เมื่อมาร์ชได้ยินเช่นนั้นเขาตกใจกับคำตอบที่ได้รับแม้ว่าจะเป็นคนตั้งคำถามออกไป ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาคงต้องถอยให้ชายหนุ่มที่อยู่ตกหน้าที่เพิ่งประกาศว่าเขาเป็นสามีของหญิงสาวสินะ ‘เจ็บปวดชะมัด’ เขาอุตส่าห์ตามดูแลและปกป้องเธอมาตั้งนาน จนหัวใจของเขานั้นมันก้าวข้ามความเป็นเพื่อนไปแล้ว แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะสารภาพรักกับเธอเพราะกลัวว่าจะเสียเธอไป แต่ตลกชะมัดที่อยู่ดีดีคนที่หญิงสาวโทรมาบ่นให้ฟังเช้าเย็นนั้นเป็นคนรักของเธอ เขาต้องหลีกทางสินะแต่เขาจะไม่ยอมไปจากหญิงสาวหรอกเพราะตราบใดที่ยังไม่แต่งงานแสดงว่ายังมีความหวัง เมื่อสถานการณ์ตึงเครียดมานานหลายนาทีมาร์ชจึงเป็นคนพูดทำลายความเงียบนั้นออกไป“โมริ!! มาร์ชว่าโมริรีบไปแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวเราออกไปทานข้าวเย็นกัน เราจองร้านอาหารไว้แล้ว เดี๋ยวไปเลทนะ”“อ๋อ ได้สิ ขอเวลาแปปนึงนะ เดี๋ยวเราขอแต่งตัวแปปเดียว” หญิงสาวพูดเสร็จก็วิ่งเข้าไปยังห้องแต่งตัว“ส่วนคุณผมขอคุณด้วยหน่อยครับคุณติณ เชิญทางนี้ครับ” มาร์ชเอ่ยชวนชายหนุ่มไปคุยที่ด้านนอกระเบียงเป็นการส่วนตัว เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ กับสิ่งที่เขานั้นตั้งตัวรับมันไม่ทัน“คุณรักโมริของผมจริงๆ หรือเปล่า”“….” ไร้เสียงการตอ
ช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมาชีวิตของติณภพและโมริก็ดำเนินการไปอย่างปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คือชายหนุ่มจะคอยกีดขว้างผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้โมริตลอดเวลา และพยายามบังคับให้เธอย้ายไปอยู่บ้านกับเขา จนหญิงสาวต้องทำข้อตกลงว่าจะอยู่บ้านชายหนุ่มเฉพาะวันหยุดเท่านั้น ส่วนวันธรรมดาเธอนั้นจะนอนที่คอนโด เพราะเธอชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่าและอีกอย่างเธอก็ไม่ชินกับการที่ต้องอยู่กับผู้ชายสุดเนี้ยบแบบเขาเห้อ!! ตอนนี้เธอเหนื่อยใจมากๆ เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหน หรือทำอะไรเขาก็คอยตามประกบเธอตลอด ช่วงวันธรรมดาเขาก็มาหาเธอที่คอนโดและใช่.. เขาเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้ามานอนที่คอนโดกับหล่อนแทบทุกวัน จนตอนนี้คำว่าอิสระของเธอค่อยๆ หายไปอย่างสิ้นเชิง และตั้งแต่วันที่ติณภพบอกกับมาร์ชว่าเขาเป็นสามีของเธอ มาร์ชก็ไม่ได้ติดต่อมาหาเธออีกเลย มีแค่ไลน์ทิ้งชื่อร้านอาหารไว้และบอกว่ารีบกลับไปทำธุระที่กรุงเทพกะทันหัน ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เธอยังไม่ได้อธิบายให้เพื่อนสนิทของเธอรู้เลย แต่ไม่เป็นไรวันหยุดสุดสัปดาห์นี้เธอก็จะเข้าไปที่กรุงเทพเพื่อไปหาคุณพ่อและคุณแม่แล้วเดี๋ยวจะออกไปเที่ยวกับมาร์ชด้วยก็แล้วกัน“โมริ มานอนได้แล้ว” เธอกำลังตั้งหน้าตั
