ทุกคนที่ยังคงนั่งรอกันที่ห้องรับแขกกันอย่างใจเย็น เพื่อรอให้คนทั้งสองลงมาจากชั้นบนของบ้าน เพื่อรอฟังคำอธิบาย และความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งคู่
จะมีก็แต่พงศกร ที่ของตัวออกเดินไปตามหานัชชา แถวรอบๆบริเวณบ้าน เพื่อที่จะได้พาหญิงสาวกลับไปส่งบ้านก่อน ก่อนที่หญิงสาวจะมาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ กลัวจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นตามมาอีก เพราะเขาก็พอจะทราบมาบ้างว่า นัชชาก็ปลื้มน้องชายเขาอยู่ไม่น้อย เพียงแต่พจีพัฒน์ไม่เล่นด้วย บอกเพียงแค่ว่าไม่อยากยุ่งกับคนใกล้ตัว กลัวจะมีเรื่องวุ่นวายตามทีหลัง
“หึ นี้ถึงขั้นแบกกันลงมาเลย คงจะจัดหนักกันล่ะสิท่า” พัฒน์พงษ์ เค้นหัวเราะออกมา พร้อมกับพูดขึ้นทันที เมื่อเห็นลูกชายคนเล็กแบกหญิงสาวขึ้นหลังลงมาจากบันได
“ยัยหริ่ง...ใครสั่งใครสอนแกห๊ะ ทำไมไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแบบนี้ ยัยเด็กคนนี้นี้ ป้าจะตีให้หลังหักเลย” พิมพา หรือ ป้าพิมพ์ ดุหลานสาวทันที ที่พจีพัฒน์วางเธอลงจากหลัง แล้วหยิกแขนของหลานสาวเข้าไปหนึ่งที
“โอ้ยยย ป้าพิมพ์จ๋า หริ่งเจ็บเด้” เสียงร้องโอดโอยภาษาบ้านเกิดดังขึ้นมาจากปากของพีรดา เพราะขณะยืนแทบจะทรงตัวไม่อยู่อยู่แล้ว ยังจะถูกผู้เป็นป้าหยิกเข้าอีก
พิมพาจึงได้แต่ประคองพีรดานั่งลงยังพื้นตรงนั้น เพื่อรับฟังเจ้าของบ้านจะเอ่ยหรือทำโทษอะไรพีรดาหรือเปล่า
“มากันครบทุกคนแล้ว ฉันในถานะเจ้าของบ้าน จะเป็นคนสอบถามและตัดสินใจเอง” พัฒน์พงษ์ พูดขึ้นทันที ที่ทุกคนอยู่รวมตัวกันครบ
“ตาพีท เรื่องมันเป็นมายังไง ทำไมถึงเอาหนูหริ่งเข้าไปนอนด้วย แล้วปู้ยี่ปู้ยำกันจนยับเยินสภาพดูไม่ได้ขนาดนี้” พัฒน์พงษ์หันมาถามเอาความจริงจากลูกชายก่อนเป็นคนแรก
“คุณพี่ค่ะ...น้องว่าเป็นยัยหริ่งมากกว่ามั้งค่ะ ที่เข้าไปอ่อยลูกชายของเรา” นิษฐากำลังจะค้านขึ้นมา
“คุณหยุดก่อน ผมกำลังสอบถามลูก” แต่ถูกพัฒน์พงษ์สั่งห้ามเอาไว้เสียก่อน พร้อมกับจ้องมองภรรยาอย่างคาดโทษ
“คือ...” พจีพัฒน์ ไม่รู้จะเริ่มเล่าจากตรงไหนก่อน เพราะจำเรื่องราว และเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“หนูผิดเองค่ะ ที่ดื่มจนขาดสติไป...” พีรดาจึงเป็นฝ่ายที่จะยอมรับผิดเอง
“หนูหริ่งเงียบก่อน ลุงขอถามตาพีทก่อน หนูค่อยตอบที่หลัง” แต่พัฒน์พงษ์สั่งให้หญิงสาวยังไม่ต้องพูดอะไร เพราะรอคำตอบจากปากของลูกชายก่อน
