“สามีจะเข้าไปด้วยไหมค่ะ” ผู้ช่วยพยาบาลเปิดประตูออกมาถามทางพจีพัฒน์ทันที เมื่อถึงเวลาที่หญิงสาวจะต้องคลอดแล้ว
“คือ...” พจีพัฒน์ ที่ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงหันหน้าไปมองทางพ่อที่นั่งอยู่
“เข้าไปให้กำลังใจเมียเถอะ...หนูหริ่งเสียสละความเจ็บก็เพื่อลูกของแกน่ะ” พัฒน์พงษ์พยักหน้าให้ แล้วพูดขึ้นมาอย่างจริงจังกับลูกชาย
พจีพัฒน์จึงเดินตามผู้ช่วยพยาบาลเข้าไปที่ด้านในห้องคลอด ที่หญิงสาวอยู่ด้านในนั้นด้วย และทำการสวมชุดตามที่ผู้ช่วยพยาบาลได้เตรียมการไว้ให้
“หริ่งหริ่ง” เสียงเรียกชื่อหญิงสาวเปลี่ยนขึ้นมาทันที เมื่อเห็นหญิงสาวนอนอยู่บนเตียงรอคลอดแล้ว
“คุณพีท...” หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาอย่างดีใจทันที ที่เห็นชายหนุ่มอยู่ในห้องนี้ด้วย เพราะเธอไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ตรงนี้ได้
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นแหล่ะ...” ร่างสูงนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆกับหญิงสาว แล้วจับมือของพีรดามากุมเอาไว้แน่น เพื่อเป็นการให้กำลังใจเธอเพื่อคลายความเจ็บ
“...เดี๋ยวคุณแม่เบ่งตามที่หมอบอกน่ะค่ะ พร้อมน่ะ” แพทย์ที่ทำการคลอดพูดขึ้นบอกทันที เมื่อเห็นว่าได้เวลาแล้ว
“1...2...3...เบ่งค่ะคุณแม่ อึ้บบบบ” ผู้ช่วยพยาบาลที่อยู่ในห้องนั้นต่างส่งเสียงให้กำลังใจแก่หญิงสาว
“อึ้บบบบ...ฮึกกกก” หญิงสาวหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยจากอาการออกแรงเบ่ง เพื่อให้ลูกคลอดออกมา
“สู้ สู้ น่ะ พีทอยู่ตรงนี้แล้ว” เสียงนุ่มของพจีพัฒน์พูดขึ้นมาอีกครั้ง อย่างให้กำลังใจเธอ แล้วมืออีกข้างที่ว่างก็ยกขึ้นมาลูบที่ศีรษะเธอเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบประโลม
“...อึ้บบบ...” หญิงสาวเบ่งอีกครั้งอย่างสุดกำลังเท่าที่มี
อุแว้ อุแว้ อุแว้
เสียงเด็กทารกวัยแรกเกิดตัวแดงๆ ร้องออกมาทันที ที่ออกมาจากท้องของแม่มาลืมตาดูโลก พร้อมกับส่งเสียงดังกึกก้องไม่ยอมหยุด
“เก่งมากหริ่งหริ่ง...จุ๊บ” พจีพัฒน์เอ่ยชมพีรดาออกมาอย่างดีใจ ทันทีที่ได้ยินเสียงลูกร้อง แล้วจุ๊บเข้าไปที่หน้าผากเหม่งของหญิงสาวหนึ่งทีอย่างลืมตัว
“น้องเป็นผู้ชายนะคะ...เชิญคุณพ่อมาตัดสายสะดือด้วยค่ะ” แพทย์สูตินารีผู้ที่ทำคลอดให้ พูดขึ้นมา
