แล้ววันเสาร์ที่ปณาลีรอคอยมาตลอดทั้งสัปดาห์ก็มาถึง หญิงสาวตื่นนอนแต่เช้าทำอาหารให้น้องชายอย่างเคย ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใสจนปณวัฒน์สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ
“ผมว่ามันต้องมีอะไรดีแน่ๆ พี่ถึงอารมณ์ดีตลอดทั้งสัปดาห์” ปณวัฒน์พูดพลางมองหน้าพี่สาวด้วยความสงสัยเพราะปกติพี่สาวของเขาบางครั้งก็จะทำหน้าเครียดเพราะงานที่เธอทำนั้นต้องอาศัยความละเอียดและรอบคอบมาก
“ไม่มีอะไรหรอกน่า”
“พี่ยี่หวาครับ บอกผมมาเถอะน่า พี่นนท์ขอพี่แต่งงานแล้วใช่ไหม” ปณวัฒน์ยังคงเซ้าซี้
“ยังหรอก แต่วันนี้เขานัดพี่ไปกินข้าว” ปณาลีตอบด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“ก็แค่นัดไปกินข้าวเองไม่เห็นจะต้องดีใจขนาดนั้น” เขามองพี่สาวอย่างไม่เข้าใจ
“แต่มันก็ไม่แน่นะว่าเขาจะมีอะไรเซอร์ไพรส์หรือเปล่า เพื่อนพี่บอกว่าเขาไปซื้อแหวนแต่งงานแล้ววันนี้เขาก็นัดพี่ไปที่ร้านเดิมที่เขาเคยขอพี่เป็นแฟน” ในที่สุดปณาลีก็บอกน้องชายถึงเหตุผลที่เธออารมณ์ดีมาตลอดหลายวัน
“พี่จะตอบตกลงเหรอ” ปณวัฒน์มองหน้าพี่สาวและถามออกมาอย่างจริงจัง
“พี่ว่ามันถึงเวลาแล้วนะ พี่กับพี่นนท์ก็คบกันมานานแล้ว”
“แต่เมื่อวันก่อนอาศิลาก็บอกว่าเรื่องเวลามันก็แค่ส่วนหนึ่งมันยังมีอีกหลายเรื่อง”
“มันก็ใช่แต่พี่คิดว่าเรื่องของพี่ไม่เหมือนเรื่องของอาศิลาหรอกนะ”
“พี่มั่นใจแล้วใช่ไหมว่าจะไม่เจอคนที่ดีกว่านี้”
“อือ พี่มั่นใจนะ พี่นนท์เขาเป็นผู้ชายที่นิสัยดี ตั้งใจทำงาน ไม่เจ้าชู้และที่สำคัญเขาเป็นรักแรกของพี่ ถ้าไม่แต่งงานกับพี่นนท์พี่ก็นึกไม่ออกเลยว่าจะแต่งงานกับใคร” ปณาลีตอบน้องชายด้วยความมั่นใจ เธอรักผู้ชายคนนี้มากและคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เขากับเธอจะได้ใช้ชีวิตด้วยกันหลังจากที่คบหากันมานานเกือบจะสามปีแล้ว
“ถ้าพี่ตัดสินใจแล้วผมก็ไม่ห้ามหรอกนะ ขอให้วันนี้เป็นอีกวันที่มีความสุขก็แล้วกัน”
“ขอบใจจ้ะน้องชาย”
“แล้วพี่จะไปยังไงล่ะ พี่นนท์เขาจะมารับพี่หรือเปล่า”
“เขาจะมารับพี่ที่นี่หกโมง ปัณจะออกไปไหนหรือเปล่า รอเจอพี่เขาก่อนไหมจะได้ถามเรื่องคอมพิวเตอร์ด้วยนะ”
“ไม่ละวันนี้ผมว่าจะไปดูหอพักกับ ส่วนเรื่องคอมพิวเตอร์ผมคุยกับอาศิลาแล้วล่ะ เดี๋ยวอาศิลาจะดูราคาให้”
“ถ้าพี่นนท์มารับพี่งั้นผมขอยืมรถไปหน่อยได้ไหมครับพี่ยี่หวา” ปณวัฒน์พูดพร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอน
“เอาไปสิ แต่ขับดีๆ นะอย่าไปชนใครเขาล่ะแล้วก็อย่ากลับดึกนะ” ปณาลีตอบอย่างใจดีพลางยื่นกุญแจรถให้
“ขอบคุณครับพี่ คืนนี้ผมว่าจะไม่กลับมานะที่นี่นะผมจะนอนที่บ้านเพื่อนถ้าพี่จะพาพี่นนท์มาค้างที่นี่ผมก็ไม่ว่านะ ตามสบายเลยผมจะไม่กวนพี่สองคนแน่นอน ผมให้เวลาพี่อยู่ด้วยกันถึงเย็นพรุ่งนี้เลยนะครับ งั้นผมไปก่อนนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้เย็นๆ ครับ” เขารับกุญแจรถมาก่อนจะโบกมือลา