“คือผมก็จำไม่ได้ครับ ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ว่าควบคุมตัวเองไม่ได้ คิดแค่ว่าต้องการที่จะปลดปล่อยอย่างเดียว” พจีพัฒน์รวบรวมความกล้าพูดออกมาตามตรง เมื่อเห็นว่าพ่อเริ่มจะดุทุกคนที่พูดขัดขึ้นมา
“เมา” พัฒน์พงษ์เลิกคิ้วมอง พร้อมกับถามไปเพียงแค่สั้นๆ
“ไม่เชิงกับเมาหรอกครับ แต่แค่เหมือนมีความต้องการเรื่องอย่างว่ามากจริงๆ” พจีพัฒน์พูดออกมาตามตรง
“แล้วหนูหริ่งล่ะ จำอะไรได้บ้าง” พัฒน์พงษ์จึงหันมาถามทางพีรดา ที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่กับพื้น
“หนูจำได้แค่ว่า กำลังเอาจะไปนอน แล้วก็มีคนมาดึงแขนไป จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้แล้วค่ะ รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังฝันเรื่อง....เอ่อ...” พีรดาอธิบายบอกตามเท่าที่ตัวเองพอจะจำได้ ตามความรู้สึกของตัวเอง
“แล้วพากันดื่มอะไรลงไปบ้าง” พัฒน์พงษ์ ถามทั้งสองออกมา
“ก็เครื่องดื่มที่แม่กับพี่แพทเตรียมให้ทั้งนั้นเลยครับ” พจีพัฒน์จึงเป็นฝ่ายตอบออกมา เพราะทุกอย่างเมื่อคืน เป็นแม่และพี่สาวเป็นคนเตรียมการไว้ให้ทั้งหมด เพื่อเลี้ยงฉลองหลังจากที่สอบเสร็จ และแม่ได้พาหญิงสาวลูกของเพื่อนสนิท ที่แม่อยากจะผูกดองมาด้วย
“ไอ้เอก เอาเครื่องดื่มที่พวกเด็กๆกินกันเมื่อคืนมาให้ฉันที” พัฒน์พงษ์ จึงเรียกหาไม้เอก ลูกน้องคนสนิทของเขาที่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า ให้ไปนำเครื่องดื่มที่พากันดื่มเข้าไปเมื่อคืนมาให้
“คือ...” ไม้เอกได้แต่อ้ำอึ้ง ไม่กล้าพูด พร้อมกับหันไปมองหน้านิษฐา
“คืออะไร” พัฒน์พงษ์ ตวาดเสียงดังถามขึ้นอีกครั้ง
“คุณนายบอกให้คนเก็บกวาดทำความสะอาดตั้งแต่เช้าแล้วครับ” ไม้เอกบอกออกไปตามตรง เพราะคุณผู้หญิงของบ้าน ได้สั่งให้คนทำรายหลักฐานทิ้งทั้งหมดแล้ว
“ดีให้มันได้อย่างนี้สิ” พัฒน์พงษ์ได้บ่นออกมาอย่างหัวเสีย
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หนูขอตัวไปอาบน้ำก่อนน่ะค่ะ วันนี้ต้องเอาเกรดไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยด้วย” พีรดา พูดออกมาเป็นคนแรก เมื่อทุกคนต่างพากันนั่งเงียบ และกำลังจะลุกขึ้น
“เดี๋ยว..” เสียงเข้มของพัฒน์พงษ์ดังขึ้นมาเสียก่อน
พีรดาจึงได้แต่นั่งลงอยู่ที่เดิม อย่างเงียบๆไม่กล้าที่จะเอ่ยปากขึ้นมาถามอะไรต่อ เมื่อเสียงผู้มีอำนาจสูงสุดของบ้านดังขึ้นมา
“ในเมื่อเรื่องมันเป็นมาแบบนี้แล้ว หนูหริ่งเอาเอกสารทั้งหมดมาให้ลุง ลุงจะได้เอาไปยื่นให้เอง เรียนที่เดียวกันกับตาพีทเลย" พัฒน์พงษ์พูดขึ้นมา