พีรพัฒน์จึงลุกขึ้นไปตามคำที่แพทย์ได้บอก และทำการตัดสายสะดือลูกอย่างกล้าๆ กลัวๆ และรู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เมื่อได้เจอหน้าเด็กทารกเป็นครั้งแรก แล้วจึงเดินกลับมานั่งที่เดิมข้างๆกับหญิงสาว
“เจ็บไหม...” เสียงนุ่มถามขึ้น พร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาของหญิงสาวที่ไหลออกมา
“...แค่ได้ยินเสียงลูก หริ่งก็ไม่เจ็บแล้ว” หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดขึ้นเสียงแผ่ว พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“คุณพ่อคุณแม่ ถ่ายรูปครอบครัวกันนะคะ...” พยาบาลที่อยู่ในห้องนี้ด้วยพูดขึ้นมา พร้อมกับอุ้มทารกแรกเกิดตัวแดง มาร่วมถ่ายรูปด้วยกันสามคน
หญิงสาวที่ถึงแม้จะเจ็บมากสักแค่ไหน เมื่อได้เห็นทารกแรกเกิดตัวแดงๆ ผู้ไร้เดียงสาผู้นี้ ความเจ็บปวดเมื่อสักครู่นี้ ได้หายเป็นปลิดทิ้งทันที นี้สินะที่เขาเรียกว่า ‘ความเจ็บปวดที่งดงาม’ เป็นแบบนี้นี้เอง
แชะ แชะ
เมื่อเก็บภาพครอบครัวเสร็จ พจีพัฒน์ได้ถูกเชิญออกมาด้านนอกห้อง เพราะแพทย์ต้องการเย็บแผลคลอดให้หญิงสาวต่อ และจะได้ย้ายไปที่ห้องพักฟื้นต่อจากนี้
“เป็นยังไงบ้าง...” พัฒน์พงษ์ถามขึ้นมาทันที ที่เห็นลูกชายเดินออกมาจากห้องคลอด ด้วยใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนไปจากตอนแรกอย่างเห็นได้ชัด
“ปลอดภัยดีครับทั้งแม่ และลูก” พจีพัฒน์ตอบเพียงสั้นๆ แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆกับพ่อ
“เป็นพ่อคนแล้วน่ะไอ้เสือ แล้วคิดไว้ยัง...จะให้ลูกชื่ออะไร” พัฒน์พงษ์ถามลูกชายขึ้นมาอีกครั้ง
“ครับ...” พจีพัฒน์ได้แต่พยักหน้ารับกับพ่อ
“แสดงว่าคิดเอาไว้นานแล้วสิ” พัฒน์พงษ์เอ่ยแซวลูกชายขึ้นมาทันที
“เปล่าครับ...พึ่งคิดได้เมื่อวันนี้ตอนเจอหน้าลูกครั้งแรกเองครับ” พจีพัฒน์ตอบพ่อออกมา เพราะเขาพึ่งจะมาคิดถึงเรื่องชื่อของลูกตอนเข้าไปที่ห้องของหญิงสาว ตอนเปิดดูสมุดโน๊ตที่เธอจดรายละเอียดทุกการเติบโตของลูกมาหมาดๆ แถมยังแอบเห็นชื่อที่หญิงสาวตั้งไว้ให้ลูกด้วย
เมื่อหญิงสาวถูกย้ายมาอยู่ที่ห้องพักฟื้น ซึ่งเป็นห้องวีวีไอพี ที่พัฒน์พงษ์ได้ขอให้ทางโรงพยาบาลได้เตรียมการไว้ให้ เพราะต้องการการเป็นส่วนตัวของครอบครัว
อีกด้าน
“กวิน...นายติดต่อกับพีทบ้างหรือเปล่า ฉันติดต่อหริ่งไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สองคนนี้ถึงต้องพักการเรียนกัน” ไลลาพูดขึ้นมา เมื่อกำลังจะเดินทางกลับไปที่คอนโด และทั้งคู่ก็พักอยู่ใกล้ๆกันอีก
