ที่จริงเธอรู้สึกแปลกที่ปิ่นแก้วเอาตัวเข้ามายุ่งในเรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้ว เพราะโดยปกติ ปิ่นแก้วที่เคยพบเจอมักจะชอบก้มหน้า พูดน้อย แลดูขี้ขลาด ยิ่งตอนเมื่อเผชิญหน้ากับยุพินด้วยแล้ว ปิ่นแก้วมักจะหลุบตาก้มต่ำ ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเธออยู่เสมอ

“ตั้งแต่แขวนคอตายดูเหมือนจะกล้าขึ้นเยอะ” ยุพินเอ่ยเยาะ “แต่เธอไม่น่าเชื่อถือพอที่จะค้ำประกัน คนฐานะต่ำเตี้ยแถมไม่มีที่ไปแบบเธอมีหน้าอะไรมาเอ่ยปากค้ำประกันให้คนอื่นได้ ไม่รู้จักอายตัวเองบ้าง”

“แล้วทำไมไม่คิดอีกด้านล่ะว่าคนไม่มีที่ไปแบบฉันนี่แหละเหมาะที่สุด น้าก็อยากให้ฉันไปพ้นหน้าจากลูกชายน้าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าเกิดชัยมีนิสัยลักขโมยในภายหลัง ฉันก็จะอยู่หมู่บ้านนี้อีกไม่ได้เลยนะ” ปิ่นแก้วเอ่ยท้วงเสียงหยัน

ยุพินตาสว่างวาบ แม้จะหงุดหงิดที่ถูกหญิงวัยคราวลูกรู้ทันความคิด แต่แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน หากเด็กชิงชัยนั่นทำผิดอีกครั้ง เธอก็สามารถกำจัดปิ่นแก้วให้พ้นจากลูกชายสุดหวงไปตลอดชีวิตได้

“ว่าไงล่ะน้า” ปิ่นแก้วทวงถาม

“แก้ว ตัดสินใจให้ดีอีกรอบก่อนนะ” คำแปงเอ่ยท้วงด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรค่ะลุง”

เธอหันไปเอ่ยถามชิงชัยที่กำลังนั่งนิ่งมองมาด้วยแววตาขอบคุณ “พี่เชื่อใจชัยได้ใช่ไหม”

“ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วครับ ผมสัญญา” ชิงชัยพูดเสียงเครือพร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณปิ่นแก้วไปด้วย

“แล้วตกลงน้าว่าไง” เธอหันไปถามยุพินอีกรอบ

“เอาแบบนี้ก็ได้ ฉันเห็นแก่อนาคตของเด็กหรอกนะถึงได้ยอมให้คนแบบเธอมาค้ำประกัน ผู้ใหญ่มาเขียนสัญญากันตรงนี้เลย นั่งทำต่อหน้าพยานเยอะ ๆ นี่แหละดี จะได้รู้กันทั่ว”

ปิ่นแก้วอ่านทบทวนข้อความในสัญญาอยู่หลายรอบก่อนลงลายมือชื่อ โดยมีผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านร่วมเป็นพยานอีกสามคน หลังจากรับสำเนามาเก็บไว้กับตัวแล้ว เธอก็จูงมือแดนไทยและชิงชัยเดินออกไปเพื่อกลับบ้าน

“เดี๋ยว! จ่ายค่าอาหารมาสิบบาทด้วย” ยุพินเรียกขึ้นมาก่อน

ปิ่นแก้วขมวดคิ้วมุ่น “ค่าอาหารอะไร ชัยไม่ได้ซื้ออะไรจากร้านน้านี่”

“ก็ค่าข้าวหมาที่มันกินนั่นไง ฉันคิดสิบบาท คราวนี้จะได้ถือว่าเจ้าชัยมันซื้อข้าวหมากิน ไม่ใช่ขโมยกิน”

“มันเกินไปรึเปล่ายุพิน กับข้าวนี่ก็เหลือทิ้งอยู่แล้วเลยโยนให้หมากินแบบนั้น ทำไมถึงคิดเงินเด็กมันอีก” คำแปงท้วงออกมาด้วยความไม่พอใจ “หยวน ๆ ไปเถอะน่า ถือว่าเลิกแล้วต่อกันไป สัญญาค้ำประกันแก้วมันก็ลงชื่อไว้ให้แล้ว”

“ไม่ได้หรอกผู้ใหญ่ เจ้าชัยมันแย่งหมากินไปหมดแบบนี้ ลำบากฉันก็ต้องหาข้าวให้หมามันใหม่อีกรอบ มันมีค่าใช้จ่ายนะ”

