Share

บทที่ 2

Author: ฉันว่าลมมา
เสียงของฉือเส่าอวี่กระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบา

ทว่าเนื้อความในประโยคนั้นกลับเต็มไปด้วยแรงกดดัน การตัดพ้อ และความคับข้องใจ ราวกับกำลังใช้เหยื่อล่อ

ซ่งเหวินจิ่งทอดสายตาลงมองต่ำ และในจังหวะนั้นเอง สายตาของเขาก็เล็ดลอดเข้าไปใต้ปกเสื้อของอีกฝ่าย

เผยให้เห็นรอยฟันที่ฝังลึกบริเวณต้นคอ พลันความทรงจำก็ย้อนกลับเข้ามา เขาจำได้ดีว่า ตอนที่เขาขบเม้มลงไปฉือเส่าอวี่ถึงกับหลั่งน้ำตาแห่งความรู้สึกออกมา

ซ่งเหวินจิ่งอดคิดไม่ได้ว่า ภายใต้เสื้อผ้าตัวนี้ยังมีร่องรอยหลักฐานความผิดของตนที่ได้ฝากไว้อยู่อีกมากน้อยเพียงใด

เมื่อความคิดของเขาถูกอ่านออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ฉือเส่าอวี่จึงใช้มือเพียงข้างเดียวในการปลดกระดุมเสื้อออกอย่างช้า ๆ

ปลายนิ้วเลื่อนไล้จากรอยจูบบนลำคอลงไปสู่รอยช้ำสีม่วงเข้มบริเวณทรวงอก

“อยากดูให้ชัด ๆ ไหม?” เขาพูดพลางแสยะยิ้ม “ตอนนี้มันยังเจ็บอยู่เลยนะ”

ทุกครั้งที่กระดุมเสื้อดีดตัวหลุดออกจากรังดุม หัวใจของซ่งเหวินจิ่งพลันเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่งจนผิดจังหวะ การหายใจของเขาก็ขาดห้วงและติดขัดอย่างไม่อาจควบคุมความสงบไว้ได้

ก่อนหน้าเมื่อคืน เขาเคยเชื่อมั่นมาตลอดว่าตัวเองคือชายแท้

ทว่าความงามของชายหนุ่มตรงหน้าผู้นี้ กลับชวนให้หลงใหลเกินต้านทาน ทั้งเรือนกายที่อรชรแต่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง และภาพเรียวขาคู่ยาวเมื่อคืนก็ยังคงตรึงอยู่ในความทรงจำ ไม่อาจลืมเลือน

เขายกมือขึ้นฉับพลันพร้อมกับตระครุบข้อมือของฉือเส่าอวี่ ที่กำลังไล่เรียงปลดกระดุมให้ชะงักลง “ผมจะไปเย็บเสื้อให้เดี๋ยวนี้ครับ”

เขาจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ซ่งเหวินจิ่งสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่กำลังพลุ่งพล่าน ปะทุขึ้นมาในกาย จนเลือดกำเดาแทบจะไหลทะลักออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

เขาได้ยินฉือเส่าอวี่หัวเราะกรุ้มกริ่มอยู่ทางด้านหลัง พลางพยายามควบคุมลมหายใจเพื่อเรียกสติ

“ดีจังเลยที่นายจะเย็บซ่อมให้ พี่จะได้ไปอาบน้ำพักผ่อนสักที” ฉือเส่าอวี่กล่าว

เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่งเหวินจิ่งถึงกับช็อกจนทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ ราวกับสมองหยุดทำงาน

ดวงตาของเขาเบิกกว้างอดไม่ได้ที่จะหันไปมองฉือเส่าอวี่อย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

ฉือเส่าอวี่ยกคิ้วก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อว่า “พี่เดินทางมาตั้งเหนื่อย แถมเมื่อคืนถูกนายรบกวนจนแทบไม่ได้นอนอีก ขออาบน้ำหน่อยไม่ได้เหรอ?”

ซ่งเหวินจิ่งถึงกับช็อกนิ่งเป็นรอบที่สอง เขารีบดึงสายตากลับมาแทบไม่ทัน ในวินาทีนั้นเขาอยากจะปิดหูปิดตาให้รู้แล้วรู้รอดไปสักเดี๋ยวนั้น

“พี่ไม่คิดจะระแวงผมหน่อยเหรอ?” ซ่งเหวินจิ่งทำเสียง จิ๊ อย่างไม่สบอารมณ์

ฉือเส่าอวี่ยิ้มตอบอย่างมีเลศนัย “ฉือไป๋ไม่ได้บอกว่านายเป็นชายแท้หรอกเหรอ?”

