“สามีจะเข้าไปด้วยไหมค่ะ” ผู้ช่วยพยาบาลเปิดประตูออกมาถามทางพจีพัฒน์ทันที เมื่อถึงเวลาที่หญิงสาวจะต้องคลอดแล้ว
“คือ...” พจีพัฒน์ ที่ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงหันหน้าไปมองทางพ่อที่นั่งอยู่
“เข้าไปให้กำลังใจเมียเถอะ...หนูหริ่งเสียสละความเจ็บก็เพื่อลูกของแกน่ะ” พัฒน์พงษ์พยักหน้าให้ แล้วพูดขึ้นมาอย่างจริงจังกับลูกชาย
พจีพัฒน์จึงเดินตามผู้ช่วยพยาบาลเข้าไปที่ด้านในห้องคลอด ที่หญิงสาวอยู่ด้านในนั้นด้วย และทำการสวมชุดตามที่ผู้ช่วยพยาบาลได้เตรียมการไว้ให้
“หริ่งหริ่ง” เสียงเรียกชื่อหญิงสาวเปลี่ยนขึ้นมาทันที เมื่อเห็นหญิงสาวนอนอยู่บนเตียงรอคลอดแล้ว
“คุณพีท...” หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาอย่างดีใจทันที ที่เห็นชายหนุ่มอยู่ในห้องนี้ด้วย เพราะเธอไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ตรงนี้ได้
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นแหล่ะ...” ร่างสูงนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆกับหญิงสาว แล้วจับมือของพีรดามากุมเอาไว้แน่น เพื่อเป็นการให้กำลังใจเธอเพื่อคลายความเจ็บ
“...เดี๋ยวคุณแม่เบ่งตามที่หมอบอกน่ะค่ะ พร้อมน่ะ” แพทย์ที่ทำการคลอดพูดขึ้นบอกทันที เมื่อเห็นว่าได้เวลาแล้ว
“1...2...3...เบ่งค่ะคุณแม่ อึ้บบบบ” ผู้ช่วยพยาบาลที่อยู่ในห้องนั้นต่างส่งเสียงให้กำลังใจแก่หญิงสาว
“อึ้บบบบ...ฮึกกกก” หญิงสาวหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยจากอาการออกแรงเบ่ง เพื่อให้ลูกคลอดออกมา
“สู้ สู้ น่ะ พีทอยู่ตรงนี้แล้ว” เสียงนุ่มของพจีพัฒน์พูดขึ้นมาอีกครั้ง อย่างให้กำลังใจเธอ แล้วมืออีกข้างที่ว่างก็ยกขึ้นมาลูบที่ศีรษะเธอเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบประโลม
“...อึ้บบบ...” หญิงสาวเบ่งอีกครั้งอย่างสุดกำลังเท่าที่มี
อุแว้ อุแว้ อุแว้
เสียงเด็กทารกวัยแรกเกิดตัวแดงๆ ร้องออกมาทันที ที่ออกมาจากท้องของแม่มาลืมตาดูโลก พร้อมกับส่งเสียงดังกึกก้องไม่ยอมหยุด
“เก่งมากหริ่งหริ่ง...จุ๊บ” พจีพัฒน์เอ่ยชมพีรดาออกมาอย่างดีใจ ทันทีที่ได้ยินเสียงลูกร้อง แล้วจุ๊บเข้าไปที่หน้าผากเหม่งของหญิงสาวหนึ่งทีอย่างลืมตัว
“น้องเป็นผู้ชายนะคะ...เชิญคุณพ่อมาตัดสายสะดือด้วยค่ะ” แพทย์สูตินารีผู้ที่ทำคลอดให้ พูดขึ้นมา
