เมื่อถึงบ้านชนบท ซูเจินจูเข้าไปทำลายผ้าทันที สี่เสวี่ยจัดการบอกกล่าวกฎระเบียบในบ้านให้ซินซียงทาสที่ซื้อมาใหม่ฟัง เมื่อเห็นว่าหลิวหยางและจางหมิ่นออกไปอยู่ที่เรือนชั้นนอกแล้ว ก็ให้ซินเซียงเข้าไปพักอยู่ห้องเดิมของทั้งสองคนก่อน ตรวจดูความเรียบร้อยในบ้านและในครัวแล้วเห็นว่าข้าวและธัชพืชเหลือเล็กน้อย จึงให้หลิวหยางเตรียมรถม้าและพาซินเซียงไปตลาดในตำบล สี่เสวี่ยซื้อชุดเครื่องนอนใหม่และผ้าฝ้ายสำหรับตัดชุดหนึ่งพับให้ซินเซียง ข้าวสาร ธัญพืช ผักดอง เกลือ น้ำตาล เพียงพอที่จะใช้ไปถึงสองเดือน สี่เสวี่ยจ่ายเงินสามตำลึงอย่างเจ็บปวดและยัดของทุกอย่างเข้าไปในรถม้า วันนี้คุณหนูไม่ได้มาด้วย นางไม่จำเป็นต้องจ้างเกวียนเทียมวัวเพิ่ม
เมื่อกลับมาถึงบ้าน แต่ละคนก็ต่างทำหน้าที่ของตนเอง สี่เสวี่ยไปวาดลายผ้าที่ลานหิน ซินเซียงเก็บข้าวของและเข้าครัวทำกับข้าว หลิวหยางตรวจตราบริเวณหน้าบ้านไม่ให้คนงานเข้ามาวุ่นวายที่เรือนชั้นใน จางหมิ่นตรวจตราบริเวณหลังบ้าน ดูแลสวนดอกหอมหมื่นลี้และดูแลซูเจินจูบริเวณลานหิน
ซูเจินจูที่ทำลายผ้าเสร็จก่อนสี่เสวี่ยก็สั่งให้จางหมิ่นขึ้นเขาไปล่าสัตว์ป่ากับตน
“คุณหนู อย่าเข้าไปลึกเลยขอรับ พวกเราไม่มีธนู ล่าสัตว์ตัวเล็กๆแถวนี้ก็พอขอรับ” จางหมิ่นที่นึกอยากจะให้ซูเจินจูเป็นผู้ชาย ตนจะได้อุ้มขึ้นบ่าป้องกันไม่ให้ร่างกายของคุณหนูของเขาถูกกิ่งไม้ได้รับบาดเจ็บ หากเจอสัตว์ป่าก็ได้อุ้มหนีได้ทัน
“เจ้านี่ขี้บ่นเหมือนสี่เสวี่ยไม่มีผิด พวกเจ้าเป็นพี่น้องที่พลัดพรากกันมาหรือไง”
“โถ่ คุณหนู หากบ่าวปล่อยให้คุณหนูเข้าไปลึกกว่านี้ กลับไปแม่นางสี่เสวี่ยก็คงไม่ปล่อยให้หูทั้งสองข้างของบ่าวได้อยู่สงบแน่” ถึงแม้จะเป็นบ่าวเหมือนกัน แต่บ่าวอย่างเขา และบ่าวอย่างสี่เสวี่ยก็แตกต่างกันมากนัก เขาจึงต้องเกรงใจสี่เสวี่ยอยู่หลายส่วน
ฟิ้ววว!! เสียงมีดสั้นเล่มหนึ่งลอยผ่านอากาศผ่านหน้าของจางหมิ่นไปอย่างว่องไว
“เจ้าไปเก็บมาสิ”
จางหมิ่นยังมีสีหน้าตกใจแววตาตื่นตะลึง เมื่อสักครู่คุณหนูปามีดสั้นออกไปทั้งรวดเร็วและรุนแรง หากไม่ใช่คนที่มีประสาทสัมผัสไวหรือคนที่มีพื้นฐานวรยุทธ์คงไม่มีทางหลบเลี่ยงมีดเล่มนั้นได้แน่
