การเดินทางไปยังหมู่บ้านซานครั้งนี้เต็มไปด้วยความราบรื่น เฟยหลันเล่าเรื่องในเมืองหลวงให้ซูเจินจูฟังตลอดทาง นางเกิดและเติบโตที่เมืองหลวง ขนมร้านใดอร่อย อาหารเหลาใดเลิศรสนางล้วนรู้จัก แต่ละปีในเมืองหลวงจะจัดงานต่างๆมากมายที่นางชื่นชอบมากที่สุดคือเทศกาลดอกไม้ไฟ แต่ในทุกเทศกาลนางไม่เคยได้ปล่อยใจชื่นชมการแสดงเพราะนางต้องคอยคุ้มกันนายหญิงที่ออกพบปะเหล่าสตรีชั้นสูงในงานนั้น เหล่าสตรีในเมืองหลวงล้วนน่ากลัว อุบายแยบยลที่ถูกจัดวางอย่างดีราวกับหมากในกระดานที่ขอเพียงพวกนางเริ่มลงมือ หากรู้ตัวช้าก็ไม่มีหวังที่จะพลิกกระดานขึ้นมาเป็นฝ่ายกุมอำนาจได้ ด้วยเพราะเป็นการเดินทางที่ไม่เร่งรีบ หลีกเลี่ยงทางเล็กแคบเลือกเดินทางผ่านถนนเส้นหลักทำให้การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาเกือบสามชั่วยาม แต่เป็นสามชั่วยามที่ซูเจินจูเพลิดเหลินไปกับทิวทัศน์สองข้างทางและเรื่องเล่าของเฟยหลันที่ไม่ต่างจากเทพนิยายในโลกที่ซูเจินจูจากมา“คุณหนูของบ่าว มาแล้วหรือเจ้าคะ รีบเข้าไปพักก่อนเถอะเจ้าค่ะ บ่าวจะให้ซินเซียงไปยกขนมกับน้ำชามาให้”“สี่เสวี่ยเจ้าใจเย็นก่อน คิดถึงข้าเพียงนั้นเชียวหรือ ให้ข้าเดินดูพวกนางสักหน่อยเถอะ พวกนางล้วนเป็นคนปักผ
“คุณหนูกลับมาแล้ว บ่าวคารวะคุณหนูขอรับ”“ท่านลุงฝู คราวนี้มีลายใหม่มาด้วยเจ้าค่ะ ท่านไปคุยกับข้าในห้องก่อนเถอะ”“ได้ขอรับ” “เจ้าสองคนน่ะคนนึงไปชงชา อีกคนไปซื้อขนมร้านเสี่ยวซือกวงในคุณหนู ไปๆให้ไว”คนงานสองกันช่วยกันลำเลียงผ้าทั้งยี่สิบสองผืนลงมาจากรถม้าเข้าไปยังห้องทำงานของหลงจู๊ฝู หลงจู๊ฝูเห็นผ้ามากมายหลายพับก็ยิ้มดีใจจนตาแทบจะปิดสนิท“ท่านลุงฝู ผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายดอกเหมย ลายดอกท้อ และลายดอกบัวทั้งหมดสิบแปดพับ เป็นของที่ร้านสิบเจ็ดพับนะเจ้าคะ พับสีม่วงลายดอกบัวนี้ข้าจะนำกลับไปให้ท่านแม่”“ขอรับคุณหนู” หลงจู๊ฝูใช้พู่กันในมือขีดฆ่าจำนวนเดิมที่ลงไว้แล้วเขียนจำนวนใหม่ลงไปข้างๆ ฮูหยินรองที่ไม่มีบ้านเดิมสนับสนุน ไม่ได้รับความรักจากนายท่าน อย่างน้อยก็ยังมีลูกกตัญญูเช่นคุณหนูสี่ นับว่าสวรรค์ยังเมตตาจริงๆ“สามพับนี้เป็นลายโบตั๋นเจ้าค่ะ ส่วนพับนี้เป็นลายเป็ดยวนยาง” ซูเจินจูกับเฟยหลันช่วยกันคลี่ผ้าไหมหอมหมื่นลี้ลายเป็ดยวนยางออกมาให้หลงจู๊ฝูดู เมื่อเห็นว่าหลงจู๊ฝูมองผ้าพับลายเป็นยวนยางด้วยสายตาชื่นชมก็พูดต่อทันที“ผืนนี้ราคาห้าร้อยตำลึงเจ้าค่ะ“ไอหย๋า แพงถึงเพียงนั้น”“ไม่นับว่าแพงนะเจ้าคะท่านล