เมื่อติณภพออกมาจากห้องน้ำก็ไม่พบหญิงสาวแล้ว จึงรีบแต่งตัวและออกไปทำงานเพราะตอนนี้ก็เกือบจะสายแล้ว เมื่อมาถึงที่ทำงานก็พบหญิงสาวทำหน้าบึ้งตึงไม่ยิ้มใส่เขา“กาแฟดำ กับคุกกี้ค่ะ” ถึงหญิงสาวจะไม่พอใจเพียงใดก็ต้องทำหน้าที่ของตนเองทุกวัน อย่างเสิร์ฟกาแฟและขนมให้กับติณภพ“หนีมาก่อนทำไม??” ชายหนุ่มเริ่มต้นบทสนทนาเรื่องของเมื่อเช้าที่ยังไม่เคลียร์“ก็คุณรังแกหนู”“รังแก?? ตรงไหน??”“คุณยังจะมาถามหนูอีก ก็คุณ..เออ..คุณ”“มานี่สิ!!” ชายหนุ่มเรียกหญิงสาวเดินอ้อมมาหาเขาที่เก้าอี้ เธอจึงเดินเข้าไปหาชายหนุ่มอย่างว่าง่าย“ว๊ายยยย!!” อยู่ดีดี ชายหนุ่มก็ดึงหญิงสาวลงมานั่งบนตักของเขา หญิงสาวตกใจจนล้มตัวลงไปนั่งลงที่ตักของชายหนุ่มอย่างง่ายดาย ชายหนุ่มคว้าตัวเธอเข้ามากอดและนำใบหน้าของเขาแนบกับใบหูของเธอ“ผมรังแกคุณตรงไหนเหรอครับ?? หืมมมม”“คะ คุณไม่ป้องกัน”“หึหึ นึกว่าเรื่องอะไร”“นี่คุณ มันเรื่องใหญ่มากเลยนะคะ ถ้าเกิดท้องขึ้นมาจะทำยังไง??”“ก็ดีสิ ผมจะได้เป็นพ่อคนสักที”“คุณติณ แต่เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ”“เอากันทุกวันบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรได้ยังไง”“มันเป็นแค่เรื่องผิดพลาดก็เท่านั้น”“ผิดพลาดงั้นเหรอ มั
ตอนนี้ทั้งหมดตกอยู่ภายในความเงียบ และชายหนุ่มทั้งสองที่เพิ่งจะไม่ค่อยลงรอยกันก็ไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่“อ้าว ตามาร์ช มารับหนูโมริไปเที่ยวใช่ไหมลูก??”“สวัสดีครับคุณพ่อ สวัสดีครับคุณแม่ ผมมารับโมริไปเที่ยวครับ” มาร์ชกล่าวทักทายพ่อแม่ของหญิงสาว เนื่องจากเขาเป็นเพื่อนของเธอคุณหญิงญาดาและคุณอาทิตย์จึงให้เขาเรียกเธอว่าพ่อกับแม่“มาพร้อมหน้าพร้อมตากันเลย ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวไปทานข้าวกันดีกว่า”“ครับ/ครับ/ค่ะ” ทั้งสามคนตอบอย่างพร้อมเพรียงกันการทานอาหารมื้อนี้เต็มไปด้วยความอึดอัดเว้นแต่คุณหญิงญาดาและคุณอาทิตย์ที่ทานข้าวกันอย่างมีความสุข เมื่อทั้งหมดทานอิ่มแล้วก็พากันมายังห้องนั่งเล่นเมื่อทั้งหมดนั่งลงมาร์ชจึงขอตัวพาหญิงสาวไปเที่ยว เนื่องจากเลยเวลามามากแล้วและเกรงว่าจะไปดูหนังที่ตนเองและหญิงสาวจองไว้ไม่ทัน“ถ้าไม่เป็นการเสียมรรยาท ผมกับโมริจะขอตัวออกไปดูหนังก่อนนะครับ เดี๋ยวไม่ทันรอบที่จองไว้” มาร์ชกล่าวออกมาอย่างสุภาพ“อ้าว ไหนติณบอกว่าจะมารับโมริกลับ เพราะว่ามีประชุมด่วนตอนบ่ายนี้นี่นา” คุณอาทิตย์กล่าวออกมาอย่างสงสัย“ห๊า!!!” เมื่อหญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็สงสัยไม่น้อยเหมือนกัน เพราะเธอจำได้ว่าเ