“เป็นกระต่ายป่าขอรับ” จางหมิ่นใช้เชือกผูกขากต่ายสะพายขึ้นหลังและเช็ดมีดสั้นส่งคืนให้ซูเจินจู
“โอ้โห กระต่ายที่นี่ช่างตัวใหญ่นัก ไปๆ ไปหาอีกสามสี่ตัวเถอะ”
กระต่ายอีกสามตัวที่จับได้ที่หลังล้วนตายด้วยมีดสั้นของซูเจินจูทั้งสิ้น
“จางหมิ่น เห็นที่ว่าข้าต้องซื้อธนูกับมีดสั้นให้พวกเจ้าเพิ่มเสียแล้ว ลำพังดาบที่ใหญ่โตของเจ้า เข้าป่ามาก็ทำได้เพียงตัดเถาวัลย์เท่านั้น”
จางหมิ่นมองหน้าซูเจินจูก่อนพยักหน้ารับอย่างปลงๆ จะให้เขาพูดอะไรได้ ไม่ใช่ว่าดาบของเขามันไม่ได้เรื่อง คราวก่อนที่ขึ้นเขามากับหลิวหยางเขาก็ใช้ดาบนี้จัดการหมูป่าตัวใหญ่ได้ด้วยซ้ำ ต้องโทษว่ามีดสั้นของคุณหนูรวดเร็วเกินไปเสียมากกว่า “เรากลับกันเถอะขอรับคุณหนู หากช้ากว่านี้แม่นางสี่เสวี่ยคงบังคับให้หลิวหยางขึ้นมาตามคุณหนูแน่ๆ”
“อ่อ เช่นนั้นก็กลับเถอะ สี่ตัวนี้ก็คงพอกินแล้ว”
“ลงไปทางนี้เถอะขอรับคุณหนู”
“ฝั่งนู้นใกล้กว่าไม่ใช่หรือ เหตุใดให้ข้าเดินอ้อม”
“หากไปทางฝั่งนั้น จะมีภูเขาลูกเล็กขวางทางเดินอยู่ ทางเดียวที่จะผ่านได้คือลอดถ้ำขอรับ แต่ในถ้ำเต็มไปด้วยแมงมุม คนในหมู่บ้านบอกว่าแมงมุมพวกนั้นเป็นแมงมุมเฝ้าป่า เคยมีนายพรานฆ่าเสือผ่านทางมากลับถูกแมงมุมกัดไม่พ้นสามวันก็ตาย บางคนเข้าไปก็ขยับตัวไม่ได้อีกเลย บางคนดีหน่อยไม่ตายแต่ก็มีผื่นขึ้นทั่วตัว ดังนั้นชาวบ้านที่ขึ้นมาล่าสัตว์ป่าจึงไม่เดินผ่านถ้ำนั้นกันขอรับ บ่าวเคยเข้าไปดูแล้วพบว่าเป็นอย่างที่ชาวบ้านว่า คุณหนูเดินอ้อมหน่อยเถอะขอรับ”
“แมงมุมหรือ เหตุใดถูกแมงมุมกัดจนถึงตาย พาข้าไปดูหน่อยเถอะ”
“คุณหนู แต่ว่า..”
“แต่ว่าอะไร เอาน่าๆ ตามข้ามาเถอะ คุณหนูผู้นี้จะปกป้องเจ้าเอง”
“โถ่ คุณหนู ..คุณหนูเดินตามหลังบ่าวเถอะขอรับ ไปดูเพียงหน้าถ้ำพอนะขอรับ หากเกิดอะไรขึ้น เอ่อ บ่าวกลัวจะไปตามหมอไม่ทัน”
“เพ้ย เจ้าแช่งข้าหรือ ไปๆ ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ไว้ ขอแค่เจ้าเดินตามข้าคุณหนูผู้นี้ แมงมุมพวกนั้นไม่กัดเจ้าหรอก”
“จริงหรือขอรับ”
“จะจริงได้อย่างไร ข้าหลอกเจ้าไปอย่างนั้นเอง ฮ่าๆ” ดูท่าจางหมิ่นผู้นี้จะเป็นพี่น้องที่พลัดพลากจากสี่เสวี่ยจริงๆเป็นแน่..