ทำให้ทุกคนที่ได้ยินอยู่ตรงนั้น ต่างตาลุกวาวมองหน้ากันสลับไปมา แต่ไม่มีใครกล้า หรือค้านอะไรขึ้นมาเลยแม้แต่ภรรยาของเขา
“...คุณลุงค่ะ หนูว่าค่าเทอมมันแพงเกินไป ขอเรียนมหาลัยเปิดดีกว่าค่ะ” พีรดาจึงเป็นคนพูดออก เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเธอ
“กล้าขัดคำสั่งลุงหรือ” เสียงเข้มปนความเอ็นดูของพัฒน์พงษ์ดังขึ้นมา พร้อมกับจ้องไปที่พีรดา
พีรดานิ่งเงียบทันที ที่เจอสายตาพิฆาตผู้มีอำนาจของบ้าน ได้แต่น้อมรับโดยที่ปฏิเสธอะไรไม่ได้เลย เพราะไม่มีสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น เพราะคำว่าบุญคุณมันค้ำคออยู่
“ผมขอตัวไปนอนต่อก่อนนะครับ ถ้าพ่อไม่มีอะไรแล้ว” พจีพัฒน์ จึงพูดขึ้นมา แล้วลุกขึ้น กำลังจะเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้าน
“แล้วแกไม่ไปรายงานตัวเหรอตาพีทวันนี้” พัฒน์พงษ์ถามขึ้นมาเสียก่อน
“ไปวันหลังก็ได้ครับ มีเวลาตั้งเกือบสามเดือน รอปัจฉิมนิเทศที่โรงเรียนก่อนค่อยไปรายงานตัวทีเดียวเลยก็ได้นี้ครับ ผมเรียนนะ พ่อไม่ได้เรียน” พจีพัฒน์พูดบอกมาอย่างใจเย็น โดยไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไร แล้วเดินขึ้นบันไดไปทันที ที่เอ่ยจบ
“แพทขอตัวไปทำงานก่อนดีกว่านะค่ะ” พจีกานต์ที่นั่งเงียบอยู่นาน จึงขอตัวออกไปบ้าง เมื่อทุกอย่างจบลง
“คุณพี่จะทานข้าวเช้าก่อนไปทำงานไหมค่ะ” นิษฐาจึงหันมาถามทางสามี เมื่อทุกคนต่างทยอยกันออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง
“ไม่ทานมันแล้ว เกิดเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ใครมันจะทานลง” พัฒน์พงษ์เอ่ยตอบภรรยา แล้วลุกขึ้นเดินออกไปนอกบ้านทันที
“พิมพ์ขอโทษแทนหลานสาวด้วยนะค่ะคุณนาย เดี๋ยวพิมพ์จะสั่งสอนมันให้ค่ะ” พิมพาจึงเอ่ยขอโทษขอโพยนิษฐาทันที ที่ทุกคนออกไปกันหมดแล้ว
“หัดเจียมตัวเสียบ้างน่ะ ทั้งป้าทั้งหลาน ต่อไปนี้ห้ามให้ฉันเห็นนังหรีดหริ่งเดินเพ่นพ่านกลางดึกในบ้านหลังนี้อีก” นิษฐาพูดออกมาอย่างแหนบแนม พร้อมกับมองด้วยสายตาที่เหยียดหยาม
“ค่ะ คุณนาย พิมพ์ขอตัวน่ะค่ะ” พิมพาได้แต่น้อมรับ แล้วขอตัวออกไปทำหน้าที่ของเธอต่อทันที