เฟยหรงกลับมารายงานเรื่องของเฟยอวี่ให้ซูเจินจูรู้“พวกค้ามนุษย์ยี่สิบคนหรือ เฟยหรง เจ้าไปบอกให้นางหาสัญญาทาสของตนเองให้เจอ เราจะบุกเข้าไปฆ่าพวกมันทั้งหมด” ในเมื่อเป็นคนเลวก็ไม่จำเป็นต้องต่อรองอะไร คนที่ขโมยชีวิตของผู้อื่นมาขายแลกเงินไปปรนเปรอตัวเอง ก็สมควรเอาชีวิตของมันปรนเปรอเหล่าเด็กๆที่ต้องตาย ชดใช้แก่ครอบครัวที่ต้องพลัดพรากจากกัน“คุณหนู ตอนที่บ่าวออกมา สังเกตว่านางน่าจะถูกเฆี่ยนตีมาก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่านางจะรับมือคนพวกนั้นไหวหรือไม่ คุณหนูอยู่ข้างนอกนี่เถอะเจ้าคะ หากถูกจับได้คุณหนูจะได้ไม่เดือดร้อน”“เช่นนั้นหรือ ... เฟยหลัน พิษแมงมุมที่ข้าเคยให้เจ้ายังเหลืออยู่หรือไม่”“เหลืออยู่เจ้าค่ะ”“เช่นนั้นก็ใช้พิษเถอะ จัดการพวกมันเงียบๆอาจจะดีกว่า เจ้ามอบพิษแมงมุมให้เฟยหรง เฟยหรงเจ้าส่งยาพิษเข้าไปให้เฟยอวี่ ใช้เพียงสองหยดเท่านั้น ให้ยาแก้พิษนางไปด้วย คืนนี้เราจะลงมือ เมื่อนางออกมาข้ากับนางจะเอาเอกสารไปที่โรงค้าทาสทำเรื่องซื้อตัวนาง เฟยเมี่ยวเมื่อข้าทำเรื่องซื้อตัวนางเสร็จแล้วเจ้าไปแจ้งทางการอย่างลับๆให้มาช่วยเด็กพวกนั้น”“บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ”คืนเดือนมืดไร้แสงดาวแม้แต่แสงจันทร์ก็ไม่กระจ่า
ซูเจินจูรับสัญญาเช่าร้านพร้อมกุญแจหนึ่งดอกเดินออกมาจากสถานศึกษาด้วยความพอใจ“เฮ้ออ ท่านเหล่าซือหัวแข็งนัก คราแรกข้านึกว่าจะไม่ได้ร้านนี้เสียแล้ว”“นั่นสิเจ้าคะ บ่าวเองก็เพิ่งเคยเห็นคนไม่อยากได้เงินก็คราวนี้เอง”“บัณฑิตล้วนมองข้ามเงินทอง สิ่งที่เหล่าบัณฑิตถือไว้มีเพียงพู่กันและกระดานหมากเท่านั้น”“หมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ”“หมายความว่าบัณฑิตคือคนที่ขายของให้ได้ยากที่สุดเพราะเขาไม่สนเงินจึงไม่มีเงินมาซื้อของของข้าไงเล่า ไปเถอะ ข้าหิวแล้ว วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปกินข้าวที่เหลาเล่าลี่”ไม่สนเงินจึงไม่มีเงินงั้นหรือ เฟยหลันมองคุณหนูของตนที่เดินนำหน้าออกไปแล้วกลั้นยิ้มไว้ไม่ไหว คุณหนูของนางช่าง..น่าเอ็นดูเสียเหลือเกินเหลาเล่าลี่แห่งตำบลเป่ยเป็นเหลาอาหารที่ใหญ่ที่สุดในตำบล แต่ละวันรับลูกค้าจำนวนมากเพราะตำบลเป่ยคือตำบลที่เป็นทางผ่านไปยังหมู่บ้านจั๋วมู่ คนมากมายที่ไปชมดอกเหมยที่หมู่บ้านจั๋วมู่มักมากินอาหารที่เหลามากกว่ากินตามริมทางของหมู่บ้าน“คารวะคุณหนู ห้องส่วนตัวด้านบนหรือโถงด้านล่างขอรับ”“ห้องส่วนตัว”“คุณหนูเชิญตามข้ามาขอรับ”สำหรับห้องส่วนตัวในเหลาเล่าลี่ต้องสั่งชุดอาหารห้าสิบตำลึงเท่า