ไม่ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ยอมรับ ใช่ มันเคยเป็นความจริง

ซ่งเหวินจิ่งเลือกที่จะเงียบ ในขณะที่เสียงน้ำจากฝักบัวดัง ซู่ซ่า อยู่ข้าง ๆ ไม่ไกลนัก

เขาไม่อาจควบคุมความว้าวุ่นในใจได้เลย ภาพเรือนร่างที่เคยเห็นยังคงวนเวียนในห้วงความคิดไม่ยอมจางหายไป

เขาต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อน พลางย้ำเตือนกับตัวเองซ้ำ ๆ ว่า “เราเป็นชายแท้”

ในจังหวะที่ฉือเส่าอวี่ก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำ ซ่งเหวินจิ่งก็จัดการเย็บกระดุมเสร็จอย่างเหมาะเจาะ พร้อมทั้งบรรจงพับเสื้อวางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

เขารีบหมุนตัวหันไปยังฉือเส่าอวี่ พลางเอ่ยขึ้นว่า “ผมเย็บเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ นี่เป็นครั้งแรกของผม...”

นี่เป็นครั้งแรกของผมที่เย็บกระดุม อาจจะทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร

คำพูดของเขาชะงักกลางอากาศ ติดอยู่ในลำคอ

ฉือเส่าอวี่ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จก้าวออกมาจากห้องน้ำยืนอยู่ตรงหน้า โดยมีเพียงผ้าขนหนูผืนเล็กที่ปกปิดส่วนสำคัญไว้เท่านั้น ร่างกายนั้นเต็มไปด้วยร่องรอยรัก จนทำให้ซ่งเหวินจิ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะวางสายตาไว้ตรงไหน

ทันทีที่สายตาเขาตกกระทบรอยช้ำบริเวณต้นขาของเขา ซ่งเหวินจิ่งก็สบถด่าตัวเองขึ้นมาอย่างรุนแรง

ไอ้คนสารเลว

ฉือเส่าอวี่หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ และเอ่ยขึ้นว่า “ก็ดูออกอยู่หรอกว่าเป็นครั้งแรกของนาย ไม่มีเทคนิค ไม่มีชั้นเชิงแต่หนักหน่วงถึงใจมากนะ”

ซ่งเหวินจิ่งกัดฟันกรอด

เขารับรู้ว่าอีกฝ่ายจงใจกำลังเล่นลิ้นและยั่วโมโห ทว่าในใจกลับรู้สึกร้อนรุ่ม ความหึงหวงแล่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

“พี่ฉือเคยผ่านศึกมาเยอะแล้วเหรอครับ?” ซ่งเหวินจิ่งเหยียดตัวขึ้น

เขาไม่ยอมถูกฉือเส่าอวี่จูงจมูกไปตลอดทางแน่

ฉือเส่าอวี่ถูกเขาต้อนจนชิดติดกับตู้เสื้อผ้า ตอบด้วยเสียงเรียบนิ่งว่า “เคยเห็นมาเยอะน่ะ”

“ถ้าพี่รู้สึกว่าผมยังมีข้อบกพร่องอยู่ งั้นรบกวนช่วยสอนผมหน่อยสิครับ” ซ่งเหวินจิ่งพึมพำด้วยเสียงกระเส่า

ฉือเส่าอวี่ยังคงสงบเยือกเย็น เขาใช้มือต้านแผ่นอกของซ่งเหวินจิ่งไว้ “สอนไม่ได้หรอก ไม่มีถุงยางอนามัย”

เขามั่นใจว่า เขามีอำนาจต่อรองที่เหนือกว่าด้วยข้ออ้างนี้ และ พยายามบงการซ่งเหวินจิ่ง

ซ่งเหวินจิ่งลดใบหน้าลงต่ำ ขณะที่นัยตากลับเลื่อนขึ้นสบประสานเข้ากับสายตาของอีกฝ่ายอย่างจงใจ “พี่จำได้ไหมว่าเมื่อคืนเราใช้ไปทั้งหมดกี่ชิ้น?”

เมื่อคืนฉือเส่าอวี่กึ่งหลับกึ่งตื่น มึนเมาตลอดทั้งคืน จะมีเวลาไหนไปใส่ใจเรื่องแบบนี้กัน

“เก้าชิ้น” ซ่งเหวินจิ่งกระซิบข้างหู “เปิดไปสองกล่อง พี่ลองเดาดูสิ อีกอันหายไปไหน?”

บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่เย็นเฉียบแตะลงบนหน้าท้องของฉือเส่าอวี่ ซ่งเหวินจิ่งออกแรงกดเน้นมันลงไป พลางเลื่อนมันขึ้นทีละน้อย ทีละน้อยอย่างเชื่องช้าด้วยความตั้งใจ
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พ่ายรักกลลวง   บทที่ 10

    “เดี๋ยวก่อน ไม่ต้องแล้ว” พ่อฉือเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ ริมฝีปากสั่นเทา “ให้เขาได้นอนพักไปก่อนเถอะ”ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งสามจะอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์กลมเกลียวซ่งเหวินจิ่งก็เชื่อว่ามันเป็นเช่นนั้นทว่า เมื่อฉือเส่าอวี่ก้าวเดินออกมาจากห้อง และได้ประจักษ์กับภาพแห่งความอบอุ่นนี้ เขาถึงกับหยุดชะงักฝีเท้าไปโดยอัตโนมัติ“พ่อ แม่ ทำไมจู่ ๆ ถึงกลับบ้านไม่บอกไม่กล่าวกันเลย” คุณพ่อฉือแสดงสีหน้าไม่สู้ดีนัก “ตอนแรกก็ตั้งใจจะมาเซอร์ไพรส์ลูก” เขามองไปยังซ่งเหวินจิ่ง ก่อนจะปิดเปลือกตาลงด้วยความท้อแท้สิ้นหวัง“แต่ไม่นึกเลยว่า พ่อกลับเป็นฝ่ายโดนเซอร์ไพรส์ซะเอง”ฉือเส่าอวี่ทรุดตัวลงนั่งข้างซ่งเหวินจิ่งอย่างเป็นธรรมชาติ“เซอร์ไพรส์อะไรครับ? นี่แฟนของผมเอง ซ่งเหวินจิ่ง” ฉือเส่าอวี่กล่าวด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “ผมยังไม่มีโอกาสได้แนะนำเลย คงทำให้ตกใจแย่เลยใช่ไหมครับ” “ไม่เป็นไร ดีมากเลย” คุณพ่อฉือตอบกลับด้วยสีหน้าที่เหม่อลอยดูจากอาการของคุณพ่อแล้ว ก็ทราบได้ทันทีว่า ความรู้สึกท่านถูฏโจมตีอย่างหนักหน่วงเลยทีเดียวฉือเส่าอวี่จึงต้องหันไปขอแรงสนับสนุนจากแม่ “แม่ครับ” คุณแม่

  • พ่ายรักกลลวง   บทที่ 9

    ภายในห้องนั้น ชายหนุ่มสวมเพียงเสื้อผ้าโปร่งบางสีดำ เรือนกายกำยำสมส่วนถูกพันธนาการด้วยเชือกสีแดงฉาน ปลายเชือกถูกผูกเป็นโบว์ขนาดใหญ่ ห้อยระย้าอยู่บริเวณท้ายทอยของเขาและยังมีโบว์อีกหนึ่งอันอยู่ที่ข้อมือของซ่งเหวินจิ่งสิ่งที่ใช้ผูกรัดข้อมือทั้งสองข้างนั้นไว้ ไม่ใช่สิ่งอื่นใด แต่เป็นเนคไทของฉือเส่าอวี่นั่นเอง!ซ่งเหวินจิ่งโค้งดวงตาขึ้นเป็นรอยยิ้ม แล้วเอ่ยเสียงหวาน “พี่ สุขสันต์วันเกิดนะครับ”“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ”ภายในห้องถูกเนรมิตให้เต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิดจนล้นหลาม ชายหนุ่มผู้ซึ่งถูกจัดเตรียมให้เป็นของขวัญ ยืนอยู่ท่ามกลางอุทยานดอกไม้เหล่านั้น“เด็กหนุ่มสมัยนี้ชอบเล่นลูกเล่นแบบนี้กันหรือ?” ฉือเส่าอวี่ยกมุมปากเผยรอยยิ้มออกมา ใบหน้าของเขาแจ่มใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สายตาของเขากวาดมองพรมดอกไม้ที่เต็มไปด้วยหลากสีสัน ดอกไม้ทุกกิ่งก้านที่ถูกจัดวางในห้องนี้ล้วนเป็นพันธุ์ที่เขาชื่นชอบ“นี่ ไม่ใช่แค่ลูกเล่น” ซ่งเหวินจิ่งประสานสายตาเขา ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงใจ “นี่คือความรู้สึกที่มาจากข้างใน”“ผมรักพี่อย่างจริงใจ”จังหวะการเต้นของหัวใจฉือเส่าอวี่กระหน่ำรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อ

