วันนี้ทั้งวันเสี่ยวหมี่ไม่มีสมาธิในการทำงานเลยจนทำให้เธอโดนหัวหน้าดุเพราะมัวแต่คิดเรื่องของมาเฟียหนุ่มที่เพิ่งกวนประสาทเธอไปเมื่อตอนเช้า
"ไอ้บ้าเอ๋ย" เสียงหวานสบถออกมาอย่างหัวเสีย เธออยากจะประเคนหมัดให้เขาสักทีสองทีให้สมกับที่ทำให้เธอหงุดหงิดใจ
เธอลอบถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ แล้วลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานเดินตรงไปขึ้นรถทันทีเมื่อถึงเวลาเลิกงาน
@คอนโดเสี่ยวหมี่
ร่างบางทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม ๆ ทันทีที่กลับถึงห้อง การใช้ชีวิตของเธอก็วนเวียนอยู่แค่ที่ทำงานกับคอนโด พอวันหยุดก็กลับบ้านไปหาครอบครัว ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเร้าใจจนบางทีก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตเอามาก ๆ
"เฮ้อ! โทรหายัยน้ำตาลดีกว่า" เธอลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายออกมาต่อสายหาเพื่อนสาวอย่างน้ำตาล
"ฮัลโหลมายเฟรน" เสียงสดใสกรอกลงไปตามสาย
(ว่าไงจ๊ะ)
"จะโทรมาบอกว่าฉันลางานได้นะยะ จะเดินทางไปภูเก็ตกันวันไหน"
(วันศุกร์นี้)
"ก็อีกสามวันอ่ะดิ"
(อืมใช่)
"คืนนี้ไปเที่ยวผับกันป่ะ"
(แกก็รู้เราไม่ชอบเข้าผับ อีกอย่างพี่ไรลีย์คงไม่ให้ไป)
"จ้าา...คนมีสามี" เธอค้อนแขวะอย่างนึกหมั่นไส้กับความรักสามีของเพื่อนสาว
(แกก็รีบมีสามีสิจะได้ไม่เหงา)
"ฮึ! ไม่อ่ะฉันยอมขึ้นคานดีกว่า"
(ฮ่าฮ่า) น้ำตาลถึงกับหัวเราะให้กับความแน่วแน่ของเพื่อนสาว
หลังจากวางสายเพื่อนสาวเสี่ยวหมี่ก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเที่ยวผับ
@ผับ
ร่างบางระหงของเสี่ยวหมี่ในชุดเดรสรัดรูปเผยให้เห็นสัดส่วนอย่างชัดเจน บวกกับผิวขาวผ่องที่ตัดกับชุดเดรสสั้นสีแดงก้าวเข้าไปในผับอย่างเชื่องช้า
"ว้าว!" ทันทีที่เธอย่างกายเข้าในผับเสียงร้องว้าวจากหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ก็ดังขึ้นไม่ขาดสายจนมาถึงโต๊ะ แต่เธอหาได้สนใจไม่ เดินไปนั่งลงที่โต๊ะแล้วจัดการสั่งเครื่องดื่ม "Single Malt Whiskey แก้วนึงค่ะ"
หลังจากได้เครื่องดื่มเธอก็นั่งดื่มไปเรื่อย ๆ พลางทอดสายตามองบรรยากาศภายในผับที่เต็มไปด้วยนักท่องราตรี นานแล้วสิที่เธอไม่ได้มาเที่ยวผับแบบนี้ตั้งแต่หลินไปอยู่ไทยเธอก็ไม่ได้มาอีกเลย