“ท่านอา เหตุใดต้องมาซักผ้าที่นี่ด้วยล่ะเจ้าคะ ไม่สู้ไปนั่งทางนั้นรวมกับคนอื่นๆไม่กว่าหรือ” เด็กหญิงตัวน้อยที่เคยไปอวยพรวันเกิดให้ซูเจินจูที่เรือนหอมหมื่นลี้ถามหญิงสาวที่อยู่ข้างๆด้วยแววตาสงสัย“เจ้าจะไปรู้อะไร นั่งตรงนี้มีต้นไม้ใหญ่ คอยบังแดด เหตุใดต้องไปนั่งรวมกันอยู่ตรงนั้น”“ตรงนั้นก็มีต้นไม้นะเจ้าคะ แล้วนี่ก็เย็นมากแล้วมีแดดที่ไหนกัน ข้าอยากไปนั่งคุยเล่นกับอาอี๋มากกว่า” เจียงชิงนั่งซักผ้าไปก็บ่นไป นางนำผ้ามาซักตั้งแต่ยามเว่ย หากท่านอาของนางช่วยซักผ้าบ้างป่านนี้นางคงตากผ้าจนเสร็จและเริ่มทำกับข้าวเย็นแล้ว สายตาของเจียงชิงจ้องมองที่ท่านอาของนางที่เอาแต่มองเข้าไปในกระท่อมหลังเล็กนั้น เห้อ อยากมองก็มองเถอะ แต่มือว่างๆทำไมไม่ช่วยนางซักผ้าพวกนี้บ้างนะ เจียงชิงซักผ้าทั้งหมดจนเสร็จ เจียงเหม่ยเหมยก็ยังคงมองกระท่อมน้อยตรงหน้าอย่างรอคอย ‘เหตุใดวันนี้ยังไม่ออกมานะ หรือว่าไม่อยู่’“ท่านอา ข้าซักผ้าเสร็จแล้ว เรากลับกันเถอะ”“เจ้ากลับไปก่อน ข้ามีธุระต้องทำ”“ท่านอา ไม่ใช่ว่าข้าอยากขัดขวางทางเดินท่าน แต่ข้าเอาผ้าทั้งหมดกลับไปคนเดียวไม่ไหว ท่านช่วยข้าแบกกลับหน่อยเถอะ”“เหอะ เจ้านี่ กินข้าวบ้านข้ายั
หยางหย่งเจิ้งเดินตามซูเจินจูเข้ามาถึงเรือนชั้นในไปจนถึงศาลาหน้าสวนต้นหอมหมื่นลี้ ศาลานี้เขาเคยมาสองสามครั้งแล้ว ไม่คิดว่าในหมู่บ้านห่างไกลเช่นนี้จะมีผู้ที่ออกแบบสวนและศาลาได้อย่างปราณีตสวยงาม ทางเดินหินที่เชื่อมต่อจากทางหลักไปยังศาลาไม้แดงหลังใหญ่ที่อยู่บนบ่อน้ำกว้างขวางที่ลึกจนถึงอก ปลาสวยงามงามมากมายแหวกว่ายแทรกตัวตามดอกบัวหลากหลายสายพันธุ์ ถัดไปเป็นเป็นต้นท้อขนาดใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาแก่ชิงช้าที่ถูกผูกไว้อย่างดีที่กิ่งของมันเฟยหลันรับไก่ป่าหกตัวจากหยางหย่งเจิ้งก่อนนั่งก่อไฟที่พื้นดินถัดจากศาลาที่คนทั้งสองนั่งอยู่ไปเล็กเล็กน้อย ซินเซียงนำขนมที่เพิ่งซื้อมาใส่จานยกออกมาพร้อมน้ำชาวางไว้ที่โต๊ะไม้แดงแกะสลักกลางศาลา“ซินเซียง คนอื่นไปไหนกันหมดเล่า เหตุใดไม่เข้ามา”“สี่เสวี่ยให้หลิวหยางกับจางหมิ่นขึ้นไปจับกระต่ายบนภูเขาเจ้าค่ะ เฟยอวี่ก็ขอตามไปด้วย สี่เสวี่ยกับเยว่ชิงวาดลายผ้าอยู่ที่ลานผ้า เฟยหรงเข้าไปที่เรือนเย็บปัก เฟยเมี่ยวเข้าไปตรวจเรือนในของคุณหนูเสร็จล้วจะออกไปเฝ้าประตูเจ้าค่ะ อ่อ แม่นางเพ่ยเพ่ยก็เฝ้าประตูด้านนอกอยู่เจ้าค่ะ”“เช่นนั้นเจ้าอยู่ช่วยเฟยหลันย่างไก่แล้วกัน หลิวหยางจ
เฟยหลันเดินตามซูเจินจูไปที่ศาลาเพื่อย่างไก่ป่าทั้งหกตัวต่อ อย่างไรเสียไก่หกตัวนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไรนางทำใจเมินพวกมันไม่ลง น่องไก่สิบสองน่องอยู่ในจานของซูเจินจู ตัวไก่ไร้น่องสองตัวถูกส่งไปยังกระท่อมของหยางหย่งเจิ้งพร้อมบะหมี่ผักหยางหย่งเจิ้งเปิดประตูรับไก่ย่างและบะหมี่ผักที่หลิวหยางนำมาส่งให้ เมื่อเห็นว่าหลิวหยางเดินออกไปไกลแล้วจึงหันหลังกลับเข้ากระท่อมของตน“ท่านรองแม่ทัพ เหตุใดไก่ในหมู่บ้านนี้ถึงไม่มีขาหรือขอรับ”“หวู่เยวี้ยน