  • พ่ายรักกลลวง   บทที่ 8

    เมื่อซ่งเหวินจิ่งเคลื่อนตัวสวมกอดร่างบางของฉือเส่าอวี่ไว้อย่างแนบแน่นทันทีที่เห็นเขาลืมตาตื่น พร้อมทั้งเอาศีรษะที่เต็มไปด้วยเส้นผมถูไถไปที่ซอกคอของอีกฝ่ายอย่างออดอ้อน“พี่ บอกผมได้ไหมว่าตอนนี้เราอยู่ในสถานะอะไรกัน?”ฉือเส่าอวี่รู้สึกระคายเคืองที่ลำคอเล็กน้อยเนื่องจากการถูกใช้งานมาอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่อง จากการที่ฉือเส่าอวี่ปล่อยให้ซ่งเหวินจิ่งกระทำตามความต้องการของตัวเองตลอดสองวันเต็ม ส่งผลให้สภาพทั่วร่างของเขาโดยรวมแทบจะไม่มีส่วนที่ดีเหลืออยู่เลย“เหวินจิ่ง” เขาเอ่ยอย่างแผ่วเบาด้วยความอ่อนล้า “การยืนยันความสัมพันธ์นั้น ควรเริ่มต้นด้วยการสารภาพรักและการมอบช่อดอกไม้สวย ๆ ”“ไม่ใช่อย่างที่เป็นอยู่นี้ ที่เริ่มต้นมาจากการร่วมเตียงกัน”ซ่งเหวินจิ่งตอบกลับด้วยเสียงที่อู้อี้ติดขัด “พี่ ผมไม่ได้ตั้งใจจะดูหมิ่นพี่เลยนะ”เขานั้นเพียงแค่ใจร้อนมากเกินไป และมีความปรารถนาที่จะได้ครอบครองคนตรงหน้าอย่างสุดหัวใจสำหรับซ่งเหวินจิ่งแล้ว ฉือเส่าอวี่มีค่าเกินกว่าจะประมาณได้“พี่รู้” ฉือเส่าอวี่ตอบพลางลูบกลุ่มผมของเขาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะค่อย ๆ ถอนตัวออกจากอ้อมกอดร่องรอยสีช้ำที่ปรากฏอยู่ทั่วร่า

  • พ่ายรักกลลวง   บทที่ 7

    “พอเถอะครับ พอก่อน ประธานฉือดื่มไปมากพอสมควรแล้ว ขอทุกท่านโปรดให้เกียรติผมสักหน่อย ให้ประธานฉือได้หยุดพักบ้างเถอะนะครับ”ชายวัยกลางคนผู้เอ่ยถ้อยคำนี้ คือเจ้าภาพใหญ่ของงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้เอง เขาเอ่ยปากห้ามปรามกลุ่มคนที่กำลังคะยั้นคะยอเหล่านั้น ด้วยน้ำเสียงที่ประนีประนอม นุ่มนวลแต่เด็ดขาดดวงตาคู่คมกริบที่เต็มไปด้วยความเจนจัด เผยรอยยิ้มอย่างรู้ทัน“ประธานฉือครับ ผมได้จัดเตรียมห้องพักไว้ให้แล้วด้านบน เชิญไปพักผ่อนสักครู่นะครับ รอให้สร่างเมาสักหน่อย”เรื่องนี้ รู้สึกไม่ชอบมาพากลเอาซะเลย !ซ่งเหวินจิ่งหรี่ดวงตาลง ขณะที่สมองกำลังแล่นเพื่อประมวลผลข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับชายวัยกลางคนผู้ทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงคนนั้นอย่างฉับไวทุกคนต่างรู้ว่า ลูกชายของเจ้านั่นสำมะเลเทเมา มีพฤติกรรมหื่นกาม ไม่มีทางที่ฉือเส่าอวี่จะไม่รู้ถึงเรื่องราวของคนพวกนั้นทว่า ฉือเส่าอวี่กลับยอมทำตามและยอมขึ้นไปยังชั้นบนซ่งเหวินจิ่งรู้สึกอึดอัด ไม่สบายใจอย่างรุนแรงราวกับมีก้อนอากาศอุดแน่นอยู่ในลำคอ เขารีบส่งสัณญาณเรียกลูกน้องคนสนิทให้เข้ามาทันทีทันใด“จัดการไอ้คุณชายไร้ประโยชน์ของตระกูลเซี่ยนั้นซะ อัดมันให้หม