กำหนดคลอดหกเดือนต่อมาหลังจากที่จดทะเบียนสมรสกันในวันนั้น พจีพัฒน์ได้แอบมาคุยและทำสัญญาข้อตกลงกัน โดยที่พจีพัฒน์สั่งห้ามไม่ให้พีรดาแสดงตนต่อหน้าคนอื่นเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ หรือด้านนอกว่าเป็นสามี-ภรรยากัน ตลอดในระยะเวลาของ 5 ปี ที่ยังจดทะเบียนสมรสกันซึ่งพีรดาเองก็ยอมรับข้อเสนอนี้โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ เพราะตั้งแต่ที่เธอท้อง แล้วหยุดพักการเรียน ก็ไม่ได้ออกไปไหนเลย แถมยังขาดการติดต่อจากไลลา เพื่อนสนิทของเธออีกเพราะไม่อยากให้เพื่อนรับรู้ เรื่องราวของเธอด้วยและตั้งแต่ที่พีรดาท้อง นิษฐาก็ไม่ได้ติดต่อหรือพานัชชามาที่นี่อีกเลย เพราะกลัวว่าหญิงสาวจะเจอกับพีรดาเข้าแล้วความแตกเสียก่อน จึงได้แต่รอให้พีรดาคลอดก่อน หลังจากนั้นจะโกหกว่ารับเด็กมาเลี้ยงก็ไม่มีใครทราบส่วนทางด้านของพงศกร ที่เห็นพีรดาเป็นเหมือนน้องสาวแท้ๆ อีกคน นับตั้งแต่ที่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ใหม่ๆ โดยทุกๆเย็นหลังเลิกงาน ชายหนุ่มจะหิ้วของกินมาให้เธอตลอด เพราะน้องชายไม่ยอมดูแลพีรดาในเรื่องนี้เลยส่วนทางพีรดาเองที่ตอนนี้ท้องโตมากแล้ว ใกล้จะถึงกำหนดคลอดในไม่กี่วันนี้เอง ร่างอุ้ยอ้ายเดินเหินไม่ค่อยสะดวก พักหลังๆมานี้เธอเอาแต่เก็บตัวอ
จดทะเบียนสมรสพจีพัฒน์นั่งนิ่งทันที เพราะไม่รู้จะเอายังไงต่อกับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น และอีกอย่างก็ขัดคำสั่งของพ่อไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเขายังอยู่ในวัยเรียน เงินและทรัพย์สินทั้งหมดก็ยังมีไม่มากพอ จะมีเพียงแค่เงินเก็บเล็กๆ น้อยๆ จากเงินเดือนที่พ่อให้ใช้จ่ายในทุกเดือนเพื่อเป็นค่าเล่าเรียน ซึ่งก็แอบเก็บสะสมเอาไว้บ้าง แต่ก็ไม่มากนัก“ไม่ต้องพูดอะไรกันทั้งนั้นแหล่ะตาพีทกับหนูหริ่งต้องจดทะเบียนสมรสกันให้เร็วที่สุด แล้วเรื่องเรียนก็หยุดพักกันเอาไว้ก่อนทั้งสองคนเลย หนูหริ่งคลอดปีหน้าค่อยเรียนพร้อมกันทีเดียว หลังจากนี้ให้ตาพีทเข้าไปเรียนรู้งานกับตาเพชรที่บริษัทไปก่อน จนกว่าหนูหริ่งจะคลอด แล้วถ้าฉันรู้ว่าใครคิดอกุศลทำชั่วอะไร หรือว่าคิดไม่ดีให้หนูหริ่งแท้งขึ้นมา ได้เห็นดีกันแน่” พัฒน์พงษ์พูดออกมาโดยยื่นคำขาดแก่คนในบ้านทั้งหมดทันที“ยัยเปียท้อง แต่ผมก็ไม่ได้ท้องนี้ครับพ่อ ทำไมต้องให้ผมพักเรื่องเรียนเอาไว้ด้วย อีกอย่างเราก็ไม่ได้รักกัน ทำไมต้องจดทะเบียนสมรสกันด้วยครับ” พจีพัฒน์พยายามหาเหตุผลมาอ้างขึ้น“เรียนจบกันเมื่อไหร่ ถ้าไม่ได้รักกันพ่อถึงจะอนุญาตให้หย่ากันได้ แต่ตอนนี้ก็ลองใช้ชีวิต ดูกันไปก่