เจ้าจะไปรู้อะไร เด็กสาวบ้านหลังใหญ่ในหมู่บ้านนั่นชอบกินน่องไก่ ท่านรองแม่ทัพถึงได้สั่งให้เจ้าไปจับไก่ป่ามาบ่อยๆไงเล่า”“ไอหย๋า ไอ้เจ้าพวกนี้คือไก่ที่ข้าจับมาอย่างนั้นหรือ”“หยุด เจ้าจับมาคนเดียวหรืออย่างไร แล้วเหตุใดจึงมาเพียงพวกเจ้า ทำไมเหวินอี้ไม่มาด้วย” หยางหย่งเจิ้งปรามทั้งสองก่อนจะพูดเรื่อยเปื่อยไปมากกว่านี้“เรียนท่านรองแม่ทัพ เหวินอี้ตามสืบเรื่องยาพิษที่ใช้ปลิดชีวิตก้านลู่อยู่ขอรับ หากรู้ว่าเป็นพิษชนิดใดคงสืบหากบฏได้เร็วขึ้น”“เรื่องรองนายอำเภออู๋ไปถึงไหนแล้ว”“ตอนนี้ถูกจับขังคุกอยู่ที่อำเภออู๋ ปิดปากเงียบ คืนนี้จะเริ่มการทรมานขอรับ”“ดี อย่างไรก็ต้องรู้ให้
ซูหนี่ย์ที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่ยกยิ้มเหยียดหยาม ดี ให้คนของท่านพ่อตีนางให้ตาย นังบ่าวชั่วที่ติดตามนังจิ้งจอกนั่นไม่สมควรมีชีวิตอยู่เป็นหนามตำตานาง ให้ตายเถอะ ยิ่งเห็นก็ยิ่งเกลียด ทำไมตอนที่พวกนางออกไปทำการค้าถึงไม่เจอโจรป่าเสียบ้างนะเฟยหลันและคนของนายท่านซูถือไม้พลองยืนอยู่กลางลานหน้าห้องโถง ขอเพียงส่งสัญญาณคนทั้งคู่ก็พร้อมแสดงฝีมือทันที แต่เฟยหลันที่อยู่บนลานหันกลับมามองซูเจินจูแล้วส่ายหน้าช้าๆ“ท่านพ่อ ให้คนของท่านเข้าไปอีกคนหนึ่งเถอะเจ้าค่ะ”นายท่านซูหนัยมามองซูเจินจูเล็กน้อยก่อนจะกวักมือเรียกผู้คุ้มกันอีกคนขึ้นไปกลางลาน เอาเถอะ อย่างไรเสียซูเจินจูก็มีผู้ติดตามคนเดียว หากนางแพ้ก็แค่หาคนคุ้มกันให้ซูเจินจูเพิ่ม หากนางชนะเขาก็จะสบายใจมากขึ้น“ลงมือ!!!”เฟยหลันตวัดไม้พลองลงไปอย่างเต็มแรง ผู้ที่เข้ามารับไม้แรกถึงกับถอยร่นลงไปหลายก้าว มือที่จับไม้พลองไว้สั่นจนแทบทำไม้พลองหลุดมือ เฟยหลันกระโดดตามเข้าไปฟาดไม้พลองลงที่ข้อมือก่อนจะตวัดไม้พลองอีกด้านไปเกี่ยวไม้พลองของผู้คุ้มกันคนที่สองลง ลูกเตะที่เตะลงไปที่ศรีษะอย่างแม่นยำทำให้ผู้คุ้มกันคนที่สองล้มลงไปนอนกับพื้นที่ที ไม้พลอยที่มือของเฟยหลันถ
วันถัดมาในยามเฉิน เฟยอวี่เข้ามาหาซูเจินจูเพื่อรายงาน“คุณหนู บ่าวสืบข่าวมาได้เล็กน้อยเจ้าค่ะ พ่อค้าต่างแคว้นหลายคนเร่งเดินทางเข้าเมืองหลวง ของมีค่าหลายอย่างถูกขนเข้าเมืองหลวงผ่านขบวนขนสินค้า จุดหมายคือตรอกถงยู่ ที่เป็นแหล่งจัดงานประมูลของตลาดมืด นี่เป็นของรายการของส่วนหนึ่งที่บ่าวได้มาจากบัญชีส่งสินค้าเจ้าค่ะ”“งานประมูลของตลาดมือหรือ น่าสนใจ เจ้ารู้เรื่องงานนี้ดีแค่ไหน”“บ่าวเคยได้ยินว่าเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อประมูลของหายาก มีทั้งโสมพันปี อาวุธต่างๆ หยกม่วง หินแร่ รวมถึงหัวของผู้ครองแคว้นก็เคยถูกนำมาประมูลเจ้าค่ะ การจะเข้าร่วมประมูลได้ต้องจ่ายเงินค่าเข้าคนละหนึ่งพันตำลึง