“วันนี้มึงเข้าบริษัทรึเปล่า?” ชายหนุ่มกดโทรหาอคิราห์ เพื่อนสนิทของเขา เพราะมีแผนบางอย่างอยู่ในใจ
“ตอนนี้กูอยู่บริษัท มีอะไร?” เสียงปลายสายตอบกลับมาด้วยความสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงถามแบบนั้น “เดี๋ยวกูไปหา” ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามกลับด้วยน้ำเสียงขำ ๆ “แล้วมึงไม่มีงานเหรอ?” เขารู้ดีว่าเพื่อนคนนี้งานเยอะขนาดไหน ขนาดกินข้าวยังแทบไม่มีเวลา แล้ววันนี้ถึงกับว่างมาหาเพื่อน? “วันนี้กูว่างทั้งวัน ไม่มีนัดอะไรเลย” “เหรอ... งั้นก็มาสิ” แม้จะตอบรับ แต่ในใจอคิราห์กลับรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรแปลก ๆ แน่ ๆ “อืม เจอกัน” ชายหนุ่มกดวางสายไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหยิบกุญแจรถแล้วเดินออกจากห้องทำงานทันที เวลา 12:00 น. – วิทยาลัย ทันทีที่เลิกเรียน หญิงสาวเดินออกมาจากตึกเรียน ก็เห็นรถคุ้นเคยจอดรออยู่แล้ว เธอหันไปล่ำลาเพื่อนก่อนจะรีบเดินตรงไปยังรถ “ฉันกลับแล้วนะ บ๊ายบาย~” เมื่อถึงรถ เธอยกมือไหว้คนขับรถอย่างเคารพ “สวัสดีค่ะพี่ขุน มาถึงนานรึยังคะ?” เธอถามด้วยความเป็นห่วง กลัวเขาจะต้องมารอนาน “ผมเพิ่งมาถึงไม่นานครับ คุณหนูจะกลับบ้านเลยไหมครับ หรือว่าจะไปไหนต่อ?” หญิงสาวนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย “เอยอยากไปหาพี่โอบก่อนค่ะ” เธอยังไม่ลืมเรื่องที่พี่ชายผิดคำพูดเมื่อคืน และคิดว่าถึงเวลาลงโทษแล้ว “ครับ” ขุนเขาพยักหน้ารับคำ ก่อนจะขับรถออกไป “พี่ขุน ห้ามบอกพี่โอบนะคะ เอยอยากเซอร์ไพรส์” ขุนเขามองเธอผ่านกระจกมองหลังแล้วพยักหน้าเบา ๆ ที่บริษัท “จ๊ะเอ๋~” หญิงสาวผลักประตูเข้ามาอย่างร่าเริง โดยไม่รู้เลยว่าพี่ชายไม่ได้อยู่คนเดียว “ไม่ตกใจหน่อยเหรอ?” เธอทำแก้มป่องใส่ด้วยความน้อยใจ คิดว่าการโผล่มาเซอร์ไพรส์น่าจะทำให้พี่ชายตกใจมากกว่านี้ เธอเดินตรงไปนั่งที่หน้าโต๊ะทำงานของอคิราห์ ก่อนจะเท้าคางมองเขาตาแป๋ว “เอยยังไม่ได้ลงโทษพี่เลยนะ ที่ผิดคำพูดเมื่อคืน” แต่ดูเหมือนพี่ชายจะยังทำงานต่อโดยไม่สนใจเธอแม้แต่นิด “มาหาพี่มีอะไรหรือเปล่า?” อคิราห์ถามโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา เขาแค่แกล้งน้องสาวเล่นเท่านั้น “ต้องมีธุระก่อนเหรอ ถึงจะมาหาพี่ได้?" เธอทำหน้ามู่ทู่ใส่ แล้วลุกขึ้นตั้งใจจะเดินไปนั่งโซฟา แต่ก็ต้องชะงักกลางคัน เพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้า ทำให้เธอตกใจจนพูดไม่ออก... “อุ๊ย!