คำสั่งที่ปฏิเสธไม่ได้“พิมพ์ว่าอะไรน่ะ ใครท้อง” นิษฐาที่เดินเข้ามาได้ยินที่ป้าหลานพูดกันพอดี จึงได้ถามขึ้นเสียงดังเพราะความอยากรู้อยากได้ยินคำตอบอย่างแน่ชัด“ก็...” พิมพาได้แต่อ้ำอึ้ง ไม่กล้าที่พูดออกมา ได้แต่ก้มหน้าลงอย่างสลด“ตามฉันมาที่ห้องรับแขกกันทุกคนเลย ลัดดา โทรตามหมอณัฐให้เข้ามาที่บ้านเดี๋ยวนี้ด้วย” นิษฐาจึงตัดบทขึ้นมา พร้อมกับเอ่ยสั่งสาวใช้คนสนิทออกไปนายแพทย์ณัฐพงษ์ เรืองพาณิชยากุล สูตินารีแพทย์แห่งโรงพยาบาลเอกชนดัง และยังเป็นแพทย์ประจำกูล แถมยังเป็นน้องชายแท้ๆของ พัฒน์พงษ์ อีกด้วยชายหุ่นสูงโปร่งสวมเสื้อกราวนด์ขาว อายุราว 40 ปี เดินถืออุปกรณ์และกระเป๋าเครื่องมือแพทย์ กำลังจะออกจากบ้าน เพราะได้เข้ามาตรวจหญิงสาวตามคำสั่งของพี่สะใภ้อย่างนิษฐา“เจ้าณัฐ ใครเป็นอะไรหรือ ถึงมาที่นี่ได้” พัฒน์พงษ์ถามน้องชายขึ้นทันที ที่เจอกันหน้าประตูทางเข้าบ้าน เพราะพึ่งจะกลับมาจากทำงานที่บริษัทพอดี“คือว่า...” ณัฐพงษ์อ้ำอึ้งไม่กล้าตอบพี่ชายทันที เพราะพี่สะใภ้ห้ามไม่ให้บอก“อะไร” พัฒน์พงษ์จ้องมองไปที่น้องชายทันที“คุณนิษให้มาตรวจหนูหริ่งที่นี่ครับ ว่าท้องหรือเปล่า” ณัฐพงษ์เมื่อไม่อาจปิดบังพี่ชายไ
เรื่องวุ่นๆของวัยรุ่นมอปลายสองเดือนต่อมาณ โรงเรียนมัธยมเอกชนชื่อดังวันนี้เป็นวันที่ทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมปัจฉิมนิเทศขึ้น สำหรับนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาประจำปีของทางโรงเรียน“หริ่ง ดีใจด้วยน่ะ ในที่สุดพวกเราก็ได้เรียนมหาลัยเดียวกัน ได้เจอหน้ากันอีกจนได้” ไลลา เพื่อนร่วมห้องและเพื่อนสนิทของหญิงสาวพูดขึ้นอย่างดีใจ เมื่ออทราบข่าวว่าพีรดาได้ศึกษาต่อมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเธอ“คุณลงเป็นคนจัดการให้น่ะ” พีรดาตอบกลับไปเพียงแค่นั้น เพราะไม่อยากพูดอะไรมากถึงเรื่องนี้ แค่ได้ศึกษาต่อก็ถือเป็นบุญมากพอแล้ว“แล้วสรุปแกจะเรียนสาขาไหนล่ะ เลือกได้ยัง” ไลลาถามกลับมาอีกคำถาม เพราะหญิงสาวยังไม่ลงเลือกสาขาที่ต้องการ“ฉันมีสิทธิ์เลือกด้วยหรือ ขนาดฉันขอลงมหาลัยเปิด ท่านยังไม่ให้เรียนเลย” พีรดาพูดออกมาด้วยใบหน้าที่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ในโชคชะตาของตัวเอง แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกเสียจากทำตามความต้องการของผู้มีพระคุณ“แกยังโชคดีน่ะหริ่ง ที่มีผู้อุปการะเลี้ยงดูแกมาดีขนาดนี้ แถมได้เรียนโรงเรียนเอกชน มหาลัยดังๆอีกด้วย” ไลลาเอ่ยชมออกมา อย่างน้อยๆ หญิงสาวก็ยังได้รับโอกาสที่ดีแบบนี้“แกก็ได้เรียนที่ดีๆเหมือนก