ในถ้ำมีแมงมุมมากมายหลายร้อยตัว แต่ไม่ใช่แมงมุมเจ้าป่าอย่างที่ชาวบ้านเข้าใจ แมงมุมพวกนี้เหมือนจะเป็นแมงมุมกินนก หรือที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในชื่อแมงมุมทารันทูร่า นางเคยอ่านเจอในประวัติศาสคร์จีนว่าแมงมุมพวกนี้มีมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ พบได้ในพื้นที่ไห่หนาน หูเป่ย แล้วก็อวิ๋นหนาน มีขนาดตัวเมื่อโตเต็มวัยประมาณสิบห้าถึงสามสิบเซนติเมตร แต่เจ้าพวกนี้มีขนาดตัวใหญ่โตมากกว่าลูกหลานมันสองถึงสามเท่า ดูท่าทางว่าพิษแมงมุมก็น่าจะรุนแรงกว่าเหล่าทายาทของพวกมันในชาติก่อนมากเช่นกัน พิษที่ขนตามขาของพวกมันทำให้ชาและเป็นอัมพาตพิษโดยมากส่งผลต่อระบบประสาท พิษจากเขี้ยวของพวกมันจะทำให้อักเสบ ติดเชื้อ เกร็ดเลือดต่ำ และเจ็บปวดรุนแรง หากได้รับพิษมากเกินไป การทำงานของตับและไตผิดปกติจนตายในที่สุด
แค่พวกมันสลัดขนเบาๆพร้อมๆกัน จำนวนหลายร้อยตัวตรงนี้ไม่เป็นอัมพาตก็แปลกเกินไปแล้ว
ซูเจินจูคร้านจะฟังเสียงทัดทานของจางหมิ่น นางกรีดเนื้อกระต่ายตัวหนึ่งแล้วโยนเข้าไปในถ้ำ อาศัยช่วงเวลาที่แมงมุมสนใจซากกระต่ายตัวนั้น นำใบไม้ใบใหญ่มาช้อนรังแมงมุมที่ห่อหุ้มไข่แมงมุมใบเล็กๆไว้หลายสิบฟองแล้วจากมาทันที
รังแมงมุมที่ซูเจินจูนำกลับมาถูกวางในกล่องไม้ขนาดใหญ่ที่นางสั่งให้จางหมิ่นทำขึ้น กล่องสูงเท่าอกของนางและกว้างสิบฉื่อ มีบานพับคล้ายหน้าต่างด้านข้าง ฝาด้านบนสามารถเปิดออกได้ วางกิ่งไม้ขนาดใหญ่ไว้ด้านในทั้งสี่มุม
กล่องไม้ถูกตั้งไว้ที่ห้องยาวฝั่งขวาภายในเรือน ทุกคนถูกห้ามยุ่งกับมัน และไม่มีใครคิดอยากจะยุ่งกับมันเช่นกัน
การมาบ้านชนบทครั้งนี้ ซูเจินจูได้ผ้ากลับไปขายหกผืน ก่อนกลับมาซูเจินจูให้เงิน หลิวหยาง จางหมิ่นและซินเซียง คนละสองตำลึง และต่อจากนี้ทุกคนจะเงินเดือนละสองตำลึง
ทุกคนดีใจและแปลกใจโดยปกติการเป็นทาสหากไม่มีความดีความชอบจะไม่ได้รับเงิน โชคดีของพวกเขาเหลือเกินที่ได้รับใช้คุณหนูที่แสนจะใจดีผู้นี้
จางหมิ่นขับรถม้ามาส่งซูเจินจูที่ร้านผ้าซูเตี้ยน แต่ไม่กล้าเข้าไปใกล้นัก เพราะหน้าร้านเต็มไปด้วยผู้คน
“หน้าร้านผ้าคนเยอะมากขอรับ คุณหนูต้องการอะไรให้บ่าวเข้าไปซื้อให้เถอะ”
“สี่เสวี่ย เจ้าไปดูหน่อยเถอะว่าคนเหล่านั้นมาทำอะไร หากมาดูงิ้วเจ้าก็รีบวิ่งกลับมาอย่าให้ใครเห็น”
“ได้เจ้าค่ะ” สี่เสวี่ยรีบลงจากรถม้าวิ่งเข้าไปทางกลุ่มคนทันที ซูเจินจูไม่ต้องรอนานสี่เสวี่ยก็รีบกลับมารายงานว่าคนที่มุงอยู่หน้าร้านคือคนมารอซื้อผ้าไหมหอมหมื่นลี้
ซูเจินจูรีบลงจากรถม้าและให้จางหมิ่นขับรถม้าจากไปทันที ซูเจินจูและสี่เสวี่ยถือผ้าหกพับเดินผ่านกลุ่มคนหน้าร้านไป กลิ่นหอมของผ้าดึงดูดใจผู้คนจนแทบเข้ามาแย่งผ้าจากมือของพวกนาง หลงจู๊ที่เห็นเหตุการณ์ต้องให้เด็กในร้านเข้ามาช่วยขวางกลุ่มคนไว้
“คุณหนู คุณหนูของบ่าว ท่านกลับมาแล้ว”
“นี่มันอะไรกันเจ้าคะท่านลุงฝู เหตุใดคนถึงมายืนออกันเต็มหน้าร้าน นี่ท่านนำผ้ามาขายลดราคาหรือเจ้าคะ” ซูเจินจูเห็นหลงจู๊ฝูกระสับกระส่ายก็อดไม่ได้ที่หยอกล้อสักเล็กน้อย
“ฮ่าๆ คุณหนู ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ คนพวกนั้นล้วนมารอซื้อผ้าไหมหอมหมื่นลี้ ข้าเองก็เขียนใบสั่งจองซะจนเมื่อยมือไปหมดแล้วขอรับ”
“เหตุใดจึงมารอซื้อมากถึงเพียงนี้เล่า ไม่ใช่ว่าไม่มีของตัวอย่างในร้านแล้วหรือ”
“นั่นเพราะเมื่อวานฮูหยินท่านรองนายอำเภอใส่ชุดที่ตัดจากผ้าไหมหอมหมื่นลี้ไปงานชมดอกไม้ที่เรือนตระกูลจี้ งานนี้มีแต่เหล่าฮูหยินขุนนางหรือไม่ก็ฮูหยินของเหล่าเถ้าแก่ สตรีใดบ้างเมื่อออกจากบ้านแล้วยอมต่ำต้อยเหล่าบรรดาฮูหยินเถ้าแก่ที่ไม่เคยขาดเงินแต่ละคนล้วนสั่งจองทุกลายลายละหนึ่งพับขอรับ”
“มากถึงเพียงนั้น คนทำจะทำทันหรือ”
“… เอ่อ ไม่ใช่ว่าต้องการเท่าไหร่ก็สั่งได้หรือขอรับ”
“ผิดแล้วท่านลุง คนทำ ทำได้เพียงวันละสองพับเท่านั้น”
“น้อยเพียงนั้น!!”
“ใช่ น้อยเพียงนั้น”
“ไม่ใช่ว่าเขาขายให้ร้านอื่นหรือขอรับ”
“ข้ารับประกันได้ว่าในแคว้นหนานแห่งนี้ มีเพียงร้านผ้าซูเตี้ยนเท่านั้นที่มีผ้าไหมหอมหมื่นลี้ขาย”
“…..”
