เมื่อทุกคนได้ยินเซี่ยซีหว่านพูดเช่นนี้ก็พากันถอนหายใจในทันที อะไรนะ เธอกล้าท้าทายดาวของมหาวิทยาลัย T ที่เรียนเก่งอย่างลี่เหยียนหลานเหรอ? ลี่เหยียนหลานไม่เพียงแต่เป็นคนดังและมีชื่อเสียงที่ดีเท่านั้น แต่เธอยังขยันอีกด้วย ทุกครั้งที่เธอส่งคำตอบคือทั้งถูกต้องและสวยงามไปหมด เธอเป็นที่ชื่นชอบของรองอธิการบดีโจว เธอช่างสูงส่ง และยังไม่มีใครกล้าท้าทายเธอเมื่อเซี่ยซีหว่านปรากฏตัวขึ้นที่ครั้งแรก เธอก็ไม่ได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัย T จนถูกตีกลับมามหาวิทยาลัย A ซึ่งอยู่ในอันดับท้าย ๆ ของการสอบเอ็นทรานซ์ด้วย แต่ตอนนี้เธอกลับกล้าท้าทายลี่เหยียนหลานอย่างโจ่งแจ้ง เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้คนต่างตกตะลึงเป็นอย่างมาก ทุกคนต่างพากันมองเธอด้วยความประหลาดใจว่าเธอเอาความมั่นใจมาจากไหน? ลี่เหยียนหลานยิ้มเย้ยหยัน และพูดว่า “เซี่ยซีหว่าน เธอพูดจริงเหรอ เธออยากจะท้าทายฉันจริง ๆ ใช่ไหม? ไม่งั้นเธอลองกลับไปคิดทบทวนดูอีกครั้งก่อนก็ได้นะ ฉันคิดว่าถ้าฉันตกลงรับคำท้าและต่อสู้กับเธอในเวทีประลองมันจะกลายเป็นว่าฉันรังแกเธอที่ไม่มีทางสู้น่ะสิ” ลี่เหยียนหลานพูดอย่างมั่นใจ เธอดูถูกเซี่ยซีหว่านในการสอบเอ็นทรานซ์ นี่ไม่ใ
เมื่อลี่เหยียนหลานเห็นลู่จื่อเซียน เธอก็นิ่งชะงักอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่คิดว่าลู่จื่อเซียนจะปรากฏตัวที่นี่ ลู่จื่อเซียนเป็นคุณชายรองของตระกูลลู่ แต่เขากลับไม่ค่อยมีรัศมีเปล่งประกายของตระกูลลู่มากนัก เขาเกิดมาเป็นบุตรแห่งสวรรค์เช่นกัน บรรยากาศโดยรอบของเขานั้นดูเยือกเย็น เขามีบุคลิกเย่อหยิ่ง ตั้งแต่เด็กเขาก็ไม่ค่อยมาเล่นคลุกคลีกับกลุ่มเพื่อนของเธอเลย ดังนั้นลี่เหยียนหลานจึงรู้สึกไม่คุ้นเคยกับเขามากนัก . ลี่เหยียนหลานจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาอย่างรวดเร็วและส่งข้อความถึงเยี่ยหมิงจูลูกสาวคนโตผู้สูงส่งของตระกูลเยี่ยว่า “หมิงจู คนที่เธอชอบอยู่ที่มหาวิทยาลัย T ล่ะ” เสียง “ติ๊ง” ดังขึ้นอีกครั้ง เยี่ยหมิงจูตอบกลับภายในไม่กี่วินาทีว่า “ลู่จื่อเซียนไปที่มหาวิทยาลัย T เหรอ? เหยียนหลาน รีบถ่ายวีดีโอให้ฉันดูเร็วเข้า” ลี่เหยียนหลานเปิดวีแชทและถ่ายวิดีโอสั้น ๆ ส่งให้เยี่ยหมิงจูในทันที ทันใดนั้นร่างเพรียวบางสง่างามก็เดินเข้ามาหาลู่จื่อเซียนในทันที “ลู่จื่อเซียน” มือของลี่เหยียนหลานนิ่งชะงักในทันที เธอเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วและเห็นเซี่ยซีหว่านกำลังเดินไปข้าง ๆ ลู่จื่อเซียน ลู่จื่อเซีย