พีรพัฒน์จึงลุกขึ้นไปตามคำที่แพทย์ได้บอก และทำการตัดสายสะดือลูกอย่างกล้าๆ กลัวๆ และรู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เมื่อได้เจอหน้าเด็กทารกเป็นครั้งแรก แล้วจึงเดินกลับมานั่งที่เดิมข้างๆกับหญิงสาว
“เจ็บไหม...” เสียงนุ่มถามขึ้น พร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาของหญิงสาวที่ไหลออกมา
“...แค่ได้ยินเสียงลูก หริ่งก็ไม่เจ็บแล้ว” หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดขึ้นเสียงแผ่ว พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“คุณพ่อคุณแม่ ถ่ายรูปครอบครัวกันนะคะ...” พยาบาลที่อยู่ในห้องนี้ด้วยพูดขึ้นมา พร้อมกับอุ้มทารกแรกเกิดตัวแดง มาร่วมถ่ายรูปด้วยกันสามคน
หญิงสาวที่ถึงแม้จะเจ็บมากสักแค่ไหน เมื่อได้เห็นทารกแรกเกิดตัวแดงๆ ผู้ไร้เดียงสาผู้นี้ ความเจ็บปวดเมื่อสักครู่นี้ ได้หายเป็นปลิดทิ้งทันที นี้สินะที่เขาเรียกว่า ‘ความเจ็บปวดที่งดงาม’ เป็นแบบนี้นี้เอง
แชะ แชะ
เมื่อเก็บภาพครอบครัวเสร็จ พจีพัฒน์ได้ถูกเชิญออกมาด้านนอกห้อง เพราะแพทย์ต้องการเย็บแผลคลอดให้หญิงสาวต่อ และจะได้ย้ายไปที่ห้องพักฟื้นต่อจากนี้
“เป็นยังไงบ้าง...” พัฒน์พงษ์ถามขึ้นมาทันที ที่เห็นลูกชายเดินออกมาจากห้องคลอด ด้วยใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนไปจากตอนแรกอย่างเห็นได้ชัด
“ปลอดภัยดีครับทั้งแม่ และลูก” พจีพัฒน์ตอบเพียงสั้นๆ แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆกับพ่อ
“เป็นพ่อคนแล้วน่ะไอ้เสือ แล้วคิดไว้ยัง...จะให้ลูกชื่ออะไร” พัฒน์พงษ์ถามลูกชายขึ้นมาอีกครั้ง
“ครับ...” พจีพัฒน์ได้แต่พยักหน้ารับกับพ่อ
“แสดงว่าคิดเอาไว้นานแล้วสิ” พัฒน์พงษ์เอ่ยแซวลูกชายขึ้นมาทันที
“เปล่าครับ...พึ่งคิดได้เมื่อวันนี้ตอนเจอหน้าลูกครั้งแรกเองครับ” พจีพัฒน์ตอบพ่อออกมา เพราะเขาพึ่งจะมาคิดถึงเรื่องชื่อของลูกตอนเข้าไปที่ห้องของหญิงสาว ตอนเปิดดูสมุดโน๊ตที่เธอจดรายละเอียดทุกการเติบโตของลูกมาหมาดๆ แถมยังแอบเห็นชื่อที่หญิงสาวตั้งไว้ให้ลูกด้วย
เมื่อหญิงสาวถูกย้ายมาอยู่ที่ห้องพักฟื้น ซึ่งเป็นห้องวีวีไอพี ที่พัฒน์พงษ์ได้ขอให้ทางโรงพยาบาลได้เตรียมการไว้ให้ เพราะต้องการการเป็นส่วนตัวของครอบครัว
อีกด้าน
“กวิน...นายติดต่อกับพีทบ้างหรือเปล่า ฉันติดต่อหริ่งไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สองคนนี้ถึงต้องพักการเรียนกัน” ไลลาพูดขึ้นมา เมื่อกำลังจะเดินทางกลับไปที่คอนโด และทั้งคู่ก็พักอยู่ใกล้ๆกันอีก
