Short
เพลิงกลรัก จองจำท่านไท่ฟู

เพลิงกลรัก จองจำท่านไท่ฟู

Oleh:  ช็อกโกแลตTamat
Bahasa: Thai
goodnovel4goodnovel
8Bab
226Dibaca
Baca
Tambahkan

Share:  

Lapor
Ringkasan
Katalog
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi

ข้าเฝ้าทะนุถนอมสอนสั่งถ่ายทอดวิชาแก่องค์รัชทายาทมาจนเติบใหญ่ ทว่าในวันขึ้นครองราชย์ เปลือกนอกที่แสนอ่อนโยนดุจหยกก็ถูกฉีกทิ้งไปสิ้น และตรึงร่างข้าไว้กับคันฉ่องสำริดบานใหญ่ที่แสนเยียบเย็น “ท่านไท่ฟู ยามเมื่อข้ายังเยาว์วัย มักถูกท่านลงทัณฑ์ ให้คุกเข่ารับโทษอยู่บ่อยครั้ง” ลมหายใจอุ่นร้อนผ่าวขององค์รัชทายาทวนเวียนอยู่ข้างใบหูข้า “มาบัดนี้ ในที่สุดก็ถึงคราวที่ท่านต้องคุกเข่าบ้างเสียแล้ว”

Lihat lebih banyak

Bab 1

บทที่ 1

ข้ามิได้คาดคิดเลยว่า มู่โย่ว จะมีบัญชาเรียกตัวข้าให้เข้าไปในวังหลวง ณ วันสำคัญอันเร่งด่วนเช่นนี้

อีกไม่กี่ชั่วยาม ก็จะถึงพิธีขึ้นเสวยราชย์แล้ว เรื่องใดเล่าจะสำคัญถึงเพียงนั้น?

ณ ภายในตำหนักกำลังมีการจุดเครื่องหอมประหลาด กลิ่นอายนั้นถูกสูดเข้าไปตามลมหายใจ จนแผดเผาให้ภายในทรวงอกเกิดความรู้สึกไม่สบายขึ้นมาเล็กน้อย

ข้าโค้งคำนับอย่างนอบน้อม และมิได้สังเกตเห็นประกายอันแสนมืดมิดที่ฉายวาบออกมาจากดวงตาคู่นั้นของมู่โย่ว

กายท่อนบนของเขาที่มิได้ถูกสิ่งใดปกคลุม เผยให้เห็นหยาดเหงื่อที่ซึมออกมาจากผิวเนื้อละเอียดสีทองแดงเข้ม ละอองเหงื่อเล็ก ๆ ค่อย ๆ ไหลซึมหายไปภายใต้สายรัดเอวลวดลายมังกรที่ปักด้วยด้ายทองอร่าม

“ท่านอาจารย์ยังคงทำตัวห่างเหินกับข้าเช่นเดิมมิเปลี่ยนเลยนะ”

ฝ่ามือที่เห็นข้อกระดูกชัดเจนนั้น เลื้อยขึ้นตามท่อนแขนของข้าอย่างก้าวร้าว พร้อมทั้งใช้กำลังกระชากสาบเสื้อ ข้าให้ขาดออกอย่างรวดเร็ว

“ข้าน้อยมิบังอาจขอรับ”

ข้าเกิดอาการตื่นตระหนกจนเงยศีรษะขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้สบเข้ากับดวงตาสีนิลอันแสนลึกล้ำที่ไม่อาจหยั่งถึงคู่นั้นของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ

“ท่านอาจารย์ ไม่รู้สึกร้อนรุ่มบ้างหรือ?”

ข้าเพิ่งจะตระหนักได้ว่า หยาดเหงื่อที่ซึมออกมาจากผิวเนื้อของเขาอย่างแผ่วบางนั้น น่าจะมีสาเหตุมาจากเครื่องหอมที่ถูกจุดไว้เนิ่นนาน อากาศภายในตำหนักจึงอบอวลไปด้วยไอร้อนระอุและความแห้งผ่าว

แม้ในใจข้าจะรู้สึกอึดอัดเพียงใด ก็จำต้องยอมจำนนให้เขาปลดเปลื้องอาภรณ์ ตัวนอกของข้าออกไป

“เดี๋ยวข้าจะพาท่านอาจารย์ไปชมของดีสักหน่อย”

เขายิ้มแย้มอย่างเปี่ยมสุข ใบหน้าที่แสนสง่างามใบนั้น มิอาจสืบหาร่องรอยของความอ่อนโยนวันวานได้อีกเลย