ผ่านไปจนดึกดื่นเธอก็ยังคงนั่งดื่มเหมือนเดิม แก้วค็อกเทลที่ตั้งเรียงรายบ่งบอกว่าเธอดื่มมันเข้าไปมากแค่ไหน
อีกด้านของผับบริเวณโซนวีไอพีเผยให้เห็นร่างสูงโปร่งของมาเฟียหนุ่มที่กำลังนั่งกระดกเหล้าราคาแพงดื่มพลางกวาดสายตามองไปรอบผับที่มีนักท่องราตรีเป็นจำนวนมากมารวมกันอยู่ที่นี่
"ยัยเมดูซ่า" เสียงทุ่มต่ำเอ่ยขึ้นเมื่อหันไปเห็นสาวคู่กรณีที่กำลังนั่งดื่มอยู่ หญิงสาวผิวขาวเนียนในชุดเดรสสั้นสีแดงดูสะดุดตาเขาเสียจริง ๆ เธอช่างดูแตกต่างจากเมื่อตอนเช้ายิ่งนัก
สายตาแหลมคมยังคงจ้องมองสาวคู่กรณีไม่วางตา ก่อนจะยกยิ้มร้ายออกมาเมื่อคิดอะไรสนุก ๆ ได้ ลุกออกจากโซฟาเดินตรงไปยังโต๊ะของเธอทันที
"เมาหัวร่าน้ำเลยนะยัยเมดูซ่า" เขาเดินมาหยุดใกล้ร่างบางแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน คนตรงหน้าในตอนนี้เมาจนแทบจะประคองตัวเองไม่อยู่
"ใคร" เสี่ยวหมี่ที่อยู่ในอาการเมาเอ่ยถามเสียงยานพลางเพ่งสายตามองเพราะแสงไฟสลัว ๆ ภายในผับบวกกับฤทธิ์แอลกอฮอลล์ทำให้เธอเห็นหน้าคนที่ยืนอยู่ไม่ชัด
"ผมเอง"
"อ่อ..ไอ้หน้าปลาตีน" เพียงได้ยินเสียงเธอก็จำได้ขึ้นใจเพราะเขาคือคนที่เธอเกลียดถึงแม้จะอยู่ในอาการเมาก็ตาม
"เงอะ ตอนไม่เมาก็ปากดีอยู่แล้ว พอเมายิ่งปากดีเข้าไปอีกเนาะ"
"แล้วจะทำไมไอ้หน้าปลาตีน" ใบหน้าสวยเชิดขึ้นอย่างถือดี เธอเอ่ยย้ำคำว่าปลาตีนใส่ซ้ำ ๆ อย่างเยาะเย้ย "ไอ้ปลาตีน ๆ"
สีหน้าแสนกวนประสาท และคำพูดของหญิงสาวทำเอามาเฟียหนุ่มรู้สึกหมั่นไส้เป็นมากอยากจะกำราบเธอให้อยู่หมัด
"หน้าปลาตีนเหรอ" เขายกยิ้มร้ายออกมา ก่อนจะพุ่งเข้าไปจูบหญิงสาวด้วยความเร็วโดยที่อีกคนไม่ทันตั้งตัว
"อื้อ ๆ" คนถูกจูบตาเบิกกว้างด้วยความตกใจถึงกับไปไม่เป็นชั่วขณะ เมื่อได้สติจึงใช้มือผลักไสทุบตีออกแกร่งพัลวัน แต่นอกจากอีกคนจะไม่สะทกสะท้านแล้วยังบดขยี้ริมฝีปากเธอแรงขึ้น
มาเฟียหนุ่มจูบลงโทษคนปากดีจนสาแก่ใจจึงผละปากออกมองใบหน้าสวยที่ตอนนี้แดงก่ำไม่รู้เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ หรือโกรธเขาด้วยแววตาผู้ชนะพลางใช้ลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง "เป็นไงปากปลาตีนอร่อยไหม"
"อร๊าย!" คนถูกเยาะเย้ยถึงกับหวีดร้องออกมาพลางรัวกำปั้นทุบตีร่างสูงด้วยความโมโห เธอทั้งโมโหทั้งอายในเวลาเดียวกัน "ไอ้คนเลว คนฉวยโอกาส ไอ้หะ.."
