เวลาผ่านไป
ตั้งแต่ที่ได้นั่งซ้อนท้ายรถของเด็กเสิร์ฟกลับวันนั้นเธอก็มีโอกาสได้เจอกับเขาอยู่อีกบ่อยๆ และได้พูดคุยกันอยู่บ้าง ตอนแรกเธอก็ยังสงสัยเกี่ยวกับที่มาของผู้ชายคนนี้ แต่เท่าที่มองดูหลายต่อหลายครั้งเขาก็เป็นแค่คนธรรมดาดูไม่ได้พิเศษเหมือนกับที่เธอคิด แต่ก็ยังคงความระวังตัวเองอยู่ ไม่ได้ไว้ใจใครมากขนาดนั้นหรอก
แต่ก็ยอมรับว่าเขาคือผู้ชายคนแรกที่เธอคุยด้วย นอกจากเพื่อนสนิทกับลูกน้องคนสนิทเธอก็ไม่คุยกับใครอีกเลย นอกซะจากจำเป็นจริงๆ
พอได้คุยกันบ่อยขึ้นก็เริ่มที่จะสนิทกัน แต่ก็ไม่ได้มาก เพราะเธอยังไม่ไว้ใจที่เขาเข้ามาตีสนิท ในขณะที่คนอื่นไม่กล้าทำ มาตีสนิทราวกับว่าอยากจะรู้อะไรจากเธออย่างนั้นแหละ
ในห้องทำงาน
"เรน..."
"ครับ"
"นายสืบประวัติ การใช้ชีวิต ไปไหนบ้าง เจอใครบ้าง ของเด็กเสิร์ฟที่ชื่อศรัณย์ให้ที"
"มีอะไรหรือเปล่าครับ"
"แค่อยากรู้"
"ผมอยู่กับคุณวานิลมานานนะครับ" เหมือนจะบอกในความหมายที่ว่า เพราะอยู่มานานเลยรู้จักเป็นอย่างดี เจ้านายไม่เคยสั่งให้สืบประวัติใครแบบนี้ แสดงว่ามันต้องมีอะไรอย่างแน่นอน
"ฉันแค่สงสัยอะไรนิดหน่อยน่ะ"
"คุณวานิลอย่าสนิทเกินไปจะดีกว่าครับ ถ้าเป็นคนของคู่แข่งเราส่งมา ข้อมูลบางอย่างของเราอาจะรั่วไหลได้"
"ฉันรู้แล้ว ฉันไม่ได้จะสนิทด้วยหรอก"
เธอไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจอะไรที่ลูกน้องคนสนิทเตือน เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนเข้ามาสมัครงานเป็นคนของที่นี่ เข้ามาล้วงข้อมูลของที่นี่ และทุกครั้งที่เธอสอบประวัติลึกๆ จนได้รู้เธอก็ส่งไม้ต่อให้โอนิกซ์เป็นคนจัดการ
คนแบบนี้เอาเก็บไว้ไม่ได้ ต้องกำจัดทิ้ง เพราะไม่อย่างนั้นมันก็จะย้อนกลับมาเอาชีวิตเราซะเอง สังคมที่โหดร้ายแบบนี้เอาแต่อ่อนแอก็จะกลายเป็นคนถูกกำจัดซะเอง
"ฝากนายจัดการด้วยนะ"
"ได้ครับคุณวานิล"
ต่อให้เขาจะหน้าตาดี รูปลักษณ์ภายนอกดี โปรไฟล์ดี แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเธอจะไว้ใจสักหน่อย ยิ่งดูน่าไว้ใจแบบนี้ยิ่งน่าสงสัยมากที่สุดแล้วล่ะ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เธอก็ต้องรีบจัดการก่อนที่มันจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
.................