“เห็นไอ้พีทมัน...ไปทำงานที่บริษัทของพ่อมันอยู่น่ะ แต่ไม่ได้ถามอะไรมาก หรือว่าพวกมันจะไม่เรียนกันแล้วว่ะ” กวินตอบออกมา เพราะเห็นพจีพัฒน์ไปทำงานที่บริษัทของพ่อเมื่อหลายวันก่อน
“ไอ้พีท...นายยังเห็นว่ามันไปทำงาน แต่หรีดหริ่งนี้สิ ติดต่อก็ไม่ได้ แถมไม่ทราบข่าวอะไร” ไลลาพูดออกมาตามตรง เพราะหลังจากวันปัจฉิมนิเทศวันนั้นจบลง ก็ไม่สามารถติดต่อหรือทราบข่าวของพีรดาเลย
“หริ่งไม่ได้บอกแกหรือ...” กวินถามขึ้นมาอย่างสงสัย เพราะสองคนนี้ เวลาอยู่ที่โรงเรียนตัวติดกันตลอด
“ไม่เลย...” ไลลาตอบออกมาเพียงสั้นๆ พร้อมกับส่ายหน้าใส่อีกที
“เห็นพวกแกสนิทกัน...คิดแต่ว่าหรีดหริ่งจะบอกแก” กวินพูดออกมา ระหว่างที่เดินไปด้วย
“ถามพีทให้หน่อยสิ...ว่าหริ่งไปไหน” ไลลาพูดออกมา เพราะชายหนุ่มสนิทและใกล้ชิดกับพจีพัฒน์ที่สุด
“อืม...ถ้าเจอมันจะลองถามให้” กวินพยักหน้าเพื่อเป็นการรับปาก
“คงไม่กลับไปอยู่ต่างจังหวัดหรอกน่ะ...” ไลลาพูดขึ้นคำสันนิษฐานของตัวเอง
“หริ่งไม่ใช่คนที่นี่เหรอ...” กวินถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะไม่เคยรู้ตัวตนของพีรดาเลย แต่ก็แปลกใจอยู่ไม่น้อย หากเป็นคนต่างจังหวัด ก็คงจะรวยมาก็จริงๆ ถึงได้เรียนที่ดีๆแบบนี้
“หริ่งเป็นหลานสาวป้าแม่บ้าน...ที่บ้านของพีท พ่อของพีทแค่อุปการะเลี้ยงดู” ไลลาตอบออกมาตามเท่าที่รู้ เพราะพีรดาพูดบอกเธอเพียงแค่นั้น
“ไม่น่าล่ะ...เห็นสองคนนี้เจอกันทีไร กัดกันตลอด แถมหรีดหริ่งเรียกไอ้พีทว่าคุณอีก” กวินจึงสรุปได้ทันที
“หรือว่าพวกเราชวนกันไปหาพวกมันที่บ้านดีไหมหยุดยาวนี้...” ไลลามีความคิดใหม่ขึ้นมาทันที
“เอางั้นเหรอไลลา...” กวินถามขึ้นเพื่อความแน่ใจ เพราะไม่ค่อยอยากไปหาพจีพัฒน์ที่บ้านสักเท่าไหร่
“ก็อยากไปดูว่าหรีดหริ่งยังอยู่ที่บ้านนั้นไหม...” ไลลาพูดขึ้นตามความประสงค์ของตัวเอง
ความหวังดีจากเพื่อนวันต่อมาและวันนี้ก็เป็นคืนสุดท้ายของทุกคนที่จะได้อยู่ที่นี่ และรวมตัวกัน และทางผู้ใหญ่ที่เป็นเจ้าของพื้นที่ในสถานที่แห่งนี้ ได้จัดเลี้ยงฉลอง ให้กับทุกคนที่มาในครั้งนี้ด้วย เพื่อเป็นการตอบแทน“เต็มที่เลยนะครับทุกคน และขอบคุณทุกคนด้วยนะครับที่ร่วมด้วยช่วยกัน ทำให้กิจกรรมในครั้งนี้ สำเร็จรุร่วงไปด้วยดี ขอบคุณมากครับ...” กันตถาวร กล่าวบอกกับทุกคนที่มาในครั้งนี้ทุกคนต่างก็ดื่มฉลองกันอย่างมีความสุข สนุกสนานกันอย่างเต็มที่ เพราะนานๆทีจะได้มาร่วมกิจกรรม แถมได้รู้จักเพื่อนใหม่ พี่ๆน้องๆ ความสัมพันธ์ มิตรภาพดีๆต่อกัน