LOGINตอนแนะนำตัวกับครอบครัววันครั้งแรก ดีกันคิดว่าคงเป็นแค่ทักทายธรรมดาแต่ไม่… มันคือการเจอกองทัพทั้งเจ็ด…
อย่างกับสโนว์ไวท์แน่ะ เขายืนหน้าประตูบ้าน ยิ้มสุภาพเหมือนคนดูมีมารยาท ทันใดนั้น ฝูงน้อง ๆ ก็กรูเข้ามาเหมือนเจอดารา “สวัสดีพี่ดีกัน!” “หวัดดีพี่ดีกัน!” “หวัดดีจ้าพี่ดี~!” “เฮลโหลวพี่กันดี เอ้ย ดีกัน!” “ไงพี่กัน!” “โย่วพี่ดีกัน!” เสียงทักดังรัวเหมือนยิงปืนกล “สวัสดีน้องๆ” ใช่ครับแฟนผมมีน้องพ่อแม่เดียวกันมากถึงหกคนรวมแฟนผมเป็นเจ็ดคน… เขากวาดตามองแถวเด็กที่ยืนเป็นระบบระเบียบกว่าทหารเกณฑ์ลูกดกขนาดนี้นี่คือบ้านหรือเครื่องถ่ายเอกสาร? “ลูกดกมาก…” ดีกันกระแอม ห่างกันปี สองปี สามปี สูงไล่เลี่ยกันหมด…หน้าตาดีทั้งบ้าน เพราะพ่อแม่หน้าตาดีมากด้วย “ใครให้อินดีกว่านี้มั้ย…ตั้งใจปั๊มลูกอย่างมีระบบมากเลยนี่นา~” น้องซิกยกมือทันที “พ่อบอกว่าอยากครบสิบ!!” ดีกันช็อกจนแทบหยุดหายใจวันตบบ่าเขาเบา ๆ ดีกันหันมองคนข้างตัวช้า ๆ “…วันอยากมีลูกกับฉันแบบนี้ไหม” วันชะงักเแต่น้องๆ หัวเราะกร๊าก "อยู่บ้านกันหมดเลยเหรอ" ดีกันกวาดตามองรอบบ้านใหญ่ที่เต็มไปด้วยรองเท้ากองหน้าประตู เหมือนทุกคนในจังหวัดนัดกันมาที่นี่ "ช่าย นี่รีบกลับจากโรงเรียนมารอเจอพี่เลยนะอยากเห็นตอนพี่ขอพี่วันกับแม่" น้องคนหนึ่งพูดพลางกระโดดดึ๋งๆ ดวงตาวาววับ "พ่อแม่ล่ะ" วันถามขึ้น "ไปบ้านคุณย่า" แกร่ก~ "แม่ๆๆๆ แม่มาแล้ว แม่มานั่งเร็ว" เสียงเด็กๆ ดังลั่นพร้อมวิ่งแตกฮือ ราวกับกองทัพเล็กๆ ประกาศความเคารพแม่ทัพใหญ่ "เสียงดังอะไรกันพวกลูกหมู" แมนก้าวเข้ามาจากหน้าประตู "แฟนพี่วันมา" "ตื่นเต้นอะไรไม่ใช่ลิซ่ามาบ้านซักหน่อย" "คุณพ่อคุณแม่สวัสดีครับ" ดีกันเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพยกมือขึ้นสวัสดีด้วยท่าหลังตรงราวกับนักธุรกิจ "สวัสดีดีกันใช่ไหมวันพูดถึงอยู่" คนพ่อตอบยิ้มๆ น้ำเสียงใจดี "พูดอะไรไม่เคยได้ยินเลย หน้าก็พึ่งเคยเจอ" แมนพูดพร้อมกรอกตาไปมา "แม่ครับผมซื้อ.." ดีกันยื่นถุงของฝากอย่างตั้งใจแต่แมนเอ่ยตัดบทอย่างไร้เยื่่อใยเหมือนปฏิเสธคนสายขายประกัน "ฉันไม่ชอบของแบรนด์เนม" "ผมทราบครับวันพูดถึงแม่ตลอดนี่ครับเหล้าเหมาไถจากจีนที่หลังรถยังมีอีกเยอะเลยถ้าแม่ชอบก็" ดีกันรีบอธิบายเสียงสุภาพ "เห็นฉันเป็นคนขายลูกกินหรือไง ลูกชายคนโตที่สุดแสนจะดีเลิศประเสริฐศรี กับเหล้านี่นายคิดว่าฉันจะยอมเจรจาด้วยหรือไงหึ้ ไม่ มี ทาง" แมนกอดอก เชิดเก๊กขรึมเสียงดุ "..