  • พ่ายรักกลลวง   บทที่ 6

    เสิ่นเฉิงปิดบานประตูลงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความงุนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ก่อนจะหันไปเอ่ยว่า “เจ้าหมอนั้นร้ายไม่ใช่เล่นเลยนะ"ฉือเส่าอวี่ลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง แล้วคว้าเสื้อสูทมาวางพาดไว้บนบ่า“กูรู้” เขาตอบกลับพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉือเส่าอวี่เดินทางไปชมการแข่งขันบาสเกตบอลที่ซ่งเหวินจิ่งลงแข่งขันถึงขอบสนนามตามที่ได้ให้สัญญาเอาไว้ในระหว่างที่ก้าวเท้าเดินเข้าไปใกล้ซ่งเหวินจิ่ง เขาจงใจแสดงท่าทีที่สื่อการอ้างสิทธิ์ในตัวอีกฝ่ายอย่างแนบเนียนเพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ซ่งเหวินจิ่งโดดเด่นและเป็นที่นิยมชมชอบมากในหมู่นักศึกษาของรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้“ดื่มน้ำสักหน่อยนะ” ฉือเส่าอวี่ยื่นขวดน้ำที่คลายฝาพร้อมดื่มให้กับซ่งเหวินจิ่งซ่งเหวินจิ่งยิ้มรับก่อนจะเอ่ยถามว่า “ผมเก่งไหม?”ฉือเส่าอวี่เอื้อมมือขึ้นไปปาดเช็ดหยาดเหงื่อที่ไหลซึมบนใบหน้าขาวเนียนซึ่งอมแดงระเรื่อให้เขาอย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนจะพูดชมอีกฝ่าย “เก่งสิ สมแล้วที่เป็นเจ้าหนุ่มบ้าพลัง”ซ่งเหวินจิ่งชะงักงันไปครู่หนึ่ง เขากำลังสับสนว่า อัตราการเต้นของหัวใจที่กระหน่ำรัวเช่นนี้ มีสาเหตุมาจากสิ่งใดกันแน่เป็นผลมาจากการออกกำลัง

  • พ่ายรักกลลวง   บทที่ 5

    ท้ายที่สุดแล้วในอดีต เฉินเว่ยได้กระทำพฤติกรรมอันน่ารังเกียจและสร้างความเดือดร้อนในลักษณะนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน จึงไม่แปลกใจเลยที่เขาจะมีศัตรูคู่อริอยู่มากมายรายล้อมหลังจากเหตุการณ์นี้ ความสัมพันธ์ระหว่างฉือเส่าอวี่กับซ่งเหวินจิ่งจึงก้าวข้ามเส้นแบ่ง และพัฒนาเข้าสู่ช่วงที่ลึกซึ้งและคลุมเครือมากขึ้นไปอีกซ่งเหวินจิ่งทุ่มเทเอาใจใส่ฉือเส่าอวี่อย่างหนัก เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นแม่บ้านแม่เรือนในตัวของตนเองยกตัวอย่างเช่น ทุกครั้งที่ฉือเส่าอวี่เลิกงานกลับถึงบ้าน ก็มักจะเห็นซ่งเหวินจิ่งสวมผ้ากันเปื้อนยืนทำอาหารอย่างขะมักเขม้นอยู่ในครัวเสมอ“พี่ฉือกลับมาได้จังหวะเลยนะครับ ผมเพิ่งทำอาหารเสร็จพอดี”ซ่งเหวินจิ่งทราบดีว่า โดยปกติแล้ว ฉือเส่าอวี่มักจะไม่ทานอาหารมื้อเย็นแต่จะปล่อยให้ร่างกายว่างเปล่าแบบนี้ได้อย่างไรกัน? การละเลยอาหารเย็นเช่นนี้จะทำให้ร่างกายทรุดโทรมเสียสุขภาพเอาได้ฉือเส่าอวี่ยอมจำนนต่อความทุ่มเทอย่างหนักของซ่งเหวินจิ่ง นับแต่นั้นมา ทุกค่ำคืนหลังเลิกงาน เขาต้องยอมให้ซ่งเหวินจิ่งดูแลประคบประหงมอย่างใกล้ชิดซึ่งครอบคลุมตั้งแต่เรื่องอาหารการกิน ไปจนถึงกิจวัตรอื่น ๆ ที่ลึกซึ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status