“เห็นไอ้พีทมัน...ไปทำงานที่บริษัทของพ่อมันอยู่น่ะ แต่ไม่ได้ถามอะไรมาก หรือว่าพวกมันจะไม่เรียนกันแล้วว่ะ” กวินตอบออกมา เพราะเห็นพจีพัฒน์ไปทำงานที่บริษัทของพ่อเมื่อหลายวันก่อน
“ไอ้พีท...นายยังเห็นว่ามันไปทำงาน แต่หรีดหริ่งนี้สิ ติดต่อก็ไม่ได้ แถมไม่ทราบข่าวอะไร” ไลลาพูดออกมาตามตรง เพราะหลังจากวันปัจฉิมนิเทศวันนั้นจบลง ก็ไม่สามารถติดต่อหรือทราบข่าวของพีรดาเลย
“หริ่งไม่ได้บอกแกหรือ...” กวินถามขึ้นมาอย่างสงสัย เพราะสองคนนี้ เวลาอยู่ที่โรงเรียนตัวติดกันตลอด
“ไม่เลย...” ไลลาตอบออกมาเพียงสั้นๆ พร้อมกับส่ายหน้าใส่อีกที
“เห็นพวกแกสนิทกัน...คิดแต่ว่าหรีดหริ่งจะบอกแก” กวินพูดออกมา ระหว่างที่เดินไปด้วย
“ถามพีทให้หน่อยสิ...ว่าหริ่งไปไหน” ไลลาพูดออกมา เพราะชายหนุ่มสนิทและใกล้ชิดกับพจีพัฒน์ที่สุด
“อืม...ถ้าเจอมันจะลองถามให้” กวินพยักหน้าเพื่อเป็นการรับปาก
“คงไม่กลับไปอยู่ต่างจังหวัดหรอกน่ะ...” ไลลาพูดขึ้นคำสันนิษฐานของตัวเอง
“หริ่งไม่ใช่คนที่นี่เหรอ...” กวินถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะไม่เคยรู้ตัวตนของพีรดาเลย แต่ก็แปลกใจอยู่ไม่น้อย หากเป็นคนต่างจังหวัด ก็คงจะรวยมาก็จริงๆ ถึงได้เรียนที่ดีๆแบบนี้
“หริ่งเป็นหลานสาวป้าแม่บ้าน...ที่บ้านของพีท พ่อของพีทแค่อุปการะเลี้ยงดู” ไลลาตอบออกมาตามเท่าที่รู้ เพราะพีรดาพูดบอกเธอเพียงแค่นั้น
“ไม่น่าล่ะ...เห็นสองคนนี้เจอกันทีไร กัดกันตลอด แถมหรีดหริ่งเรียกไอ้พีทว่าคุณอีก” กวินจึงสรุปได้ทันที
“หรือว่าพวกเราชวนกันไปหาพวกมันที่บ้านดีไหมหยุดยาวนี้...” ไลลามีความคิดใหม่ขึ้นมาทันที
“เอางั้นเหรอไลลา...” กวินถามขึ้นเพื่อความแน่ใจ เพราะไม่ค่อยอยากไปหาพจีพัฒน์ที่บ้านสักเท่าไหร่
“ก็อยากไปดูว่าหรีดหริ่งยังอยู่ที่บ้านนั้นไหม...” ไลลาพูดขึ้นตามความประสงค์ของตัวเอง
ครอบครัวสุขสันต์(จบ)หนึ่งปีต่อมาเข้าปีที่สามของการเป็นนักศึกษาของทั้งคู่แล้ว โดยพจีพัฒน์ตั้งเป้าเอาไว้ว่า จะพาหญิงสาวจบภายในปีนี้ให้ได้ เพราะวางแผนว่าจะมีหลานให้กับแม่ของเขาเพิ่มอีก และเขาก็อยากมีด้วย เพราะไม่อยากให้ลูกอายุห่างกันมากตอนนี้ลูกชายของเขาอายุได้สองขวบกว่าแล้ว และเข้าโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อย นิษฐาเลยว่างในช่วงกลางวัน เพราะหลานไปโรงเรียน เลยมาเย้าแหย่ให้พจีพัฒน์มีหลานให้เลี้ยงอีก