“ท่านลุง เหตุใดเงียบไปละเจ้าคะ หรือว่าท่านรับจองมาเยอะมากหรือเจ้าคะ”
“โอกาสทอง นี่มันโอกาสทองของร้านผ้าซูเตี้ยน ข้าต้องออกไปบอกให้งดจองชั่วคราว หลังผู้ที่จองไว้ได้รับผ้าทั้งหมด ข้าจะเปิดประมูลผ้าไหมหอมหมื่นลี้” หลงจู๊ฝู้คิดไวทำไว ไม่รอให้ซูเจินจูตอบรับออกออกไปงดรับจองผ้าไหมหอมหมื่นลี้ทันที
เช้านี้หลงจู๊รับสั่งจองผ้าไหมหอมหมื่นลี้ไว้หกสิบห้าพับ รวมกับคำสั่งจองเมื่อคราวก่อนขาดอีกสิบพับ งานของซูเจินจูเรียกว้าล้นมือเลยทีเดียว
ซูเจินจูรับเงินค่าผ้าหกพับ สี่ร้อยห้าสิบตำลึง โดยไม่หักค่าผ้าไหมอีก หลงจู๊ตัดสินใจไม่เก็บค่าผ้าไหมมีตำหนิอีกต่อไปแลกกับสัญญาว่าต้องขายผ้าไหมหอมหมื่นลี้ให้ร้านผ้าซูเตี้ยนร้านเดียวเท่านั้น
ซูเจินจูตัดสินใจให้สี่เสวี่ยย้ายเขาไปอยู่ที่หมู่บ้านชนบท คำสั่งซื้อผ้ามากมายทำให้ไม่อาจเสียเวลาให้สี่เสวี่ยไปๆกลับๆได้อีก
“หากเป็นเช่นนั้น คุณหนูซื้อบ่าวสักคนเถอะเจ้าค่ะ คนในเรือนไม่มีคนของคุณหนูเลย หากคุณหนูใหญ่ส่งคนมากลั่นแกล้ง คุณหนูจะเสียเปรียบนะเจ้าคะ”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น หากไม่มีคนคอยปรนิบัติ ข้าคงห่วงหน้าพะวงหลัง อยู่แบบไม่เป็นสุขแน่”
“เช่นนั้นพรุ่งนี้เราไปตลาดค้าทาสกันอีกสักรอบเถอะเจ้าค่ะ ซื้อทาสสัญญาตายสักคน จะได้พอไว้วางใจได้”
....
การมาตลาดค้าทาสครั้งนี้ ซูเจินจูซื้อทาสหญิงที่พอรู้หนังสือหนึ่งคนอายุประมาณสิบแปดปีนามเยว่ชิงให้ติดตามสี่เสวี่ยกลับไปหมู่บ้านชนบทเพื่อสี่เสวี่ยจะมีเวลาวาดลายผ้าไม่ต้องเสียเวลาทำงานอื่นอีก
ซูเจินจูเลือกทาสหญิงที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้า รอยบากลากยาวตั้งแต่หางคิ้วจรดปลายคาง อารุราวยี่สิบปีนามเฟยหลัน
“โอ้ว คุณหนูท่านนี้ ท่านเลือกของดีเชียว ทาสที่ท่านเลือกเป็นทาสตีตรา ไม่ต้องกลัวว่านางจะหลบหนีหรือทำเรื่องไม่ดี เพราะหากนางทำอะไรผิด ทาสที่มาจากที่เดียวกับนางจะต้องถูกประหารทั้งหมดทันที ดังนั้นพวกนางจะไม่กล้าขัดคำสั่งของท่านแน่นอนขอรับ”
“หากเป็นผู้อื่นทำผิด ทางการมาจับนางกลับไปข้าไม่ขาดทุนแย่หรือ”
“แน่นอนว่าทางการจะชดเชยสิบห้าตำลึงให้ท่าน”
“เช่นนั้น ข้าก็เลือกนางแล้วกัน”
.....