เมื่อได้ยินคำพูดที่น่าเกลียดเหล่านี้ ใบหน้าเรียวเล็กอันงดงามของเซี่ยซีหว่านก็ไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าแต่อย่างใด เธอเพียงแค่ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย หลิวจ้าวตี้เป็นผู้หญิงที่สวยมาก เธอสวยมากจริง ๆ แต่นิสัยทั้งหมดของเธอสูงส่ง เอารัดเอาเปรียบผู้คน และการพูดจาของเธอนั้นสร้างความเจ็บแสบและดุดันเล็กน้อย ซึ่งทำให้ผู้คนไม่ชอบอย่างมากเซี่ยซีหว่านรู้สึกเสมอว่านิสัยเช่นนี้ไม่เข้ากับใบหน้านี้เลย ใบหน้าที่เหมือนกับของหลิวอิงลั่ว ในเวลานั้นหลิวอิงลั่วไม่ได้เป็นเพียงสาวงามอันดับหนึ่งในมหานครเอมพีเรียล แต่เธอยังเป็นผู้หญิงที่เยือกเย็นและมีความสามารถด้วยไอคิวระดับสูง เธอสวมชุดกระโปรงสีขาว กอดหนังสือสองสามเล่มไว้ที่อกและเดินอยู่ในมหาวิทยาลัย เธอเคยเป็นที่นิยมในยุคหนึ่งเซี่ยซีหว่านยื่นมือของเธอออกแล้วคืนเช็คให้หลิวจ้าวตี้ และพูดว่า “คุณผู้หญิงลู่คะ ในใจของคุณ คุณนั้นคิดว่าลู่จื่อเซียนลูกชายของคุณมีค่าแค่ไหน และขายราคาเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมเหรอคะ” หลิวจ้าวตี้หยุดดื่มกาแฟในทันทีเซี่ยซีหว่านยิ้ม “หรือว่าฉันเข้าใจความหมายของคุณผิดเหรอคะ? ถ้าฉันเขียนห้าล้าน คุณอาจจะคิดว่าถูกไป คิดว่าลูกชายของตัวเองก็มีร
เซี่ยซีหว่านไม่คิดว่าเธอจะปะทะกับหลิวจ้าวตี้เป็นครั้งแรก หลิวจ้าวตี้โหดร้ายทารุณมาก เธอสามารถฆ่าคนได้อย่างสมบูรณ์จนเธอไม่ทันตั้งตัว แต่ถ้าเธอพบเยี่ยหลิงและได้สติแล้ว เธอจะไปชำระบัญชีกับหลิวจ้าวตี้แน่นอน ! ...หลังจากวางสายจากเซี่ยซีหว่าน พี่ฮวารีบกดหมายเลขโทรศัพท์มือถือของกู้เยี่ยจิ่นในทันที เธอมีหมายเลขโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของกู้เยี่ยจิ่นจึงโทรติดต่อไม่ติดขัด โทรศัพท์มือถืออันไพเราะดังขึ้นเพียงหนึ่งครั้ง ปลายสายก็กดรับในทันที เสียงทุ้มต่ำอันนุ่มนวลของกู้เยี่ยจิ่นก็ดังขึ้นว่า “ฮัลโหล” “ประธานกู้คะ แย่แล้ว เกิดเรื่องกับหลิงหลิงค่ะ !” พี่ฮวารีบพูดในเวลานี้ที่ความสูง 30,000 ฟุตในต่างประเทศ หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานของห้องเพรสซิเดนท์สวีท 6 ดาว กู้เยี่ยจิ่นเพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมทางธุรกิจและกลับมาที่ห้อง เขาบีบโทรศัพท์ด้วยมือเดียว มือข้างหนึ่งดึงเน็กไทที่คอ เมื่อได้ยินพี่ฮวาพูดว่าเกิดเรื่องกับเยี่ยหลิงเลขาส่วนตัวในห้องเพรสซิเดนท์สวีทรู้สึกทันทีว่าอุณหภูมิในห้องทั้งห้องลดลงถึงจุดเยือกแข็ง เขากลัวมากจนแทบหยุดหายใจ กู้เยี่ยจิ่นหยุดดึงเน็กไทและพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “เกิดอะไรขึ้นคร