เหตุผลเพราะว่าเหงาเพราะพี่ชายและพี่สาว ก็ไม่เห็นท่าทีว่าจะมีแฟนกันเลย ผลเลยมาตกอยู่ที่ลูกชายคนเล็กอย่างเขาที่ยังเรียนไม่จบ แต่แม่อยากที่จะมีหลานเพิ่ม จึงต้องทำให้ทั้งคู่เร่งให้จบภายในปีนี้“ดึกมากแล้วนะพักผ่อนเถอะ พีทอย่าฝืนร่างกายตัวเองเลย ปีนี้เราไม่จบปีหน้าก็รอจบพร้อมกันกับเพื่อนๆก็ได้นี้” พีรดาเอ่ยบอกร่างสูง เมื่อเห็นว่าดึกมากแล้ว แต่ร่างสูงเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการทำวิจัยจบอย่างเดียว“ใกล้จะเสร็จแล้ว หริ่งหริ่งง่วงก็ไปนอนก่อนเถอะ” พจีพัฒน์ตอบออกมาโดยไม่หันหน้าไปมองหญิงสาวเลย“ไม่ค่ะ หริ่งจะเอาเปรียบพีทคนเดียวได้ยังไงกัน แค่พีทอดหลับอดนอนช่วยทำวิจัยให้หริ่ง แค่นี้ก็เกรงใจอยู่แล้ว” หญิงสาวรีบป
เปิดตัวอย่างเป็นทางการซึ่งก็เป็นการชื่นชอบ มีทั้งชื่นชมและทั้งวิจารณ์บ้างต่างๆนาๆ และก็ทำเอาตกใจเป็นอย่างมากในวงเพื่อนฝูงอยู่ไม่น้อย เพราะบางคนที่สนิทต่างไม่มีใครทราบข่าวมาก่อน แม้กระทั้งกวินพัทธ์เอง ที่สนิทกันมามากพอสมควร ก็พึ่งจะทราบข่าวมาก่อนหน้านี้เอง จึงอดไม่ได้ที่จะคอมเมนต์แซวทั้งคู่ออกมาไม่ได้ ‘เปิดตัวทั้งที ทำเอาคนอึ้งไปเลยน่ะมึง ทำไมไม่รอให้ลูกบวชก่อนวะ...ค่อยเปิดตัว 555’“พีท โพสต์อะไรลงไปแบบนั้นค่ะ...” หญิงสาวต่อว่าออกมาทันที เมื่อโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมาไม่หยุด เพราะเสียงแจ้งเตือนข้อความ แม้กระทั้งสายเรียกเข้า“ก็โพสต์ความจริงยังไงล่ะ” ร่างสูงเอ่ยตอบได้แค่นั้น เพราะตอนนี้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เหลือล้นมีความสุขมากมาย ที่ได้ปลดล็อคออกมา“แต่เรา...” หญิงสาวยังคงมีใบหน้าที่วิตกอยู่ไม่น้อย“ไม่มีอะไรต้องกลัวทั้งนั้นแหล่ะ ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ ไม่ช้าก็เร็วคนต้องรู้อยู่ดีแหล่ะหริ่งหริ่ง” พจีพัฒน์ได้แต่ปลอบให้หญิงสาวเชื่อมั่นในตัวเอง พร้อมกับมือที่ยกขึ้นลูบศีรษะของเธออย่างเอ็นดู ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะอายุเยอะกว่าเขาตั้งสามเดือน แต่หญิงสาวในสายตาเขาก็ยังเป็นน้องเขาอ