เวลาผ่านไป จนกระทั่งวานิลได้รับประวัติรูปถ่ายต่างๆ เกี่ยวกับเด็กเสิร์ฟที่พยายามมาตีสนิทกับเธอ ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีอะไร เหมือนว่าเธอกำลังคิดมากไปเองมากกว่า เพราะชีวิตประจำวันของผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย บ้านที่ผู้ชายคนนั้นขับรถไปกลับ ก็เป็นเพียงบ้านเช่า ที่อยู่ในละแวกนอกเมือง ไม่ค่อยมีผู้คนสัญจรพลุกพล่านสักเท่าไหร่ ไม่มีสังคม ไม่มีเพื่อน และดูเหมือนก็จะไม่ค่อยมีญาติพี่น้องด้วย
"นายคิดว่ายังไง"
"ผมว่าไม่มีอะไรก็ดีแล้วครับ แต่ก็ยังอยากให้คุณวานิลระวังตัวเองไว้อยู่เหมือนเดิม"
"ฉันเข้าใจแล้ว"
"......"
"ขอบใจมาก สำหรับเรื่องนี้ ฉันแค่อยากรู้เพื่อที่จะระวังตัวเอง ฉันไม่อยากให้ข้อมูลของเรามันหลุดออกไปจนแก้ปัญหายากเหมือนกับครั้งก่อน"
"รับทราบครับ เดี๋ยวผมจะไปกำชับทุกคนให้คอยเป็นหูเป็นตาและระแวดระวังมากขึ้น"
"อืม..."
หญิงสาวเอนหลังพิงกับพนักพิงของเก้าอี้ทำงาน หลับตาลงคล้ายคนที่กำลังนั่งหลับ แต่ความจริงเธอยังมีสติดีอยู่ แค่พักสายตาเล็กน้อยเท่านั้นเอง
ก๊อกๆๆ ~
"อืม เข้ามา"
"ขออนุญาตครับ ผมเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ"
พอได้ยินว่าเป็นเสียงของใคร เธอก็รีบผุดลุกขึ้นมานั่งทันที พักหลังมานี้พนักงานเสิร์ฟคนนี้มาด้านบนบ่อยขึ้น และทุกครั้งที่เธอสั่งเครื่องดื่ม ก็จะเป็นคนนี้มาส่งตลอดเลย ทั้งที่เธอไม่ได้เป็นคนบอกหรือว่าเจาะจงว่าจะต้องเอาคนคนนี้
"ขอบใจ เอาวางไว้ตรงนี้"
"วันนี้คุณวานิลจะเลิกงานกี่โมงครับ?"
"เลิกงานกี่โมง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย ฉันเป็นเจ้าของที่นี่นะ"
"ผมทราบดีครับ ผมแค่อยากจะชวน...เอ่อ"
แกร๊ก!~
"เจ้~/เจ้ค้าบ/เจ้สุดสวย"
ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดจบ ประตูห้องทำงานของเธอก็ถูกเปิดออก ตามด้วยผู้ชายที่หน้าตาเหมือนกันสามคนกำลังเดินเข้ามา
"อะไรของพวกนายเนี่ย พรวดพราดเข้ามาอีกแล้วนะ ถ้าฉันมีแขกอยู่จะทำยังไง"
"ก็ผมถามพี่เรนแล้ว เขาบอกว่าเจ้ไม่มีแขกพวกเราถึงได้เข้ามาไงครับ"
"ฉันพูดถึงครั้งต่อไป"
"โถ่เจ้ อย่าดุนักสิครับ นี่ดุพวกผมเป็นลูกเลยนะ"
"พวกนายมาถึงที่นี่มีอะไร วันนี้ไม่มีประชุมนะ"
"มีอารมณ์คิดถึงเจ้ไงครับ"