แถมได้ปลดปล่อยออกด้วยที่ได้อยู่นอกมหาลัยแบบนี้“มานั่งอะไรอยู่ตรงนี้คนเดียวว่ะ ไอ้พีท ไม่ไปร่วมสนุกกับเขา” ชนาภัทร หรือ ภัทร เพื่อนที่พึ่งจะรู้กันกันในช่วงเปิดภาคเรียนวันแรก และก็เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่นั้น“ไม่ว่ะ แค่รู้สึกเบื่อๆ แล้วมึงละ ทำไมหน้าเครียดจัง ปกติก็มีสาวๆล้อมรอบไม่ใช่เหรอ” พจีพัฒน์ถามขึ้นทันที ที่ชนาภัทรนั่งลงใกล้ๆ กับเขาอย่างหน้าเซ็งๆ“เฮ้อ...” ชนาภัทรถอนหายใจออกยาวเหยียด อย่างรู้สึกไม่สบายใจ“อกหักเหรอ” พจีพัฒน์ถามขึ้นมาทันที เมื่อเห็นใบหน
เพื่อนใหม่“หนึ่ง นึกว่าจะไม่ได้มาเสียแล้ว” พีรดาถามเพื่อนขึ้นมาอย่างสงสัย เพราะก่อนขึ้นรถก็รออยู่ตั้งนานแต่ไม่เห็นเพื่อนเลย จึงคิดว่าเพื่อนไม่ได้มาด้วยแล้ว“มาอยู่แล้วแหล่ะ กิจกรรมแบบนี้จะพลาดได้ยังไง แล้วเอกกี้ล่ะ” น้ำหนึ่ง อารยา เพื่อนสาวของพีรดาที่รู้จักกันตั้งแต่มาเรียนวันแรก ทำให้ทั้งคู่ดูสนิทกัน“เอกกี้ก็อยู่โซนผู้ชายสิ” พีรดาตอบออกไปตามความเป็นจริง“เรานอนด้วยกันน่ะหริ่ง” อารยาเอ่ยแซวพีรดาออกมา เมื่อเดินมาถึงที่พัก ที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้“จะบ้าเหรอหนึ่ง คิดไรกับเราหรือเปล่านี้” พีรดาพูดจบ พร้อมกับเดินเข้าไปคล้องแขนของอารยาทันทีอย่างออดอ้อนพร้อมกับซบหน้าลงที่บ่าของเธอ“หรีดหริ่ง” อารยาเรียกชื่อของพีรดาออกมาทันที“แค่แซวเล่นเอง จริงจังไปได้” พีรดาเอ่ยออกมาพร้อมกับพากันเดินเข้าไปยังที่พักต่ออีกทีตกเย็นทางรุ่นพี่ หรือผู้นำของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้นัดรวมตัวกันที่ลานกว้างของโรงเรียน ซึ่งการมาทำกิจกรรมใครครั้งนี้คือการพัฒนาฟื้นฟูโรงเรียนบนดอย“คืนนี้ พวกเราก็พักเอาแรงกันก่อนน่ะครับ พรุ่งนี้ค่อยเริ่มกัน” กันต์ กันตถาวร รุ่นพี่ปีสามหรือผู้นำในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เอ่ยบอกกับทุกค
รับน้องผ่านมาสามเดือนแล้วของการเป็นนักศึกษาอย่างเต็มตัวของทั้งคู่ วันหยุดและเวลาแทบจะไม่มี แถมยังไม่มีเวลาได้ไปไหนเลย แม้กระทั้งกลับบ้านไปหาลูกก็ยังไม่มีแม้แต่เวลาพัก เพราะพึ่งจะเปิดภาคเรียนใหม่ แถมยังต้องเตรียมตัวไปเข้าค่ายจิตอาสาที่ต่างจังหวัดอีก ที่จัดกิจกรรมรับน้องกับทางของมหาวิทยาลัยเป็นบางสาขาเท่านั้น ที่รุ่นพี่ได้จัดขึ้นมารุ่นต่อรุ่น เพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องในทุกๆปีของการเปิดภาคเรียนใหม่“เธอจะไม่ไปก็ได้น่ะ เพราะต้องพักค้างแรมด้วยตั้งสามวันสองคืน” พจีพัฒน์พูดขึ้นเมื่ออยู่กันที่คอนโดฯตามลำพัง เพราะทราบมาว่าหญิงสาวลำบากใจมากพอสมควรที่ไปครั้งนี้ต้องพักค้างแรมด้วย“หริ่งจะไปค่ะ หริ่งอยากมีส่วนร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ด้วย คุณพีทก็ทราบดีนี้ค่ะ คนอย่างหริ่งไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว” หญิงสาวตอบออกมาทันที โดยไม่ได้คิดอะไรให้ยุ่งยาก เพราะถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเรียนเธอมักจะเต็มที่อยู่เสมอ“ตามใจเธอก็แล้วกัน แต่จำเอาไว้น่ะ ห้ามกินอะไรมั่วเป็นอันขาด รู้ว่าตัวเองเคยผิดเคยแพ้อะไร เลี่ยงได้ก็เลี่ยง เพราะหากเธอเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะเดือดร้อน พ่อได้เอาฉันตายแน่” พจีพัฒน์สั่งการขึ้นม
นักศึกษาใหม่สามเดือนต่อมา ณ คอนโดฯหรูใจกลางเมืองกรุง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยที่ทั้งคู่ได้ศึกษาอยู่ในตอนนนี้ และทั้งคู่ก็ได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่คอนโดฯเป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่สัปดาห์ก่อนหน้านี้แล้ว พัฒน์พงษ์พ่อของชายหนุ่มเลือกคอนโดฯแห่งนี้ให้ ก็เพื่อที่จะได้สะดวกต่อการเดินทางมากขึ้น และอยากให้ทั้งคู่ทุ่มเทให้กับการเรียนเพียงอย่างเดียว“เสร็จยัง ยัยเปีย นี้เปิดเรียนวันแรกน่ะ ไม่มีความพร้อมเอาเสียเลย” เสียงบ่นออกมา เมื่อออกมานั่งรอหญิงสาวอยู่ที่โซฟากลางห้องรับแขกหญิงสาวในเสื้อนักศึกษากับกระโปรงทรงเอรัดรูปเพียงเล็กน้อย เพราะอาการอวบจากการมีลูกของเธอ และชุดนักศึกษาได้เตรียมไว้ตั้งแต่ที่เธอยังไม่ท้องแล้ว เธอไม่อยากซื้อใหม่ เพราะว่าชุดนี้ก็ยังไม่เคยได้ใส่เสียด้วยซ้ำหญิงสาวเดินออกมาจากห้องของเธอ ซึ่งเธอกับเขาก็นอนกันคนละห้อง เพราะว่าทั้งคู่ก็ไม่ได้รักกัน ก็แค่อยู่กันในฐานะคนที่มีใบทะเบียนสมรส และพ่อกับแม่ของลูกเพียงแค่นั้น“เสร็จแล้ว เลิกเรียกยัยเปียได้แล้ว หริ่งไม่ได้เปียผมแล้วนะ ดูสิ” ร่างอวบอิ่มหมุนตัวให้ร่างสูงที่นั่งอยู่โซฟาดู พร้อมกับสยายผมที่ปล่อยตรงยาวลงมาปรกหลังไม่ได้รวบมัด