ของดีที่เขาเอ่ยถึง แท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่คันฉ่อง สำริดบานใหญ่ที่สูงเท่าตัวคน มิอาจนับเป็นของหายากล้ำค่าได้เลย

แม้ในอกข้าจะเต็มไปด้วยความสงสัย ทว่าก็ทำได้เพียงกล่าวสนับสนุนเขาไปอย่างระมัดระวัง

“ฝ่าบาททรงมีสายตาที่ยอดเยี่ยมยิ่งนักขอรับ”

“ท่านอาจารย์ชื่นชอบก็ดี เพราะท่านจักได้ใช้มันในอีกไม่ช้า”

รอยยิ้มบนใบหน้าเมื่อครู่พลันหุบลงในทันใด จากนั้นแววตาก็แปรเปลี่ยนเป็นความเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง พลางมองมาที่ข้าโดยแฝงไปด้วยความอาฆาตมาดร้าย

“เผยเยว่เสียน โทษของท่านสมควรตายหมื่นครั้ง”

ข้ามิได้คาดคิดเลยว่าเขาจะลงทัณฑ์ข้าอย่างกะทันหันเช่นนี้ ด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด ข้าจึงรีบก้มลงกราบแนบพื้นโดยพลัน หยาดเหงื่อที่ซึมออกมาจากแผ่นหลังนั้นพลันไหลหลั่งออกมาหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม

“ข้าน้อยมีความผิด”

“ใช่ ท่านมีความผิดจริง” เขากล่าวขึ้น พลางคว้าจับมวยผมของข้าและกระชากไปทางด้านหลังอย่างรุนแรง อีกทั้งยังย่อร่างใหญ่นั้นเข้ามาใกล้ขนานข้างใบหูของข้า ใบหน้าของเราทั้งสองชิดใกล้จนแทบมิมีช่องว่างให้อากาศได้เล็ดรอดผ่าน “ข้ามีสิ่งใดที่ด้อยกว่าหวายหนานอ๋องผู้ไร้ค่านั้นกัน เหตุใดจึงทอดทิ้งข้าแล้วไปภักดีต่อเจ้านั้นเช่นนี้?”

ลมหายใจอันร้อนผ่าวของเขาประสานปนเปกับลมหายใจของข้า ข้าตกใจจนแทบไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ไม่เคยตระหนักอย่างถี่ถ้วนถึงเพียงนี้เลยว่า บัดนี้เขามิได้อยู่ในสถานะองค์รัชทายาทที่สามารถสั่นคลอนได้ทุกเมื่อเหมือนเช่นในอดีตแล้ว หากแต่เป็นองค์ฮ่องเต้ที่กำลังจะขึ้นครองราชย์

เขาคงจะประหารข้าด้วยเหตุนี้

“ข้า ข้า...”

ภายในตำหนักที่อบอวลไปด้วยไอร้อนจนแทบจะแห้งผาก เป็นเหตุให้ลำคอของข้าแห้งผากและติดขัด จนมิอาจเอ่ยปากกล่าวสิ่งใดได้ เอวพลันอ่อนปวกเปียกจนเสียการควบคุม ทำให้ข้าต้องทรุดฮวบลงบนพื้นอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง

นิ้วมือของเขาจมลึกลงไปในกลุ่มผมของข้า พลางกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงรุกเร้าว่า “อย่าได้หวาดกลัวเสียเลย ท่านอาจารย์ บัดนี้ถึงเวลาที่ท่านต้องไถ่โทษแล้ว”

ข้ามิอาจทำความเข้าใจในสิ่งที่เขาเอ่ยได้ ทว่ามีสิ่งที่ข้ามั่นใจได้เพียงหนึ่งเดียว คือ เครื่องหอมที่จุดอยู่ในพระตำหนักแห่งนี้ต้องมีสิ่งผิดปกติอย่างแน่นอน สิ่งนั้นทำให้ทั่วร่างของข้าไร้เรี่ยวแรง แม้แต่จะคลานลุกขึ้นก็มิอาจทำได้

“ข้าอยากจะทำเช่นนี้มานานมากแล้ว”

เขาฉีกอาภรณ์ตัวในของข้าอย่างป่าเถื่อน ต่อด้วยอาภรณ์ชั้นสุดท้ายที่แนบติดกับผิวกายอย่างไม่เว้นจังหวะ แรงขัดขืนของข้ามิอาจเกิดผลอันใดเลย เขาช้อนตัวอุ้มร่างเล็กอันอ่อนระทวยของข้าไว้ในอ้อมอกกำยำ พลางลูบไล้ผิวกายที่แดงซ่านบริเวณหลังหูอย่างแผ่วเบาและเชื่องช้า

ข้าไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเขาต้องการกระทำการใด แต่สัญชาตญาณกลับทำให้ข้าหวาดหวั่นยิ่งนัก

“ฝ่าบาท...”

