บริษัทของศิลาเติบโตอย่างมั่นคงและขยายใหญ่ขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยทีมพนักงานที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้ศิลาไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัททุกวันเหมือนเมื่อก่อน เขาสามารถบริหารจัดการงานส่วนใหญ่ผ่านระบบออนไลน์ได้จากที่บ้านในหมู่บ้านจัดสรรอันเงียบสงบแห่งนี้
เย็นวันพุธพระอาทิตย์กำลังใกล้จะตกดิน ศิลาอยู่ในชุดลำลองสบายๆ กำลังรดน้ำต้นไม้อย่างใจเย็นที่สวนหน้าบ้าน เขาถือสายยางฉีดน้ำไปตามกระถางต้นไม้เล็กใหญ่ที่เรียงรายอยู่รอบๆ ใบหน้าคมคายของเขายังคงนิ่งเรียบดูผ่อนคลายกว่าทุกวัน
“สวัสดีค่ะอาศิลา ทำอะไรอยู่คะ” เสียงหวานใสทักทายขึ้นจากรั้วบ้านที่สูงเพียงแค่หนึ่งเมตร
“สวัสดียี่หวา อากำลังรดน้ำต้นไม้ ยี่หวาเพิ่งกลับมาเหรอ” ศิลาตอบรับด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินมาใกล้
“ค่ะ” ปณาลีตอบสั้นๆ ก่อนจะยกมือที่ถือถุงพะรุงพะรังเต็มสองมือขึ้นมาให้เขาดู
“แล้วนั่นถืออะไรมาเยอะแยะล่ะ ไปทำงานไปช้อปปิ้งกันแน่ล่ะ ถึงได้ซื้อของมาเยอะแยะขนาดนี้” ศิลาถามแล้วหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นว่าเธออยู่ในชุดยูนิฟอร์มทำงาน แต่ในมือกลับมีถุงใส่ของเต็มไปหมด
“ทั้งสองอย่างค่ะ ไปทำงานด้วยพอเลิกงานก็แวะซื้อของด้วยค่ะ ของในตู้หมดไปเยอะเลย ก็เลยซื้อวัตถุดิบมาเพิ่มหน่อย ถ้าอาศิลาไม่มีธุระไปไหนก็มาทานข้าวด้วยกันไหมคะ” ปณาลีตอบด้วยน้ำเสียงสดใสและรอยยิ้มกว้างที่ดูมีชีวิตชีวา
“จะดีเหรอ” ศิลาถามด้วยท่าทีเกรงใจเล็กน้อย
“ดีสิคะ มาทานด้วยกันนะคะ หกโมงครึ่งเวลาเดิมค่ะ” ปณาลีตอบรับอย่างรวดเร็วด้วยความยินดีที่เขาจะมาร่วมมื้ออาหารด้วย
“วันนี้ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษเลยนะ มีอะไรดีหรือเปล่า” ศิลาอดถามไม่ได้ ท่าทางอารมณ์ดีของเธอทำให้ศิลารู้สึกดีตามไปด้วย
“เปล่าค่ะ ยี่หวาขอไปทำอาหารก่อนนะคะ” ปณาลีส่ายหน้าแต่ก็ยังคงซ่อนรอยยิ้มไม่มิด
“ขอบใจนะ เดี๋ยวอาจะตามไป ให้อาช่วยอะไรไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ ยี่หวาจะเปิดประตูรั้วไว้นะคะอาศิลาเข้ามาได้เลยไม่ต้องกดออดค่ะ” ปณาลียิ้มก่อนจะเดินกลับไปทางประตูรั้วเปิดมันทิ้งไว้ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน
“ได้ แล้วเจอกันนะ”
ศิลาล้างมือและเดินกลับเข้าไปในบ้านด้วยหัวใจที่อบอุ่น เขารู้สึกดีใจที่ได้มาร่วมทานอาหารกับสองพี่น้องอีกครั้ง
เมื่อถึงเวลาทานอาหาร ศิลาก็เดินเข้าไปในบ้านตามคำเชิญ เมื่อไปถึงก็เห็นสองพี่น้องกำลังช่วยกันจัดโต๊ะอาหารและคุยหยอกล้อกันอย่างเป็นธรรมชาติ บรรยากาศภายในบ้านของสองพี่น้องยังคงอบอุ่นและเป็นกันเองเหมือนเดิม