ฟอร์ยู พีรพัฒน์บ้านเรืองพาณิชยากุลพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลได้สามวัน หญิงสาวก็ได้รับอนุญาตให้กลับมาพักฟื้นต่อที่บ้านได้ โดยที่พัฒน์พงษ์ได้จ้างพยาบาลพิเศษมาคอยดูแลหญิงสาวในระยะนี้ตลอดเวลาหนึ่งเดือน“มาแล้วหลานชายลุง คงจะตั้งใจปั้นน่าดูสิท่า หน้าถึงได้ออกมาเหมือนพ่อยังกับแกะ ไม่ต้องสืบยากเลยว่าลูกใคร เด็กชายพีรพัฒน์ เรืองพาณิชยากุล น้องฟอร์ยู มีทั้งชื่อพ่อและแม่รวมอยู่ด้วยกันเลย เพราะมากแถมความหมายดีอีกต่างหาก ใครเป็นคนตั้งให้เหรอ ที่แน่ๆ พี่ว่าคงไม่ใช่แกแน่ตาพีท...” พงศกรแซวขึ้นมาทันที ที่ได้เห็นหน้าหลานชายคนแรกของบ้าน แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นสมุดและเอกสารต่างๆเกี่ยวกับหลานชายคนแรกของเขา จึงได้ถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดู แล้วพูดแซวน้องชายออกมาทันที“อ้าว ทำไมผมจะตั้งชื่อให้ลูกไม่ได้ละครับ...” พจีพัฒน์กรอกตามองมาที่พี่ชายทันที เมื่อถูกดูเหมิ่นขนาดนี้“เพราะพี่คิดว่า แกไม่น่าจะใช่คนคิดเรื่องอะไรพวกนี้เป็นแน่นอน...” พงศกรพูดขึ้นมาอย่างมั่นใจ เพราะตั้งแต่ที่พีรดาตั้งท้อง พจีพัฒน์ไม่แม้แต่จะสนใจ หรือเอาใจใส่เสียด้วยซ้ำ“พี่ก็ดูถูกผมมากเกินไปแล้วพี่เพชร...” พจีพัฒน์พูดขึ้นมาทันที“หริ่งขออุ้มลูกบ้า
ความเจ็บปวดที่งดงาม“สามีจะเข้าไปด้วยไหมค่ะ” ผู้ช่วยพยาบาลเปิดประตูออกมาถามทางพจีพัฒน์ทันที เมื่อถึงเวลาที่หญิงสาวจะต้องคลอดแล้ว“คือ...” พจีพัฒน์ ที่ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงหันหน้าไปมองทางพ่อที่นั่งอยู่“เข้าไปให้กำลังใจเมียเถอะ...หนูหริ่งเสียสละความเจ็บก็เพื่อลูกของแกน่ะ” พัฒน์พงษ์พยักหน้าให้ แล้วพูดขึ้นมาอย่างจริงจังกับลูกชายพจีพัฒน์จึงเดินตามผู้ช่วยพยาบาลเข้าไปที่ด้านในห้องคลอด ที่หญิงสาวอยู่ด้านในนั้นด้วย และทำการสวมชุดตามที่ผู้ช่วยพยาบาลได้เตรียมการไว้ให้“หริ่งหริ่ง” เสียงเรียกชื่อหญิงสาวเปลี่ยนขึ้นมาทันที เมื่อเห็นหญิงสาวนอนอยู่บนเตียงรอคลอดแล้ว“คุณพีท...” หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาอย่างดีใจทันที ที่เห็นชายหนุ่มอยู่ในห้องนี้ด้วย เพราะเธอไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ตรงนี้ได้“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นแหล่ะ...” ร่างสูงนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆกับหญิงสาว แล้วจับมือของพีรดามากุมเอาไว้แน่น เพื่อเป็นการให้กำลังใจเธอเพื่อคลายความเจ็บ“...เดี๋ยวคุณแม่เบ่งตามที่หมอบอกน่ะค่ะ พร้อมน่ะ” แพทย์ที่ทำการคลอดพูดขึ้นบอกทันที เมื่อเห็นว่าได้เวลาแล้ว“1...2...3...เบ่งค่ะคุณแม่ อึ้บบบบ” ผู้ช่วยพยาบาลที่อยู่ในห้องนั้นต่างส