เซี่ยซีหว่านมีสายตาที่เฉียบแหลม และว่องไว เธอสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวตรงหน้าเธออย่างรวดเร็ว เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น ดวงตาสดใสของเธอก็ต้องเบิกกว้างขึ้นในทันทีเธอเห็นลู่หานถิงลู่หานถิงมาแล้ว !คืนนี้ลู่หานถิงสวมชุดสูทสีดำที่เข้าชุดมาอย่างดีตามแบบสไตล์ท่านประธาน ท่าทางของเขาดูสง่างาม และน่าเกรงขาม ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขางดงามราวกับงานแกะสลัก เมื่อเขาก้าวเข้ามาก็สามารถดึงดูดสายตาของทุกคนได้อย่างล้นหลามราวกับแม่เหล็กว้าวเซี่ยซีหว่านได้ยินเสียงสาว ๆ ที่ยืนอยู่ด้านข้างส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น พวกเธอมองลู่หานถิงอย่างหลงใหล และแทบจะพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วผู้คนส่วนใหญ่ที่มางานเลี้ยงส่วนตัวนี้เป็นบรรดานักธุรกิจที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร หรือไม่ก็ทายาทตระกูลผู้ร่ำรวยรุ่นที่สองที่ชื่นชอบความสนุกสนาน ลู่หานถิงเป็นนักธุรกิจที่มีอำนาจ และมีชื่อเสียง ดังนั้นจึงทำให้เขากลายเป็นที่สนใจของทุกคน โดยเฉพาะบรรดาสาว ๆ ในทันที เซี่ยซีหว่านหยุดชะงัก เขามาที่นี่ทำไม?เขามาเข้าร่วมงานเลี้ยงส่วนตัวแบบนี้จริง ๆ เหรอ?หากเป็นเมื่อก่อน เธอคงไม่เชื่อว่าคุณชายลู่จะมาร่วมงานเลี้ยงส่วนตัวแบบนี้ แต่ตอนนี
ลู่หานถิงรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นการเสแสร้งแกล้งทำ เธอต้องการทำให้เขาพอใจ แต่เขากลับรู้สึกอ่อนไหวกับการกระทำของเธอ“ประธานลู่คะ ทำไมคุณไม่พูดอะไรเลยล่ะคะ ประธานลู่คะ พาฉันเข้าไปข้างในหน่อยเถอะนะคะ ประธานลู่คะ”เธอเรียกเขาว่าประธานลู่อย่างไม่หยุดหย่อน น้ำเสียงของเธอช่างนุ่มนวลและอ่อนหวานผสมความโกรธเคืองเล็กน้อย ลู่หานถิงรู้สึกว่าร่างกายอันแข็งแกร่งของเขากำลังด้านชา เธอกำลังจะเรียกวิญญาณร้ายในตัวของเขาออกมา“นอกจากคำว่าประธานลู่ เธอเรียกอย่างอื่นไม่เป็นเหรอ?”เรียกอย่างอื่นอย่างนั้นเหรอ?เซี่ยซีหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็เงยขึ้น และกระซิบข้างหูของเขาว่า “คุณชายลู่คะ”คุณชายลู่สามคำนี้ทำให้หัวใจของลู่หานถิงเต้นแรงขึ้นในทันที จากนั้นภาพในความทรงจำจำนวนมากต่างหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเขาอย่างไรก็ตาม ภาพเหล่านั้นหายวับไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงจำอะไรไม่ได้เลย“คุณชายลู่คะ” เซี่ยซีหว่านเรียกเขาอีกครั้งลู่หานถิงเม้มริมฝีปากบางและกลืนน้ำลายลงคอหนึ่งครั้ง เขาเป็นคนให้โอกาสเธอเองแถมยังปล่อยให้เธอยั่วยวนเขา และคนที่หวั่นไหวก็คือตัวเขาเอง ถ้าเธอยังคงเรียกเขาอยู่แบบนี้ เขาอาจจะคว