เอ่อ" "เดี๋ยวลุงเอาผลไม้มาให้นั่งคุยกันได้เลย" ดีพูดพลางกลับหลังหันจะเข้าครัวแต่ถูกแมนรั้งแขนไว้เดี๋ยวนี้เก่งแบบหมาหมู่ไม่ชอบเดี่ยวตัวต่อตัว..แก่แล้ว "ดี!" "อยากรู้ก็ต้องคุยถ้าไม่คุยก็ไม่รู้" ดีบอกกับเมียขี้เสือกที่อยากถามอยากรู้แต่กลัวสายตาลูกชาย "มึงจะให้ดูคุยคนเดียวเนี่ยนะ" แมนกระซิบกระซาบกับสามีสองคนแต่ลูกๆ ก็เอนหัวเข้ามาฟังด้วย "เมียเป็นช้างเท้าหน้า" "ไอ้ ทีงี้ละให้ดูนำ" "คุณแมน.." วันเรียกคนแม่่เสียงเข้ม "ว่าไงลูกวัน" "ดีกันมีเรื่องจะคุยกับคุณแค่สองคนผมเช็ดโต๊ะที่ม้านั่งหน้าบ้านให้แล้ว" "เออๆ คุยก็คุย นำไปสิ" แมนลุกขึ้นยืดอกท่าทางพร้อมลุยมากกว่าพร้อมฟัง "ขอบคุณครับคุณแม่" ดีกันโค้งหัวเล็กน้อย นอบน้อมแบบตั้งใจจริง "ยังไม่ได้คุยไม่ต้องมาขอบคุณ" "ขอโทษครับ" "ช่างเถอะมีอะไรก็ว่ามา" "เราคุยกันครั้งแรกผม..อยากคุยกับคุณนะครับอยากคุยมานานแล้ว" ดีกันพูดเสียงอ่อนลงเล็กน้อย จ้องตาแม่คนรักตรง ๆ "ฉันก็อยากเดินไปบอกนายเหมือนกันว่าอย่ามายุ่งกับลูกชายสุดที่รักของฉันตั้งแต่วันแรกที่นายเข้าหาลูกชายฉัน" แมนพูดเสียงหนักแน่น ดวงตาจับทุกความเคลื่อนไหวของดีกัน "ผมรักวันนะครับ" ดีกันพูดเสียงหนักแน่น "แล้วยังไงใครๆ ก็รักตาวันนิสัยดีขนาดนั้นเก่งขนาดนั้นหน้าตาดีรวยเลิศสมบูรณ์แบบดูนายสิคู่ควรกันไหม" แมนปรายตามองดีกันจากหัวจรดเท้าอย่างเข้ม .. . ข้างพุ่มไม้ "แม่พวกนายขายของเก่งนะเก่งแบบไม่ลืมหูลืมตา" ดีเอ่ยกับลูกที่แอบดูอยู่ไม่ไกลเจ้าลูกสมุนพยักหน้าเห็นด้วยหงึกหงัก "นั่นสิคุณดี คุณแมนมั่นหน้ามาก" เจ้าทูเอ่ยรับเป็นลูกคู่กับพ่อพลางเงี่ยหูฟังต่อ "ผมรักดีครับ..ผมรักมาก..รักจริงๆ" ดีกันพูดเสียงหนักแน่น แววตาสั่นเล็กน้อยเต็มไปด้วยความหมายตามที่เอ่ย "..จะพูดอะไรนักหนา" "ต่อไปนี้ผมขอดูแลวันเองนะครับ" ดีกันพูดมั่นคง วางมือบนโต๊ะเบา ๆ เหมือนปักธงคำมั่นสัญญา "ฉันไม่ชอบนาย" แมนกอดอกเชิดหน้าตอบห้วน "ผมจะปรับปรุงตัวครับ วันบอกว่าคุณไม่ชอบคนใส่แบรนด์เนมผมจะพยายามนะครับ" ดีกันยิ้มแหยหันมองเสื้อแบรนด์ตัวเองแล้วสบตาแมน "ฉันก็ยังไม่ชอบนาย" "คุณชอบดื่มผมจะซื้อเครื่องดื่มให้แล้วก็ซื้อประกันสุขภาพไว้เยอะๆ ดีมั้ยครับ" "เออดี..