Share

บทที่ 15

last update Last Updated: 2025-04-08 09:13:44

คราแรกสี่เสวี่ยไม่ต้องการให้คุณหนูเลือกทาสที่ดูน่ากลัวผู้นี้ แต่คัดค้านความต้องการของคุณหนูไม่ได้ เมื่อฟังพ่อค้าทาสแล้วก็เบาใจขึ้น

หลังจากจ่ายเงินสามสิบตำลึง สี่เสวี่ยไปซื้อรังผึ้งจากร้านชำบ้านไฉและพาเยว่ชิงออกเดินทางไปที่หมู่บ้านชนบททันที

ซูเจินจูพาเฟยหลันมาที่ร้านผ้าซูเตี้ยน ให้นางเลือกชุดผ้าฝ้ายสำเร็จรูปสองชุดก็จะตรงไปที่โรงหลอมเหล็กอู่จินจาง

“เจ้าเข้าไปเลือกอาวุธสักชิ้นเถอะ”

“….”

“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นวรยุทธ์ เข้าไปเลือกเถอะ”

“คุณหนู เหตุใด...” นางแปลกใจ เฉพาะแผลเป็นบนใบหน้าก็ทำให้คนทั่วทั้งแคว้นรังเกียจนาง ผู้ที่ต้องการซื้อตัวนางล้วนเป็นบุรุษวัยกำดัด หากเป็นสตรีก็สตรีที่ชื่นชอบการเหยียบย่ำผู้อื่น แต่หากรู้ว่านางเป็นวรยุทธ์ก็จะยิ่งทรมานนางมากขึ้น ด้วยรู้นางไม่สามารถตอบโต้ได้ ก่อนหน้านี้นางถูกคุณหนูจวนแม่ทัพผิงซื้อตัวไป เมื่อเห็นว่าทรมานนางเท่าไหร่นางก็ไม่ปริปากร้องขอความเมตตาก็ปล่อยให้นางอดข้าวอดน้ำสิบวันก่อนให้คนหิ้วนางมาขายให้กับพ่อค้าทาส

“ไปเลือกเถอะ ข้าไม่สนใจอดีตของเจ้า เมื่ออยู่กับข้าเจ้าเพียงปกป้องข้าให้ดีเท่านั้น”

“ทราบแล้วเจ้าค่ะ” เมื่อเฟยหลันเข้าไปเลือกอาวุธซูเจินจูก็หันมาคุยกับนายท่านฮุ่ยซิ่ว

“ท่านอาเจ้าคะ ข้าอยากทำอุปกรณ์ที่เคยมาสั่งท่านทำเพิ่มอีกหนึ่งชิ้นเข้าค่ะ”

“อันที่ใช้เหล็กบางทำใช่หรือไม่ อันก่อนใช้งานไม่ได้แล้วหรือแม่หนู ถึงต้องมาทำเพิ่ม”

“ใช้งานได้ดีอยู่เจ้าค่ะ เพียงแต่ต้องใช้เพิ่มเท่านั้น”

“ได้ๆ ราคาเดิมห้าตำลึง แต่ไม่ต้องใช้เวลานานเท่าเดิมอีกแล้ว พรุ่งนี้เย็นๆก็มารับได้”

เฟยหลันเลือกกระบี่อ่อนหนึ่งเล่ม ซูเจินจูเห็นว่ากระบี่อ่อนนี้พกพาง่าย ไม่เป็นที่สังเกตุ ก็พอใจมาก และยังซื้อมีดสั้นเพิ่มอีกสองเล่มด้วย

“ท่านอา ทั้งหมดเท่าไหร่หรือเจ้าคะ”

“กระบี่อ่อนสามสิบตำลึง มีดสั้นสองอันสิบหกตำลึง ของชิ้นเล็กที่เจ้าสั่งทำห้าตำลึง ทั้งหมดห้าสิบเอ็ดตำลึง ข้าคิดเจ้าห้าสิบตำลึงเท่านั้น”

“ขอบคุณท่านอาเจ้าค่ะ”

“คุณหนู ข้า เอ่อ บ่าวไม่คิดว่ากระบี่อ่อนเล่มนี้จะแพงขนาดนี้” กระบี่เล่มนี้แพงกว่าค่าตัวนางเสียอีก หากนางรู้ก่อนว่าแพงขนาดนี้นางคงไม่กล้าหยิบมา