ตลอดทั้งวันปณาลีซ้อมพูดกับตัวเองหน้ากระจกหลายครั้ง เธอฝึกซ้อมสีหน้าและท่าทางที่จะใช้ตอบรับคำขอแต่งงานจากนนทกรเพื่อให้ตัวเองดูสวยและน่าประทับใจที่สุด ทุกครั้งที่เธอมองตัวเองในกระจกความสุขก็เอ่อล้นออกมาทางสายตาจนแทบจะเก็บไว้ไม่อยู่
พอถึงเวลาสี่โมงเย็น ปณาลีก็เริ่มเตรียมตัว เธอจัดการอาบน้ำแต่งตัวอย่างพิถีพิถันและตั้งใจ ชุดที่เธอและเพื่อนสนิทช่วยกันเลือกเป็นชุดเดรสสีขาวความยาวเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย เนื้อผ้าพลิ้วไหว ช่วยขับผิวของเธอให้ดูผ่องขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เธอแต่งหน้าอ่อนๆ ด้วยโทนสีสว่างเพื่อเน้นดวงตากลมโตที่ดูเปล่งประกาย
ผมที่ชอบมัดไว้เป็นหางม้าก็ปล่อยผมยาวสลวยให้ทิ้งตัวลงมาคลอเคลียใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ
เมื่อทุกอย่างพร้อม เธอก็นั่งรอคอยนนทกรที่ห้องรับแขกด้วยความตื่นเต้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกนาทีที่ผ่านไปช่างยาวนานเหลือเกิน เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาเป็นระยะๆ และยิ้มกับตัวเองอยู่คนเดียว
เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นในเวลาหกโมงเย็นพอดี ปณาลีรีบวิ่งไปเปิดประตูด้วยหัวใจที่เต้นรัว นนทกรในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงสแลคสีเข้มยืนรออยู่หน้าประตูด้วยใบหน้าเรียบเฉยเหมือนเช่นเคย
“สวัสดีค่ะพี่นนท์” ปณาลีทักทายพร้อมรอยยิ้มที่สดใส ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความสุข
“สวัสดีครับยี่หวา ไปกันเลยนะ” นนทกรตอบรับด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ยิ้มออกมาจากใจจริง สายตาของเขาดูเคร่งเครียดกว่าปกติจนปณาลีสังเกตเห็นได้
“วันนี้ดูสวยเป็นพิเศษเลยนะครับ” เขาเอ่ยชมพลางเปิดประตูรถให้เธออย่างสุภาพ
“ขอบคุณค่ะ” ปณาลีตอบรับอย่างเขินอายพลางก้มหน้าเล็กน้อยก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งในรถอย่างรวดเร็ว
นนทกรขับรถออกไปอย่างเงียบๆ ความเงียบภายในรถทำให้ปณาลีรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เธอจึงพยายามชวนเขาคุยเหมือนทุกครั้ง แต่เขากลับตอบเพียงสั้นๆ และดูเหมือนจะใจลอยอยู่ตลอดเวลา
“พี่นนท์คะ” ปณาลีเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบในรถ
“ครับ” นนทกรตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ดวงตาของเขายังคงจดจ่ออยู่กับท้องถนน
“พี่นนท์ดูเครียดๆ นะคะ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า” เธอถามด้วยความเป็นห่วงพลางยื่นมือไปแตะที่แขนของเขาเบาๆ
“เปล่าครับ พี่แค่คิดเรื่องงานนิดหน่อย” เขาตอบพลางบีบพวงมาลัยแน่นจนเธอรู้สึกได้ถึงความตึงเครียด
“ถ้ามีอะไรให้ยี่หวาช่วยได้ก็บอกยี่หวานะคะ” ปณาลีมองหน้าเขาอย่างพิจารณา เธอลูบแขนเขาเบาๆ อีกครั้งและพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและให้กำลังใจอย่างจริงใจ
“ขอบคุณนะครับ แต่ไม่มีอะไรหรอก” เขาบอกปัดเหมือนต้องการให้เธอไม่ต้องเป็นห่วง