และหากมีของที่ต้องการนำเข้าประมูลก็นำของไปประเมิณได้เช่นกันเจ้าค่ะ”“เจ้าทำงานได้ดีมาก พักสักหน่อยแล้วออกเดินทางไปรอข้าที่เมืองหลวง สืบข่าวเรื่องการประมูลให้ข้า และจองโรงเตี๊ยมที่ปลอดภัยที่สุดเอาไว้ให้เพียงพอกับคนของเรา ข้าจะพาสี่เสวี่ย เฟยหลัน เฟยหรง เฟยเมี่ยว หลิวหยาง จางหมิ่นไป”“บ่าวรับคำสั่งคุณหนูเจ้าค่ะ” เฟยอวี่รับตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงจากซูเจินจูก่อนจะออกจากห้องไป คล้อยหลังเฟยอวี่ออกไปไม่ถึงหนึ่งเค่อซูเจินจูก็ตรง
“เฟยอวี่ การเข้าเมืองหลวงต้องใช้ป้ายผ่านเข้าเมืองด้วยหรือ”“จริงๆแล้วไม่ต้องใช้เจ้าค่ะคุณหนู แต่ชาวบ้านทั่วไปหากต้องการผ่านเข้าเมืองหลวงจะต้องเสียอีแปะเป็นค่าผ่านทางให้กับทหารเฝ้าประตู เสียเยอะหรือเสียน้อยแล้วแต่ว่าผู้เฝ้าประตูเป็นใคร ส่วนป้ายผ่านเข้าเมืองเป็นเพียงชื่อเรียกเท่านั้นเจ้าค่ะ ในความเป็นจริงแล้วป้ายพวกนี้มีขึ้นเพื่อให้คนมีเส้นสายสามารถผ่านเข้าออกเมืองโดยไม่ต้องเสียอีแปะ ไม่ต้องต่อแถว ไม่ต้องตรวจค้นสัมภาระอย่างละเอียดและได้รับความเคารพจากทหารเฝ้าประตู รวมถึงป้องกันไม่ให้พวกทหารสร้างปัญหากับพวกคนรวยและขุนนางด้วยเจ้าค่ะ”“อ่อ แค่ยื่นป้ายออกไปก็ไม่มีใครกล้ายุ่งด้วยแล้วสินะ ช่างดีจริงๆ”“นายน้อยหงคงเหลือเส้นสายอยู่ไม่น้อยถึงขนาดใจกว้างทำป้ายให้คุณหนูได้ง่ายๆ”“เขาเห็นข้าเป็นโอกาสที่จะช่วยร้านผ้าฟู่หงเทียนกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้งต่างหาก เจ้าไปเตรียมตัวเถอะ ออกไปสืบข่าวดูสักหน่อยก็ได้ ไปเมืองหลวงครั้งนี้ข้าจะพาเจ้า สี่เสวี่ย หลิวหยาง จางหมิ่น เฟยหรง เฟยเมี่ยว และเฟยหลันไปด้วย บอกเพ่ยเพ่ยกับเยว่ชิงเสียแต่เนิ่นๆให้นางได้เตรียมตัวจัดการงานและดูแลเรื่องต่างๆทั้งหมดที่นี่ตอนที่พวกเรา
“พ่อหนุ่มเจิ้งผู้นี้ดูมีลับลมคมในเหลือเกินนะเจ้าคะ จะว่าไปพ่อหนุ่มเจิ้งเองก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องของตน แม่แต่แซ่ก็ไม่บอก ชื่อเจิ้งก็ไม่รู้ว่าใช่ชื่อจริงหรือไม่”“นั่นสิเจ้าคะคุณหนู คุณหนูเองก็แปลกนัก แค่พ่อหนุ่มเจิ้งบอกจะมาด้วยก็ปล่อยให้มา บอกจะไปก็ไม่ถามไถ่สิ่งใดสักคำ”“ช่างเขาเถอะ เพียงแค่ไม่มีพิษภัยกับพวกเราก็พอแล้ว เรื่องอื่นๆรู้มากไปก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี”“เจ้าค่ะคุณหนู”ซูเจินจูพาเจียงไป๋ไปยังห้องที่เจียงชิงนอนอยู่และให้ซินเซียงยกที่นอนอีกหนึ่งอันมาวางข้างเตียงเพื่อให้พี่น้องได้นอนห้องด้วยกัน“เจ้านอนห้องเดียวกันไปก่อน ช่วงนี้ก็คอยดูแลนาง ข้างๆห้องเจ้าคือห้องของชิงหยุน มีอะไรก็ไปหานางได้ สี่เสวี่ยเจ้าไปบอกให้ซินเซียงหาอะไรให้เด็กนี่กินเสียหน่อยเถอะ”“เจ้าค่ะคุณหนู”เจียงไป๋มองคนทั้งหมดทยอยออกจากห้องไปก่อนจะหันกลับมานั่งข้างเตียงของเจียงชิง“พี่สาว ท่านรีบตื่นขึ้นมานะ…”... เช้าวันต่อมาซูเจินจูเดินทางเข้าร้านหว่างลี่เซียงพร้อมเฟยหลันตั้งแต่ยามเฉิน กิจการของร้านหว่านลี่เซียงเป็นไปด้วยดี คนที่ดูเหมือนจะทะเลาะกับผู้อื่นได้ง่ายๆอย่างเพ่ยเพ่ยกลับทำงานได้อย่างสงบเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นก
“มองอะไร พวกเจ้ามองอะไร ไอ้พวกไม่รู้เรื่องรู้ราว เด็กมันมีวาสนาได้ช่วยเหลือสกุล เลี้ยงมันต่อไปก็ไม่ใช่ว่ามันจะหาเงินให้ข้าได้ถึงยี่สิบตำลึงเสียเมื่อไหร่ ต้องมากินข้าวบ้านข้านอนบ้านข้าไม่สู้ไปกินบ้านอื่นนอนบ้านอื่นแล้วยังได้เงินรึ แล้วเงินที่มันถืออยู่ไม่ใช่ว่าขโมยของข้าไม่หรือไงเด็กอย่างพวกมันจะเอาปัญญาหาเงินมากมายขนาดนี้ได้ที่ไหน เอาเงินข้าคืนมานะไอ้พวกเด็กตัวเหม็น”“ท่านย่านี่เป็นเงินที่พี่สาวหามาได้ ไม่ได้ขโมยเงินของท่าน”“นั่นมันเงินโชคดีที่แม่หนูเจินจูแจกไม่ใช่หรือ บ้านข้าก็ได้มาสองพวง ไหมถักแบบนั้นรูปทรงแบบนั้น ข้าจำไม่ผิดหรอก” ชาวบ้านที่มุงดูอยู่พูดขึ้น“ใช่ ข้าเองก็จำได้ นั่นมันพวงเงินที่แม่หนูเจินจูแจกเมื่อวันเกิด” หัวหน้าหมู่บ้านหวังสำทับขึ้น ชาวบ้านที่มุงดูอยู่ต่างเคยได้รับพวงเงินโชคนี้ทุกคนล้วนเป็นพยายานให้เด็กน้อยว่าเขาไม่ได้ขโมยเงินของแม่เฒ่าเจียง“เหอะ เอาเข้าบ้านข้าก็ต้องเป็นของข้านั่นแหละ อาไป๋ เข้าบ้าน เหม่ยเหมย เสี่ยวเจี๋ยลากนังเด็กชิงเข้าบ้าน”“แม่เฒ่าเจียง รอเดี๋ยวก่อนเถอะ ข้าขอเจรจาเรื่องเด็กสองคนนี้สักประโยคหนึ่งได้หรือไม่” ซูเจินจูพูดยังไม่ทันจบ เฟยหลันก็เอาตัว
การค้าของร้านหว่านลี่เซียงเต็มไปด้วยความราบลื่น ที่ควรขายได้ขาย ที่ควรสงบก็สงบ กว่าลูกค้าคนสุดท้ายจะออกจากร้านก็เป็นยามโหย่ว หลังจากปิดร้าน เหล่าคนงานที่หมดแรงมานั่งรวมกันอยู่ที่กลางร้าน ซูเจินจูลากเก้าอี้มานั่งก่อนจะขอบคุณทุกคนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับการเปิดร้านวันแรกจนทุกอย่างผ่านไปด้วยดี วันนี้ถุงหอมขายได้หกร้อยหกใบ เป็นเงินหนึ่งหมื่นสองพันหนึ่งร้อยยี่สิบตำลึง การขายได้จำนวนมากตั้งแต่วันแรกนับเป็นเรื่องดีแต่ซูเจินจูกังวลว่าหากขายดีเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆคงไม่สามารถผลิตมาขายได้ทันสี่เสวี่ยรับหน้าที่สอนเยว่ชิงวาดลายผ้าและผสมสีผ้าไหมหอมหมื่นลี้ เมื่อเชี่ยวชาญแล้วเยว่ชิงจะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลผ้าไหมหอมหมื่นลี้พวกนี้แทนสี่เสวี่ย อีกทั้งสี่เสวี่ยยังต้องคุมคนงานเย็บปัก และติดป้ายรับสมัครหญิงสาวที่เชี่ยวชาญงานเย็บปักมาปักถุงหอมหมื่นลี้ที่ร้านหว่านลี่เซี่ยงด้วยเฟยหรงและเฟยเมี่ยวที่เพิ่งได้ข่าวพรรคพวกอีกหนึ่งคนด้วยเห็นว่าพรรคพวกที่เจอนั้นถูกซื้อตัวไปด้วยชายชราที่อยู่กับหลานชายหนึ่งคนบนกระท่อมบนเขา นางไม่ได้ลำบากหรือโดนทำร้ายจึงพักการติดต่อแล้วหันมาช่วยซูเจินจูดูแลร้านหว่านลี่เซียงไปก่อน“เอาล