“ท่านอาจารย์ ช่างงดงามยิ่งนัก”

นิ้วเรียวยาวที่แฝงด้วยความหยาบกร้านของเขาลากผ่านแผ่นหลังอันแสนบอบบางของข้า ก่อเกิดรอยแดงระเรื่อเป็นทางยาว ก่อนจะค่อย ๆ ไล้เลื้อยมาด้านหน้าอย่างเชื่องช้าและจงใจ จากซี่โครงเรื่อยไปจนถึงทรวงอก

“ไม่...”

ดวงตาของข้าเบิกกว้างขึ้นด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด

ริมฝีปากกระจับได้รูปของเขาแนบชิดข้างใบหู พร้อมทั้งกระซิบด้วยเสียงแผ่วเบาราวกับจะกัดกินใบหูของข้า

“เมื่อก่อนข้าเฝ้าคิดเสมอ ว่าท่านอาจารย์จะเป็นสตรีหรือไม่? ทว่าภายหลังข้ารู้สึกโล่งใจยิ่งนัก ไยต้องเป็นสตรีเล่า”

“ฝ่าบาท มิทรงควร!”

หางตาของข้าถูกรมจนร้อนผ่าว ภายในกายคล้ายมีเพลิงร้อนระอุโหมขึ้น ยามที่ถูกปลายนิ้วอุ่นร้อนของเขาสัมผัสรนเร้า ความร้อนที่แผ่ซ่านออกมาของคนทั้งสอง รวมกันเผาผลาญผ่านผิวหนังอันเย็นชืดให้ลุกโชนขึ้นมา

ข้าเข้าใจแล้วว่าเขาต้องการจะทำการใด

นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?!

ศิษย์ที่ข้าฟูมฟักมากับมือ จะมามีความคิดเช่นนั้นกับข้าได้อย่างไร!

ความรักร่วมเพศเช่นนี้ นับเป็นเรื่องที่คนใต้หล้ามิอาจยอมรับได้!

“หวายหนานอ๋องเคยสัมผัสตรงนี้หรือไม่?” เขาบรรจงลงลิ้นไปตามกระดูกหูของข้าอย่างแผ่วเบา อุณหภูมิอันแสนร้อนระอุนี้ ราวกับกำลังหลอมละลายทุกสิ่งให้รวมเป็นหนึ่ง “แล้วตรงนี้ล่ะ?”

ข้ามิอาจควบคุมอาการสั่นเทาที่เกิดขึ้นกับร่างกายได้เลย

“ซี้ด——”

เครื่องผ้าที่ปกคลุมส่วนล่างถูกฉีกทิ้งออกอย่างป่าเถื่อนเช่นเคย เผยให้เห็นผิวพรรณที่ขาวผ่องราวหิมะ พร้อมทั้งถูกคนตรงหน้าตบลงมาหนึ่งครั้งอย่างฉับพลัน ก่อนจะเกิดเสียงที่แสนอับอายราวกับโดนตบลงบนใบหน้า

“ท่านเคยตีมือข้า บัดนี้ข้าตีส่วนนี้คืนท่านแล้วกัน”

“เร็วเข้า ใครก็ได้... ฝ่าบาทเมาสติฟั่นเฟือนแล้ว...”

ข้าพยายามเปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลืออย่างสุดกำลังด้วยเสียงที่แหบแห้ง ทว่าภายนอกช่างเงียบงันราวกับไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต

“ท่านอาจารย์ ท่านเก็บแรงไว้ร้องเสียเถิด” เขาช้อนอุ้มข้ามุ่งตรงไปยังหน้าคันฉ่องสำริดอย่างง่ายดาย พลางกล่าวว่า “ของดีสิ่งนี้ ถึงเวลาได้ใช้เสียที”

ในเงาที่สะท้อนจากคันฉ่องนั้น ใบหน้าของข้าแดงซ่านไปหมด ผมยาวสยายไม่เป็นทรง เรือนร่างเปลือยเปล่าอันบอบบางหดเกร็งอยู่ในอ้อมอกของบุรุษร่างสูงใหญ่นั้น บนผิวพรรณที่ขาวผุดผ่องราวหิมะ ยังคงหลงเหลือรอยมือแดงช้ำอยู่