นายน้อยหงพาซูเจินจูเดินชมสินค้าภายในร้าน สินค้าหลากหลายแต่เต็มไปด้วยของชั้นดี สินค้ามากมายที่ได้มาจากต่างแคว้น สินค้าหลายอย่างเป็นของที่ได้มาจากชนเผ่าต่างๆ หนังสัตว์ที่ผ่านการฟอกหนังมาอย่างดี ขนสัตว์หายากอย่างพวกจิ้งจอกแดงหรือขนหมาป่าสีขาวก็สามารถหาซื้อได้ที่นี่ หนังเสือ หนังหมี หรือแม้แต่เขากวาง เขี้ยวเสื้อ ก็ถูกนำมาตั้งแสดงสินค้า ยิ่งเห็นว่าร้านฟู่หงเทียนมีสินค้าชั้นดีเท่าใดซูเจินจูก็ยิ่งตระหนักได้ถึงอิทธิพลของเจ้ากรมอาภรณ์ ร้านค้าขนาดสี่ห้องกว้างขวางเกินกว่าจะดูได้อย่างละเอียดทั้งหมด แม้ซูเจินจูจะพยายามเดินดูจนทั่ว แต่ด้วยประกอบกับนายน้อยหงที่คอยอธิบายสิ่งต่างๆภายในร้านอย่างใส่ใจทำให้กินเวลายาวนานเกือบสามชั่วยาม“อีกสองวันถึงจะเป็นงานเปิดรับศิษย์ของสำนักต่อสู้ พรุ่งนี้คุณหนูซูอยากไปที่ใดหรือไม่ ข้าจะพาท่านไปเอง”“ไม่รบกวนนายน้อยเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้าจะพาคนของข้าไปเดินเล่นในเมือง เพียงเดินเล่นไปเรื่อยๆมีจุดหมายใด”“เช่นนั้นข้าจะให้คนคุ้มกันของข้ามาดูแล”“ข้าคงต้องเสียมารยาทปฏิเสธเสียแล้ว หลิวหยาง จางหมิ่นของข้าคงเพียงพอจะปกป้องข้าได้ อย่าให้ข้าทำให้นายน้อยหงต้องเป็นกังวลเลยเจ้าค่ะ”“เช
วันถัดมาในยามเฉิน เฟยอวี่เข้ามาหาซูเจินจูเพื่อรายงาน“คุณหนู บ่าวสืบข่าวมาได้เล็กน้อยเจ้าค่ะ พ่อค้าต่างแคว้นหลายคนเร่งเดินทางเข้าเมืองหลวง ของมีค่าหลายอย่างถูกขนเข้าเมืองหลวงผ่านขบวนขนสินค้า จุดหมายคือตรอกถงยู่ ที่เป็นแหล่งจัดงานประมูลของตลาดมืด นี่เป็นของรายการของส่วนหนึ่งที่บ่าวได้มาจากบัญชีส่งสินค้าเจ้าค่ะ”“งานประมูลของตลาดมือหรือ น่าสนใจ เจ้ารู้เรื่องงานนี้ดีแค่ไหน”“บ่าวเคยได้ยินว่าเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อประมูลของหายาก มีทั้งโสมพันปี อาวุธต่างๆ หยกม่วง หินแร่ รวมถึงหัวของผู้ครองแคว้นก็เคยถูกนำมาประมูลเจ้าค่ะ การจะเข้าร่วมประมูลได้ต้องจ่ายเงินค่าเข้าคนละหนึ่งพันตำลึง และหากมีของที่ต้องการนำเข้าประมูลก็นำของไปประเมิณได้เช่นกันเจ้าค่ะ”“เจ้าทำงานได้ดีมาก พักสักหน่อยแล้วออกเดินทางไปรอข้าที่เมืองหลวง สืบข่าวเรื่องการประมูลให้ข้า และจองโรงเตี๊ยมที่ปลอดภัยที่สุดเอาไว้ให้เพียงพอกับคนของเรา ข้าจะพาสี่เสวี่ย เฟยหลัน เฟยหรง เฟยเมี่ยว หลิวหยาง จางหมิ่นไป”“บ่าวรับคำสั่งคุณหนูเจ้าค่ะ” เฟยอวี่รับตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงจากซูเจินจูก่อนจะออกจากห้องไป คล้อยหลังเฟยอวี่ออกไปไม่ถึงหนึ่งเค่อซูเจินจูก็ตรง