“ไม่เป็นไรหรอกลุงผู้ใหญ่” ปิ่นแก้วข่มความรู้สึกไม่พอใจ “ฉันจ่ายได้” เธอควักธนบัตรใบละสิบบาทส่งให้ยุพินและจูงมือเด็กชายทั้งสองเดินจากไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   24. ขายดี

    ระหว่างที่ยุ่งกับการขาย เธอก็ไม่พลาดที่จะสังเกตเห็นแหวงและแววมายืนมองด้วยความอิจฉาเป็นระยะ ทำให้เธอรู้สึกสะใจเป็นอย่างยิ่ง ก็ตามประสามนุษย์คนหนึ่งแหละนะส่วนความกลัวที่เคยมีต่อทั้งคู่ไม่ได้เกิดขึ้นอีกแล้วในครั้งนี้ เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้ไปแย่งที่ของใครเขา อีกอย่างมีลุงสุขมานั่งคุมเชิงให้ที่หลังร้านยิ่งทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นไปอีก“ปิ่นแก้ว! ใช่ปิ่นแก้วจริง ๆ ด้วย” น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจของหญิงสาววัยรุ่นดังขึ้นที่หน้าร้านเมื่อได้ยินเสียงไม่คุ้นหูเรียกชื่อตนเอง ปิ่นแก้วจึงเขม้นมองไป เธอยืนนึกอยู่ครู่ใหญ่จึงยิ้มออกมาอย่างดีใจวิภาวี สาวน้อยบนรถไฟคนนั้นนั่นเอง“พ่อคะ แม่คะ ใช่ปิ่นแก้วจริง ๆ ด้วย บอกแล้วว่าวิตาไม่ฝาด” วิภาวีหันไปพูดกับทั้งพ่อและแม่ที่เดินตามหลัง“ปิ่นแก้ว นี่พ่อของเรา ส่วนแม่ เธอก็เคยเจอแล้วเมื่อคราวก่อน”ชาตรีและญาดาต่างส่งยิ้มให้ปิ่นแก้วอย่างมีไมตรีจิต หลังจากที่ลูกสาวเล่าเหตุการณ์ในรถไฟให้ฟัง ทั้งคู่ต่างตกอกตกใจและรู้สึกขอบคุณปิ่นแก้วมาโดยตลอดที่ช่วยให้วิภาวี

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   23. ขนมอบ 2

    หญิงสาวเดินเข้าร้านเพื่อเลือกซื้อขนมอบ ขนมเค้กไม่มีแบ่งขายเป็นชิ้น เธอจึงเลือกปอนด์เล็กสุด และหยิบคุกกี้กระปุกเล็ก เค้กโรล ขนมปังปอนด์มาอีกอย่างละหนึ่งเพื่อทดสอบรสชาติ“แอะ! แค็ก..” คาวไข่ขั้นสุดเมื่อกลับมาถึงหอพัก เธอได้รีบแกะขนมออกมาชิม ทันทีที่ตักขนมเค้กเข้าปาก ผลที่ได้คือเนื้อเค้กที่หวานจัดและคาวไข่เป็นอย่างมาก ไม่เท่านั้น เนื้อครีมที่ปาดหน้าเค้กค่อนข้างหนัก ทั้งหวานและเลี่ยน เมื่อกัดชิมคำแรกถึงกับคายทิ้งแทบไม่ทัน แล้วทำไมถึงยังขายดีได้ขนาดนี้เค้กโรลก็ให้ความรู้สึกไม่ต่างกัน สำหรับคุกกี้นั้นให้ความรู้สึกหวานเพียงอย่างเดียว ไม่มีความหอมหรือมันของเนยแม้แต่น้อย ส่วนขนมปังปอนด์นั้นสามารถพูดได้เลยว่าขนมปังให้ปลาในยุคที่เธอจากมายังนุ่มมากกว่า แล้วทำไมถึงยังขายดีขนาดนี้ได้อีกแต่ข้อด้อยพวกนี้แหละคือตัวช่วย หากทำขนมออกมาแบบไม่เหลือข้อด้อยพวกนี้ ธุรกิจจะต้องรุ่งโรจน์อย่างไม่ต้องสงสัย ปิ่นแก้วอยู่ในอารมณ์ที่คึกคักถึงขีดสุดเธอรีบหายเข้าไปในพื้นที่และเปิดคลิปวิดีโอเกี่ยวกับขนมยอดฮิตต่าง ๆ ดู ก่อนจะคัดเมนูที่ทำได้ไม