น่าสมเพชยิ่งกว่านางรำในหอนางโลมเสียอีก

“ขอฝ่าบาททรงเห็นแก่ความผูกพันที่เคยเป็นอาจารย์ศิษย์ โปรดละเว้นข้าน้อยด้วยเถิด ข้าน้อยจะไม่ปริปากเผยแพร่เรื่องนี้แม้แต่น้อยนิด ขุนนางใหญ่ผู้มีอำนาจย่อมไม่ยอมรับเรื่องนี้เป็นอันขาดขอรับ...”

เขาหายใจรดซอกคอข้าอย่างตะกละตะกลาม จากนั้นเลื่อนมือลูบไล้จากน่องขึ้นมายังเบื้องบนอย่างเชื้องช้า

“ท่านอาจารย์ ข้าก็เคยขอร้องท่านเช่นนี้ ขอให้ท่านอย่าทิ้งข้าไป อย่าทิ้งข้าไปอยู่ข้างกายหวายหนานอ๋อง สุดท้าย ท่านตอบข้าว่าอย่างไรเล่า”

ใบหน้าของข้าซีดขาวไร้สีเลือด

มือของเขาซุกซนไม่หยุด ลูบไล้ไปจนถึงอาณาบริเวณต้องห้ามอย่างไม่เกรงกลัว

“ท่านกล่าวว่า ข้าด้อยปัญญา ยากจะขึ้นสู่บัลลังก์ใหญ่ ทำให้ท่านมิอาจเลื่อนขั้นรับตำแหน่งใหญ่ ได้ลาภยศเงินทอง ท่านยังจำได้หรือไม่?”

“อ๊ะ...”

เขาออกแรงที่มือมากขึ้น ข้าเจ็บจนไม่อาจเอื้อนเอ่ยสิ่งใดได้อีก

“ดูเหมือนท่านอาจารย์จะจำได้”

เขากล่าวขึ้นโดยไม่สนใบหน้าที่ซีดของข้าเลยแม้แต่น้อย

“ในตอนนั้น ข้าหลงคิดไปว่า เป็นเพราะความในใจของข้าถูกเปิดเผยเสียแล้ว มิได้นึกเลยว่า หวายหนานอ๋องเป็นผู้ชักชวนท่าน ท่านลงเดิมพันไว้ที่เขา เช่นเดียวกับคนอื่นอีกมากมาย

ทว่าเขาพ่ายแพ้ ข้าเป็นผู้ชนะ ท่านจึงแพ้ไปด้วย คนที่พ่ายแพ้ย่อมไม่มีสิทธิที่จะต่อต้านขัดขืนได้ นี่แหละคือสัจธรรมที่ท่านอาจารย์สอนข้ามาโดยตลอดไม่ใช่หรือ”

เขาค่อย ๆ บรรจงปลดกางเกงลง

ข้าที่มองเห็นภาพเหตุการณ์ทุกอย่างจากในคันฉ่องสำริดนั้น ก็บังเกิดความหวาดกลัวถึงขีดสุด

“กราบทูลฝ่าบาท อัครมหาเสนาบดีเฉาขอเข้าเฝ้าขอรับ”

เสียงที่สั่นเครืออย่างหวาดกลัวจากด้านนอกตำหนักนั้น ได้ช่วยชีวิตข้าไว้ทันทวงที

มู่โย่วขนวดคิ้วแน่นด้วยความไม่พอใจ และจำใจปล่อยร่างของข้าลง

“ไว้ข้าจะกลับมาหาท่านอาจารย์”

เขาหมุนร่างกายจากไป มินานก็มีเสียงอู้อี้ดังมาจากนอกประตู ราวกับมีผู้ใดถูกปิดปากแล้วโดนลากออกไป จากนั้นทุกอย่างก็กลับมาสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง

ตามมาด้วยนางกำนัลที่เดินเข้ามา พวกนางมิได้แสดงอาการประหลาดใจกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในตำหนักแม้แต่น้อย และปรนนิบัติรับใช้ข้าอย่างนอบน้อม

ท้องฟ้าด้านนอกส่องสว่างขึ้นแล้ว พิธีขึ้นเสวยราชย์ควรจะเริ่มต้นไปตั้งนานแล้ว

และนั่น ราวกับเสียงประกาศก้องว่า วันที่ข้าถูกจองจำได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
Tampilkan Lebih Banyak
Bab Selanjutnya
Unduh