จากนี้และตลอดไป NCทางด้านของพจีพัฒน์เอง ตอนนี้ขับรถพาพีรดาออกจากเมืองกรุงในเวลากลางดึก มุ่งหน้าตรงสู่ยังภาคเหนือของประเทศ ในเมื่อสัปดาห์ไม่สามารถที่จะกลับบ้านไปได้ จึงถือโอกาสนี้พาหญิงสาวไปพักผ่อน และปรับความเข้าใจกันเสียเลย โดยที่หญิงสาวไม่อาจที่จะปฏิเสธได้“พีทจะพาหริ่งไปไหน...นี้มันดึกมากแล้วน่ะ” หญิงสาวถามขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าพจีพัฒน์ขับรถออกนอกเส้นทาง“...” ชายหนุ่มไม่เอ่ยใดๆ กลับขับรถไปตามเส้นทางเรื่อยๆ เพราะเส้นทางที่ไม่ค่อยชิน“พีท...ทางมันมืดมากเลยน่ะ แถมยังปลอดรถคันอื่นอีกด้วย” หญิงสาวถามขึ้นอย่างสงสัย เพราะกับมองไปตามเส้นทางเรื่อยๆ ที่ไม่คุ้นชินเอาเสียเลย แถมไม่มีรถคันอื่นๆอีก“กลัวเหรอ...ไม่ต้องกลัวหรอก พีทไม่ให้หริ่งหริ่งเป็นอะไรหรอกน่า” ชายหนุ่มถามออกมาเมื่อสังเกตุเห็นอาการวิตกของหญิงสาว แล้วพูดติดตลกออกมาเพื่อให้หญิงสาวสบายใจ และคลายความกังวล“ไม่ใช่แบบนั้น หริ่งเป็นห่วงพีทต่างหาก ที่ขับรถมานานแล้ว กลัวพีทจะง่วงเอา” หญิงสาวเอ่ยบอกออกไปด้วยความเป็นห่วง“เดี๋ยวก็ถึงแล้ว...ขอบคุณน่ะ ที่คุยเป็นเพื่อนมาตลอดทาง ถึงแม้ว่าจะเป็นคำพูดที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ช่วยได้ดีเลย ไม
ความจริงก็คือ...พจีพัฒน์ตามหญิงสาวออกมาจนทัน เห็นหญิงสาวกำลังยืนโบกแท็กซี่อยู่พอดี จึงรีบวิ่งเข้าไปใกล้ พากลับมายังรถของเขาที่จอดอยู่ แต่ไปยังไม่ถึงหญิงสาวก็สะบัดแขนออก เดินหน้างอไปที่รถเองโดยไม่พูดไม่จาสักคำ“หริ่งหริ่ง...” เสียงนุ่มเอ่ยเรียกชื่อของหญิงสาวเมื่อเดินมาถึงรถ“ไม่ต้องมาพูดเสียงหวานใส่เลยน่ะ...ไอ้คนโกหกกะล่อนปลิ้นป้อนไปทั่ว ที่แท้ก็แอบไปมีแฟนอยู่แล้ว ฮึก...” ใบหน้างอยับยู่ยี่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจนักร่างสูงไม่พูดพร่ำ รีบเดินเข้าไปใกล้ๆ กับหญิงสาวแล้วสวมกอดเธอไว้จากทางด้านหลังทันที โดยที่เธอไม่สามารถที่ขยับหนีไปไหนได้อีก“หริ่งหริ่งครับ...” พร้อมกับน้ำเสียงที่อ่อนละมุนเอ่ยเรียกชื่อของเธอ“ไอ้คนบ้า...” พีรดาพยายามที่จะขยับและดิ้นหนีออกจากอ้อมแขนนั้น“หริ่งหริ่งครับ ช่วยมีเหตุผลหน่อย” เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นมาที่ข้างหูของเธอ “ปล่อย...ใช่สิหริ่งมันคนไม่มีเหตุผล งี่เง่าเอาแต่ใจตัวเอง ปล่อย...หริ่งจะกลับบ้านไปหาลูก” หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีที่ประชดประชัน และพยายามที่จะดิ้นออกจากอ้อมแขนเพื่อให้เป็นอิสระ“ไม่ให้กลับ...ขึ้นรถครับ เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันอีกยาว” ร่างสูง