แม้เขาจะบอกว่าไม่มีอะไร แต่ปณาลีก็รู้สึกได้ถึงความไม่ปกติในตัวเขา แต่เธอก็เลือกที่จะไม่ถามต่อ เธอพยายามเข้าใจว่าเขาเองก็น่าจะตื่นเต้นกับการขอเธอแต่งงานในค่ำคืนนี้ และอาจจะกำลังคิดถึงเรื่องแผนการที่เขาเตรียมไว้เพื่อสร้างเซอร์ไพรส์ที่น่าประทับใจที่สุดให้กับเธอ ความคิดนั้นทำให้เธอรู้สึกมีความสุขและตื่นเต้นอีกครั้ง
เธอเอนหลังพิงเบาะรถและมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยหัวใจที่พองโต คืนนี้จะเป็นคืนที่เธอจะได้รับการขอแต่งงานจากคนที่เธอรักที่สุดหญิงสาวแทบจะรอเวลานั้นไม่ไหว
เสียงเปิดประตูทำให้ศิลาลืมตาตื่น เขาเห็นแผ่นหลังของปณาลีที่ดูรีบร้อนออกจากห้องไปแต่ก็ไม่คิดจะเรียกหรือรั้งเธอไว้เพราะตอนนี้เขายังสับสนกับความรู้สึกของตัวเองและก็คิดว่าปณาลีก็คงไม่ต่างกัน ถ้าอย่างนั้นเธอคงไม่รีบร้อนไปจากเขาตั้งแต่เช้าทั้งที่เพิ่งนอนไปได้แค่สองชั่วโมงเท่านั้นความทรงจำของเมื่อคืนระหว่างเขากับปณาลีมันชัดเจนมาก ความสุขสมที่ได้รับมันสุขล้นอยู่ในความรู้สึก ศิลาแทบจะลืมไปว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้ ไม่เคยมีใครที่ทำให้เขาคลั่งได้มากเท่านี้ ไม่เคยมีใครที่ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นคนที่มีชีวิตชีวาอีกครั้งจากได้รับสถานะพ่อหม้ายมานานถึงสองปีกว่าศิลานึกถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอและเขาที่แนบชิด ความรู้สึกนี้มันดีเกินกว่าที่เขาจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ พ่อหม้ายหนุ่มนอนนิ่งๆ บนเตียง ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างใช้ความคิด กำลังสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง“ทำไมต้องรู้สึกแบบนี้กับเธอด้วยนะยี่หวา” เขาบ่นกับตัวเอง เสียงหงุดหงิดเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจเมื่อคืนศิลายอมรับว่าตัวเองมีความสุขมาก และตอนนี้ก็ยังรู้สึกดีอย่างประหลาด การได้นอนกอดเธอแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกเหมือนมีคนคอยอยู่เคียง
ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามหากแต่เขาใช้มือประคองใบหน้าเธอแล้วริมฝีปากหยักก็ก้มลงมามอบจูบที่เร่าร้อนเติมไฟพิศวาสของทั้งสองโหมกระหน่ำอีกครั้ง ศิลาจูบนานก่อนจะลากปลายลิ้นมาดูดดุนยอดถันที่เขาดูดกินแล้วหลงใหลอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน มันชูชันสู้ลิ้นอย่างที่เขาชอบ“ยี่หวาหวานไปทั้งตัว”เสียงแหบพร่ากระซิบข้างใบหูก่อนจะขบเม้มเบาๆ แล้วลากปลายลิ้นไปตามซอกคอระหงสูดดมกลิ่นกายที่หอมยั่วยวน“อื้อ....อาศิลา”หญิงสาวแอ่นโค้งไปตามแรงดูดดุนของปากร้อน ตอนนี้เธอรู้สึกว่าร่างกายของตนเองกำลังมีความต้องการอยากให้เขาเข้ามาในตัวเธออีกครั้งแต่ไม่รู้จะบอกเขายังไงไม่ให้ดูน่าเกลียด เธอกำลังจมอยู่กับตัณหาปณาลีที่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะมีความต้องการมากมายขนาดนี้ แม้จะแตะขอบสวรรค์ไปแล้วแต่ร่างกายยังร้อนรุ่ม หญิงสาวโทษว่าเพราะเหล้าดีกรีแรงที่ดื่มเข้าไป มันไม่ใช่ตัวตนของเธอเลยสักนิดหญิงริมฝีปากอิ่มแลกจูบอย่างเร่าร้อนและดูดดื่มไปตามอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง เธอจึงเบียดกายเข้าหาเพื่อรอคอยการเติมเต็มของพ่อหม้ายหนุ่มอีกครั้ง“ยี่หวาอาขอสดได้ไหม”เขายืดตัวขึ้นมากระซิบข้างหูและมองหน้าเธออย่างวิงวอน ตาคมจ้องอย่างรอคอยคำตอบเพร