Bab terbaru

Bab Lainnya
Tidak ada komentar
8 Bab
บทที่ 1
ข้ามิได้คาดคิดเลยว่า มู่โย่ว จะมีบัญชาเรียกตัวข้าให้เข้าไปในวังหลวง ณ วันสำคัญอันเร่งด่วนเช่นนี้อีกไม่กี่ชั่วยาม ก็จะถึงพิธีขึ้นเสวยราชย์แล้ว เรื่องใดเล่าจะสำคัญถึงเพียงนั้น?ณ ภายในตำหนักกำลังมีการจุดเครื่องหอมประหลาด กลิ่นอายนั้นถูกสูดเข้าไปตามลมหายใจ จนแผดเผาให้ภายในทรวงอกเกิดความรู้สึกไม่สบายขึ้นมาเล็กน้อยข้าโค้งคำนับอย่างนอบน้อม และมิได้สังเกตเห็นประกายอันแสนมืดมิดที่ฉายวาบออกมาจากดวงตาคู่นั้นของมู่โย่วกายท่อนบนของเขาที่มิได้ถูกสิ่งใดปกคลุม เผยให้เห็นหยาดเหงื่อที่ซึมออกมาจากผิวเนื้อละเอียดสีทองแดงเข้ม ละอองเหงื่อเล็ก ๆ ค่อย ๆ ไหลซึมหายไปภายใต้สายรัดเอวลวดลายมังกรที่ปักด้วยด้ายทองอร่าม“ท่านอาจารย์ยังคงทำตัวห่างเหินกับข้าเช่นเดิมมิเปลี่ยนเลยนะ”ฝ่ามือที่เห็นข้อกระดูกชัดเจนนั้น เลื้อยขึ้นตามท่อนแขนของข้าอย่างก้าวร้าว พร้อมทั้งใช้กำลังกระชากสาบเสื้อ ข้าให้ขาดออกอย่างรวดเร็ว“ข้าน้อยมิบังอาจขอรับ”ข้าเกิดอาการตื่นตระหนกจนเงยศีรษะขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้สบเข้ากับดวงตาสีนิลอันแสนลึกล้ำที่ไม่อาจหยั่งถึงคู่นั้นของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ“ท่านอาจารย์ ไม่รู้สึกร้อนรุ่มบ้างหรือ?”ข้าเพ
Baca selengkapnya
บทที่ 2
มู่โย่วมิมีท่าทีว่าจะปล่อยข้าออกไปเลยแม้แต่น้อยในคืนนั้น เมื่อพิธีขึ้นเสวยราชย์จบลง เขากลับมาหาข้าตามที่ได้กล่าวไว้ เมื่อเห็นดังนั้น เหล่าข้าหลวงผู้คอยสอดส่องข้าจึงล่าถอยออกไปชั่วคราว โดยที่มิได้แสดงสีหน้าประหลาดใจแม้เพียงปลายเล็บที่แห่งนี้ ช่างแน่นหนายิ่งนัก ราวกับเป็นกรงขังที่ไร้ซึ่งหนทางหนีมู่โย่วยิ้มแย้มอย่างร่าเริงก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ท่านไท่ฟู โย่วเอ๋อร์ทำได้แล้ว ได้ขึ้นตำแหน่งหนึ่งเดียวในใต้หล้าแล้ว”ข้าไม่อาจเข้าใจได้ ว่าเขาตรงหน้าผู้นี้เสียสติด้วยเหตุใด จึงได้แต่เฝ้ามองเขาอย่างระแวดระวังบนใบหน้าอันแสนงดงามไร้ที่ตินั้นของเขา ปรากฏสีหน้าที่กำลังปวดร้าวออกมา จากนั้นเขาก็วิ่งกรูเข้ามาหาข้า ทว่าพลันกลับล้มลงกับพื้น“ฝ่าบาท?”ข้ามีความรู้สึกรังเกียจเขาอยู่บ้างก็จริง ทว่าไม่ได้ปรารถนาให้เขาต้องมาสิ้นชีพ ณ ที่นี้เสียหน่อย เขาคือองค์ฮ่องเต้คนใหม่ของเหล่าไพร่ฟ้าแผ่นดินนี้ ทั้งยังเป็นศิษย์ที่ข้าเฝ้ามองการเติบโตมาตลอดอีกด้วยข้าลองขยับเข้าไปใกล้ด้วยท่าทีระแวดระวัง แต่พลันถูกเขาดึงเข้าสู่อ้อมแขนอย่างรุกเร้า“จับตัวท่านอาจารย์ได้แล้ว” กลิ่นสุราที่รุนแรงตลบอบอวลทั่วร่างกายของเขา
Baca selengkapnya
บทที่ 3