“หากเป็นอาวุธที่เจ้าใช้ได้ถนัดมือ ข้าก็ไม่นับว่าแพง”

“บ่าว สามารถรับมันไว้ได้หรือเจ้าคะ”

“เฟยหลัน อยู่กับข้ามีกฎเพียงสี่ข้อเท่านั้น ซื่อสัตย์ ภักดี มีวินัย และห้ามนำเรื่องของข้าไปพูดกับผู้ใด หากเจ้าทำได้ กระบี่อ่อนเล่มนี้ก็เป็นของเจ้า”

“บ่าวทำได้ ขอบคุณคุณหนูที่เมตตาเจ้าค่ะ”

“เอาล่ะ ไปโถงยาเจี้ยนคังกันต่อเถอะ”

“คุณหนูผู้นี้ มาซื้อยาหรือมาขายสมุนไพรขอรับ”

“ข้ามาซื้อสมุนไพร”

“มีใบสั่งยามาหรือไม่ขอรับ”

“ไม่มี เจ้าจดตามที่ข้าบอกก็พอ”

“คุณหนูเชิญกล่าว”

“ข้าต้องการ จื่อเยียน ชวนเป้ยหมู่ ไป๋จื่อ ไป๋เสา ไป๋จี่ ปาโต้ว เหมยกุ้ยฮวา อ้ายเยี่ย หวงฉี หงฮวา อย่างละสองเหลี่ยง จัดมาสองชุด แล้วก็ เจียงหวง ตังกุย อย่างละหนึ่งเลี่ยงเจ็ดชุด เออเจียวสองแผ่น แล้วก็โถบดยากับที่บดยาชุดเล็กหนึ่งชุด”

“ชุดแรกเหลี่ยงละสองร้อยอีแปะ สิบอย่างอย่างละสองเหลี่ยงจำนวนสองชุดคิดแปดตำลึง ชุดที่สองเหลี่ยงละหกร้อยอีแปะคิดแปดตำลึงสี่ร้อยอีแปะ เออเจี่ยวแผ่นละสองร้อยอีแปะ บดยาชุดเล็กสองตำลึงรวมเป็นสิบแปดตำลึงหกร้อยอีแปะขอรับ”

ซูเจินจูและเฟยหลันเดินออกมาไม่เท่าไหร่ ท่านหมอลี่ก็เดินออกมา

“เมื่อครู่ข้าได้ยินเสียงคน มาขายสมุนไพรหรือ”

“เพียงมาซื้อสมุนไพรขอรับ เป็นเพียงแม่นางน้อยกับสาวใช้ นี่เป็นใบสั่งยาขอรับ”

“นี่มัน.. ตำหรับยารักษาแผลหรือ นางจัดตำหรับเป็นแน่หรือ”

“ท่านหมอ นางเพียงบอกให้ข้าจดตามที่บอกขอรับ ข้าก็ไม่รู้ว่านางได้ตำหรับยามาอย่างไร”

“นางมาซื้อเพียงยาเท่านี้หรือ”

“มีสมุนไพรสามชนิดนี้อีกชุดนึงขอรับ”

“เป็นยาบำรุงสตรีทั่วไป ช่างเถอะ ทำลายกระดาษแผ่นนี้ทิ้งซะ หากนางเป็นอะไรไปเจ้าก็บอกว่าจัดยาตามที่นางสั่งก็พอ”

“ได้ขอรับ”   

“ว้ายยย!! เจ้าเป็นใคร” อู๋เหมย สาวรับใช้คนสนิทของมี่ซิ่นร้องขึ้นมาอย่างตกใจเมื่อเห็นหน้าที่มีรอยแผลเป็นของเฟยหลัน

“อู๋เหมย นางเป็นคนของข้า เจ้าจะตกใจอะไรกัน”

“คุณหนู คุณหนูกลับมาแล้ว ฮูหยินรองให้บ่าวมารอ วันนี้นายท่านกลับมาสั่งให้ทุกคนไปที่ห้องโถงเจ้าค่ะ”

“ไอหย๋า เรียกพบทุกคนเลยหรือ มีเรื่องใหญ่อันใด”

“ไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ คุณหนู ช้ากว่านี้นายท่านจะไม่พอใจนะเจ้าคะ”