ศิลามองร่างที่หอบเหนื่อยอยู่บนเตียงในห้องนอนที่เขายังไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมานอนแล้วเขาก็ยิ้ม ในเมื่อเธอเองก็ยินยอมและเขาเองก็เป็นชายชาตรีก็คงไม่อาจจะปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านไปโดยไม่ทำอะไรอย่างแน่นอนชายหนุ่มรีบจัดการกับชุดของตนแล้วคร่อมทับลงมาบนร่างหญิงสาวอีกครั้ง ปณาลีมองศิลาด้วยสายตาหวานเชื่อม ความเมาทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่กล้ามากขึ้น หญิงสาวเอื้อมมือลากไล้ไปตามกล้ามหน้าท้องของเขาอย่างแผ่วเบา“อ่า....ยี่หวา”เขาครางแหบพร่าเมื่อมือนุ่มลากไปตามกล้ามท้อง มันกระตุ้นให้เขาไม่อยากจะรอเวลาอีกต่อไป ชายหนุ่มจูบไปยังเรียวปากอิ่มสีสวย สอดปลายลิ้นหยอกล้อเป็นพัลวันหญิงสาวจูบตอบแม้จะยังไม่เก่งแต่ก็ทำให้เขารู้สึกดี จูบหวานเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนจนปณาลีแทบหลอมละลายศิลาเปิดลิ้นชักที่หัวเตียงควานหาถุงยางอนามัยที่ซื้อมาติดไว้แต่ยังไม่เคยได้เอาออกมาใช้เพราะนี่เป็นครั้งที่เขานอนกับผู้หญิงที่นี่ เขารีบสวมลงบนแก่นกายที่ร้อนระอุจากนั้นแยกเรียวขาของหญิงสาวให้กว้างมากขึ้นกว่าเดิมริมฝีปากร้อนพรมจูบ ฝ่ามือฟอนเฟ้นหน้าอกอวบกนะตุ้นให้เธอเสียวซ่าน ส่วนมือข้างที่เหลือก็จับท่อนเอ็นร้อนลากขึ้นลงกลางกลีบสวยให้น้ำหวานช
คำตอบของปณาลีทำให้ศิลาต้องพยายามคุมสติของตนเองอย่างที่สุด เขามองลึกลงไปในดวงตาที่แดงก่ำและเห็นความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ภายใน ชายหนุ่มเข้าใจถึงความรู้สึกที่อยากจะหลีกหนีจากความเป็นจริงเพราะเขาเองก็เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน อยากจะทำอะไรก็ได้เพื่อให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้น“อาอยากให้เราคิดให้ดีก่อนนะ” ศิลาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเขาไม่อยากใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอของเธอ“ยี่หวาคิดดีแล้วค่ะ อาศิลาไม่รังเกียจยี่หวาใช่ไหมคะ” เธอถามพลางมองหน้าเขาสายตาเต็มไปด้วยความน้อยใจ หญิงสาวกำลังคิดว่าใครๆ ก็รังเกียจและพากันทิ้งเธอไปศิลามองปณาลีในตอนนี้ดูสวยและเย้ายวนมากในชุดเกาะอกแดงรัดรูปที่ขับผิวขาวเนียนและปากอวบอิ่มสีแดงของเธอแล้วแอบกลืนน้ำลาย“ถ้ารังเกียจอาคงไม่พายี่หวามาที่นี่หรอกนะ” ศิลาตอบด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าปณาลียิ้มก่อนจะดึงเขาเข้ามาใกล้และจูบลงบนริมฝีปากของเขาอย่างแผ่วเบา ศิลาตกใจเพราะไม่คิดว่าปณาลีจะทำแบบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ผลักไสเธอออกไป เขาจูบตอบเธออย่างนุ่มนวลก่อนที่ความร้อนแรงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามความต้องการของร่างกายศิลากอดเธอไว้แน่นและจูบเธออย่างดูดดื่ม ปณาลีตอบสนองเขาอย่างไม่ประสาแต่ก็เต็มไป