“อาศิลามาแล้ว สวัสดีครับ” ปณวัฒน์ที่ทักทายอย่างร่าเริง
“หอมมากเลยนะยี่หวา” ศิลาเอ่ยชมพลางนั่งลงที่เก้าอี้
“วันนี้มีแกงเขียวหวาน ปลาทับทิมทอดแล้วก็ผัดผักรวมค่ะ”
ทั้งสามคนเริ่มทานอาหารด้วยกันอย่างมีความสุข บรรยากาศเงียบไปชั่วขณะก่อนที่ปณวัฒน์จะเริ่มชวนคุย
“พี่ยี่หวา วันนี้อารมณ์ดีจังเลย มีอะไรดีหรือเปล่า” ปณวัฒน์แกล้งแซวพี่สาว
“ไม่มีอะไรสักหน่อย” ปณาลีหน้าแดงทันทีเมื่อถูกแซว เธอมองไปที่ศิลาแล้วก็รีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“ไม่จริงอ่ะ ผมว่าต้องมีอะไรแน่ๆ” ปณวัฒน์ไม่เชื่อ
“ปัณ กินข้าวไปเลย” ปณาลีปรามเสียงดุ
“โอ๋ๆๆ ไม่แกล้งก็ได้ แต่ผมเดานะ ผมคิดว่าที่พี่อารมณ์ดีแบบนี้ต้องเพราะพี่นนท์ต้องขอแต่งงานแล้วแน่ๆ เลย” ปณวัฒน์หัวเราะ
คำพูดของปณวัฒน์ทำให้ปณาลีชะงักไป เพราะไม่คิดว่าน้องชายจะเดาออก เธอเหลือบไปมองศิลาอย่างเกรงใจเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว
“ปัณ” เธอพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อยแล้วหันไปทำตาเขียวใส่น้องชาย
“อะไรเล่า ผมพูดความจริงนะพี่นนท์เขาต้องขอแต่งงานแน่ๆ เลย ถ้าพี่นนท์ขอพี่ยี่หวาแต่งงานจริงๆ ผมว่าพี่อย่าเพิ่งตอบตกลงนะครับ”
“ปัณ พูดอะไรเนี่ย พี่” ปณาลีห้ามอย่างร้อนรน ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความอาย
“ทำไมถึงห้ามพี่สาวล่ะปัณ” ศิลาถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“ก็พี่นนท์เขาทำงานอยู่สำนักงานใหญ่ในเมือง ผมว่าพี่ยี่หวาต้องแน่ใจก่อนว่าเขาไม่ได้แอบซ่อนใครไว้เพราะทำงานกันคนละที่ ผมจะตามสืบเรื่องนี้เองครับ เพราะมหาวิทยาลัยของผมอยู่ใกล้กับสำนักงานใหญ่ ผมจะให้เพื่อนๆ ช่วยผมด้วย”
“อย่าทำตัวไร้สาระน่า พี่ว่าเรื่องนี้เราคุยกันทีหลังดีไหมเกรงใจอาศิลานะ” ปณาลีปรามเสียงดังขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอกยี่หวา ไม่ต้องเกรงใจอา ให้คิดว่าอาเป็นคนในครอบครัวก็ได้ มีอะไรปรึกษาอาได้ตลอด” ศิลาบอกด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและจริงใจ
“เห็นไหมล่ะอาศิลายังไม่ว่าอะไรเลย อาศิลาครับถ้าอาเห็นผมเป็นคนในครอบครัวจริงผมอยากถามอะไรอาหน่อยได้ไหมครับ”
“ถามมาเลย”
“อาอายุขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังไม่แต่งงานอีกครับ”
คำถามตรงไปตรงมาของปณวัฒน์ทำให้ปณาลีถึงกับสำลักน้ำ
“ปัณเสียมารยาทไปถามอาศิลาแบบนั้นได้ยังไง”