"ไอ้แฝด!" เธอใช้น้ำเสียงที่เข้มขึ้น เพื่อให้เจ้าสามแฝดได้รู้ว่าเธอไม่ต้องการให้พูดเล่นอีก
"อ่าๆ ไม่กวนแล้วก็ได้ครับ"
"ตกลงมีอะไร"
"ก็ไม่มีอะไรเป็นทางการครับ แค่แวะมาหาเจ้ เผื่อว่าเจ้จะพอแนะนำ ผู้หญิงหน้าตาน่ารักๆ ตัวเล็กๆ เหมือนเมียของเฮียเจย์ ให้กับพวกผมบ้าง"
"ไอ้แฝด! ฉันเป็นเจ้าของกาสิโน ฉันไม่ได้เป็นแม่เล้านะ ที่จะสรรหาผู้หญิงมาให้พวกนายได้ตามต้องการน่ะ"
"ก็เผื่อเจ้รู้จักไง เผื่อว่าเป็นญาติพี่น้องของเจ้บ้าง แบบว่าพามาแนะนำให้กับพวกเรารู้จัก"
"ฟังนะไอ้แฝด ถ้าฉันมีหลาน มีญาติพี่น้อง ฉันก็จะบอกให้พวกเขาหนีไปให้ไกลจากพวกแก ผู้ชายเจ้าชู้กินไม่เลือกอย่างพวกแกเนี่ย อยู่แบบนั้นไปนั่นแหละดีแล้ว ไม่ต้องคิดอยากจะมีใครหรอก ทำให้ผู้หญิงเขาเสียใจเปล่าๆ"
"แล้วทีเฮียเจย์อ่ะ ทำไมเจ้ไม่เห็นว่าอะไรเลย แถมดูยินดีด้วยซ้ำ"
"ฉันไม่ชอบความรักก็จริง แต่ฉันก็ไม่ได้กีดกันความรักของคนสองคนที่เขารักกันจริงๆ เฮียเจย์ของแกน่ะมันถอดเขี้ยวเล็บเสือออกไปหมดแล้ว"
"โด่ เจ้อะ ใจร้าย"
"......" เธอไม่ได้ตอบกลับอะไร บางครั้งก็แอบรู้สึกเบื่อเจ้าสามแฝดนี่เหมือนกัน เบื่อตรงที่ อยากจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแต่เลิกเจ้าชู้ไม่ได้เนี่ยแหละ ในฐานะผู้หญิงด้วยกันเธอจะไปช่วยทำไม เลิกเจ้าชู้ได้แล้วก็ว่าไปอย่างสิ
"แล้วเจ้อยากมีผัวไหม"
"ไอ้ทรานส์ ถ้าแกพูดอีกคำเดียว หรือใครถามฉันอีกคำเดียว ฉันจะให้การ์ดมาโยนออกไปเดี๋ยวนี้แหละ ถามมาก พูดอยู่ได้ นั่งเงียบๆไปเลย ฉันจะทำงาน!"
"ครับ"
ทั้งสามตอบพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง ก็แหงล่ะเล่นเอาเธออารมณ์ขึ้นขนาดนี้ พูดเซ้าซี้ไปอีกนิดมีหวังได้ระเบิดลงแน่
เวลาต่อมาสนามบินประเทศไทย"ระวังนะครับตะวัน" ฉันร้องห้ามลูกชาย เมื่อลงมาจากเครื่องเจ้าตัวก็วิ่งไปรอบๆ เหมือนกำลังตื่นเต้น ก็ปกติแหละสำหรับเด็กที่เพิ่งจะได้ออกมาจากโลกของตัวเอง ตะวันไม่เคยไปเที่ยวไหนไกลขนาดนี้มาก่อนเลย"มันแปลกตามากเลยครับแม่""ตะวันครับตะวัน""ปล่อยเถอะครับ แกยังไม่เคยเห็น คนของผมก็อยู่กันเยอะแยะ เขาไม่ปล่อยให้นายน้อยของเขาคลาดสายตาหรอก""....." ฉันไม่ได้ตอบอะไร ถึงเขาจะพูดอย่างนั้นก็เถอะนะ แต่คนเป็นแม่อ่ะ ยังไงก็ห่วงลูกอยู่แล้ว"รถจอดอยู่ทางนี้ครับ" ลูกน้องของเขาเดินมาบอก"มากันเถอะครับนิล