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   22. ขนมอบ 1

    “แก้วรู้ค่ะว่าป้าเป็นห่วงแก้วและหวังดีกับแก้วที่สุด แก้วขอบคุณป้ามาก ๆ นะคะ”“ถ้าจะให้พูดตามจริง ตอนนี้แก้วมีเงินพอที่จะส่งทั้งตัวเองและชัยเรียนได้อย่างสบาย แต่ใจแก้วยังไม่อยากเรียนเอง เพราะถ้าเรียนต่อ ม.4 แล้วพอจบ ม.6 ก็ต้องอยากเรียนต่อมหาวิทยาลัยอีก ค่าใช้จ่ายเรียนมหาวิทยาลัยค่อนข้างสูงป้าเองก็รู้นี่คะ แล้วแก้วจะเอาเงินที่ไหนไปเรียนต่อ”“สู้ตอนนี้ หยุดเรียนก่อนสักครึ่งปี สร้างฐานะให้มั่นคง เก็บเกี่ยวเงินให้ได้เยอะ ๆ แล้วค่อยไปเรียน กศน. แก้วว่าน่าจะสบายกว่า”วงเดือนถอนหายใจแรง “แต่เรียน กศน. แล้วเหมือนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยยากเต็มทีนะแก้ว ป้าเสียดายอนาคต”“ไม่หรอกค่ะป้า ลองเราตั้งใจจริง ไม่ว่าเรียนจบจากไหนก็สามารถสอบเข้าได้ แต่ที่เห็นกันจนชินตาว่าเรียน กศน.แล้วความรู้ไม่พอจะไปต่อมหาวิทยาลัย นั่นเพราะคนเรียน กศน.มีภาระผูกพันค่อนข้างมาก บางคนก็มีครอบครัวอยู่แล้ว ทำให้คิดไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยกันน้อย แต่แก้วไม่มีภาระตรงนี้นี่คะ ภาระอย่างเดียวของแก้วคือต้องหาเงินเลี้ยงตัวเองให้ได้เยอะ ๆ ถ้า

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   21. ฉันรับประกันเอง 2

    วงเดือนใช้มือตบพื้นเรือนเสียงดังด้วยความไม่พอใจ “ยุพินนี่มันเกินไปจริง ๆ รังแกได้แม้กระทั่งเด็ก”“ป้า อย่าโมโหไปเลย เรื่องมันสบช่องให้เขาได้เปรียบก็ต้องปล่อยไป” ปิ่นแก้วพูดปลอบ“ชัย พี่แก้วเค้าไปลงชื่อค้ำประกันเราไว้แบบนี้แล้ว ต่อไปเราต้องระมัดระวังตัว อย่าไปทำเรื่องทำนองนี้จนทำให้พี่เค้าเดือดร้อนอีกนะ ถ้าหิวหรือขาดอะไร ให้มาหาป้ากับลุงก่อน ป้ากับลุงจะช่วยเอง”“ผมขอบคุณพี่แก้วอีกครั้งนะครับที่ช่วย ต่อไปผมไม่กล้าแล้วจริง ๆ” ชิงชัยพูดพร้อมกับมีน้ำตารื้นอยู่เต็ม มันเป็นความรู้สึกทั้งเสียใจบวกกับความอับอายที่โดนประณามในเรื่องนี้“แม่กับพี่แก้วไม่ต้องห่วง ชัยเป็นคนดีจริง ๆ ไม่เคยมีนิสัยชอบขโมย” แดนไทยช่วยรับประกันให้เพื่อนรัก “ต่อไปหลังเลิกเรียนผมจะไปช่วยชัยหาผักป่าไปขายอีกแรง จะได้เอาเงินไปใช้หนี้ที่ติดอยู่ไว ๆ”“นี่แม่ชัยยังสร้างหนี้เพิ่มอีกเหรอ” วงเดือนเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจ “อาทิตย์หน้าจะเปิดเทอมแล้วด้วย จะมีเวลาไปหาของป่าขายได้ที่ไหน เลิกเรียนก็ใกล้ค่ำแล้ว คงไม่พอหาหรอก”“ชัยไม่เรียนต่อแล้วนะแม่ ไม่มีค่าเทอม”“แล้วแม่ชัยรู้ไหมว่าลูกตัวเองจะไม่เรียนต่อแล้ว” วงเดือนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พ