เสียงการด่าถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อมาเฟียหนุ่มจับใบหน้าสวยเข้ามาประกบจูบอีกครั้งเพราะทนต่อเสียงก่นด่า และกรีดกร๊าดไม่ไหว เขาจูบเธออยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะถอนจูบออก
"ไอ้บ้า ไอ้ละ.." ทันทีที่ริมฝีปากได้รับอิสระเสี่ยวหมี่ก็เปล่งเสียงก่นด่าระรัว แต่ก่นด่าได้นิดเดียวเท่านั้นก็ถูกอีกคนจูบปิดปากอีกครั้ง แม้พยายามขัดขืนเท่าไรก็ไร้ผล
มาเฟียหนุ่มจูบบดขยี้ริมฝีปากอิ่มหนักหน่วงกว่าเดิมเพราะต้องการทำให้เธอไม่กล้าแผลงฤทธิ์อีก ยิ่งอีกคนดิ้นรนเขาก็ยิ่งจูบแรงขึ้นราวกับจะสูบวิญญาณยังไงยังงั้นจนคนถูกจูบแทบขาดอากาศหายใจ
"อื้อ ๆ" ส่งเสียงร้องท้วงในลำคอระรัวพลางใช้กำปั้นทุบอกแกร่งแรง ๆ มาเฟียหนุ่มรับรู้แต่ยังคงจูบต่อจนพอใจจึงผละปากออก
"เอาสิถ้ายังไม่หยุดทุบหยุดด่าผมจะจูบอีก ดูสิใครมันจะแน่กว่ากัน" จ้องหน้าพูดขู่เสียงเข้มทำคนที่รัวกำปั้นทุบตี และกำลังจะอ้าปากด่าถึงกับหยุดชะงักอัตโนมัติ
"กรี๊ด! ไอ้บ้าฝากไว้ก่อนเถอะ" เธอแวดใส่มาเฟียหนุ่มอย่างหัวเสียที่ไม่สามารถทำอะไรได้ ก่อนจะเดินกระทืบเท้าออกจากผับไป
"หึ" มาเฟียหนุ่มมองตามหลังคนที่เดินจากไปพร้อมกับยกยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี มือหนาลูบวนไปมาบนริมฝีปากที่มีกลิ่นหอมของลิปสติกหญิงสาวติดอยู่เจือจางพลางนึกถึงจูบเมื่อกี้
เขาชักติดใจเข้าแล้วสิอยากจะลิ้มลองปากนุ่ม ๆ นั้นอีก เขายืนมองจนหญิงสาวเดินลับสายตาไปจึงสลัดความคิดออก แล้วเดินกลับไปนั่งดื่มที่โต๊ะตัวเองต่อ
@ประเทศไทย"พร้อมรึยังครับ" เสียงทุ้มดังขึ้นทำให้เสี่ยวหมี่ที่กำลังนั่งมองตัวเองหน้ากระจกบานใหญ่ระบายยิ้มออกมา ก่อนจะลุกเดินไปหาเจ้าของเสียงที่กำลังเดินเข้ามา "พร้อมแล้วค่ะ""ภูมิใจจังมีเมียสวย โดยเฉพาะวันนี้สวยเป็นพิเศษเลย" มาเฟียหนุ่มไล่สายตามองเมียสาวในชุดเดรสยาวสีขาวประดับประดาด้วยเพชรระยิบระยับอย่างชื่นชม มือหนาเอื้อมไปรั้งเอวคอดเข้ามาแนบชิด แล้วกดจูบบนหน้าผากมนเบา ๆ "พี่ก็หล่อเหมือนกันค่ะ" เสี่ยวหมี่สอดมือเข้าไปกอดเอวหนาหลวม ๆ แหงนหน้าขึ้นมองสามีผู้เป็นที่รักด้วยแววตาสื่อความหมายทั้งสองมองสบตากันนานนับนาที ก่อนมาเฟียหนุ่มจะคลายวงแขนออกจากเอวคอดเปลี่ยนเป็นจับมือเล็กแทน "ลงไปข้างล่างกันเถอะครับ แขกเริ่มทยอยมาแล้ว" ว่าจบเขาก็จูงเมียสาวเดินออกจากห้องพักลงไปยังริมชายหาดซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง"ว้าว! สวยจังเลยค่ะ" เสี่ยวหมี่ถึงกับตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้นรอบบริเวณงานเลี้ยงถูกจัดด้วยดอกไม้นานาพันสวยงามมากเหมือนอยู่ในสวนดอกไม้ท่ามกลางบรรยากาศตะวันใกล้ลับขอบฟ้าโต๊ะสำหรับแขกวางเรียงรายตามแนวชายหาด และมีซุ้มที่ถูกจัดอย่างหรูหรามีตัวอักษรประดับเป็นคำว่า "เดย์ & เสี่ยวหมี่"งานเลี้ยง
หลายวันต่อมา..ครืด! ครืด!โทรศัพท์เครื่องหรูแผดเสียงดังอย่างต่อเนื่องปลุกให้ร่างบางที่นอนหลับอยู่บนเตียงค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เธอยกมือขยี้เปลือกตาเบา ๆ ไล่อาการงัวเงีย ก่อนเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมากดรับสายแล้วกรอกน้ำเสียงงัวเงียถามปลายสายทันที "ว่าไงคะพี่เดย์โทรมาปลุกหมี่แต่เช้าเชียว"(พี่มีธุระสำคัญวันนี้ไม่ได้เข้าบริษัทที่รักช่วยดูเอกสารแทนพี่หน่อยนะครับ)"ธุระอะไรคะ"(วันนี้คุณสาธิตลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทจะบินมาคุยงานกับพี่ที่จีน พี่เลยต้องไปรับและคอยดูแลเขาครับ)"ได้ค่ะอย่าให้รู้นะว่าออกนอกลู่นอกทาง"(เมียดุขนาดนี้ใครจะกล้าละครับ)"ให้มันจริงเถอะ"(ค่าบบ พี่รักหมี่นะ)"หมี่ก็รักพี่ค่ะ บ๊ายบาย" นิ้วเรียวกดวางสายทันทีเมื่อบอกลาปลายสายจบ ก่อนหยัดกายลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจไปมาแล้วจึงก้าวลงจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัวเดินทางไปทำงานเหมือนทุกวันที่ผ่านมา@บริษัทนำเข้ารถหรูคาร์ลอฟท์"ทำไมวันนี้ทุกคนมองฉันแปลก ๆ" เสี่ยวหมี่พึมพำด้วยความสงสัยพลางมองสำรวจตัวเองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเมื่อพนักงานในบริษัทต่างพากันอมยิ้มเมื่อเธอเดินผ่าน แต่ก็ไม่พบอะไรที่แปลกไปเพราะเธอก็แต่งตัวด้วยชุดเดรสเร
"ปล่อยนะฉันจะไปทำงานต่อ" เสี่ยวหมี่ร้องท้วงด้วยความเคอะเขินเมื่อเห็นสายตาทอประกายหยาดเยิ้มที่แฟนหนุ่มใช้มองเธอพลางยกขึ้นดันอกแกร่งให้ออกห่าง"คุณเป็นถึงเมียเจ้าของบริษัทไม่ต้องทำก็ได้ แค่นั่งชี้นิ้วสั่งยังได้เลย""งั้นหมี่ขอสั่งให้คุณปล่อยหมี่เดี่ยวนี้" สิ้นเสียงแฟนหนุ่มเสี่ยวหมี่ก็ชี้นิ้วสั่งเขาทันที "ผมหมายถึงพนักงานในบริษทไม่ใช่ผม" มาเฟียหนุ่มถึงกับระบายยิ้มออกมากับความฉลาดของแฟนสาว