แต่เอ๊ะดีเหรอ" "คุณแมนครับ..ผมอิจฉาคุณ" "ว่าไงนะ" "คุณเป็นคนใช้ชีวิตโดยไม่คิดอะไรได้น่าอิจฉาที่สุดมีแต่คนรักคุณห่วงคุณ มันน่าอิจฉาจริงๆ" ดีกันพูดช้า ๆ แววตาอบอุ่น "พูดบ้าอะไรเนี่ยไม่เห็นจะเข้าใจเลย" "ผมขอแบ่งความรักบ้างได้มั้ย ผมขอความรักจากวันด้วยคนได้มั้ยครับ" สองมือดีกันกำแน่น เสียงสั่น "อะ..อะไร" แมนตาเบิกโต ตกใจแต่ก็อยากฟัง "ผมอยากมีลูกแต่วันไม่อยากมี ผมยอมได้ครับ เพราะผมรักเขา" ดีกันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มีความสุขที่พูดถึงคนรักอย่างวันยิ่งมองแมนก็ยิ่งรับรู้ความจริงใจจริงจังจนตัวเองสบสัน "ฉัน.." "ผมรักเขา" ดีกันพูดช้า ๆ จ้องตาแมนบ่งบอกว่าจริงจังกับคนที่รักแค่ไหน "อะ..อะไร!" "ผมขอแต่งงานกับวันนะครับ" ดีกันเอ่ยขอร้องพร้อมยกมือไหวแม่คนรักอย่างสุภาพที่สุดจนใบหน้าเก๊กขรึมของแมนเหวอแต่ดึงสติกลับมาสวนกลับ "ฉันไม่ให้แต่ง!" แมนโพล่งทันที "ผมจะไม่ทำให้เขาเสียใจที่รักผม" ดีกันเอ่ยด้วยแววตามั่งมั่นและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสัตย์จริง "ฉัน.." แมนไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดีกันหนักแน่นกว่าตอนที่เขาบอกแม่ว่าท้องเสียอีก "ผมรักเขา" บรรยากาศเงียบลง มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นแรงของทุกคน . ."แมนทำหน้าดีๆ หน่อยลูกชายคนแรกของเรากำลังจะแต่งงานนะ"พ่อของลูกชายทั้งเจ็ดบีบแก้มคนหน้าบึ้งเบะปากมองชายหนุ่มร่างสูงในชุดเจ้าบ่าวลูบผมลูกชายด้วยท่าทางหมั่นไส้เต็มขั้น"แต่งได้ก็เลิกได้คิดว่าโรแมนติกมากมั้งถ่อมาไกลถึงทะเลลมก็แรงมีแต่กลิ่นเกลือใครมันเป็นคนเลือกสถาณที่เนี่ย สิ้นคิดชะมัด" แมนบ่นอุบสะบัดหน้าให้หลุดพ้นเงื้อมมือพ่อของลูก"พี่วันไงพี่วันชอบทะเล" ทูถือไอติมยื่นให้แม่กับพ่อพลางตอบคำถามตัวแม่ แมนหุบปากฉับย่นจมูกอย่างขัดใจแต่แอบเนียนงับไอศกรีมผัวเพราะอยากชิม"อ้าวไม่ใช่หมอนั่นเลือกเรอะ""เรียกลูกเขยให้มันเหมือนชาวบ้านหน่อย""เช๊อะ...