“รู้แล้วๆ อู๋เหมย นี่ยาเจ็ดชุดกับเออเจียวต้มให้ท่านแม่วันละชุดเป็นยาบำรุงเลือดลม อีกสองชุดใหญ่นี้เอาไปวางไว้ในห้องข้า แล้วก็พาเฟยหลันไปพักผ่อนที่ห้องเดิมของสี่เสวี่ยให้ข้าหน่อยเถอะ”

“ได้เจ้าค่ะ คุณหนูรีบไปเถอะเจ้าค่ะ”

เมื่อเห็นว่าอู๋เหมยพาสี่เสวี่ยไปยังทางไปเรือนของตนแล้ว ซูเจินจูจึงเดินไปทางห้องโถง

“คารวะท่านพ่อ” ซูเจินจูกวาดสายตามองไปทั่วห้อง เมื่อเห็นว่าฮูหยินใหญ่กับซูเม่ยยังมาไม่ นางก็ผ่อนลมหายใจลงเล็กน้อยและเข้าไปนั่งข้างฮูหยินรองมี่ซิ่น มี่ซิ่นพยักเพยิดให้ซูเจินจูนั่งเงียบอย่าเพิ่งรบกวนนางที่กำรอชมงิ้วโรงใหญ่

“ท่านพี่ เหตุใดจึงเรียกประชุมครอบครัวหรือเจ้าคะ” ฮูหยินใหญ่ถามขึ้นทันทีเมื่อเดินเข้ามาในห้องโถง

“เหตุใดจึงมาช้านัก อาจูออกไปทำงานด้านนอกยังมาหาข้าเร็วกว่าเจ้าที่อยู่ในบ้านเสียอีก” ท่านนายซูหน้าตาเคร่งเครียดคิ้วขมวดมุ่นเป็นปม หน้าอวบๆเกร็งขึ้นเหมือนกำลังขบกรามแน่นเพื่อข่มความโกรธ

“ท่านพี่ เม่ยเอ๋อร์ป่วยหนักนักจนลุกไม่ขึ้นเสียแล้วเจ้าค่ะ ข้าไปดูนางมาจึงมาล่าช้า”

“เหอะ วิ่งแร่ออกไปทำเรื่องงามหน้าได้ แต่ลุกขึ้นมาเจอหน้าข้าไม่ได้ หากเจ้าพาตัวนางมาไม่ได้ข้าจะให้คนของข้าไปลากตัวนางมาเอง”

“ช้าก่อนเจ้าค่ะ ท่านพี่ อย่าทำรุนแรงกับลูกเลยเจ้าค่ะ” ฮูหยินใหญ่ที่กลัวว่านายท่านซูจะให้บ่าวไพร่ไปลากตัวซูเม่ยออกมาจริงๆก็เข้ามาขวางหน้าเขาไม่ให้เดินออกไปเรียกบ่าวไพร่ พยายามคว้ามือของเขาให้เดิมเข้ามานั่ง

แต่ความโกรธของนายท่านซูไม่ใช่สิ่งที่ฮูหยินใหญ่จะทำให้สงบลงได้ ยิ่งนางฉุดรั้งเท่าไหร่ นายท่านซูยิ่งหมดความอดทนเท่านั้น

พลั่ก..

นายท่านซูพลักฮูหยินใหญ่ลงกับพื้นแล้วเรียกบ่าวไพร่ให้ไปลากซูเม่ยออกมาทันที

ซูเหวินนั่งมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างหงุดหงิด เรื่องการสอบเป็นขุนนางของเขากลับมีอุปสรรคมากมาย ตามหลักขงจื้อแล้วเขาควรดำรงไว้ด้วยความกตัญญู แต่หากเข้าข้างมารดาช่วยเหลือซูเม่ย การกระทำของพวกนางก็จะเป็นภูเขาลูกใหญ่ขวางกั้นเข้าไว้กลางเส่นทางของขุนนาง ดังนั้นเขาจึงหวังพึ่งบิดาจัดการเรื่องนี้อย่างเรียบร้อย ไม่ให้เหลือปัญหาใดที่จะมาขวางกั้นเขาในอนาคต