ศิลาพาปณาลีมาที่บ้านของตนเองแต่กว่าจะพาเธอเดินมาถึงก็เล่นเอาแทบแย่เพราะเธอเดินไปข้างหน้าสองก้าวแล้วก็ถอยหลังอีกสามก้าวจนสุดท้ายเขาต้องประคองและแทบจะลากเธอเข้ามาด้านในชายหนุ่มพาเธอมานั่งที่ห้องรับแขกและหาไวน์ให้เธอดื่มเพราะถ้าให้ดื่มวิสกี้อย่างที่เขาชอบเธอก็คงจะแย่ไปกว่าที่เห็น“อร่อย” หญิงสาวจิบไวน์แล้วยิ้มตาเยิ้มทั้งเมาและพอใจกับรสชาติที่หอมหวานของไวน์ราคาแพง“ยี่หวาบอกอาได้ไหมว่าทำไมถึงกินเหล้าหนักขนาดนี้ ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า” ศิลาถามพลางมองใบหน้าหวานที่ตอนนี้แดงก่ำเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์“เปล่าสักหน่อยก็แค่อยากเมา” เธอเถียงก่อนจะดื่มไวน์ไปทีเดียวหมดแล้วแล้วทำท่าจะหยิบขวดไวน์มารินอีก“ไหนบอกว่าจะกินอีกแค่นิดเดียว” ศิลาถามพลางเลื่อนขวดไวน์ออกห่างจากมือเธอ“อาศิลาอย่างกได้ไหมของอร่อยก็ขอกินเยอะหน่อย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเหมือนเด็กน้อย ใบหน้าของเธอตอนนี้ดูดื้อรั้นจนศิลาใจอ่อน“เอางั้นก็ได้ แต่ต้องเล่าให้อาฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เขาพูดแล้วเดินขึ้นไปบนห้องนอนก่อนจะรีบวิ่งกลับลงมาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กให้เธอเช็ดหน้า“อยากฟังเหรอคะ”“อยากฟังสิ เช็ดหน้าหน่อยจะได้สดชื่นและมีสติเล่าให้อา
ในขณะที่ปณาลีกำลังดื่มเหล้าอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง สายตาคู่หนึ่งก็มองด้วยความประหลาดใจและอดแปลกใจไม่ได้ว่าจะมาเจอกับเธอที่นี่ วันนี้ปณาลีดูสวยเซ็กซี่และโดดเด่นจนหลายคนในผับต่างมองไปที่เธอรวมถึงเขาและเพื่อนอีกสองคน“ผู้หญิงคนนั้นเป็นไงล่ะ สวยพอที่นายจะจัดการกับความเหงาของนายได้ไหมล่ะ” จิรกิตต์ถามพลางพยักหน้าไปทางหญิงสาวในชุดเกาะอกสีแดงเพลิงที่เห็นว่าศิลาจ้องเธออยู่นาน“ไม่ดีกว่าเดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติด” ถึงแม้จะสนใจในตัวเธอมากแต่เขาก็ไม่อยากจะเสียเพื่อนบ้านที่ดีอย่างปณาลีไป“คนรู้จักเหรอ แต่นั่นมันสเปกนายเลย” ธีรวัฒน์แปลกใจเพราะผู้หญิงคนนั้นตรงกับสเปกของศิลามาก ตัวเล็กผิวขาวและที่สำคัญหุ่นของเธอก็ดีมากๆ ด้วย“เธอเป็นเพื่อนบ้าน”“แบบนี้ฉันว่าไม่ดีนะ เพราะถ้าคิดจะแค่วันไนท์ฯ คงต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน ไม่ใช่ว่าตอนแรกบอกว่าวันไนท์ฯแต่พอนอนด้วยกันแล้วอยากให้รับผิดชอบขึ้นมานายจะซวยเอานะ” จิรกิตต์ด้วยความหวังดี“อือ ฉันก็ไม่คิดจะนอนกับเธอหรอก ยี่หวาเป็นเพื่อนบ้านที่ดี เธอน่ารักทำอาหารอร่อยมากด้วย”“แต่นายจ้องเธอนานแล้วนะ”“ก็แค่เป็นห่วงเห็นมากันแต่ผู้หญิงแล้วก็ท่าทางจะเมามากด้วย” เขาไม่เคย