ตอนนี้เสื้อผ้าของหญิงสาวนั้นถูกถอดออกไปหมดแล้ว โดยที่เธอนั้นไม่รู้สึกตัว พอมองดูชายหนุ่มนั้นเขาก็ถอดเสื้อผ้าออกไปทั้งหมดเช่นเดียวกัน ร้ายกาจมาก หญิงสาวพึมพำใส่ชายหนุ่ม แต่การกระทำของเขาทั้งหมดนั้นก็ทำให้หญิงสาวนั้นยอมจำนนต่อเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสของร่างกาย เขารู้จุดอ่อนของเธอทุกซอกทุกมุม แต่ก็ยังแอบโมโหที่เขาโกหกเธอว่ามีประชุม จนไม่ได้ไปดูหนังกับเพื่อนสนิทของเธอ แต่ก็ช่างเถอะ เธอขอผ่านเวลานี้ไปให้ได้ก่อน เพราะตอนนี้เธอทรมานเหลือเกิน“อ้าขาสิ โมริ!!” หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็ทำตามอย่างว่าง่าย เพราะร่างกายเธอนั้นทรมานไปหมดแล้ว“ดีมาก” เมื่อหญิงสาวอ้าขา ชายหนุ่มก็นำใบหน้าของเขาซุกเข้าไปในกลีบกุหลาบของเธอทันที เขาใช้เวลาเพียงไม่นานก็ทำให้หญิงสาวนั้นกระตุกร่างออกมาเบาๆ และเขาก็กลืนกินน้ำในกลีบกุหลาบของเธอจนหมดจด“อือ คุณติณ โมริจะไม่ไหวแล้ว” หญิงสาวคร่ำครวญขอร้องให้ชายหนุ่มนั้นเข้ามาในตัวเธอเร็วๆ“จุ๊จุ๊ เรียกพี่ติณสิครับ” ชายหนุ่มกำลังนำแก่นกายหยอกล้อที่กลีบกุหลาบของเธอแต่ก็ไม่ยอมใส่ไปในตัวของเธอเสียที“พี่ติณขา เข้ามาเลยค่ะ หนูไม่ไหวแล้ว” “อืม อย่างนี้ค่อยชื่นใจหน่อย”
หญิงสาวนอนหลับไปนานหลายชั่วโมง เนื่องจากอาการอ่อนเพลียมาหลายวัน เมื่อเธอรู้สึกตัวอีกครั้งก็ปาเข้าไปเกือบห้าโมงเย็นแล้ว เธอจึงรีบลุกจากที่นอน วิ่งเข้าไปห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายและเปลี่ยนชุดสบายๆ ออกมา ทำไมเธอถึงมีชุดเปลี่ยนเยอะนะเหรอ?? ทั้งที่ไม่ได้ไปเก็บชุดที่คอนโดมา ก็เพราะว่าชายหนุ่มนั้นซื้อเสื้อผ้ามาให้เธอเกือบยี่สิบชุดเลยล่ะ แต่เธอนั้นไม่ชอบใส่ เพราะแต่ละชุด ถ้าไม่ใหญ่จนเกินตัว ไม่ก็ยาวปกปิดเรือนร่างเธอจนหมด ‘จะหวงทำไมนักหนาก็ไม่รู้’ เมื่อเธอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบวิ่งลงมาหาอะไรทานเพราะตอนนี้ท้องอันน้อยๆ ของเธอนั้นร้องคร่ำครวญเหลือเกิน เมื่อลงมาด้านล่างก็พบกับชายหนุ่มกำลังจัดเตรียมของทำปิ้งย่างอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน มีที่นั่งเก้าอี้ปิคนิคสองตัวอยู่ใกล้ๆ ที่ปิ้งย่าง และมีจอโปรเจ็กค์เตอร์ตัวใหญ่ตั้งอยู่กลางสนามหญ้า เธอจึงเดินเข้าไปดูอย่างตื่นเต้น เพราะนานแล้วที่เธอไม่ได้เจอบรรยายกาศแบบนี้ ตั้งแต่มาฝึกงานก็แทบไม่ได้ไปไหนเพราะกลับถึงห้องก็แทบสลบ แต่ก็มีบางครั้งที่ออกไปปลดปล่อย หรือบางครั้งก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อนสนิทของเธอ“ตื่นแล้วเหรอ??”“ถ้าไม่ตื่นจะเห็นหนูยืนอยู่ตรงนี้ไหมละคะ