… พี่มีแขกเหรอ เอยขอโทษค่ะ” หญิงสาวชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีชายหนุ่มอีกคนอยู่ในห้อง เธอทำท่าจะหันหลังกลับออกไป แต่พี่ชายของเธอเอ่ยขึ้นทันที “ไม่ใช่แขกอะไรหรอก แค่มันว่างงาน เลยแวะมา” อคิราห์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ พร้อมพยักหน้าให้เธออยู่ต่อ เอยจึงหันกลับมา ยิ้มบาง ๆ แล้วเอ่ยกับชายหนุ่ม “สวัสดีค่ะ เอยไม่เห็นว่ามีพี่อยู่ในห้องด้วย ขอโทษนะคะ” เธอรีบยกมือไหว้อย่างสุภาพ ชายหนุ่มรับไหว้พร้อมส่งยิ้มละมุนกลับมา “ไม่เป็นไรครับ” น้ำเสียงนุ่มนวลและสายตาอ่อนโยนของเขาทำให้อคิราห์ที่ยืนดูอยู่ข้าง ๆ เริ่มรู้สึกหวงน้องสาวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เอย!” เสียงเข้มของพี่ชายทำให้หญิงสาวสะดุ้ง หันไปมองด้วยความงงงัน “คะ?” เธอถามกลับอย่างสงสัย ทำไมจู่ ๆ ถึงพูดเสียงดุแบบนั้น ทั้งที่เธอยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย “มานั่งตรงนี้” อคิราห์ชี้ไปที่เก้าอี้ตรงหน้าตัวเอง หญิงสาวกวาดตามองซ้ายขวาอย่างไม่เข้าใจ “นั่งตรงนี้เหรอคะ? เอยอยากนั่งที่โซฟามากกว่า” เธอพูดเบา ๆ แล้วก้าวเท้าเดินตรงไปที่โซฟา ฝั่งเดียวกับที่ชายหนุ่มนั่งอยู่ อคิราห์ถึงกับขบกรามแน่น พยายามข่มอารมณ์ที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถอนหายใจแล้วแนะนำให้รู้จักกัน “นี่ภูผา เพื่อนพี่ ส่วนเอย น้องสาวกู” “สวัสดีค่ะพี่ภูผา เราเคยเจอกันแล้วนะคะ พี่โอบ” หญิงสาวยกมือไหว้อีกครั้งอย่างเรียบร้อย พร้อมรอยยิ้มสดใสที่เธอไม่รู้เลยว่าทำให้หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา รอยยิ้มนั้นตราตรึงในใจภูผาทันที อคิราห์ที่ได้ยินว่าน้องสาวเคยเจอเพื่อนของเขาแล้ว ถึงกับเลิกคิ้วด้วยความสงสัย “เจอกันตอนไหน?” เสียงของอคิราห์แฝงไปด้วยความไม่พอใจ ซึ่งเอยจับได้ทันที “ก็เมื่อคืนไงคะ ที่เอยโทรหาพี่ แล้วพี่ภูผาเป็นคนรับสาย… พี่เขาไม่ได้บอกเหรอ?” หญิงสาวหันไปมองหน้าชายหนุ่มด้วยสีหน้าสงสัย “ไม่ได้บอก” อคิราห์ตอบเสียงทุ้มต่ำ สายตาเฉียบขาดจ้องไปยังเพื่อนสนิทด้วยความไม่พอใจอย่างชัดเจน “เอ่อ… กูลืมบอกน่ะ อย่ามองกูแบบนั้นดิ” ภูผารีบแก้ตัวเสียงอ้อมแอ้ม ก่อนจะหันมายิ้มให้เอยต่อ อคิราห์ไม่ตอบอะไรอีก เขาก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ แต่ยังคงจับตามองทุกการเคลื่อนไหวของเพื่อนชายอย่างไม่ไว้ใจ “เรียกพี่ว่าผาก็ได้นะครับ ไม่ต้องเป็นทางการขนาดนั้น” คำพูดนั้นทำให้อคิราห์เงยหน้าขึ้นมามองทันที เพราะเขารู้ดีว่าใครจะได้สิทธิ์เรียกชื่อเล่นเพียงพยางค์ของเพื่อนคนนี้ ต้องเป็นคนที่ใกล้ชิดระดับครอบครัวหรือไม่ก็คนพิเศษเท่านั้น แต่นี่…น้องสาวเขาเพิ่งรู้จักกันแท้ ๆ จะมาเรียก ‘ผา’ ได้ยังไง? “ค่ะ พี่ผา” เอยตอบกลับอย่างไม่คิดอะไร