ทะเลก็สวยดีดูพระอาทิตย์ตกดินนั่นสิ""เปลี่ยนสีเป็นกิ้งก่าเลยนะ" ดีว่าให้เมียตัวร้ายที่เดินไปสมทบกับปู่ย่าตายายเพื่อหาเหล้าฟรีดื่มแสงสุดท้ายของวันทอดตัวเหนือผิวน้ำ กลืนเข้ากับท้องฟ้าสีทองอ่อนจนแทบมองไม่ออกว่าทะเลเริ่มตรงที่ใดลมเย็นพัดผ่านกลิ่นเค็มจาง ๆ กับกลิ่นดอกลิลลี่ขาวที่ประดับเรียงรายตลอดทางเดิน ผืนผ้าสีงาช้างพลิ้วเบาอยู่เหนือพื้นทราย ทุกอย่างดูเรียบหรูมีรสนิยมบ่งบอกตัวตนความเป็นคนรวยของทั้งสองตระกูลได้เป็นอย่างดีเสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งเป็นจังหวะ
วันนี้ตัวแม่หมกมุ่นอย่างหนักกับคำว่ารักของลูกเขย เหมือนคนขี้อิจฉาผสมปนเปกับความไร้เดียงสาบวกกับความร้ายเดียงสาของแมนทำให้คนดีถามเมียขึ้น “มึงอายุเท่าไหร่นะไอ้แมน” “เอ่อ..น้องวันอายุเท่าไหร่น้า อ่าา..อื้มม?” เมียไม่เคยจำอะไรเกี่ยวกับตัวเลขได้ ไม่ว่าจะเลขอะไรยิ่งมีลูกเยอะก็จำวันเกิดสลับมั่วไปหมดแทบจะเป่าเค้กทุกเดือน “มึงแก่แล้ว” “เออแล้วไงตูดแก่ๆ จะมาเอาอะไรกับกู” “วุ่นวายไปหมดตั้งแต่เด็กยันแก่ กูไม่รู้ รักไหมไม่รู้แต่จะเอาถอดกางเกงเดี๋ยวนี้!” “เจ้าเซเว่นอายุเท่าไหร่นะ?” “ถามทำไมอี้กมึงเป็นโรคความจำเสื่อมเร๊อะ!” “ก็กูสงสัยไอ้เด็กนั่นมันพูดออกมาด้วยความรู้สึกแบบไหน มันรู้สึกยังไงตอนพูดออกมา มันพูดจริงไหมหรือโกหกเก่ง แต่น้องวันบอกว่ามันดี โอยปวดหัว” “ทีเรื่องตัวเองไม่เห็นมึงจะคิดอะไรท้อง..แพ้ท้อง..แม่ด่า..พ่อไม่คุยด้วยไม่เห็นมึงจะเป็นอะไร” “ลูกรักของข้า น้องวันของข้า มหาสมบัติของข้า” “มึงบ้าไปแล้วไอ้แมน” “มึงสิบ้ากามถอดกางเกงกู” “สาดน้ำใส่สักทีสองทีมึงก็กลับมาร่าเริงเหมือนคนบ้าได้แล้ว” “กูไม่มีแรงมึงตอกมาเลยกูรับบทคนโดนข่มขืนเอง” “เอาหมอนปิดหน้ามึงไว้ได้มั้ยไม่อยากฟังมึงบ่
ตึกดึกคืนนั้น เงาดำตะคุ่มๆ คืบคลานเข้ามายังหน้าห้องหนึ่งซึ่งปิดป้ายเตือนไว้ยาวเหยียด ห้องที่ชื่อ Daddy ฝรั่งจ๋ามาแต่ไกล บรรทัดต่อมาเตือนว่าให้เคาะห้องตามลำดับการเกิดพ่อจะได้รู้ว่าใครจะมาหาเรื่องอะไร คนที่รู้ว่าลูกแต่ละคนจะมีเรื่องคุยแบบไหนมาหาเพราะอะไรนี่มันช่างเป็นสุดยอดคุณพ่อเสียจริง แต่ร่างตรงหน้าประตูไม่ได้เคาะมันแต่อย่างใดกลับบิดเปิดเข้ามาแผ่วเบาคืบคลานขึ้นมาบนเตียงกว้างคลานคล่อมร่างกำยำไร้อาภรช่วงบนปกปิดอวดกล้ามเนื้อแน่นหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คุณพ่อเพียงหนึ่งเดียวในบ้านนอนหลับสนิทโดยไม่รู้เลยว่ามีภัยคุกคาามคืบคลานคล่อมร่างตนเองและจ้องเขม็งมายังวงหน้าหล่อเหลายามนิทรา สิ่งนั้นเปล่งเสียงท่ามกลางความมืดออกมาว่า! “ไอ้ดี” “..