แต่เขาหาได้ปล่อยตามคำสั่งไหมกลับอุ้มเธอเดินไปวางลงบนโต๊ะทำงานพร้อมใช้มือยันขอบโต๊ะกักเธอไว้ในวงแขน"คุณจะทำอะไรปล่อยเลยนะ" ร่างบางร้องท้วงด้วยน้ำเสียงงอน ๆ พร้อมยกมือขึ้นดันอกแกร่งให้ออกห่าง แต่แรงเพียงน้อยนิดของเธอไม่ทำให้ร่างสูงขยับเขยื้อนเลยสักนิด"บอกว่าอย่าไงเดี๋ยวคนอื่นเข้ามาเห็น" เธอร้องห้ามเสียงหลงในตอนที่ร่างสูงแทรกตัวยืนกลางหว่างขาทำให้กระโปรงที่สั้นเหนือเข่าร่อนขึ้นมาจนเห็นแพนตี้สีแดงสด ก่อนใบหน้าคมคายจะโน้มลงซุกไซ้ขบเม้มสูดดมกลิ่นหอมจากลำคอขาว มือหนาค่อย ๆ ลูบไล้ไปตามเรียวขาขาวเนียนทำเอาร่างบางถึงกับขนลุกชูชันรู้สึกม่วนท้องน้อยไปหมดเธอกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงลำคออึกใหญ่พร้อมถอนหายใจหนัก ๆ ก่
@บริษัทนำเข้ารถหรูคาร์ลอฟท์"มอนิ่งครับที่รัก" เสียงของมาเฟียหนุ่มเอ่ยทักแฟนสาวหลังจากเปิดประตูเข้าห้องทำงานมาแล้วเห็นแฟนสาวนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง "ก็บอกว่าอย่าเรียกแบบนี้ไงมันเลี่ยน หมี่ไม่ชอบ" คนถูกเรียกตวัดสายตามองค้อนแฟนหนุ่มอย่างไม่ชอบใจเพราะเธอพยายามบอกเขาครั้งเล่าครั้งเล่าว่าให้เรียกเหมือนเมื่อก่อน ถึงแม้ทั้งสองจะคบกันอย่างจริงจังมาเป็นเวลาเดือนกว่า ๆ แล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังไม่ชินกับสรรพนามสุดเลี่ยนที่แฟนหนุ่มสรรหามาเรียกเธอไม่ซ้ำแต่ละวัน มาเฟียหนุ่มหาได้เก็บคำพูดของแฟนสาวมาใส่ใจไม่ การได้เย้าแหย่ให้เธองอนเป็นอะไรที่ทำให้เขามีความสุขจริง ๆ เขาระบายยิ้มบาง ๆ พร้อมเดินอ้อมไปสวมกอดแฟนสาวจากด้านหลัง แล้วโน้มลงกระซิบชิดกกหูเล็ก "งั้นเรียกเมียแทน"สิ้นสุดคำพูดเขาก็ฝังจมูกบนแก้มนิ่มของแฟนสาวฟอดใหญ่"ไปทำงานของตัวเองได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นเข้ามาเห็น" เจ้าของแก้มนิ่มเอ็ดแฟนหนุ่มเบา ๆ พร้อมยกมือขึ้นดันหน้าเขาออกห่าง "ขอกอดเมียแบบนี้สักแป๊บได้ไหม เติมพลังก่อนทำงาน" มาเฟียหนุ่มยังตีหน้ามึนเหมือนเดิมหาได้สนใจเสียงพูดแฟนสาวไม่ เกยคางลงบนไหล่มนพร้อมทำตาปริบ ๆ เว้าวอนคนในอ้อมกอดสุดฤทธิ์
"ออกไปคุยกันสะนานเลยมีอะไรกันหรือเปล่าลูก" ทันทีที่ทั้งสองคนเดินเข้ามานั่งลงบนโต๊ะอาหารเสี่ยวหลานก็เปล่งเสียงถามบุตรสาวด้วยความสงสัยมาเฟียหนุ่มกับหญิงสาวมองสบตากันนานนับนาที ก่อนมาเฟียหนุ่มจะเป็นคนเอ่ยขึ้น "ผมมีเรื่องจะบอกคุณป้า กับคุณลุงครับ"สิ้นเสียงมาเฟียหนุ่มประมุขของบ้านกับเสี่ยวหลานก็หันมองหน้ากันระคนสงสัย