เขากำลังนั่งดื่มเบียร์อยู่นั้น จู่ๆ หญิงสาวก็หันมาหาเขาและทำแววตาหยาดเยิ้มใส่เขา ‘คงจะทนไม่ไหวสินะ’“ว่าไงครับ??”“หนูอยากทำรักกับพี่ติณค่ะ” พูดจบหญิงสาวก็ลุกมานั่งตักและคล้องคอเขาไว้ แต่เขานั้นรู้ทันจึงอยากแกล้งเธอ“วันนี้พี่เหนื่อยแล้ว”“หือออ!! พี่ติณแค่นั่งเฉยๆ ก็พอค่ะ เดี๋ยวโมริทำเอง”ฟอด!!!“ร้ายนักนะ” ชายหนุ่มฝังจมูกโด่งของเขาเข้าไปที่แก้มเนียนๆ ของเธอ“ก็พี่ติณเป็นคนสอนโมริให้ทำเองนี่คะ”“หึหึ” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างพอใจ“หนูจะเริ่มแล้วนะ”“ครับ เริ่มเลยสิ” หญิงสาวค่อยๆ จับใบหน้าของชายหนุ่มหันมาตรงกับเธอและประกบริมฝีปากเข้าหน้าชายหนุ่ม การจูบไม่เป็นของเธอทำให้เขานั้นแทบคลั่ง ครางออกมาในลำคออย่างพอใจ และด้วยความที่เขาทนไม่ไหว จึงจูบตอบเธอจนเธอนั้นเริ่มหายใจไม่ออกจึงยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระไม่นานหญิงสาวก็เลื่อนตัวลงมาที่หยุดอยู่ระหว่างกางเกงของชายหนุ่มและค่อยเอื้อมมือไปรูดซิปของชายหนุ่มออกอย่างช้าๆ และนำแก่นกายของเขาออกมาทั้งที่ยังไม่ถอดกางเกงของชายหนุ่มออก“ทำไมไม่ถอดออกให้หมดล่ะครับ”“ไม่เอาค่ะ นี่มันสนามหญ้า โมริอาย”“อายแต่ก็ทำ??”“ก็อย่างลองที่ใหม่ๆ บ้าง คริๆ แต่ก็ไม่อยา
1 เดือนผ่านไป...การใช้ชีวิตของทั้งสองก็เริ่มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากที่ทัศนคติทุกอย่างไม่ตรงกันแต่ตอนนี้ทั้งสองก็เริ่มปรับตัวเข้าหากัน ไม่ว่าจะเป็นการล้างจานหลังจากทานข้าวเสร็จก็เปลี่ยนเป็นอนุโลมให้ข้ามคืนได้ จากต้องซักเสื้อผ้าเองก็ส่งให้ร้านซักเป็นคนทำเพื่อประหยัดเวลา จากที่ชายหนุ่มทำงานจนดึกดื่นก็เปลี่ยนเข้านอนพร้อมกับหญิงสาว ทั้งสองเริ่มจัดสรรเวลาให้ตรงกันเพื่อมีเวลาให้กันมากขึ้น เพราะชายหนุ่มป็นคนที่เจ้าระเบียบมาก มากขนาดที่ปิดประตูห้องปกติของหญิงสาวแต่กลายเป็นเสียงดังสำหรับเขา เธอต้องค่อยๆ หมุนลูกบิดเบาๆ เพื่อลดการเสียงดัง จากที่เธอเคยตื่นสายก็ต้องตื่นเช้ามากขึ้น แต่เธอสามารถต่อรองเวลาจากตีห้าเป็นเจ็ดโมงเช้าได้ชายหนุ่มเป็นคนที่พิถีพิถันในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมากแตกต่างจากหญิงสาวที่ทำตรงกันข้ามกับชายหนุ่มทุกอย่าง แต่เธอและเขาก็ค่อยๆ ซึมซับกันและกันและปรับความเข้าใจกันมากขึ้นมากขึ้น และชายหนุ่มก็เริ่มตามใจเธอเช่นเดียวกัน เธอเป็นคนชอบเที่ยวเขาก็พาเธอไปเที่ยวทุกสัปดาห์ไม่ว่าจะไปที่ไหนเขาก็จะพาเธอไปเสมอ พาเธอไปทานข้าวนอกบ้านบ้าง และพาเธอไปช๊อปปิ้งบ้างเป็นบางครั้ง เขาค่อนข้างที่จะต
แอ๊ดดด!! ปัง!!“มึงมาทำเชี้ยไรอีกเนี้ยะ ไอ้โรม” ชายหนุ่มมองหน้าเพื่อนรักอย่างหงุดหงิดที่มารบกวนเวลานอนของเขา“หวัดดี!! กูมาดูอาการของน้องกอหญ้าครับเพื่อนรัก” หมอหนุ่มยืนโบกมือและส่งยิ้มไปหาเพื่อนรักเบาๆ“มึงไม่มีงานมีการทำหรือไง คนไข้ที่โรงพยาบาลมึงน้อยไปหรอ กูจะได้จัดการยิงคนส่งไปให้มึงรักษา”“มีครับ แต่กูไม่ทำ มึงลืมไปแล้วเหรอ ว่ากู...เป็นเจ้าของโรงพยาบาล” หมอหนุ่มยืนยักคิ้วเบาๆ ใส่ชายหนุ่ม“ไอ้เหี้ยยยย!!”“ว่าแต่มึงเถอะ สายขนาดนี้งานการไม่มีทำหรือไง กูจะได้ให้ลูกน้องไปทุบตึกโรงแรมมึงแล้วให้มึงสร้างใหม่ และปกติเนี้ยะ...