ว่า” ไม่ต้องลืมตาขึ้นมามองก็รู้ว่าใครที่เข้ามาห้องคนอื่นโดยพละการคลานขึ้นเตียงมาตัวขาวโพลน คนที่ไร้มารยาทที่สุดในบ้านและคาดหวังว่ามันจะดีไปกว่านี้ไม่ได้ อีเมียตัวดี “มึงรักกูมั้ย?” คำถามที่มาพร้อมความรู้สึกหยาบกร้านแสบสันไร้ความอ่อนโยนเหมือนกระดาษทรายเบอร์ 88 ทำเอาคนตัวโตขนลุกซู่จนต้องท้าวแขนผงกตัวขึ้นมาเปิดไฟหัวเตียงด้วยใบหน้านิ่งสนิทหรี่ตามองคนร่างควาย
ตอนแนะนำตัวกับครอบครัววันครั้งแรก ดีกันคิดว่าคงเป็นแค่ทักทายธรรมดาแต่ไม่… มันคือการเจอกองทัพทั้งเจ็ด…อย่างกับสโนว์ไวท์แน่ะเขายืนหน้าประตูบ้าน ยิ้มสุภาพเหมือนคนดูมีมารยาท ทันใดนั้น ฝูงน้อง ๆ ก็กรูเข้ามาเหมือนเจอดารา“สวัสดีพี่ดีกัน!”“หวัดดีพี่ดีกัน!”“หวัดดีจ้าพี่ดี~!”“เฮลโหลวพี่กันดี เอ้ย ดีกัน!”“ไงพี่กัน!”“โย่วพี่ดีกัน!”เสียงทักดังรัวเหมือนยิงปืนกล“สวัสดีน้องๆ”ใช่ครับแฟนผมมีน้องพ่อแม่เดียวกันมากถึงหกคนรวมแฟนผมเป็นเจ็ดคน…เขากวาดตามองแถวเด็กที่ยืนเป็นระบบระเบียบกว่าทหารเกณฑ์ลูกดกขนาดนี้นี่คือบ้านหรือเครื่องถ่ายเอกสาร?“ลูกดกมาก…” ดีกันกระแอมห่างกันปี สองปี สามปี สูงไล่เลี่ยกันหมด…หน้าตาดีทั้งบ้าน เพราะพ่อแม่หน้าตาดีมากด้วย“ใครให้อินดีกว่านี้มั้ย…ตั้งใจปั๊มลูกอย่างมีระบบมากเลยนี่นา~”น้องซิกยกมือทันที “พ่อบอกว่าอยากครบสิบ!!”ดีกันช็อกจนแทบหยุดหายใจวันตบบ่าเขาเบา ๆดีกันหันมองคนข้างตัวช้า ๆ“…วันอยากมีลูกกับฉันแบบนี้ไหม”วันชะงักเแต่น้องๆ หัวเราะกร๊าก"อยู่บ้านกันหมดเลยเหรอ" ดีกันกวาดตามองรอบบ้านใหญ่ที่เต็มไปด้วยรองเท้ากองหน้าประตู เหมือนทุกคนในจังหวัดนัดกันมาที่นี่"ช่าย นี่