แต่เสียงหวานใสของเธอกลับทำให้หัวใจของภูผาเต้นผิดจังหวะ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน ไม่เคยเสียอาการ ไม่เคยหวั่นไหว แต่เธอ…เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนในชั่ววินาที และในใจของเขา…ก็ตัดสินใจได้แล้วว่า "ผู้หญิงคนนี้…จะต้องเป็นของเขาให้ได้" แต่แน่นอน เขาจะไม่มีวันบีบบังคับเธอเด็ดขาด เพราะเขาอยากให้เธอรู้สึกเช่นเดียวกัน…ด้วยหัวใจเสียงน้ำอุ่นจากฝักบัวยังไหลอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นฉากหลังที่โอบล้อมร่างเปลือยเปียกทั้งสองไว้ในบรรยากาศที่ชวนให้ใจเต้นรัวไม่หยุดพี่ผากระชับเรียวขาของเอยแนบกับสะโพกแกร่งของเขา ปลายจมูกกดจูบข้างแก้มเธอเบา ๆ แล้วกระซิบเสียงพร่า“ไม่ต้องกลั้นหรอกเอย... ร้องออกมาเลย พี่อยากได้ยิน... อยากรู้ว่าทุกจังหวะของพี่... มันทำให้เอยรู้สึกแค่ไหน”เอยกัดริมฝีปาก ร่างกายตอบสนองเขาเร็วกว่าคำพูดทุกคำ“พี่ผา... ฮื่อ... พี่ใจร้าย...” เธอร้องเบา ๆ พร้อมสะโพกที่บิดเร้าในอ้อมแขนเขาอย่างห้ามใจไม่ได้“พี่รัก... เอยคนเดียว”เขากระซิบ แล้วจูบเธออย่างลึกซึ้ง จูบที่ไม่มีช่องว่างให้อากาศไหลผ่าน มีเพียงปลายลิ้นที่สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวขณะสะโพกกำลังขยับช้า ๆ อย่างแนบแน่น เอยก็แอ่นอกเข้าหาอกกว้างของเขา ปลายเล็บจิกเข้ากับไหล่เปียกน้ำอย่างห้ามไม่อยู่“พี่ผา... อะ...อึก... มันมากไป...”“ยังไม่หมดหรอก... พี่ยังไม่ได้ยินเสียงเอยตอนสุดท้ายเลย”คำพูดนั้นเหมือนกระตุ้นไฟในร่างหญิงสาว เธอครวญครางหนักขึ้นทุกจังหวะ ความหวานที่เคยพัวพันเริ่มผันเปลี่ยนเป็นความเร่าร้อนที่ก่อตัวจากความรักและความเป็นเจ้าของพี่ผาประคองเธอไ
[คืนส่งตัว / ห้องสวีทชั้นบนสุดของโรงแรมหรู]เสียงประตูห้องสวีทเปิดออกช้า ๆ แสงไฟสลัวจากโคมแก้วคริสตัลสะท้อนบรรยากาศโรแมนติกละมุนตา กลีบดอกพุดที่โรยตามทางเดินทอดยาวไปถึงเตียงขนาดคิงไซซ์กลางห้อง ช่วยแต่งเติมให้ค่ำคืนนี้ต่างจากคืนไหนในชีวิตเอยก้าวเข้ามาก่อน หยุดยืนมองห้องอย่างประหม่า ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลงอย่างเงียบเชียบจากข้างหลังสองแขนแข็งแรงโอบกระชับจากด้านหลัง กลิ่นกายอบอุ่นที่คุ้นเคยของพี่ผาทำให้หัวใจเธอสั่นสะท้าน“วันนี้เอยสวยที่สุดเลยรู้ไหม...” เสียงกระซิบแผ่วข้างใบหูทำให้เธอขนลุกวาบ“พี่ผา... ห้ามแกล้งเอยนะ...” เธอพูดเสียงสั่น พลางหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ใบหน้าแดงจัดราวกลีบพุดแต่แทนคำตอบ เขาเพียงยกมือขึ้นแตะแก้มเธอแผ่วเบา แล้วก้มลงจูบหน้าผากอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเลื่อนไปยังข้างแก้มและริมฝีปากที่กำลังสั่นระริกสัมผัสแรกของค่ำคืน เริ่มต้นจากความอ่อนหวาน...ริมฝีปากของเขาละเมียดละไม ค่อย ๆ เกลี่ยไล้ความกลัวและความเขินออกไปทีละน้อย... จนเธอเริ่มตอบรับกลับด้วยปลายลิ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆเสียงหายใจเบาบางกลายเป็นเสียงครางน้อย ๆ เมื่อมือหนาเริ่มปลดสายชุดแต่งงานของเ