“องค์ชายหก ท่านช่างเป็นดาวนำโชคของพวกข้านัก” ชายหนุ่มอีกคนในกลุ่มที่ถูกเรียกว่าคุณชายเซียวพูดขึ้นขณะที่ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ยาวที่ปูทับด้วยเบาะรองนั่งขนกระต่าย เบาะรองนี้ซูเจินจูสั่งให้ซินเซียงทำขึ้นจากขนกระต่ายสีอื่นๆเย็บติดสวมทับเบาะด้านในที่ตัดเย็บด้วยผ้าฝ้ายยัดใส่ด้วยนุ่นที่ซื้อไปจากตำบลอีกที ที่สี่มุมผูกด้วยพู่หลากสีที่ทำขึ้นด้วยพู่ไหมจากเผ่าเจี๋ยที่ซูเจินจูได้รับมาจากนายท่านซูเมื่อครั้งออกไปทำการค้าต่างแคว้น“นั่นสิเพคะ หากไม่มีพระองค์พวกหม่อมชั้นคงต้องต่อแถวยาวหลายลี้ ตากแดดตากลมอยู่ด้านนอกเสียแล้ว” ผิงเหม่ยเหรินพูดขึ้นขณะพยักเพยิดไปท่างลี่รุ่ยเซียงสหายรักแต่ยังไม่ทันที่ลี่รุ่ยเซียงจะได้พูดอะไร องค์ชายหกก็หันกลับไปพูดคุยกับหญิงสาวอีกคนที่นิ่งเงียบมาตลอด“จิวอิง เหตุใดเจ้าจึงเงียบนัก คนงานนั่นก็บอกแล้วว่าเป็นถุงหอมหมื่นลี้ ไม่ใช่ผ้าไหมหอมหมื่นลี้เสียหน่อย หรือเจ้ากลัวว่าพวกข้าติดใจผ้าไหมหอมหมื่นลี้จนลืมผ้าไหมหยกของเจ้า”“หามิได้เพคะ ขอเพียงองค์ชายหกทรงพอพระทัย หม่อมฉันจะกล้าไม่พอใจได้เช่นไร”“คุณหนูเจ้าคะ มีกลุ่มคุณหนูคุณชายดูว่าจะมาจากเมืองหลวง อ้างตัวว่าเป็นองค์ชายหก ตอนนี้บ่
เช้าวันต่อมา หลิวหยางรับหน้าที่ขับรถม้าคันใหม่พาซูเจินจู สี่เสวี่ย เฟยหลัน และเฟยอวี่เข้าพบฮูหยินนายตำบลที่จวนนายตำบลเป่ย เมื่อมาถึงหน้าจวนนายตำบลหลิวหยางลงไปแจ้งกับคนเฝ้าประตูว่าคุณหนูของตนแซ่ซูชื่อเจินจูนำผ้าไหมหอมหมื่นลี้มาขอเข้าพบฮูหยิน พร้อมให้เงินหนึ่งตำลึงแก่คนเฝ้าประตู เงินหนึ่งตำลึงเร่งฝีเท้าคนให้ไวได้ดังม้า ไม่ถึงสองเค่อคนเฝ้าประตูก็ออกมาเปิดประตูให้ให้รถม้าเข้าไปซูเจินจูสวมชุดผ้าไหมหยกสีขาวปักลายนกกระยาง ลายปักละเอียดเพียงดูผ่านๆก็ยังสามารถรู้ได้ว่าเป็นงานปักชั้นสูง ผมรวบขึ้นอย่างประณีตปักด้วยปิ่นหยกขาวเนื้อดีหนึ่งคู่ที่ดูเข้ากันได้ดีกับกำไลหยกขาวที่ข้อมือ ผิวขาวราวหยก ขนตาเป็นแพหนาสีดำ ปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อยิ่งทำให้ซูเจินจูงดงามจนคนที่ได้เห็นไม่สามารถละสายตาไปได้สี่เสวี่ย เฟยหลัน เฟยอวี่ ผู้ติดตามทั้งสามคนสวมชุดผ้าไหมเฉกเช่นคุณหนูจากจวนใดจวนหนึ่ง เฟยหลันที่รอยแผลเป็นบนใบหน้าหายดีแล้วยิ่งดูงดงามและลึกลับเมื่อสวมชุดผ้าไหมสีน้ำเงิน ปักด้วยปิ่นเงินลายดอกหลันฮวาเดินคู่มากับเฟยอวี่ในชุดผ้าไหมสีเดียวกันรวมผมขึ้นอย่างเป็นระเบียบปักด้วยปิ่นเงินลายเมฆา สี่เสวี่ยที่ตามรับใช้ใกล้ชิ