ก่อนประมุขของบ้านจะหันมองหน้าถามเขา "เรื่องอะไรล่ะ"คนถูกถามสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกความกล้าให้ตัวเองพรืดใหญ่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแววตาทอประกาย "ผมรักลูกสาวคุณลุง คุณป้าครับ หากผมจะขอคบกับเสี่ยวหมี่คุณลุง คุณป้าคงไม่ว่าอะไรนะครับ""ในสุดก็พูดออกมาสักทีนะคุณเดย์" ประมุขของบ้านเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มไม่ต่างจากเสี่ยวหลานผู้เป็นภรรยาเลย ทั้งสองพอจะเดาออกนานแล้วว่าเด็กหนุ่มมีใจให้บุตรสาวตัวเอง ทว่ากลับไม่ยอมพูดออกมาสักที"คุณลุง คุณป้ารู้เหรอครับ" ดวงตาคมกริบมองหน้าพ่อแม่ของหญิงสาวอย่างงง ๆ"ป้ากับลุงอาบน้ำร้อนมาก่อนเรานะทำไมจะมองไม่ออก" เสี่ยวหลานเอ่ยด้วยใบเปื้อนยิ้ม ก่อนประมุขของบ้านจะเอ่ยต่อ "ลุงพอจะเดาออกตั้งแต่คุณมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลแล้ว เสี่ยวหมี่ไม่เคยมีผู้ชายเข้ามาวนเว
เสี่ยวหมี่ลากมาเฟียหนุ่มมาหยุดใต้ต้นไม้ใหญ่ ก่อนปล่อยมือจากเขาแล้วหันไปมองหน้าเปล่งเสียงถามอย่างไม่เข้าใจ "คุณคิดจะทำอะไรถึงมาตีสนิทกับป๊าม๊าฉัน""ผมไม่ได้จะทำอะไรทั้งนั้นก็แค่ทำความคุ้นชินกับพ่อตาแม่ยาย เพราะในอนาคตผมก็จะมาเป็นลูกเขยท่านแล้ว" มาเฟียหนุ่มไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจมากนักพร้อมกับจ้องหน้าตอบหญิงสาวไปตามความจริงเขาไม่ได้มีแผนอะไรทั้งนั้นที่ทำไปเพราะอยากทำความรู้จัก ทำความสนิทสนมกับครอบครัวผู้หญิงที่เขารักและเลือกจะมาเป็นคู่ชีวิตก็แค่นั้น และเป็นการแสดงความจริงใจหากผู้ใหญ่เห็นชอบด้วยยังไงก็ดีกว่าอยู่แล้ว"ฮืม" คนฟังถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อได้ยินคำพูดทึกทักเอาเองของเขา ทว่าในใจกลับเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ ดวงตากลมเสสายมองไปทางอื่นพยายามตีสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดเพราะไม่อยากให้เขารู้ว่าตอนนี้เธอกำลังเสียอาการ ก่อนจะตวัดสายตามองเขาอีกครั้งพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วน "ฉันบอกแล้วหรือไงว่าจะแต่งงานกับคุณ" มาเฟียหนุ่มหาได้สนใจไม่ว่าหญิงสาวจะพูดอะไรยังคงยิ้มระรื่นพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้เธอ แล้วตีเนียนถามไปเพื่อจะได้ผล "แล้วตกลงแต่งไหม" "ไม่ต้องมาตีเนียนเลยนะฉันไม่หลงกลคุณหรอก"