“ไม่เป็นไรยี่หวา” เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวของตัวเองด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“อาเคยแต่งงานแล้ว” ศิลาเริ่มเล่า
ปณาลีและปณวัฒน์ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจและนั่งฟังต่ออย่างตั้งใจ
“อากับภรรยาเก่าคบกันมานานหลายปี ก่อนจะตัดสินใจแต่งงานกัน”
ปณาลีกับปณวัฒน์ถึงกับอึ้งไปกับสิ่งที่ได้ยิน
“อาศิลาไม่ต้องเล่าก็ได้นะคะ”
“ไม่เป็นไรอาอยากเล่าให้เราสองคนฟังคร่าวๆ ว่าอาเคยมีครอบครัวมาแล้ว”
“เพิ่งหย่าเหรอคะ”
“เปล่าหรอกอาหย่ามานานสองปีแล้ว ตอนนี้ทำได้ใจและบริษัทเริ่มเข้าที่ก็เลยย้ายมาอยู่ที่นี่เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่”
“ผมขอโทษนะครับอาศิลา” ปณวัฒน์บอกด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรหรอกมันก็เป็นเรื่องราวที่ผ่านมานานแล้ว ที่อาอยากเล่าก็แค่อยากจะบอกว่าก่อนตัดสินใจทำอะไรต้องคิดให้ถี่ถ้วน บางทีเวลาที่คบกันก็ไม่การันตีว่าจะทำให้การแต่งงานมีความสุข การแต่งงานและใช้ชีวิตคู่ไม่ได้มีความรักเพียงอย่างเดียว แต่มันต้องมีความไว้ใจเชื่อใจและความซื่อสัตย์ด้วย” ศิลาเตือนอย่างคนมีประสบการณ์
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบลงทันทีหลังจากที่ศิลาเล่าเรื่องของเขาจบ ปณาลีมองหน้าศิลาด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าภายใต้ใบหน้าที่ดูเย็นชานั้นซ่อนความเจ็บปวดไว้มากมายเพียงใด
“ขอบคุณนะคะที่ให้แง่คิด ยี่หวาเชื่อว่าเดี๋ยวอาก็เจอคนใหม่ที่คู่ควรกับคุณอาจริงๆ” ปณาลีบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความจริงใจ
ศิลาหันมามองหน้าเธอและยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น รอยยิ้มนั้นทำให้หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะหนึ่ง
“แต่อาว่าอยู่แบบนี้ก็มีความสุขแล้วนะ อาคงไม่แต่งงานอีกแล้ว”
“แต่อาครับอาจะเหงานะ ถ้าต้องอยู่คนเดียวไปตลอด”
“แต่แบบนี้อาก็มีความสุขดีนะ อาชอบความเป็นอิสระ” ศิลาปิดตายหัวใจและคิดว่าความรักก็แค่เกมเกมหนึ่งเท่านั้น
เสียงเปิดประตูทำให้ศิลาลืมตาตื่น เขาเห็นแผ่นหลังของปณาลีที่ดูรีบร้อนออกจากห้องไปแต่ก็ไม่คิดจะเรียกหรือรั้งเธอไว้เพราะตอนนี้เขายังสับสนกับความรู้สึกของตัวเองและก็คิดว่าปณาลีก็คงไม่ต่างกัน ถ้าอย่างนั้นเธอคงไม่รีบร้อนไปจากเขาตั้งแต่เช้าทั้งที่เพิ่งนอนไปได้แค่สองชั่วโมงเท่านั้นความทรงจำของเมื่อคืนระหว่างเขากับปณาลีมันชัดเจนมาก ความสุขสมที่ได้รับมันสุขล้นอยู่ในความรู้สึก ศิลาแทบจะลืมไปว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้ ไม่เคยมีใครที่ทำให้เขาคลั่งได้มากเท่านี้ ไม่เคยมีใครที่ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นคนที่มีชีวิตชีวาอีกครั้งจากได้รับสถานะพ่อหม้ายมานานถึงสองปีกว่าศิลานึกถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอและเขาที่แนบชิด ความรู้สึกนี้มันดีเกินกว่าที่เขาจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ พ่อหม้ายหนุ่มนอนนิ่งๆ บนเตียง ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างใช้ความคิด กำลังสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง“ทำไมต้องรู้สึกแบบนี้กับเธอด้วยนะยี่หวา” เขาบ่นกับตัวเอง เสียงหงุดหงิดเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจเมื่อคืนศิลายอมรับว่าตัวเองมีความสุขมาก และตอนนี้ก็ยังรู้สึกดีอย่างประหลาด การได้นอนกอดเธอแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกเหมือนมีคนคอยอยู่เคียง
ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามหากแต่เขาใช้มือประคองใบหน้าเธอแล้วริมฝีปากหยักก็ก้มลงมามอบจูบที่เร่าร้อนเติมไฟพิศวาสของทั้งสองโหมกระหน่ำอีกครั้ง ศิลาจูบนานก่อนจะลากปลายลิ้นมาดูดดุนยอดถันที่เขาดูดกินแล้วหลงใหลอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน มันชูชันสู้ลิ้นอย่างที่เขาชอบ“ยี่หวาหวานไปทั้งตัว”เสียงแหบพร่ากระซิบข้างใบหูก่อนจะขบเม้มเบาๆ แล้วลากปลายลิ้นไปตามซอกคอระหงสูดดมกลิ่นกายที่หอมยั่วยวน“อื้อ....อาศิลา”หญิงสาวแอ่นโค้งไปตามแรงดูดดุนของปากร้อน ตอนนี้เธอรู้สึกว่าร่างกายของตนเองกำลังมีความต้องการอยากให้เขาเข้ามาในตัวเธออีกครั้งแต่ไม่รู้จะบอกเขายังไงไม่ให้ดูน่าเกลียด เธอกำลังจมอยู่กับตัณหาปณาลีที่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะมีความต้องการมากมายขนาดนี้ แม้จะแตะขอบสวรรค์ไปแล้วแต่ร่างกายยังร้อนรุ่ม หญิงสาวโทษว่าเพราะเหล้าดีกรีแรงที่ดื่มเข้าไป มันไม่ใช่ตัวตนของเธอเลยสักนิดหญิงริมฝีปากอิ่มแลกจูบอย่างเร่าร้อนและดูดดื่มไปตามอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง เธอจึงเบียดกายเข้าหาเพื่อรอคอยการเติมเต็มของพ่อหม้ายหนุ่มอีกครั้ง“ยี่หวาอาขอสดได้ไหม”เขายืดตัวขึ้นมากระซิบข้างหูและมองหน้าเธออย่างวิงวอน ตาคมจ้องอย่างรอคอยคำตอบเพร