(วัน) หลายปีผ่านไปครอบครัวของผมใหญ่ขึ้นเพราะน้องๆ โตขึ้นเรียนชั้นสูงขึ้นแยกย้ายกันเรียนในสายที่ชอบแต่ไม่ไกลบ้านนัก ผมอยู่คอนโดลำพัง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ลำพังเสียทีเดียว ก็คุณแมนไปอ้อนคุณยายให้ซื้ออีกห้องชั้นล่างสุดน่ะสิไม่รู้มีแผนอะไรชอบไปตีสนิทกับยามและแม่บ้าน ก็คงเล่นเป็นสายลับเหมือนเดิมเกิดเป็นลูกคนอย่างพ่อกับแม่ไม่ง่ายเลยนะเหมือนเป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกัน หลายครั้งก็อยากจะดุด่าให้สำนึกจริงจังสักทีว่าทำไมไม่ใช้ชีวิตให้ดีกว่านี้ แต่พอโตขึ้นก็นึกขอบคุณที่เขาไม่ตามกระแสยังคงความเป็นตัวของตัวเองแบบมนุษย์ที่มีความแตกต่างได้แทบจะร้อยเปอร์เซ็นที่รู้สึกแบบนั้นเพราะส่วนหนึ่งเห็นครอบครัวคนรักอย่างดีกันเคร่งครัดกับการใช้ชีวิตมากไปหน่อย ยามอยู่ห่างกันคนตัวโตทำท่าจะเป็นจะตายเพราะงานที่บ้านชวนให้อึดอัด พอกลับมาเจอก็อ้อนอยากกอดตลอดเวลาเหมือนเด็กๆ ทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นบ้านให้ดีกันคอยพักพิงไปเสียแล้ว“เหนื่อยจังไม่อยากทำงานแล้ว”คนตัวสูงรูดเนคไทออกจากลำคอแกร่ง นักบาสคนเก่งกลายร่างเป็นนนักธุรกิจหนุ่มขึ้นทุกวัน ใกล้เรียนจบมหาวิทยาลัยเพื่อนคนอื่นมีแพลนเรียนต่อต่างประเทศเริ่มธุรกิจอย่างที่อยากทำ
เสียงวันสวนกลับทันที พ่อแม่เงียบไปสามวินาทีก่อนระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกัน“อู้วว เสียดสีเหลือเกิ๊น” แมนยกมือกุมอกแสร้งทำสีหน้าเจ็บปวดพลางเอนพิงโซฟา “ไปนอนด้วยได้มั้ย เดี๋ยวเหงา”“ไม่เอาอ้ะ” วันพูดเสียงเนือยตัดบททันควัน “ให้อยู่กับคุณ เอาน้องห้าคนไปอยู่ด้วยดีกว่า”“อะไรอ้ะ~” แม่ทำเสียงสูงทันที ส่วนเจ้าแฝดเริ่มหัวเราะคิกคัก“ผมไปอาบน้ำนอนละ อย่าเสียงดังนะ เดี๋ยวน้องเลียนแบบ” วันพูดก่อนเดินขึ้นห้องไป“อะไรอ้าาาา~”เสียงแม่แมนลากยาวตามหลัง ส่วนพ่อดีก็หัวเราะหึในลำคอเบา ๆ เหมือนจะบอกว่าบ้านนี้…เงียบได้สักวันคงปาฏิหาริย์แล้วล่ะ“มึงดูลูกสิ”แมนทำหน้ายู่ชี้นิ้วไปทางห้องลูกชายคนโตแตสามีเพียงยิ้มให้พลางเทน้ำส้มลงแก้ววางลงตรงหน้าคนท้อง “ดูทำไม ลูกจะเรียนจบมอหกแล้ว โตมาอย่างมีคุณภาพ อาจจะกดดันตัวเองมากไปหน่อย แต่ก็ผ่านมาได้โดยไม่ทะเลาะกัน”“ใครจะกล้าทะเลาะด้วยวะ ดุจะตาย” แม่แมนหัวเราะในลำคอ นึกถึงสายตาคม ๆ ของลูกชายที่เหมือนแม่ตัวเองไม่มีผิดดีหัวเราะเบา ๆ “ดีจริง ๆ มีลูกคนแรกมากำราบความดื้อด้านของตัวเองอีกที”“นี่กูคิดถูกไหมเนี่ย ที่ปล่อยให้มีลูกมากขนาดนี้” แมนพูดพร้อมยกแก้วน้ำส้มขึ้นจิบเหล