[วันแต่งงาน ณ โรงแรมหรูในเมือง / เวลา 06:30 น.]เสียงดนตรีไทยบรรเลงเบา ๆ ล่องลอยไปทั่วชั้นห้องจัดงานของโรงแรมหรูกลางเมืองซึ่งถูกเนรมิตให้กลายเป็นเรือนไทยโบราณอย่างละเมียดละไม กลิ่นหอมละมุนของดอกพุดแซมกลีบกุหลาบขาวลอยมาแตะจมูก บรรยากาศช่างอบอุ่นและละมุนละไมกว่าวันหมั้นที่บ้านเสียอีกภายในห้องเจ้าสาว ห้องสวีตพิเศษของโรงแรมที่เปิดม่านรับแสงธรรมชาติอ่อน ๆ ยามเช้า “หนูเอย” กำลังนั่งสงบอยู่หน้ากระจกบานใหญ่บนโต๊ะเครื่องแป้งไม้สักที่ตกแต่งด้วยมาลัยข้อมือสีขาว“พร้อมหรือยังคะคุณเจ้าสาว”เสียงหวานของช่างแต่งหน้าดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งผ่านกระจก“พร้อมค่ะ”คำตอบของเธอนุ่มเบา แต่หนักแน่นและเต็มไปด้วยความหมายหนูเอยอยู่ในชุดไทยประยุกต์สีขาวงาช้าง ปักลวดลายดอกพุดสีเงินละเอียดอ่อนทั่วสไบเฉียง ผมเกล้าเรียบสูง ประดับด้วยปิ่นดอกไม้สดสีขาว ดวงหน้าแต่งแต้มอย่างละมุนละไม มีแสงอ่อน ๆ สะท้อนจากกระจกขับความเปล่งประกายออกมาจากภายในหัวใจของเธอเต้นรัวอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ว่า... นี่ไม่ใช่แค่วันสำคัญ แต่มันคือวันที่เธอกำลังจะกลายเป็นภรรยาของผู้ชายที่รักมากที่สุดในชีวิต[เวลา 07:30 น. / พิธีเช้า ณ
สองเดือนก่อนงานแต่งไฟในห้องนอนสว่างเพียงแสงสีส้มสลัวจากโคมข้างเตียง หนูเอยเพิ่งเปลี่ยนชุดนอนเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ ชุดนอนสายเดี่ยวผ้าซาตินเนื้อบางเฉียบแนบเนื้อ รั้งชายเสื้อไว้แค่ต้นขา ก้อนนูนเล็กๆ สองข้างหน้าอกดันผ้าบางจนเห็นเป็นรูปทรงเด่นชัด โดยไม่มีเสื้อชั้นในกั้นอยู่แม้แต่นิดสายตาคมเข้มของภูผาไล่ตามเธอทุกก้าว“พี่ผา...” หนูเอยเอ่ยเสียงแผ่ว เมื่อเห็นสายตาของคนตรงหน้ากำลังลุกวาว ไม่ใช่แค่ลุกวาว...แต่มันเหมือนคนหิวกระหายอะไรบางอย่างอย่างสุดขีด“มาใส่ชุดแบบนี้ เดินออกมาแบบนี้ แล้วจะให้พี่ทำเฉยเหรอ หนูเอย”น้ำเสียงทุ้มต่ำ ฟังแล้วขนลุกวาบไปถึงกลางหลัง หนูเอยชะงักเท้า แต่ยังไม่ทันได้ถอยหนีก็ถูกร่างสูงใหญ่คว้าเข้าไปแนบอกแน่น แขนแกร่งรัดรอบเอวบางไว้แน่นจนตัวแทบติดกัน“พี่ผา… เดี๋ยวก่อนสิ”“ไม่เดี๋ยวแล้ว หนูเอย พี่จะอดใจไม่ไหวแล้วจริง ๆ”เขาพูดจบก็กดจูบลงมาที่ซอกคอขาวเนียนของเธอทันที เสียงสูดลมหายใจเข้าลึกบ่งบอกถึงความอดกลั้นอย่างสุดขีด มือหนึ่งเลื่อนขึ้นจับเนินอกเล็กผ่านผ้าบาง บีบเคล้นด้วยความกระหาย“ตัวเล็กขนาดนี้ แต่ทำพี่แทบบ้า...”เสียงครางต่ำในลำคอเขาทำเอาเธอใจเต้นรัว ขาแทบยืนไม