ศิลามองร่างที่หอบเหนื่อยอยู่บนเตียงในห้องนอนที่เขายังไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมานอนแล้วเขาก็ยิ้ม ในเมื่อเธอเองก็ยินยอมและเขาเองก็เป็นชายชาตรีก็คงไม่อาจจะปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านไปโดยไม่ทำอะไรอย่างแน่นอนชายหนุ่มรีบจัดการกับชุดของตนแล้วคร่อมทับลงมาบนร่างหญิงสาวอีกครั้ง ปณาลีมองศิลาด้วยสายตาหวานเชื่อม ความเมาทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่กล้ามากขึ้น หญิงสาวเอื้อมมือลากไล้ไปตามกล้ามหน้าท้องของเขาอย่างแผ่วเบา“อ่า....ยี่หวา”เขาครางแหบพร่าเมื่อมือนุ่มลากไปตามกล้ามท้อง มันกระตุ้นให้เขาไม่อยากจะรอเวลาอีกต่อไป ชายหนุ่มจูบไปยังเรียวปากอิ่มสีสวย สอดปลายลิ้นหยอกล้อเป็นพัลวันหญิงสาวจูบตอบแม้จะยังไม่เก่งแต่ก็ทำให้เขารู้สึกดี จูบหวานเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนจนปณาลีแทบหลอมละลายศิลาเปิดลิ้นชักที่หัวเตียงควานหาถุงยางอนามัยที่ซื้อมาติดไว้แต่ยังไม่เคยได้เอาออกมาใช้เพราะนี่เป็นครั้งที่เขานอนกับผู้หญิงที่นี่ เขารีบสวมลงบนแก่นกายที่ร้อนระอุจากนั้นแยกเรียวขาของหญิงสาวให้กว้างมากขึ้นกว่าเดิมริมฝีปากร้อนพรมจูบ ฝ่ามือฟอนเฟ้นหน้าอกอวบกนะตุ้นให้เธอเสียวซ่าน ส่วนมือข้างที่เหลือก็จับท่อนเอ็นร้อนลากขึ้นลงกลางกลีบสวยให้น้ำหวานช
คำตอบของปณาลีทำให้ศิลาต้องพยายามคุมสติของตนเองอย่างที่สุด เขามองลึกลงไปในดวงตาที่แดงก่ำและเห็นความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ภายใน ชายหนุ่มเข้าใจถึงความรู้สึกที่อยากจะหลีกหนีจากความเป็นจริงเพราะเขาเองก็เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน อยากจะทำอะไรก็ได้เพื่อให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้น“อาอยากให้เราคิดให้ดีก่อนนะ” ศิลาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเขาไม่อยากใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอของเธอ“ยี่หวาคิดดีแล้วค่ะ อาศิลาไม่รังเกียจยี่หวาใช่ไหมคะ” เธอถามพลางมองหน้าเขาสายตาเต็มไปด้วยความน้อยใจ หญิงสาวกำลังคิดว่าใครๆ ก็รังเกียจและพากันทิ้งเธอไปศิลามองปณาลีในตอนนี้ดูสวยและเย้ายวนมากในชุดเกาะอกแดงรัดรูปที่ขับผิวขาวเนียนและปากอวบอิ่มสีแดงของเธอแล้วแอบกลืนน้ำลาย“ถ้ารังเกียจอาคงไม่พายี่หวามาที่นี่หรอกนะ” ศิลาตอบด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าปณาลียิ้มก่อนจะดึงเขาเข้ามาใกล้และจูบลงบนริมฝีปากของเขาอย่างแผ่วเบา ศิลาตกใจเพราะไม่คิดว่าปณาลีจะทำแบบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ผลักไสเธอออกไป เขาจูบตอบเธออย่างนุ่มนวลก่อนที่ความร้อนแรงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามความต้องการของร่างกายศิลากอดเธอไว้แน่นและจูบเธออย่างดูดดื่ม ปณาลีตอบสนองเขาอย่างไม่ประสาแต่ก็เต็มไป