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   20. ฉันรับประกันเอง 1

    “ที่น้าพูดมันก็ถูก แต่ควรดูเจตนาเด็กก่อนที่จะกล่าวหา ชัยไม่ได้ตั้งใจขโมยแต่แรกนี่ เขาได้ยินว่าน้าไม่กินแล้ว และกำลังจะเทให้หมา ชัยเขาหิว เขาเลยตัดสินใจไปแบบนั้น”“หล่อนไม่ต้องมาทำหัวหมอ ฉันไม่สนใจ ถึงแม้ฉันจะไม่ต้องการกินแกงนี่แล้ว แต่มันก็ยังเป็นของฉัน ฉันจะให้ใครมันก็เป็นเรื่องของฉัน ในเมื่อฉันตั้งใจจะยกให้หมาแล้ว ไอ้เด็กหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์แย่งไปได้ ฉันจะเอาเรื่องไอ้เด็กเหลือขอนี่ให้ถึงที่สุด”เมื่อยุพินพูดจบ ผู้คนที่ยืนรายล้อมต่างส่งเสียงออกมาหลายแนว บ้างก็เห็นด้วยกับยุพิน บ้างก็เห็นด้วยกับปิ่นแก้ว บ้างก็มองดูเหตุการณ์ด้วยความสะใจและสนุกกับคราวเคราะห์ของชัยในครั้งนี้ บ้างก็มีสีหน้าแสดงความเห็นใจเด็กชาย แต่ยุพินไม่สนใจ เธอยังคงตั้งมั่นในความคิดของตน“ตกลงมีเรื่องอะไรกัน” คำแปง ผู้ใหญ่บ้านที่โดนเรียกตัวมาอย่างเร่งด่วน สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อได้ฟังทั้งยุพินและปิ่นแก้วชี้แจงเรื่องราวในมุมมองของตน คำแปงก็ทำสีหน้าหนักใจอยู่ไม่น้อย เรื่องเหมือนจะดูเล็กน้อย แต่ถ้าคิดเป็นเรื่องใหญ่ ก็ดูใหญ่พอตัว โดยเฉพาะในหมู่บ้านที่ไม่เคยเกิดเหตุทำนองนี้มาก่อน“ยุพิน ปล่อยเด็กไปสักครั้งเถอะ อย

  • พุทธศักราช 2525 โปรดอ่อนโยนกับฉันหน่อย   19. ชิงชัย

    หลังจากทำความสะอาดบ้านเรียบร้อยแล้วและเห็นว่ายังเหลืออีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงมื้อเย็น เธอจึงตั้งใจจะเดินสำรวจหมู่บ้านนาแสนแห่งนี้ไปเพลิน ๆ ก่อนหมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านกลางหุบเขา มีภูเขาล้อมรอบ อากาศจึงเย็นตลอดปี และมีผู้คนอยู่อาศัยประมาณสามร้อยกว่าชีวิต ส่วนมากมีฐานะยากจน ประกอบอาชีพทำนาทำไร่เป็นหลัก บ้านที่ปลูกส่วนมากเป็นบ้านไม้สีหม่นหลังคามุงจาก มีบ้านฐานะดีที่หลังคามุงกระเบื้องและสังกะสีอยู่ไม่ถึงสิบหลัง ปิ่นแก้วเดินไปตามทางเดินซึ่งเป็นเส้นทางหลักภายในหมู่บ้านถึงจะขึ้นชื่อว่าเส้นทางหลัก แต่จริง ๆ ก็คือทางดินแดงเล็ก ๆ กว้างขนาดสองคนเดินสวนกัน พื้นผิวขรุขระและเป็นหลุมเป็นบ่อเสียเยอะ บางจุดเละเป็นโคลนเนื่องจากฝนที่ตกมาตั้งแต่เช้า ซึ่งผู้คนในหมู่บ้านไม่ได้รู้สึกแปลกหรือลำบากแต่อย่างใดเพราะคุ้นชินกับถนนแบบนี้มาหลายสิบปีแล้วจะมีก็เพียงปิ่นแก้วนี่แหละที่รู้สึกลำบาก เธอผู้เคยใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงมาทั้งชีวิต จึงไม่เคยรู้จักและไม่เคยสัมผัสฝุ่นสีแดงที่เกิดจากถนนดินแดงเลยสักครั้ง วันแรกที่ได้ย้อนเวลากลับมาเธอถึงกับสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปจนสำลักและแสบค

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status