ซูเจินจูฝั่งร้านผ้าซูเตี้ยนได้สั่งให้คนงานไปซื้อผ้าไหมหอมหมื่นลี้ของร้านผ้าเฉินอี้เตี้ยนมาหนึ่งพับ เมื่อสำรวจดูแล้วพบว่ากลิ่นของผ้าไม่ใช่กลิ่นของดอกหอมหมื่นลี้แต่เป็นกลิ่นของดอกเหมย อีกทั้งลายผ้าไม่คมชัดคงเป็นการวาดลายลงไปโดยตรง การใช้สีอ่อนเช่นนี้จะทำให้ลายผ้ามีสีซีดได้ง่าย อีกทั้งกลิ่นดอกเหมยไม่สามารถเกาะติดผ้าได้ดีเท่ากลิ่นของดอกหอมหมื่นลี้ เวลาผ่านไปสักพักกลิ่นก็คงจางหายไปเอง ดังนั้นผ้าไหมพวกนี้ไม่สามารถนับเป็นคู่แข่งอย่างแท้จริงได้หลงจู๊ฝูที่ออกไปสืบข่าวด้วยตนเองกลับมาพบนายท่านซูละซูเจินจูด้วยสีหน้าสบายใจ“เห็นทีว่าคุณหนูจะพูดถูกทุกอย่างเลยขอรับ ผู้ที่ซื้อผ้าไหมหอมหมื่นลี้จากร้านเฉินอี้เตี้ยนไปกลับมาโวยวายที่ร้านเหตุเพราะเพียงนำผ้าไปซักเท่านั้น กลิ่นที่ควรมีก็ไม่มีอีกต่อไป เห็นทีว่าร้านผ้าเฉินอี้เตี้ยนจะเสียชื่อเสียครั้งใหญ่เป็นแน่”“เช่นนั้นข้าค่อยสบายใจหน่อย เอาล่ะ เมื่อหมดเรื่องแล้วเห็นทีว่าถึงเวลาไปเอาผ้าเสียที เจ้าล่ะ อาจู จะไปเอาผ้าหอมไหมหมื่นลี้อีกเมื่อใด”“ข้าให้เฟยหลันไปเอาผ้าแล้วเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ก็คงนำผ้ากลับมาแล้ว เห็นทีว่างานปักงานแรกคงเป็นการตีตราร้านลงบนผ้าเสียแล้วน
“คุณหนู บ่าวกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” เฟยหลันมองเฟยหมิงที่อยู่บนเตียงแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก ลมหายใจของนางดีขึ้นมากแล้ว คุณหนูรักษานางได้จริงๆซูเจินจูรับเข็มเงินและโถบดยาไปก่อนจะสั่งให้เสี่ยวเหลียนนำเข็มเงินไปต้มในน้ำร้อนและให้เฟยหลันกรีดผ้าที่ขาของเฟยหมิงออก“กระดูกขาของนางแตก หากนางทนอยู่เฉยๆ ไม่ขยับขาสักสามเดือนขาของนางก็จะกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม”“นางยังจะกลับมาเดินได้อีกหรือเจ้าคะ”“ต้องนอนนิ่งๆอยู่แบบนี้ไปก่อนสามเดือน หากขยับเขยื้อนก่อนหน้านั้นก็อาจจะเดินไม่ได้”“คุณหนูเหมือนหมอเทวดาเลยเจ้าค่ะ”“เจ้าจะร้องไห้ทำไม ไอหย๋า ข้าแพ้น้ำตาของพวกเจ้านัก หยุดร้องเถอะข้าจะให้เสี่ยวเหลียนไปซื้อขนมให้เจ้ากิน”“คุณหนู บ่าวแค่ดีใจมากไปเจ้าค่ะ แต่เดิมบ่าวแค่ต้องการฝังศพนางให้ดีเสียหน่อย ใครจะรู้ว่าคุณหนูดึงวิญญาณนางกลับมาจากนรกได้”“เพ้ย เจ้านี่ ตายแล้วไม่ให้นางขึ้นสวรรค์แต่กลับให้นางไปลงนรก เอาล่ะๆ เจ้าไปบดยากองนั้นเถอะ เดี๋ยวข้าฝังเข็มเสร็จแล้วต้องพอกยาให้นาง”“ทั้งหมดเลยหรือเจ้าคะ มัน เยอะมากเลยนะเจ้าคะ”“ทั้งหมดนั่นแหละพอกทั้งขาแล้วเอาผ้ามาพันเข้ากับไม้แผ่นเสียหน่อย กระดูกจะได้ไม่เคลื่อนที่มากนัก”