ศิลาพาปณาลีมาที่บ้านของตนเองแต่กว่าจะพาเธอเดินมาถึงก็เล่นเอาแทบแย่เพราะเธอเดินไปข้างหน้าสองก้าวแล้วก็ถอยหลังอีกสามก้าวจนสุดท้ายเขาต้องประคองและแทบจะลากเธอเข้ามาด้านในชายหนุ่มพาเธอมานั่งที่ห้องรับแขกและหาไวน์ให้เธอดื่มเพราะถ้าให้ดื่มวิสกี้อย่างที่เขาชอบเธอก็คงจะแย่ไปกว่าที่เห็น“อร่อย” หญิงสาวจิบไวน์แล้วยิ้มตาเยิ้มทั้งเมาและพอใจกับรสชาติที่หอมหวานของไวน์ราคาแพง“ยี่หวาบอกอาได้ไหมว่าทำไมถึงกินเหล้าหนักขนาดนี้ ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า” ศิลาถามพลางมองใบหน้าหวานที่ตอนนี้แดงก่ำเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์“เปล่าสักหน่อยก็แค่อยากเมา” เธอเถียงก่อนจะดื่มไวน์ไปทีเดียวหมดแล้วแล้วทำท่าจะหยิบขวดไวน์มารินอีก“ไหนบอกว่าจะกินอีกแค่นิดเดียว” ศิลาถามพลางเลื่อนขวดไวน์ออกห่างจากมือเธอ“อาศิลาอย่างกได้ไหมของอร่อยก็ขอกินเยอะหน่อย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเหมือนเด็กน้อย ใบหน้าของเธอตอนนี้ดูดื้อรั้นจนศิลาใจอ่อน“เอางั้นก็ได้ แต่ต้องเล่าให้อาฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เขาพูดแล้วเดินขึ้นไปบนห้องนอนก่อนจะรีบวิ่งกลับลงมาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กให้เธอเช็ดหน้า“อยากฟังเหรอคะ”“อยากฟังสิ เช็ดหน้าหน่อยจะได้สดชื่นและมีสติเล่าให้อา
ในขณะที่ปณาลีกำลังดื่มเหล้าอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง สายตาคู่หนึ่งก็มองด้วยความประหลาดใจและอดแปลกใจไม่ได้ว่าจะมาเจอกับเธอที่นี่ วันนี้ปณาลีดูสวยเซ็กซี่และโดดเด่นจนหลายคนในผับต่างมองไปที่เธอรวมถึงเขาและเพื่อนอีกสองคน“ผู้หญิงคนนั้นเป็นไงล่ะ สวยพอที่นายจะจัดการกับความเหงาของนายได้ไหมล่ะ” จิรกิตต์ถามพลางพยักหน้าไปทางหญิงสาวในชุดเกาะอกสีแดงเพลิงที่เห็นว่าศิลาจ้องเธออยู่นาน“ไม่ดีกว่าเดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติด” ถึงแม้จะสนใจในตัวเธอมากแต่เขาก็ไม่อยากจะเสียเพื่อนบ้านที่ดีอย่างปณาลีไป“คนรู้จักเหรอ แต่นั่นมันสเปกนายเลย” ธีรวัฒน์แปลกใจเพราะผู้หญิงคนนั้นตรงกับสเปกของศิลามาก ตัวเล็กผิวขาวและที่สำคัญหุ่นของเธอก็ดีมากๆ ด้วย“เธอเป็นเพื่อนบ้าน”“แบบนี้ฉันว่าไม่ดีนะ เพราะถ้าคิดจะแค่วันไนท์ฯ คงต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน ไม่ใช่ว่าตอนแรกบอกว่าวันไนท์ฯแต่พอนอนด้วยกันแล้วอยากให้รับผิดชอบขึ้นมานายจะซวยเอานะ” จิรกิตต์ด้วยความหวังดี“อือ ฉันก็ไม่คิดจะนอนกับเธอหรอก ยี่หวาเป็นเพื่อนบ้านที่ดี เธอน่ารักทำอาหารอร่อยมากด้วย”“แต่นายจ้องเธอนานแล้วนะ”“ก็แค่เป็นห่วงเห็นมากันแต่ผู้หญิงแล้วก็ท่าทางจะเมามากด้วย” เขาไม่เคย