ซูหนี่ย์ที่รักมารดาสุดหัวใจเข้ามาช่วยประคองฮูหยินใหญ่ให้กลับเข้าไปนั่ง

“ท่านแม่อย่าขวางท่านพ่อเลยเจ้าค่ะ เรื่องนี้เม่ยเอ๋อร์ทำผิดต่อพวกเรามากนัก ข้าถึงวัยออกเรือนแล้วข้าไม่อยากถูกนางทำลายชีวิต หากท่านแม่ไม่เห็นแก่ข้าก็เห็นแก่อาเหวินเถอะเจ้าค่ะ น้องชายยังต้องคบค้ากับเหล่าบัณฑิต หากทำจนเรื่องนี้ใหญ่โต น้องชายจะลำบากนะเจ้าคะ”

ฮูหยินใหญ่ซูหันกลับไปมองหน้าลูกชายที่นั่งก้มหน้าอยู่ด้วยความรู้สึกผิด หากต้องเลือกนางต้องเห็นแก่อนาคตลูกชายของนางก่อน ซูเหวินเป็นเด็กฉลาด อนาคตไกล หากเขารักชอบการค้าชื่อเสียงล้วนไม่มีค่าเท่าเงินทอง แต่เมื่อเขารักชอบการเป็นขุนนาง นางที่เป็นแม่จะต้องประคองชื่อเสียงของครอบครัวให้ดีเพื่อเป็นรากฐานที่มั่นคงให้แก่เขาในภายภาคหน้า

ซูเม่ยที่ลูกลากเข้ามาอยู่ในสภาพย่ำแย่ มองเพียงผ่านก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก นางไม่กินไม่ดื่มแม้แต่นอนก็นอนไม่หลับจนร่างกายซูบผอม

“เม่ยเอ๋อร์คารวะท่านพอ” ซูเม่ยคุกเข่าโค้งกายคารวะนายท่านซู

“อาเม่ย .. เจ้าทำอย่างนั้นไปได้อย่างไร เหตุใด” นายท่านซูที่เห็นซูเม่ยซูบผอมความโกรธที่มีก็ค่อยๆจาง ใจที่แข็งก่อนหน้านี้ก็อ่อนลง

“ท่านพ่อ ข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าเพียงแค่รักพี่ตงชุน สิ่งที่เกิดขึ้นข้าไม่ได้ต้องการให้เกิด ท่านพ่อต้องช่วยข้านะเจ้าคะ ข้าต้องการแต่งงานกับพี่ตงชุน” ซูเม่ยพูดความในใจออดมาด้วยความอัดอั้น น้ำตาไหลรินออกมาเป็นสาย นางไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องทั้งหมดเป็นแบบนี้

“ช่วย? เจ้ามันไร้ยางอาย ทำเรื่องบัดสีกับคนพ่อแต่ร้องจะแต่งกับคนลูก เจ้าคิดว่าบ้านไฉจะรับเจ้าเข้าไปให้เป็นฮูหยินไฉตงชุน? เจ้าเลิกคิดได้เลย ข้าจะให้เจ้าแต่งเข้าไปเป็นฮูหยินรองของไฉถังเทียน”

“ข้าไม่ได้รักเขา ข้ารักพี่ตงชุน เหตุใดท่านต้องบังคับข้า” ซูเม่ยสามารถใจเย็นได้อีกแล้ว นางร้องโวยวายเรียกร้องความต้องการของตนเอง นางไม่ต้องการเป็นฮูหยินรองนายท่านไฉ หากต้องแต่งเข้าไปเป็นภรรยาของบิดาของบุรุษที่ตนหมายปอง ไม่สู้ยอมตายเสียดีกว่า

“หุบปาก เรื่องนี้เหลือทางให้เจ้าเลือกหรือ ใครสั่งใครสอนเจ้าให้ทำเรื่องต่ำทรามเช่นนี้ กับของต่ำๆเช่นธูปราคะเจ้าก็ยังกล้าซื้อมาใช้ ข้าวที่เจ้ากินเข้าไปมันไม่ได้เลี้ยงหัวเจ้าให้โตขึ้นมาเลยหรือ”

“ท่านพ่อ เรื่องนี้ข้าไม่รู้จริงๆเจ้าค่ะ เป็นเหลียนฮัวนำมันมาให้ข้า ข้าไม่รู้เรื่องนะเจ้าคะ”

“ท่านพี่ ใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ เรื่องนี้เม่ยเอ๋อร์ไม่รู้เรื่องนะเจ้าคะ เป็นเพราะนังบ่าวชั่วเหลียนฮัวหวังใช้โอกาสนี้มีสัมพันธ์กับไฉตงชุน ลูกเราเพียงแค่ตกลงไปในอุบายนังบ่าวชั่วเท่านั้น” ฮูหยินใหญ่ซูรีบอธิบาย เรื่องนี้จะปล่อยให้คนเข้าใจผิดไม่ได้ ลูกของนางถึงผิดแต่ก็ผิดเพราะความไม่รู้ หากปล่อยให้คนเข้าใจผิดว่าลูกนางรู้จักของต่ำพวกนี้ แม้แต่ตำแหน่งฮูหยินรองลูกของนางก็คงไม่ได้เป็น

“โง่ เจ้ามันโง่ทั้งแม่ทั้งลูก เจ้าให้บ่าวใจคดติดตามลูกข้าเช่นนี้หรือ เจ้าคิดจะทำลายตระกูลซูของข้าใช่หรือไม่ เจ้าก็เหมือนกันนังลูกโง่ เห็นอยู่กับตาว่านางทำอะไรก็ยังปล่อยในนางทำจนสำเร็จ เหตุใดถึงโง่งมเพียงนี้”

“ท่านพ่อ ข้า ข้า..”

“เจ้าไฉถังเทียนมันรังแกเจ้าใช่หรือไม่ เรื่องนี้มันต้องรับผิดชอบ พูดมาวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่” เรื่องที่เขารู้ตอนนี้เหมือนที่ทุกคนในบ้านรู้ แต่เรื่องนี้ล้วนมาจากบอกของฮูหยินไฉ ฟังความฝ่ายเดียวล้วนเสียเปรียบ เขาต้องการรู้เรื่องที่เกิดขึ้นจากปากของซูเม่ย

“เม่ยเอ๋อร์รีบบอกพ่อเจ้า บอกเจ้าจะไปทวงความยุติธรรมให้เจ้า รีบพูดเร็วเม่ยเอ๋อร์”

“ท่านพ่อ ข้า ข้าถูกนายท่ายไฉ กะ กะ.. กับ คนงานอีกสองคนรังแกเจ้าค่ะ” ซูเม่ยทั้งอับอายทั้งโกรธจนหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด

“บัดซบ นังลูกชั่ว งามหน้านัก นังบ่าวชั่วไปไหน ไปลากมันมา”

“ท่านพี่ ข้าสั่งคนโบยนางจนตาย ลากศพไปทิ้งแล้วเจ้าค่ะ”

“เจ้า เจ้า!!! ฆ่านางทิ้งจะไปหาพยานที่ไหน เจ้าจะให้เม่ยเอ๋อร์บากหน้าขึ้นมาเล่าเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเองหรือ”

“ข้า ข้าไม่ทันคิด ท่านพี่โปรดอภัยให้ข้าด้วยเจ้าค่ะ”

“ไปเตรียมตัว พรุ่งนี้เช้าข้าจะไปบ้านไฉ” นายท่านซูทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้ระหว่างมองคนในบ้านทยอยเดินออกไปจากห้องโถง เขาไม่รู้จริงๆว่าพรุ่งนี้จะเอาอะไรไปต่อรองกับพวกบ้านไฉ แต่สิ่งที่เขารู้คือ เขาจะต้องไม่ยอมเสียเปรียบคนพวกนั้นแน่

เรื่องราวนี้ช่างเป็นการโต้เถียงที่ทรมานซูเจินจูเป็นที่สุด เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวกับนางแม้สักนิด แต่นางยังต้องนั่งฟังประหนึ่งเป็นงิ้วฉากสำคัญ นางกลับมาถึงห้องก็ล้มตัวลงนอนหลับไปทันที