“เฟยอวี่ การเข้าเมืองหลวงต้องใช้ป้ายผ่านเข้าเมืองด้วยหรือ”“จริงๆแล้วไม่ต้องใช้เจ้าค่ะคุณหนู แต่ชาวบ้านทั่วไปหากต้องการผ่านเข้าเมืองหลวงจะต้องเสียอีแปะเป็นค่าผ่านทางให้กับทหารเฝ้าประตู เสียเยอะหรือเสียน้อยแล้วแต่ว่าผู้เฝ้าประตูเป็นใคร ส่วนป้ายผ่านเข้าเมืองเป็นเพียงชื่อเรียกเท่านั้นเจ้าค่ะ ในความเป็นจริงแล้วป้ายพวกนี้มีขึ้นเพื่อให้คนมีเส้นสายสามารถผ่านเข้าออกเมืองโดยไม่ต้องเสียอีแปะ ไม่ต้องต่อแถว ไม่ต้องตรวจค้นสัมภาระอย่างละเอียดและได้รับความเคารพจากทหารเฝ้าประตู รวมถึงป้องกันไม่ให้พวกทหารสร้างปัญหากับพวกคนรวยและขุนนางด้วยเจ้าค่ะ”“อ่อ แค่ยื่นป้ายออกไปก็ไม่มีใครกล้ายุ่งด้วยแล้วสินะ ช่างดีจริงๆ”“นายน้อยหงคงเหลือเส้นสายอยู่ไม่น้อยถึงขนาดใจกว้างทำป้ายให้คุณหนูได้ง่ายๆ”“เขาเห็นข้าเป็นโอกาสที่จะช่วยร้านผ้าฟู่หงเทียนกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้งต่างหาก เจ้าไปเตรียมตัวเถอะ ออกไปสืบข่าวดูสักหน่อยก็ได้ ไปเมืองหลวงครั้งนี้ข้าจะพาเจ้า สี่เสวี่ย หลิวหยาง จางหมิ่น เฟยหรง เฟยเมี่ยว และเฟยหลันไปด้วย บอกเพ่ยเพ่ยกับเยว่ชิงเสียแต่เนิ่นๆให้นางได้เตรียมตัวจัดการงานและดูแลเรื่องต่างๆทั้งหมดที่นี่ตอนที่พวกเรา
“พ่อหนุ่มเจิ้งผู้นี้ดูมีลับลมคมในเหลือเกินนะเจ้าคะ จะว่าไปพ่อหนุ่มเจิ้งเองก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องของตน แม่แต่แซ่ก็ไม่บอก ชื่อเจิ้งก็ไม่รู้ว่าใช่ชื่อจริงหรือไม่”“นั่นสิเจ้าคะคุณหนู คุณหนูเองก็แปลกนัก แค่พ่อหนุ่มเจิ้งบอกจะมาด้วยก็ปล่อยให้มา บอกจะไปก็ไม่ถามไถ่สิ่งใดสักคำ”“ช่างเขาเถอะ เพียงแค่ไม่มีพิษภัยกับพวกเราก็พอแล้ว เรื่องอื่นๆรู้มากไปก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี”“เจ้าค่ะคุณหนู”ซูเจินจูพาเจียงไป๋ไปยังห้องที่เจียงชิงนอนอยู่และให้ซินเซียงยกที่นอนอีกหนึ่งอันมาวางข้างเตียงเพื่อให้พี่น้องได้นอนห้องด้วยกัน“เจ้านอนห้องเดียวกันไปก่อน ช่วงนี้ก็คอยดูแลนาง ข้างๆห้องเจ้าคือห้องของชิงหยุน มีอะไรก็ไปหานางได้ สี่เสวี่ยเจ้าไปบอกให้ซินเซียงหาอะไรให้เด็กนี่กินเสียหน่อยเถอะ”“เจ้าค่ะคุณหนู”เจียงไป๋มองคนทั้งหมดทยอยออกจากห้องไปก่อนจะหันกลับมานั่งข้างเตียงของเจียงชิง“พี่สาว ท่านรีบตื่นขึ้นมานะ…”... เช้าวันต่อมาซูเจินจูเดินทางเข้าร้านหว่างลี่เซียงพร้อมเฟยหลันตั้งแต่ยามเฉิน กิจการของร้านหว่านลี่เซียงเป็นไปด้วยดี คนที่ดูเหมือนจะทะเลาะกับผู้อื่นได้ง่ายๆอย่างเพ่ยเพ่ยกลับทำงานได้อย่างสงบเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นก