“ข้ายอมถูกท่านประหารเสียดีกว่า”เขากดขาที่กำลังดิ้นไม่หยุดของข้าเอาไว้ พร้อมนัยน์ตาที่หรี่ลงอย่างเป็นอันตราย“หวายหนานอ๋องถูกข้าจับเข้าคุกหลวงไปแล้ว หากท่านได้รับบาดเจ็บอันใด ข้าย่อมต้องทำคืนเขาให้เจ็บกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า”ข้าตกอยู่ในความเงียบไปชั่วครู่ พลางเกิดความรู้สึกทำอันใดไม่ถูกเขาไม่ได้ตระหนักเลยแม้แต่น้อยว่าการกระทำของตนนั้นช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก เรื่องนี้เกี่ยวอันใดกับหวายหนานอ๋องกัน?“ไม่จำเป็นต้องให้ท่านลงมือเองหรอก”สุดท้ายนี้ ข้าก็ต้องกัดฟันยอมประนีประนอมเจ้าเด็กเหลือขอผู้นี้เพียงแค่ต้องการฉวยโอกาสเพื่อทรมานข้า ทำให้ข้าไม่สามารถเคลื่อนตัวได้อย่างอิสระ จนเกิดความรู้สึกอันแปลกประหลาดขึ้น“อ้อ?” เขาลงมือหนักขึ้น “ท่านอาจารย์อยากให้ผู้ใดมาทำแทน? หวายหนานอ๋องหรือ?”นี่มันไปเกี่ยวพันกับหวายหนานอ๋องตั้งแต่เมื่อใดกันอีกเล่า?“อื้ม...”ในที่สุด ข้าก็มิอาจอดกลั้นเสียงครวญไว้ได้เราทั้งสองต่างหยุดนิ่งข้าไม่อาจเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน ส่วนเขาพลันตกตะลึงจนนิ่งไป“เสียงของท่านอาจารย์ช่างไพเราะนัก ควรเอ่ยออกมาให้บ่อยกว่านี้”ไร้สาระ มันช่างไร้สาระสิ้นดีข้าเอ่ยขึ้นด้วยค
Baca selengkapnya
บทที่ 4
ข้าเลือกวันที่มีสายลมอ่อนพัดโชย มีแสงอรุณสาดส่อง เพื่อลงมือกรีดข้อมือบาดแผลที่กรีดนั้นเกิดจากเศษกระเบื้องถ้วยชามที่ถูกขว้างลงกับพื้น มันไม่ได้ลึกดั่งที่วาดภาพไว้ในหัว ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่ข้าทำเรื่องเช่นนี้ มันย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงความไม่ชำนาญได้ถึงกระนั้น ก็ทำให้ข้าผู้ที่ปกติเป็นคนกลัวความเจ็บปวดถึงกับเหงื่อไหลรินออกมาท่วมกายไม่หยุดเหล่าข้าหลวงในวังหลวงตรวจพบบาดแผลอย่างรวดเร็ว สีหน้าของพวกเขาเหล่านั้นดูแย่กว่าข้าเสียอีก มู่โย่วมาถึงด้วยท่าทีรีบร้อน แทบจะฉุดลากเสนาบดีกรมหมอหลวงผู้อาวุโสเข้ามาใบหน้าของเขาราวกับเมฆหมอกที่อึมครึมเต็มไปด้วยความโกรธ ในดวงตาของเขาสะท้อนคราบเลือดอันน่าสะพรึงกลัวตรงหน้า“ท่านอาจารย์อยากออกห่างจากข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ”เลือดสีสดได้ย้อมอาภรณ์ของเราทั้งสองเป็นสีเดียวกัน ข้าซึ่งนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา อ่อนแรงเกินกว่าที่จะเอ่ยคำใดได้ จึงได้แต่ส่งสายตาบ่งบอกให้เสนาบดีหมอหลวงรีบเข้ามาตรวจรักษาข้าข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะปลิดชีพตนเองด้วยการกรีดข้อมือนี้จริง ๆ แต่เสนาบดีหมอหลวงนั้น อาวุโสจนสายตาฝ้าฟาง จึงไม่เข้าใจคำบอกใบ้ของข้าเลยแม้แต่น้อย“อ๊ะ!”ขณะที่มู่