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   51

    นายน้อยหงพาซูเจินจูเดินชมสินค้าภายในร้าน สินค้าหลากหลายแต่เต็มไปด้วยของชั้นดี สินค้ามากมายที่ได้มาจากต่างแคว้น สินค้าหลายอย่างเป็นของที่ได้มาจากชนเผ่าต่างๆ หนังสัตว์ที่ผ่านการฟอกหนังมาอย่างดี ขนสัตว์หายากอย่างพวกจิ้งจอกแดงหรือขนหมาป่าสีขาวก็สามารถหาซื้อได้ที่นี่ หนังเสือ หนังหมี หรือแม้แต่เขากวาง เขี้ยวเสื้อ ก็ถูกนำมาตั้งแสดงสินค้า ยิ่งเห็นว่าร้านฟู่หงเทียนมีสินค้าชั้นดีเท่าใดซูเจินจูก็ยิ่งตระหนักได้ถึงอิทธิพลของเจ้ากรมอาภรณ์ ร้านค้าขนาดสี่ห้องกว้างขวางเกินกว่าจะดูได้อย่างละเอียดทั้งหมด แม้ซูเจินจูจะพยายามเดินดูจนทั่ว แต่ด้วยประกอบกับนายน้อยหงที่คอยอธิบายสิ่งต่างๆภายในร้านอย่างใส่ใจทำให้กินเวลายาวนานเกือบสามชั่วยาม“อีกสองวันถึงจะเป็นงานเปิดรับศิษย์ของสำนักต่อสู้ พรุ่งนี้คุณหนูซูอยากไปที่ใดหรือไม่ ข้าจะพาท่านไปเอง”“ไม่รบกวนนายน้อยเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้าจะพาคนของข้าไปเดินเล่นในเมือง เพียงเดินเล่นไปเรื่อยๆมีจุดหมายใด”“เช่นนั้นข้าจะให้คนคุ้มกันของข้ามาดูแล”“ข้าคงต้องเสียมารยาทปฏิเสธเสียแล้ว หลิวหยาง จางหมิ่นของข้าคงเพียงพอจะปกป้องข้าได้ อย่าให้ข้าทำให้นายน้อยหงต้องเป็นกังวลเลยเจ้าค่ะ”“เช

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   50

    วันถัดมาในยามเฉิน เฟยอวี่เข้ามาหาซูเจินจูเพื่อรายงาน“คุณหนู บ่าวสืบข่าวมาได้เล็กน้อยเจ้าค่ะ พ่อค้าต่างแคว้นหลายคนเร่งเดินทางเข้าเมืองหลวง ของมีค่าหลายอย่างถูกขนเข้าเมืองหลวงผ่านขบวนขนสินค้า จุดหมายคือตรอกถงยู่ ที่เป็นแหล่งจัดงานประมูลของตลาดมืด นี่เป็นของรายการของส่วนหนึ่งที่บ่าวได้มาจากบัญชีส่งสินค้าเจ้าค่ะ”“งานประมูลของตลาดมือหรือ น่าสนใจ เจ้ารู้เรื่องงานนี้ดีแค่ไหน”“บ่าวเคยได้ยินว่าเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อประมูลของหายาก มีทั้งโสมพันปี อาวุธต่างๆ หยกม่วง หินแร่ รวมถึงหัวของผู้ครองแคว้นก็เคยถูกนำมาประมูลเจ้าค่ะ การจะเข้าร่วมประมูลได้ต้องจ่ายเงินค่าเข้าคนละหนึ่งพันตำลึง และหากมีของที่ต้องการนำเข้าประมูลก็นำของไปประเมิณได้เช่นกันเจ้าค่ะ”“เจ้าทำงานได้ดีมาก พักสักหน่อยแล้วออกเดินทางไปรอข้าที่เมืองหลวง สืบข่าวเรื่องการประมูลให้ข้า และจองโรงเตี๊ยมที่ปลอดภัยที่สุดเอาไว้ให้เพียงพอกับคนของเรา ข้าจะพาสี่เสวี่ย เฟยหลัน เฟยหรง เฟยเมี่ยว หลิวหยาง จางหมิ่นไป”“บ่าวรับคำสั่งคุณหนูเจ้าค่ะ” เฟยอวี่รับตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงจากซูเจินจูก่อนจะออกจากห้องไป คล้อยหลังเฟยอวี่ออกไปไม่ถึงหนึ่งเค่อซูเจินจูก็ตรง