กูเห็นทำงานหามรุ่งหามค่ำ หรือว่ามีอะไรผิดปกติไปนะ” หมอหนุ่มยืนจ้องชายหนุ่มอย่างจับผิด“กูก็ปกติของกู แค่วันนี้กูอยากพักผ่อน”“โว้วๆ เป็นห่วงแม่สาวน้อยที่นอนอยู่บนเตียงก็บอกมาเถอะ” หมอหนุ่มทำท่ามองทะลุเข้าไปในห้องของชายหนุ่ม“ไอ้โรม มึงห้ามมอง” ชายหนุ่มพยายามปิดประตูเพื่อไม่ให้หมอหนุ่มเห็นหญิงสาวในสภาพแบบนี้ แต่ก็ถูกหมอหนุ่มพยายามดันประตูเพื่อแกล้งชายหนุ่ม"แต่กูจะมอง""กูไม่ให้มอง"“หึๆ งั้นกูมีข้อตกลง”“อะไร??”“มึงต้องยกเว้นการเข้าใกล้กูกับน้องกอหญ้า”“ไม่ได้!!”“งั
“ไอ้มิกซ์ ไอ้ฟิลิป พวกมึงหายหัวไปไหนกันหมดวะ!!” ชายหนุ่มตะโกนดังลั่นคฤหาสน์บอดี้การ์ดรีบวิ่งมาหาชายหนุ่มอย่างตกใจเพราะตั้งแต่ทำงานกับเจ้านายไม่เคยเห็นพฤติกรรมของเจ้านายแบบนี้เลย“ครับนาย/ครับนาย”“เธอหายไปไหน??” พอชายหนุ่มกล่าวออกมาก็ทำให้บอดี้การ์ดทั้งสองรู้ทันทีว่าหมายถึงใคร“ผมเห็นเธอเดินกะเผลกขาเข้าไปในห้องรับรองครับ” ฟิลิปรีบตอบผู้เป็นนายเมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ใจชื่นขึ้นทันที“อืม พวกนายไปทำงานได้แล้ว”"ครับนาย/ครับนาย" ทั้งสองโค้งคำนับและพากันเดินออกไปทำหน้าที่ของตนณ ห้องรับรองชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องเห็นหญิงสาวนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงก็แทรกตัวเข้าไปนอนใต้ผ้าห่มเดียวกับเธอและดึงเธอมากอดเอาไว้“อือ...” หญิงสาวพึมพำในละคอเบาๆ เหมือนถูกใครดึงมากอดอย่างอ่อนโยนและซุกเข้าไปหาแผงอกแกร่งอย่างเบาๆ19.00 น.“อือ...” หญิงสาวลืมตาขึ้นมาก็พบว่าชายหนุ่มกำลังกอดเธอไว้ เธอก็ตกใจเล็กน้อย ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ เธอจองใบหน้าของเขา ปลายจมูกของเขา และริมฝีปากของเขา“ทำไมคุณใจร้ายกับกอหญ้าจังเลยนะ” หญิงสาวพูดออกมาเบาๆ นอนมองชายหนุ่มที่กอดเธอไว้และน้ำตาคลอเธอยกแขนชายหนุ่มออกจากตัวเธออย่างเบ
“ใครอยู่ข้างนอก ไปตามหมอโรมมา!!!” ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวนอนแน่นิ่งก็ทำให้เขาแทบคลั่ง"เธอจะตายไม่ได้ นี่คือคำสั่ง"เอี๊ยดดดดดดดดด!!!หมอโรมรีบวิ่งเข้ามาในคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว เมื่อได้รับสายโทรศัพท์จากบอดี้การ์ดของแดเนียลว่าน้องกอหญ้าหมดสติ“ไอ้แดเนียล กูมาแล้ว”ชายหนุ่มวิ่งขึ้นไปบนห้องรับรองที่หญิงสาวพักอาศัยอยู่เมื่อแต่“ทางนี้โว้ย!! ไอ้โรม”“ห๊ะ!!” แดเนียลตะโกนเรียกหมอหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง“ทำไมน้องกอหญ้าถึงไปอยู่ห้องมึงได้??” หมอหนุ่มถามออกมาอย่างสงสัย“ก่อนจะตั้งคำถามมาถามกู มึงมาดูเธอก่อนเถอะ” หมอหนุ่มหยุดความสงสัยไว้ ณ ตอนนั้น และรีบวิ่งเข้าไปดูหญิงสาวที่ห้องของแดเนียล“ไอ้แดเนียลลล ไอ้เพื่อนเวร ทำไมมึงทำร้ายน้องเขาหนักขนาดนี้วะ”หมอหนุ่มยืนดูหญิงสาวที่ตอนนี้หมดสติอยู่ ร่างกายเธอตอนนี้บอบช้ำไปหมด ไหนจะผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่ คราบเลือดเกรอะบนที่นอน ที่มาจากบริเวณขาของเธอเต็มไปด้วยรอยถลอก หมอหนุ่มเอื้อมไปแตะหน้าผากเธอก็พบอีกว่า ตัวเธอนั้นร้อนเป็นไฟ“มึงทำร้ายน้องกอหญ้าของกูแล้วใช่ไหม??” หมอหนุ่มหันหน้าไปถามชายหนุ่ม“ไม่ใช่ของมึง!!” ชายหนุ่มเถียงกลับมาอย่างลืมตัว จนห