“แค่หมั้นก็ยังตื่นเต้นเลยค่ะ... ถ้าถึงวันแต่งจริง เอยคงยืนไม่ไหวแน่ ๆ”พี่ผายกมือมาจับมือเธอแน่น มือใหญ่อบอุ่นสวมทับมือเรียวเล็กพอดิบพอดี “ไม่ต้องกลัวนะ...ไม่ว่าเอยจะยืนไม่ไหว หรือใจเต้นแรงแค่ไหน พี่ก็จะยืนอยู่ตรงนี้ข้าง ๆ เสมอ”คำพูดนั้นทำให้หนูเอยแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่... “ขอบคุณนะคะพี่ผา”เขาเอียงตัวมาใกล้ ก้มลงจูบหน้าผากเธอเบา ๆ อย่างอ่อนโยนที่สุด “อย่าขอบคุณเลย เอยคือคนที่พี่รอมาทั้งชีวิตต่างหาก”[ วันงานหมั้น ณ คฤหาสน์ของหนูเอย / เวลา 07:30 น.]เสียงดนตรีบรรเลงไทยคลอเบา ๆ ผสานกลิ่นหอมของดอกมะลิ ดอกพุด และกลีบกุหลาบที่ประดับทั่วคฤหาสน์ บรรยากาศในเช้าวันนี้อบอวลไปด้วยความสุข และตื่นเต้นของทุกคนญาติผู้ใหญ่เริ่มทยอยมารวมตัวกันในห้องรับแขกใหญ่ที่ถูกแปลงเป็นสถานที่หมั้นสุดหรูหรา แต่แฝงความละมุนด้วยโทนสีขาว ทอง และชมพูอ่อน สะท้อนถึงเจ้าสาวตัวน้อยผู้เป็นที่รักของทุกคน “ขันหมากมาแล้วค่าาา~”เสียงเรียกเจื้อยแจ้วของเพื่อนเจ้าสาวดังขึ้นพร้อมเสียงกลองยาวตีกระชับจังหวะหน้าบ้านประตูใหญ่เปิดออกให้ขบวนขันหมากเคลื่อนตัวเข้ามา — นำหน้าโดยพี่ผาในชุดไทยประยุกต์สีทองไหมพรมสอดดิ้นเงินสง่างาม ช่อดอ
สองวันถัดมาแสงแดดยามสายสาดลอดม่านบางเข้ามาในห้องรับรองหรูของคฤหาสน์สไตล์คลาสสิก ครอบครัวของหนูเอยและครอบครัวของภูผานั่งล้อมวงบนโซฟาหลายชุดที่ถูกจัดไว้รอบโต๊ะกลางบุนวมสีครีมอ่อน บรรยากาศเป็นกันเอง มีเสียงหัวเราะเบา ๆ แทรกเข้ามาเป็นระยะบนโต๊ะกลางมีเอกสารลายมือเขียนที่ระบุ "ฤกษ์งามยามดี" พร้อมด้วยสมุดโน้ตและแคตตาล็อกชุดไทยประยุกต์หลายเล่มวางอยู่“ทางเราดูฤกษ์ไว้ให้แล้วนะครับ เป็นวันเสาร์ที่ 12 เดือนหน้า ช่วงสายประมาณ 9 โมง 29 นาที เป็นฤกษ์คู่มิตร พิธีมงคลเหมาะมาก” — คุณพ่อของภูผาพูดพลางเลื่อนกระดาษให้ทางบ้านนางเอกดูคุณแม่ของหนูเอยพยักหน้าเบา ๆ ขณะรับกระดาษไปดู “ฤกษ์นี้ดีค่ะ วันเสาร์แขกก็สะดวกด้วย แถมตรงกับช่วงที่เอยสอบเสร็จพอดี...” “พอดีมากครับ” — ภูผาเสริมเสียงนุ่ม ก่อนจะหันไปมองเอยที่นั่งนิ่งหน้าแดงอยู่ข้าง ๆ “เราจะได้มีเวลาเตรียมตัวกันเต็มที่...”คุณแม่ของภูผายิ้มพลางหยิบสมุดเล่มเล็กที่จดหัวข้อไว้ออกมาเปิด “แม่กับพ่อคุยกันแล้วนะลูก ถ้าฝ่ายหญิงไม่ติดอะไร อยากให้จัดพิธีหมั้นที่คฤหาสน์นี้เลย บ้านน้องเอยกว้างขวาง แขกญาติฝ่ายหญิงจะได้สะดวก” “ตกลงเลยค่ะ ทางเรายินดีมากที่จะจัดที่นี่” —