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   49

    “เฟยอวี่ การเข้าเมืองหลวงต้องใช้ป้ายผ่านเข้าเมืองด้วยหรือ”“จริงๆแล้วไม่ต้องใช้เจ้าค่ะคุณหนู แต่ชาวบ้านทั่วไปหากต้องการผ่านเข้าเมืองหลวงจะต้องเสียอีแปะเป็นค่าผ่านทางให้กับทหารเฝ้าประตู เสียเยอะหรือเสียน้อยแล้วแต่ว่าผู้เฝ้าประตูเป็นใคร ส่วนป้ายผ่านเข้าเมืองเป็นเพียงชื่อเรียกเท่านั้นเจ้าค่ะ ในความเป็นจริงแล้วป้ายพวกนี้มีขึ้นเพื่อให้คนมีเส้นสายสามารถผ่านเข้าออกเมืองโดยไม่ต้องเสียอีแปะ ไม่ต้องต่อแถว ไม่ต้องตรวจค้นสัมภาระอย่างละเอียดและได้รับความเคารพจากทหารเฝ้าประตู รวมถึงป้องกันไม่ให้พวกทหารสร้างปัญหากับพวกคนรวยและขุนนางด้วยเจ้าค่ะ”“อ่อ แค่ยื่นป้ายออกไปก็ไม่มีใครกล้ายุ่งด้วยแล้วสินะ ช่างดีจริงๆ”“นายน้อยหงคงเหลือเส้นสายอยู่ไม่น้อยถึงขนาดใจกว้างทำป้ายให้คุณหนูได้ง่ายๆ”“เขาเห็นข้าเป็นโอกาสที่จะช่วยร้านผ้าฟู่หงเทียนกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้งต่างหาก เจ้าไปเตรียมตัวเถอะ ออกไปสืบข่าวดูสักหน่อยก็ได้ ไปเมืองหลวงครั้งนี้ข้าจะพาเจ้า สี่เสวี่ย หลิวหยาง จางหมิ่น เฟยหรง เฟยเมี่ยว และเฟยหลันไปด้วย บอกเพ่ยเพ่ยกับเยว่ชิงเสียแต่เนิ่นๆให้นางได้เตรียมตัวจัดการงานและดูแลเรื่องต่างๆทั้งหมดที่นี่ตอนที่พวกเรา

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   48

    “พ่อหนุ่มเจิ้งผู้นี้ดูมีลับลมคมในเหลือเกินนะเจ้าคะ จะว่าไปพ่อหนุ่มเจิ้งเองก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องของตน แม่แต่แซ่ก็ไม่บอก ชื่อเจิ้งก็ไม่รู้ว่าใช่ชื่อจริงหรือไม่”“นั่นสิเจ้าคะคุณหนู คุณหนูเองก็แปลกนัก แค่พ่อหนุ่มเจิ้งบอกจะมาด้วยก็ปล่อยให้มา บอกจะไปก็ไม่ถามไถ่สิ่งใดสักคำ”“ช่างเขาเถอะ เพียงแค่ไม่มีพิษภัยกับพวกเราก็พอแล้ว เรื่องอื่นๆรู้มากไปก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี”“เจ้าค่ะคุณหนู”ซูเจินจูพาเจียงไป๋ไปยังห้องที่เจียงชิงนอนอยู่และให้ซินเซียงยกที่นอนอีกหนึ่งอันมาวางข้างเตียงเพื่อให้พี่น้องได้นอนห้องด้วยกัน“เจ้านอนห้องเดียวกันไปก่อน ช่วงนี้ก็คอยดูแลนาง ข้างๆห้องเจ้าคือห้องของชิงหยุน มีอะไรก็ไปหานางได้ สี่เสวี่ยเจ้าไปบอกให้ซินเซียงหาอะไรให้เด็กนี่กินเสียหน่อยเถอะ”“เจ้าค่ะคุณหนู”เจียงไป๋มองคนทั้งหมดทยอยออกจากห้องไปก่อนจะหันกลับมานั่งข้างเตียงของเจียงชิง“พี่สาว ท่านรีบตื่นขึ้นมานะ…”... เช้าวันต่อมาซูเจินจูเดินทางเข้าร้านหว่างลี่เซียงพร้อมเฟยหลันตั้งแต่ยามเฉิน กิจการของร้านหว่านลี่เซียงเป็นไปด้วยดี คนที่ดูเหมือนจะทะเลาะกับผู้อื่นได้ง่ายๆอย่างเพ่ยเพ่ยกลับทำงานได้อย่างสงบเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นก