ชายหนุ่มลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าไม่สนใจหญิงสาว มองดูคราบเลือดที่เปื้อนบนที่นอนอย่างสงสัยและแอบดีใจที่เขาเป็นคนแรกของเธอ“ฉันให้เวลาเธอแต่งตัว 15 นาที เตรียมตัวไปทำงาน”“แต่หนูเจ็บตรงนั้น หนูลุกไม่ไหว”“โดนแค่นี้ อย่ามาสำออย เธอเป็นแค่เชลย ไม่มีสิทธิ์มาต่อรองกับฉัน”“ฮือๆ”“หยุดร้อง ฉันรำคาญ”“ฮึก!! ค่ะ”“ฉันจะไปรอข้างล่าง ถ้าช้า!!เธอโดนหนักกว่านี้แน่” แล้วชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องไป“เธอต้องเข้มแข็งนะ กอหญ้า” แล้วหญิงสาวก็ลุกขึ้นอย่างช้าๆ แล้วรีบเดินไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวชายหนุ่มจะโมโหอีก15 นาทีต่อมาณ หน้าคฤหาสน์หญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดเดรสสีครีม เธอใส่ชุดนี้ทำให้เธอดูดีเป็นอย่างมาก และเดินขากะเผลกลงมายังประตูทางเข้าคฤหาสน์ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงไม่พอใจขึ้นอีก“อ่อยเพื่อนฉันยังไม่พอ นี่ยังมาอ่อยบอดี้การ์ดของฉันอีกหรอ ห๊ะ”“หนูเปล่านะ หนูยังไม่ได้ทำอะไรเลย” หญิงสาวถามชายหนุ่มอยากสงสัย“ก็เธอใส่ชุดนี้ลงมายังไงล่ะ”“ก็ในตู้เสื้อ..” หญิงสาวกำลังจะบอกว่าในตู้เสื้อผ้ามีแต่ชุดเดรสจะให้เธอใส่อะไร แต่ชายหนุ่มก็ไม่สนใจคำอธิบายของเธอ“อย่ามาเถียงฉัน”“ค่ะ” หญิงสาวยืนก้มหน้าน้ำตาคลอ ไม่กล
เช้าวันต่อมา…“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้หมอหนุ่มที่เข้ามารักษาเธอ“สวัสดีครับ ผมชื่อโรม เป็นหมอประจำคฤหาสน์แห่งนี้ครับ” หมอโรมกล่าวทักทายหญิงสาว“หนูชื่อกอหญ้านะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เมื่อชายหนุ่มได้ยินชื่อหญิงสาวก็คิ้วขมวดเล็กน้อย เพราะจำได้ว่าแดเนียลบอกว่าคนที่ทำร้ายพี่ชาย ชื่อว่า ข้าวฟ่าง“อ๋อ เอ่อ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณกอหญ้า”“เรียกกอหญ้า เฉยๆ ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวยิ้มตาหยีส่งให้หมอหนุ่ม‘เชี้ยแล้วไหมล่ะ ไอ้โรม ทำไมเธอน่าตาน่ารัก น่าทะนุถนอมขนาดนี้ว่ะ’ หมอหนุ่มคิดอยู่ในใจ“เออ หมอโรมคะ อาการกอหญ้าเป็นอย่างไงบ้างคะ”“เรียกผมพี่โรมก็ได้ครับ ตอนนี้อาการน้องกอหญ้าดีขึ้นมากๆ เลยครับ นอนพักอีกสักวันน่าจะหายดีแล้วครับ”“ขอบคุณมากค่ะ พี่โรม”“ครับ งั้นพี่ขอตัวก่อนนะครับ หวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีกนะครับ” หญิงสาวยิ้มให้ชายหนุ่มด้วยนัยตาเศร้าเมื่อได้ยินว่าจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไป“ไม่เจอกันเลยน่าจะดีกว่านะคะ ถ้าพี่โรมมาแสดงว่ากอหญ้าจะต้องป่วย กอหญ้าไม่ชอบฉีดยาค่ะ” หญิงสาวทำจมูกย่นอย่างน่าเอ็นดูหมอหนุ่มยื่นมือไปลูบศรีษะของกอหญ้าเบาๆ“หึ เด็กน้อย วันหน้าถ้าพี่ว่างพี่จะพาน้องกอหญ้าไปเที่