เซี่ยซีหว่านเอื้อมมือออกมาประคองตัวเยี่ยหลิงขึ้นมา และพูดว่า “หลิงหลิง ตอนนี้เราอยู่ที่งานเลี้ยงส่วนตัว ใครบางคนพาเธอมาที่นี่เพื่อทำการประมูล”“อะไรนะ?” เยี่ยหลิงรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก และพูดว่า “ใครเป็นคนทำ แล้วจุดประสงค์คืออะไรเหรอ?”“หลิงหลิง เรื่องนี้มันยาว เราค่อยพูดเรื่องนี้กันทีหลังเถอะ เธอรีบออกไปจากที่นี่เร็ว” เมื่อเซี่ยซีหว่านพูดจบก็ผลักเยี่ยหลิงออกไปด้านนอกทันทีเยี่ยหลิงจับมือเรียวเล็กของเธอ และพูดว่า “หว่านหว่าน เธอจะไม่ไปกับฉันเหรอ?”“ฉันไม่ไป ฉันจะขึ้นประมูลแทนเธอเอง”“ไม่ได้นะ !” เยี่ยหลิงปฏิเสธในทันที และพูดว่า “ถ้างั้นฉันจะอยู่กับเธอที่นี่เอง !”“หลิงหลิง เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับฉันโดยตรง เธอเข้าใจที่ฉันพูดไหม ตอนนี้เธอต้องแอบออกไปข้างนอกก่อน เมื่อการประมูลเริ่มขึ้น สายตาของทุกคนจะต้องจับจ้องมาที่ของประมูล และนี่คือวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเธอที่จะแอบหนีออกไป ก่อนที่ฉันจะมาที่นี่ฉันได้บอกกับคุณพ่อเซี่ยและคุณแม่หลานไว้แล้ว พวกเขาจะรอรับเธออยู่ด้านนอกงานเลี้ยง หลิงหลิง ฉันมีแผนของฉันแล้ว เธออย่ารั้งฉันไว้เลย เธอรีบไปเถอะ !”เซี่ยซีหว่านบอกเซี่ยปังและหลานเหยียนแล้ว
เธอสวมชุดเดรสยาวผ้าชีฟอง ผิวอันบอบบางของเธอขาวนวลเนียนราวกับหิมะ ร่างกายของเธอดูนุ่มนิ่มราวกับไร้กระดูก เธอดูงดงามดั่งกับไข่มุกที่เปล่งประกาย เมื่อเธอปรากฏตัวขึ้นก็ทำให้ทุกสายตาที่จับจ้องไปที่เธอนั้นรู้สึกราวกับว่าโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะทุกคนต่างก็ตกตะลึงในความสวยของเธอดวงตาอันเฉี่ยวคมของลู่หานถิงมองไปที่เรือนร่างของเซี่ยซีหว่าน เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงติดใจเธอถึงเพียงนี้ นั่นเป็นเพราะว่าเธอทั้งสวยและมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก เขาเป็นเพียงคนธรรมดา และเขาก็ชอบผู้หญิงสวย ยิ่งสวยมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งชอบมากขึ้นเท่านั้นสวี่เส้าหนานเดินผ่านฝูงชนออกไปข้างหน้า เขามองไปที่เซี่ยซีหว่านด้วยความตกตะลึง นี่คือเด็กขี้เหร่คนนั้นที่เขารู้จักอย่างนั้นเหรอ?เมื่อตอนที่เซี่ยซีหว่านอยู่ที่เมืองไห่เฉิง เธอสวมผ้าคลุมหน้า แต่ตอนนี้เธอถอดผ้าคลุมหน้าออกแล้วเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของเธอ หลังจากเธอเกิดใหม่ เธอก็ดูสวยสง่างามยิ่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก ทำให้สวี่เส้าหนานแทบจะไม่เชื่อสายตาของตนเองเจ้าของโรงกลั่นไวน์ส่วนตัวก็ตกตะลึงเช่นเดียวกันเมื่อเห็นเซี่ยซีหว่าน ไม่สิ นี่ไม่ใช่