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   47

    “มองอะไร พวกเจ้ามองอะไร ไอ้พวกไม่รู้เรื่องรู้ราว เด็กมันมีวาสนาได้ช่วยเหลือสกุล เลี้ยงมันต่อไปก็ไม่ใช่ว่ามันจะหาเงินให้ข้าได้ถึงยี่สิบตำลึงเสียเมื่อไหร่ ต้องมากินข้าวบ้านข้านอนบ้านข้าไม่สู้ไปกินบ้านอื่นนอนบ้านอื่นแล้วยังได้เงินรึ แล้วเงินที่มันถืออยู่ไม่ใช่ว่าขโมยของข้าไม่หรือไงเด็กอย่างพวกมันจะเอาปัญญาหาเงินมากมายขนาดนี้ได้ที่ไหน เอาเงินข้าคืนมานะไอ้พวกเด็กตัวเหม็น”“ท่านย่านี่เป็นเงินที่พี่สาวหามาได้ ไม่ได้ขโมยเงินของท่าน”“นั่นมันเงินโชคดีที่แม่หนูเจินจูแจกไม่ใช่หรือ บ้านข้าก็ได้มาสองพวง ไหมถักแบบนั้นรูปทรงแบบนั้น ข้าจำไม่ผิดหรอก” ชาวบ้านที่มุงดูอยู่พูดขึ้น“ใช่ ข้าเองก็จำได้ นั่นมันพวงเงินที่แม่หนูเจินจูแจกเมื่อวันเกิด” หัวหน้าหมู่บ้านหวังสำทับขึ้น ชาวบ้านที่มุงดูอยู่ต่างเคยได้รับพวงเงินโชคนี้ทุกคนล้วนเป็นพยายานให้เด็กน้อยว่าเขาไม่ได้ขโมยเงินของแม่เฒ่าเจียง“เหอะ เอาเข้าบ้านข้าก็ต้องเป็นของข้านั่นแหละ อาไป๋ เข้าบ้าน เหม่ยเหมย เสี่ยวเจี๋ยลากนังเด็กชิงเข้าบ้าน”“แม่เฒ่าเจียง รอเดี๋ยวก่อนเถอะ ข้าขอเจรจาเรื่องเด็กสองคนนี้สักประโยคหนึ่งได้หรือไม่” ซูเจินจูพูดยังไม่ทันจบ เฟยหลันก็เอาตัว

  • พ่ายรักบุปผาพิษ   46

    การค้าของร้านหว่านลี่เซียงเต็มไปด้วยความราบลื่น ที่ควรขายได้ขาย ที่ควรสงบก็สงบ กว่าลูกค้าคนสุดท้ายจะออกจากร้านก็เป็นยามโหย่ว หลังจากปิดร้าน เหล่าคนงานที่หมดแรงมานั่งรวมกันอยู่ที่กลางร้าน ซูเจินจูลากเก้าอี้มานั่งก่อนจะขอบคุณทุกคนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับการเปิดร้านวันแรกจนทุกอย่างผ่านไปด้วยดี วันนี้ถุงหอมขายได้หกร้อยหกใบ เป็นเงินหนึ่งหมื่นสองพันหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึง การขายได้จำนวนมากตั้งแต่วันแรกนับเป็นเรื่องดีแต่ซูเจินจูกังวลว่าหากขายดีเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆคงไม่สามารถผลิตมาขายได้ทันสี่เสวี่ยรับหน้าที่สอนเยว่ชิงวาดลายผ้าและผสมสีผ้าไหมหอมหมื่นลี้ เมื่อเชี่ยวชาญแล้วเยว่ชิงจะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลผ้าไหมหอมหมื่นลี้พวกนี้แทนสี่เสวี่ย อีกทั้งสี่เสวี่ยยังต้องคุมคนงานเย็บปัก และติดป้ายรับสมัครหญิงสาวที่เชี่ยวชาญงานเย็บปักมาปักถุงหอมหมื่นลี้ที่ร้านหว่านลี่เซี่ยงด้วยเฟยหรงและเฟยเมี่ยวที่เพิ่งได้ข่าวพรรคพวกอีกหนึ่งคนด้วยเห็นว่าพรรคพวกที่เจอนั้นถูกซื้อตัวไปด้วยชายชราที่อยู่กับหลานชายหนึ่งคนบนกระท่อมบนเขา นางไม่ได้ลำบากหรือโดนทำร้ายจึงพักการติดต่อแล้วหันมาช่วยซูเจินจูดูแลร้านหว่านลี่เซียงไปก่อน“เอาล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status