ณ ห้องทำงานก๊อก!! ก๊อก!!“เข้ามา”“นายครับ หมอโรม มาถึงแล้วครับ”“ให้ไปที่ห้องของเธอได้เลย”“ครับนาย”20 นาทีต่อมาแอ๊ดดด!! ปัง!!หมอโรมรักษากอหญ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วยความโมโหจึงเปิดประตูเข้ามายังห้องทำงานของแดเนียลที่เจ้าตัวกำลังนั่งทำงานอยู่อย่างรวดเร็ว“ไอ้แดเนียล มึงทำอะไรของมึงเนี้ยะ”“ทำอะไร??” ชายหนุ่มรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนของตนจะเข้ามาต่อมา“ก็มึงเอาคุณข้าวฟ่างเข้ามาในบ้านยังไงล่ะ”“แล้วจะทำไม”“นี่มันก็ผ่านมา 2 ปีแล้วนะเว้ย มึงจะจับตัวเธอมาแก้แค้นไม่ได้ ตัวเธอยิ่งเล็กๆ บอบบางอยู่ นี่ถ้ากูมาไม่ทันนะ เธออาจจะช็อคตายไปแล้วก็ได้”“มึงไม่ใช่กูจะไปรู้อะไร กูรอวันเวลานี้มานานมาก กว่าจะจับตัวเธอมาได้ และอีกอย่างนังนั่นไม่ใช่ผู้หญิงตัวเล็กๆ บอบบาง แต่คือ ฆาตรกร!!”“กูคงห้ามมึงไม่ได้สินะ”“ก็รู้คำตอบอยู่แล้ว แล้วมึงจะถามทำไม”“งั้นก็เบาๆ กับเธอหน่อยก็แล้วกัน จากที่ฉันดูลักษณะเธอไม่น่าจะมีพิษภัยอะไร น่าเอ็นดูด้วยซ้ำไป”“กูไม่รับปาก”“ไอ้แดเนียล มึงนี่มัน!!” หมอโรมยืนชี้หน้าชายหนุ่มอย่างโมโห“ตรวจเสร็จแล้วใช่ไหม”“เออ อีก 1-2 วัน น่าจะดีขึ้น กูฉีดยาลดไข้และให้น้ำเกลือไว้แล้ว เพราะร่างกา
บรรยากาศค่ำคืนนี้เหน็บหนาวกว่าปกติ ภายนอกคฤหาสน์มีอากาศเย็นจัด และละอองน้ำบนฟ้าเกิดการจับตัวกันเป็นก้อนน้ำแข็ง เริ่มโปรยลงมาจากท้องฟ้าลงสู่พื้นดิน นั่นคือฤดูกาลหิมะตกเข้ามาถึงแล้ว ทำให้ห้องชั้นใต้ดินอากาศเย็นกว่าปกติ ร่างบางนอนขดตัวอยู่บนพื้น ร่างกายเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ เพราะปรับตัวไม่ทัน เพราะย้ายมาจากเขตเมืองร้อนที่ประเทศไทย มายัง เขตเมืองหนาวที่ประเทศอิตาลี บวกกับเสื้อผ้าชุดนักศึกษาของเธอที่ไม่สามารถบรรเทาความหนาวให้อุ่นขึ้นมาได้เลยตอนนี้ภายในร่างกายของเธออุณหภูมิในร่างกายเริ่มสูงขึ้นอย่างเรื่อยๆ“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยหนูด้วย” เธอพยายามเปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากด้านนอก“หนูหนาว ขอผ้าห่มคลุมตัวหน่อยได้ไหมคะ” แต่ไร้เสียงตอบรับจากภายนอกเหมือนเดิมหญิงสาวได้แต่พยายามข่มตัวเองและข่มตานอนเพื่อให้ถึงเช้าของอีกวันเพื่อจะได้ขอผ้าห่มหนาๆ ประทังความหนาวและข้าวอีกสักมื้อ ณ ห้องทำงานก๊อก!! ก๊อก!!“เข้ามา”“นายครับ คนที่ยืนเฝ้าหน้าประตูบอกว่า หญิงสาวร้องขอความช่วยเหลือ เพราะอากาศหนาวครับ” ฟิลิปยืนรายงานเจ้านายของตัวเอง“นายเป็นห่วงเธอ???” ชายหนุ่มเงยหน้าออกมาจากกระดาษที่กำลังจดจ่อบริเวณด้านห