Baca selengkapnya
บทที่ 5
มิช้านาน ข้าก็ถูกปลอมแปลงโฉมอย่างมิดชิด เพื่อเตรียมส่งตัวออกจากวังหลวง ข้าโดยสารในรถม้าที่ไร้ตราสัญลักษณ์ใด ๆ ภายใต้การควบคุมของคนสนิทที่พระพันปีหลวงไว้วางใจ มุ่งหน้าสู่ประตูทิศประจิมหัวใจของข้าไม่อาจสงบนิ่งได้ มันยังคงหวั่นวิตกข้ามักจะนึกถึงภาพของมู่โย่วที่คอยควบคุมทุกสรรพสิ่งในกระดาน สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ผู้ชม และก้าวขึ้นเป็นผู้พิชิตอย่าง่ายดายช่างเป็นผู้ที่ทำเรื่องยากเป็นดั่งราวกับการปลอกกล้วยเข้าปากเสียจริงด้วยเหตุนี้ ข้าจึงกำชับให้รีบเร่ง ยิ่งหนีออกไปได้เร็วเท่าไหร่ ความหวังที่จะเอาชีวิตรอดก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้นบัดนี้ ได้เข้าใกล้ประตูวังหลวงมาก มีเสียงฝีเท้าอันหนักหน่วงของเหล่าทหารองครักษ์ที่เดินสวนกันไปมา ทุกสิ่งล้วนถูกเตรียมการไว้อย่างสมบูรณ์แบบทันใดนั้น รถม้าก็พลันหยุดนิ่งลงข้าได้ยินเสียงลมที่แผ่วเบาเพียงเล็กน้อย ทว่าก็มิอาจตัดสินได้ว่าเป็นสิ่งใดกันขันทีผู้มีกายกำยำกล่าวถามด้วยความฉงน “เสี่ยวฟู่จื่อ เหตุใดจึงไม่เดินทางต่อ?”ทว่าไร้เสียงผู้ใดตอบกลับในสายลมนั้น อบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งไปทั่วข้าหลับตาลง “อย่าไป!”ทว่าบุรุษผู้นั้นหาได้ใส่ใจสิ่ง
Baca selengkapnya
บทที่ 6
มู่โย่วหายตัวไปหลายวันโดยไม่ปรากฏร่องรอยใด ๆ เลยทว่าการป้องกันในวังหลวง กลับเข้มงวดยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า จำนวนคนที่คอยจับตาดูข้าเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าความวุ่นวายถาโถมเข้าใส่วังหลวงดุจเพลิงปะทุข้าเกลียดชังไอ้เด็กเหลือขอผู้นี้จนแทบกระอักเลือดออกมาหลายวันมานี้ ร่างของข้าจมดิ่งอยู่บนแท่นบรรทมมิได้ลุกไปไหน ทุกคราที่หวนนึกถึงความอัปยศในคืนนั้น ข้าก็ปรารถนาจะปลิดชีวิตตนเองด้วยมือคู่นี้เรื่องอันแสนอัปยศนี้ สุดท้ายมันก็เกิดขึ้นภาพลูกศิษย์ชายผู้ใสซื่อบริสุทธิ์ในสายตาของอาจารย์นั้น ถูกแทนที่ด้วยเงาร่างขององค์ฮ่องเต้ผู้รูปงาม ทว่าอำมหิตในสำนึกของข้าอย่างเชื่องช้าในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว หากมันส่งผลกระทบต่อความมั่งคงของแผ่นดินนี้ ข้าจักเกิดใหม่ตายไปอีกกี่สิบชาติก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความผิดนี้ได้การตายไปเสียเดี๋ยวนี้ คือทางเลือกที่ดีที่สุด ทว่าข้าได้พลาดโอกาสนั้นไปเสียแล้ว ณ ตอนนี้ แม้แต่ความตาย ข้าก็มิอาจไขว้คว้ามันมาได้ข้าได้แต่หวังว่า มู่โย่วจะเบื่อหน่ายข้าในสักวันในบ่ายอันสงบเงียบที่แสนจะธรรมดาวันหนี่ง ข้าจำต้องกล้ำกลืนอาหารด้วยความรู้กระวนวายใจ เพราะเสียงอาวุธยุทโธปกรณ์จากภายนอกดังเ