“มองอะไร พวกเจ้ามองอะไร ไอ้พวกไม่รู้เรื่องรู้ราว เด็กมันมีวาสนาได้ช่วยเหลือสกุล เลี้ยงมันต่อไปก็ไม่ใช่ว่ามันจะหาเงินให้ข้าได้ถึงยี่สิบตำลึงเสียเมื่อไหร่ ต้องมากินข้าวบ้านข้านอนบ้านข้าไม่สู้ไปกินบ้านอื่นนอนบ้านอื่นแล้วยังได้เงินรึ แล้วเงินที่มันถืออยู่ไม่ใช่ว่าขโมยของข้าไม่หรือไงเด็กอย่างพวกมันจะเอาปัญญาหาเงินมากมายขนาดนี้ได้ที่ไหน เอาเงินข้าคืนมานะไอ้พวกเด็กตัวเหม็น”“ท่านย่านี่เป็นเงินที่พี่สาวหามาได้ ไม่ได้ขโมยเงินของท่าน”“นั่นมันเงินโชคดีที่แม่หนูเจินจูแจกไม่ใช่หรือ บ้านข้าก็ได้มาสองพวง ไหมถักแบบนั้นรูปทรงแบบนั้น ข้าจำไม่ผิดหรอก” ชาวบ้านที่มุงดูอยู่พูดขึ้น“ใช่ ข้าเองก็จำได้ นั่นมันพวงเงินที่แม่หนูเจินจูแจกเมื่อวันเกิด” หัวหน้าหมู่บ้านหวังสำทับขึ้น ชาวบ้านที่มุงดูอยู่ต่างเคยได้รับพวงเงินโชคนี้ทุกคนล้วนเป็นพยายานให้เด็กน้อยว่าเขาไม่ได้ขโมยเงินของแม่เฒ่าเจียง“เหอะ เอาเข้าบ้านข้าก็ต้องเป็นของข้านั่นแหละ อาไป๋ เข้าบ้าน เหม่ยเหมย เสี่ยวเจี๋ยลากนังเด็กชิงเข้าบ้าน”“แม่เฒ่าเจียง รอเดี๋ยวก่อนเถอะ ข้าขอเจรจาเรื่องเด็กสองคนนี้สักประโยคหนึ่งได้หรือไม่” ซูเจินจูพูดยังไม่ทันจบ เฟยหลันก็เอาตัว
การค้าของร้านหว่านลี่เซียงเต็มไปด้วยความราบลื่น ที่ควรขายได้ขาย ที่ควรสงบก็สงบ กว่าลูกค้าคนสุดท้ายจะออกจากร้านก็เป็นยามโหย่ว หลังจากปิดร้าน เหล่าคนงานที่หมดแรงมานั่งรวมกันอยู่ที่กลางร้าน ซูเจินจูลากเก้าอี้มานั่งก่อนจะขอบคุณทุกคนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับการเปิดร้านวันแรกจนทุกอย่างผ่านไปด้วยดี วันนี้ถุงหอมขายได้หกร้อยหกใบ เป็นเงินหนึ่งหมื่นสองพันหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึง การขายได้จำนวนมากตั้งแต่วันแรกนับเป็นเรื่องดีแต่ซูเจินจูกังวลว่าหากขายดีเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆคงไม่สามารถผลิตมาขายได้ทันสี่เสวี่ยรับหน้าที่สอนเยว่ชิงวาดลายผ้าและผสมสีผ้าไหมหอมหมื่นลี้ เมื่อเชี่ยวชาญแล้วเยว่ชิงจะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลผ้าไหมหอมหมื่นลี้พวกนี้แทนสี่เสวี่ย อีกทั้งสี่เสวี่ยยังต้องคุมคนงานเย็บปัก และติดป้ายรับสมัครหญิงสาวที่เชี่ยวชาญงานเย็บปักมาปักถุงหอมหมื่นลี้ที่ร้านหว่านลี่เซี่ยงด้วยเฟยหรงและเฟยเมี่ยวที่เพิ่งได้ข่าวพรรคพวกอีกหนึ่งคนด้วยเห็นว่าพรรคพวกที่เจอนั้นถูกซื้อตัวไปด้วยชายชราที่อยู่กับหลานชายหนึ่งคนบนกระท่อมบนเขา นางไม่ได้ลำบากหรือโดนทำร้ายจึงพักการติดต่อแล้วหันมาช่วยซูเจินจูดูแลร้านหว่านลี่เซียงไปก่อน“เอาล