ผิดแผนทุกคนที่ยังคงนั่งรอกันที่ห้องรับแขกกันอย่างใจเย็น เพื่อรอให้คนทั้งสองลงมาจากชั้นบนของบ้าน เพื่อรอฟังคำอธิบาย และความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งคู่จะมีก็แต่พงศกร ที่ของตัวออกเดินไปตามหานัชชา แถวรอบๆบริเวณบ้าน เพื่อที่จะได้พาหญิงสาวกลับไปส่งบ้านก่อน ก่อนที่หญิงสาวจะมาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ กลัวจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นตามมาอีก เพราะเขาก็พอจะทราบมาบ้างว่า นัชชาก็ปลื้มน้องชายเขาอยู่ไม่น้อย เพียงแต่พจีพัฒน์ไม่เล่นด้วย บอกเพียงแค่ว่าไม่อยากยุ่งกับคนใกล้ตัว กลัวจะมีเรื่องวุ่นวายตามทีหลัง“หึ นี้ถึงขั้นแบกกันลงมาเลย คงจะจัดหนักกันล่ะสิท่า” พัฒน์พงษ์ เค้นหัวเราะออกมา พร้อมกับพูดขึ้นทันที เมื่อเห็นลูกชายคนเล็กแบกหญิงสาวขึ้นหลังลงมาจากบันได“ยัยหริ่ง...ใครสั่งใครสอนแกห๊ะ ทำไมไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแบบนี้ ยัยเด็กคนนี้นี้ ป้าจะตีให้หลังหักเลย” พิมพา หรือ ป้าพิมพ์ ดุหลานสาวทันที ที่พจีพัฒน์วางเธอลงจากหลัง แล้วหยิกแขนของหลานสาวเข้าไปหนึ่งที“โอ้ยยย ป้าพิมพ์จ๋า หริ่งเจ็บเด้” เสียงร้องโอดโอยภาษาบ้านเกิดดังขึ้นมาจากปากของพีรดา เพราะขณะยืนแทบจะทรงตัวไม่อยู่อยู่แล้ว ยังจะถูกผู้เป็นป้าหยิกเข้าอีกพิมพา
สถานการณ์พลิกผันกลางดึกณ บ้านเรืองพาณิชยากุลสองร่างกายอันเปลือยเปล่าที่โยกขย่มกันอย่างเมามัน ภายใต้แสงสลัวจากดวงจันทร์ ที่สาดส่องลงมามาทางช่องหน้าต่าง ที่มีม่านผืนบางปกป้องอยู่ ในเงามืดอันสลัวนั้นที่พอจะสามารถมองเห็นร่างอันเปลือยเปล่าของกันและกันอยู่พอรางๆ แต่ทั้งสองร่างไม่ทราบเลยว่าคนที่ร่วมรักด้วยนั้นเป็นใครกัน เพราะด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ผสมกับยาปลุกเซ็กส์ เมื่อเข้าสู่ร่างกาย จึงไม่สามารถที่จะควบคุมสติได้ และไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น เพราะต่างคนต่างต้องการการปลดปล่อยเป็นสิ่งแรกรุ่งเช้า“ตาพีทไปไหน ทำไมยังไม่ลงมาสักที วันนี้มีรายงานที่มหาวิทยาลัยไม่ใช่เหรอ หรือเปลี่ยนใจไม่อยากเรียนแล้ว” พัฒน์พงษ์ ผู้อาวุโส แห่งบ้านเอ่ยขึ้นถาม ภรรยาของเขาที่นั่งอยู่ข้างๆ เตรียมจะรับประทานอาหารเช้ากัน“ไม่รู้สิค่ะ” นิษฐา ภรรยาของพัฒน์พงษ์เอ่ยตอบกลับอย่างเฉไฉ และพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด“แล้วหนูนัชชาล่ะ เมื่อคืนกลับยังไง ใครเป็นคนไปส่ง” พัฒน์พงษ์เปลี่ยนเรื่องถามภรรยาทันที“หนูนัชน่าจะค้างที่นี่แหล่ะ” นิษฐา ตอบสามีออกมา พร้อมกับใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข“ห๊า...ค้างที่นี่ แล้วนอนที่ไหนกัน ที่ห้อ