หญิงสาวกรี๊ดและหลับตาเพื่อทำใจยอมรับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นแต่!!!! เสียงกระโจนเข้ามานั้นไม่โดนตัวเธอ และไม่ทำให้เธอนั้นเจ็บปวดแต่ปวดอย่างใดหงิง!! หงิง!! หงิง!! แผล่บ แผล่บ เธอสัมผัสได้ถึงน้ำลายของสัตว์ตัวนั้นโดนที่ใบหน้าของเธอเธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ใช่ หมาป่า ลักษณะดุร้ายตัวนั้น กำลังเลียที่ใบหน้าของเธอ พร้อมหางกระดิกอย่างดีใจเห้อ!! เธอถอนหายใจออกมาอย่างเต็มปอด และมองจ้องหน้าสายตาอ่อนโยนไปยังหมาป่าตัวนั้น“ไง เธอคงชื่อเจ้าลูซ สินะ” หญิงสาวเอามือเรียวยาวของเธอ สัมผัสลูบเข้าไปที่ลูซหงิง!! หงิง!! หงิง!! เหมือนเจ้าลูซจะตอบรับเธอว่าใช่ ว่าตัวเองชื่อลูซ“เธอทำฉันตกใจหมดเลยนะ” ลูซยังพยายามสำรวจสำรวจตัวเธอและรับรู้ได้ว่าร่างกายเธอซูบผอม จึงใช้มือกัดที่แขนของเธอและดึงแขนเบาๆ เพื่อบอกให้เธอลุกขึ้น และลูซก็เดินมายังจานอาหารอีกจานก่อนหน้านี้ที่บอดี้การ์ดนำว่าวางไว้ให้เธอและมองหน้าเธอหงิง!! หงิง!! หงิง!!“ให้ฉันกินข้าวเหรอ”หงิง!! หงิง!! หงิง!!“ฉันไม่อยากกิน ฉันคิดถึงบ้าน” แต่ลูซก็ไม่ลดความพยายาม เดินเข้ามาดึงแขนของเธอและส่งสายตาอ้อนวอนเพื่อให้เธอกินข้าว“อืม กินก็ได้ จะได้มีแรงไปสู้ก
เช้าวันใหม่“นายครับตอนนี้คุณข้าวฟ่างก็ยังไม่ทานข้าวเลยครับ”“เตรียมข้าวมาให้เธอใหม่”“ครับนาย”ณ ห้องใต้ดินหญิงสาวนอนซมอยู่บนพื้นอันเย็นเฉียบ รวมถึงศรีษะกระแทกพื้นอย่างแรกเมื่อวานทำให้มีแผลบริเวณหน้าผาก และไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ถูกจับตัวมา ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก บอดี้การ์ดชุดดำหลายๆ คน เดินเอาอาหารมาให้แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมกิน เพราะมั่วแต่วิตกกังวลและคิดถึงแต่บ้าน หญิงสาวพยายามนั่งคิด นอนคิดว่าทำไมถึงจับตัวมาที่นี่แต่คิดทีไรก็คิดไม่ออก แต่จากการถามชายชุดดำว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน เขาบอกเธอได้แค่ว่า ที่นี่คือประเทศอิตาลี หญิงสาวพยายามคิดต่อก็นึกขึ้นได้ว่าหรืออาจจะเป็นเพราะจับมาผิดตัว เพราะพี่สาวฝาแฝดของเธออาศัยอยู่ที่อิตาลี แต่ก็นานหลายปีแล้วที่พี่สาวไม่ยอมติดต่อกลับมาหาเธอที่ทางบ้านเลย เธอพยายามติดต่อไปแต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับกลับมา หรือพี่สาวของเธอทำร้ายพี่ชายของชายหนุ่มนั้น แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม เพราะเธอรักและเป็นห่วงพี่สาวของเธอมาก กลัวว่าพี่สาวของเธอจะได้รับอันตราย แต่ทันใดนั้นเองแกร๊ก!! เสียงประตูห้องเปิดออกมาอย่างช้าๆ ทำให้เธอหรี่ม่านตาลงเพราะแสงสว่างด้านนอกจ้า ทำให้เธอป