Baca selengkapnya
บทที่ 7
มู่โย่วหัวเราะ เผยให้เห็นฟันที่ขาวซีดราวกับกระดูก“ประหารบัดเดี๋ยวนี้”ข้าถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา พลางก้าวไปยืนขวางอยู่เบื้องหน้าหวายหนานอ๋อง“ฝ่าบาท ขอทรงไว้ชีวิตเขาด้วยเถิด”“อาจารย์ นี่ท่านจงใจจะเป็นปรปักษ์ กับข้าเพื่อมันอีกคราแล้วหรือ?”สีหน้าของมู่โย่วมืดทะมึนนั้นราวกับกำลังมีหยดน้ำพรั่งพรูออกมา “ข้าไม่มีวันปล่อยมัน”“ขอฝ่าบาททรงสดับคำของข้าสักคนด้วยเถิด”ข้าสั่งให้เหล่าข้าราชบริพารถอยออกไป ก่อนจะเปิดเผยความลับที่เคยคิดจะปกปิดออกมาจนหมดสิ้น“...แม้ข้าจะมิเคยรับปากกับท่านอ๋อง ว่าหากฝ่าบาทมีชัย ขอให้ทรงไว้ชีวิตอ๋องผู้นั้น แต่ถึงอย่างไง เขาก็ยังเป็นพระเชษฐาของฝ่าบาท ไม่ว่าด้วยเหตุผลทางความรู้สึกหรือเหตุผลทางหลักการ ก็มิสมควรอย่างยิ่งที่ฝ่าบาทจะลงมือปลิดชีพด้วยมือของฝ่าบาทเอง”มู่โย่วเองก็มิได้ขึ้นครองราชย์โดยชอบธรรมแต่แรก อัครมหาเสนาบดีเฉาแม้ถูกคุมขัง ทว่าเบื้องหลังยังคงมีผู้หนุนหลังอยู่มาก พระพันปีหลวงเองก็มิใช่สตรีอ่อนแอไร้เดียงสา หากหวายหนานอ๋องต้องสิ้นชีพลง ความสั่นคลอนในใต้หล้าย่อมเกิดขึ้นเป็นแน่แท้“อาจารย์ ท่านยอมสละตนเพื่อข้างั้นหรือ”มู่โย่วจ้องมองข้าอย่างตะลึงงัน
Baca selengkapnya
บทที่ 8
“ท่านอาจารย์ยังไม่คิดจะอภัยให้ข้าอีกหรือ?”มู่โย่วเพิ่งเลิกว่าราชการ ก็รีบร้อนมาหาข้าโดยมิได้เปลี่ยนอาภรณ์เลยด้วยซ้ำ พร้อมทั้งซบลงข้างเตียงของข้าข้าไม่ปรารถนาจะเห็นหน้าเขาเลยแม้แต่น้อยเขาทำท่าทางน้อยอกน้อยใจ รับชามโจ๊กจากข้าหลวงมาป้อนให้อย่างเอาอกเอาใจที่ปากของข้าข้าคิดจะคว้าชามมาเองในทันที ทว่าก็ไปกระทบเข้ากับรอยช้ำที่เจ็บปวด จนทั่วร่างพลันแข็งค้างในฉับพลันเขารีบนำยาออกมาทันที “ได้เวลาทายาแล้ว”“มู่ โย่ว!” ข้ากัดฟันกรอด พร้อมเอ่ยออกมาทีละคำอย่างเว้นจังหวะ “สภาพของข้าเป็นเช่นนี้ไม่ใช่เพราะผลของการกระทำของท่านหรอกหรือ?”หากเมื่อคืนนี้เขาสามารถยับยั้งชั่งใจได้บ้าง ข้าคงไม่ต้องอยู่ในสภาพราวกับผู้ป่วยติดเตียงเช่นนี้บนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา “ท่านอาจารย์ โย่วเอ๋อร์ไม่ได้ตั้งใจ”คำพูดเช่นนี้ ข้าได้ยินจนหูแทบชา ในฐานะองค์ฮ่องเต้ คำพูดของเขาเชื่อถือไม่ได้ยิ่งกว่าสายลมที่พัดรำเพยเสียอีกหลังจากที่ความเข้าใจผิดได้คลี่คลายลงแล้ว ข้าก็เอาแต่คิดจะออกจากวังหลวงเพียงอย่างเดียว เขารู้ดีว่าการกักขังข้าไว้เฉย ๆ นั้นมิได้ผล จึงแสดงความบ้าคลั่งออกมาอยู่เรื่อย ๆ บ
Baca selengkapnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status