เข้าใจผิด“แต่งตัวโป๊เกินไปหรือเปล่า แค่จะไปรับไลลาเองน่ะ ทำไมต้องจัดเต็มขนาดนี้ด้วย พีทไม่เข้าใจผู้หญิงเลยจริงๆ” พจีพัฒน์พูดขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าวันนี้หญิงสาวแต่งตัวนุ่งน้อยห่มน้อยจนเกินไป และหุ่นก็เริ่มที่จะอวบขึ้น เนื้อหนังเต่งตึงขึ้นมาบ้างแล้ว ทุกสัดส่วนช่างยั่วยวนเหลือเกิน ไม่พอแค่นั้นยังโชว์ไหล่ขาวเนียนๆนั้นอีก“พูดมาก พีทก็ไม่ต้องไป หริ่งจะไปหาไลลาคนเดียวเอง” หญิงสาวเอ่ยคำขาดขึ้นมาขู่ทันที เมื่อเห็นว่าร่างสูงเริ่มจะบ่นเธอ“ได้ยังไงกัน หริ่งหริ่งเป็นเมียพีทน่ะ ใครจะยอมปล่อยให้แต่งตัวแบบนี้ออกไปเป็นอาหารตาของคนอื่นได้ยังไงกัน พีทต้องไปคุมสิ แล้วอีกอย่างไลลาก็เป็นเพื่อนของเราทั้งคู่น่ะ” พจีพัฒน์ยกเหตุผลขึ้นมาอ้างกับหญิงสาวทันที“จะไปหรือไม่ไปค่ะ” หญิงสาวหันมาร่างสูงที่ตอนนี้ทำหน้างอเหมือนเด็กใส่เธออยู่“ไปครับ” ร่างสูงรีบลุกขึ้น แล้วหยิบเอากุญแจรถ เดินตามหญิงสาวออกจากห้องไปทันที อย่างไม่อาจที่มีสิทธิ์คัดค้านหรือปฏิเสธอะไรได้เลยเดิมทีวันนี้ทั้งคู่จะต้องกลับไปค้างที่บ้านกับลูกเพราะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่พีรดาขอปฏิเสธที่จะไม่ไป เพราะพึ่งจะมีเรื่องที่เข้าใจผิดกัน และไม่อยากให้พจ
ไม่อาจทนทางด้านของไลลาที่พึ่งจะเลิกกับแฟนหนุ่มมาหมาดๆ เพราะจับได้ว่าธันวาแอบไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหญิงอื่น และยังมารู้อีกว่าตลอดเวลาที่ชายหนุ่มคบอยู่กับเธอ ก็แอบไปมีสัมพันธ์กับคนอื่นตลอด โดยที่เธอไม่เคยรู้เลย เพราะเธอไม่ยอมมอบความสาวนั้นให้เขาคืนนี้เลยตัดสินใจออกมาดื่มคนเดียวตั้งแต่ร้านพึ่งจะเปิด เพราะอยากลืมทุกอย่าง และทิ้งไม่ไปให้หมดภายในวันนี้“มันก็แค่ไอ้ผู้ชายเฮงซวยละว่ะ ไปได้เร็วๆสะยิ่งดี ฮึก...” ใบหน้าเคียดแค้นก้นด่าออกมา พร้อมกับเสียงเค้นหัวเราะอยู่ในลำคอ“พี่สาว...เมาหรือเปล่าค่ะ” ปรียาภัทร หรือ เอิงเอย หญิงสาววัย 20 ปี สาวเสิร์ฟที่พึ่งจะมาทำงานที่นี่ได้ไม่กี่วันมานี้เอง เพราะต้องการหารายได้ระหว่างเรียน“พี่ไม่เป็นอะไรค่ะน้อง พี่แค่อยากดื่มเพื่อให้ลืมสิ่งที่ไม่ดีเฉยๆค่ะ ถ้าพี่เมาน้องช่วยโทรหาเพื่อนพี่ที่เบอร์นี้ทีน่ะค่ะ” ไลลาพูดขึ้นด้วยใบหน้าเยือกเย็น พร้อมกับยื่นกระดาษโน๊ตให้แก่ปรียาภัทรทันทีหญิงสาวรับไว้โดยที่ไม่พูดอะไรตอบ แล้วจึงขอตัวกลับไปทำหน้าที่ของเธอต่อ ปล่อยให้ไลลาได้นั่งดื่มอยู่คนเดียว แต่เธอก็จะคอยมาสอดส่องดูตลอดหากว่างจากโต๊ะอื่นคอนโดฯหรูของพจีพัฒน์พจีพัฒน์พา