ตะวันครับมาขึ้นรถเร็ว""ครับคุณพ่อ"สมกับเป็นเขาจริงๆ นะ แค่เจ้านายกลับมาจากต่างประเทศ ลูกน้องนี่ขนกันมารุมล้อมต้อนรับราวกับว่าจะมีคนมาดักทำร้ายงั้นแหละ ฉันอุตส่าห์จะกลับมาอย่างเงียบๆ แต่นี่คงไม่เงียบแล้วล่ะจะว่าไปหลายปีที่ฉันไม่เคยได้กลับมา อะไรต่อมิอะไรมันเปลี่ยนแปลงไปเยอะเหมือนกันเลยนะเนี่ย มันดูแปลกตาไปเยอะเลย แม้บางอย่างจะอยู่ที่เดิม แต่ก็ปรับเปลี่ยนไปไม่ใช่น้อย"เราจะไปที่ไหนกันครับคุณพ่อ""บ้านของพ่อไงครับ""แล้วแม่นิลมีบ้านที่นี่ไหมครับ""มีครับ""เราจะไปเที่ยวไหนกันบ้างค
เช้าแสนสดใสของวันรุ่งขึ้น"เฮือก!!" วานิลสะดุ้งตื่น เธอรีบลุกขึ้นและมองรอบๆ ตัวเอง พอเห็นว่าพระอาทิตย์ขึ้นจนสว่างจ้าแล้วเธอก็รู้ได้ทันทีว่า มันสายมากแล้ว "รัณ!"ร่างบางรีบลุกขึ้นก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดดู ให้ตายสินี่มันจะสิบโมงแล้ว เธอนอนตื่นสายขนาดนี้ได้ยังไงกัน"ให้ตายสิโอ้ย! ตื่นสายได้ยังไงวะเนี่ย!" เธอบ่นพึมพำกับตัวเองขณะที่กำลังเร่งรีบแต่งตัว เพราะเธอจะลงไปสภาพแบบนี้ไม่ได้หรอกพอแต่งตัวเสร็จเธอก็รีบเดินออกไปที่ประตู แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เปิดออกไปประตูก็ถูกผลักเปิดเข้ามาซะก่อนแกร๊ก~"คุณ!""ตื่นแล้วเหรอครับ ผมว่าจะขึ้นมาดูอยู่พอดี" ศรัณย์พูด"ตะวันล่ะคุณ?""ไปเรียนแล้วครับ""ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกฉันล่ะ นี่ฉันสายเลยนะ ไหนจะต้องเปิดร้านอีก""ไม่เห็นต้องเร่งรีบเลยครับ พนักงานของคุณเขาจัดการกันเรียบร้อยหมดแล้วนะครับ""....""ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้วครับ ลงมากินข้าวสิ ผมเตรียมให้แล้ว""เฮ้อ...ตกใจหมด!""ตกใจทำไมครับ มีผมอยู่ทั้งคนนะครับ""ปกติฉันเป็นคนไม่ตื่นสายนะ เล่นมาตื่นสายแบบนี้ ใครบ้างจะไม่ตกใจ""มากินข้าวเถอะครับ""อืม..."วานิลรีบเดินตามศรัณย์ลงไปด้านล่าง เขาทำอาหารไว้ให
"อุ๊บ! อื้อ!!~"วานิลทำตัวไม่ถูก จู่ๆ ศรัณย์ก็โน้มหน้าลงมาจูบปากกับเธอ เรียวลิ้นสอดเข้าไปในปากเล็ก ตวัดไปมาเหมือนควานหาอะไรในปากของเธอ"อื้ม...!!""อืม...อยู่นิ่งๆ สิครับ" น้ำเสียงของอีกฝ่ายแหบพร่า แม้เธอจะขัดขืนแต่เขาก็ไม่ได้หยุดการกระทำของตัวเองนี่มันเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่เธอได้จูบกับใคร และมันก็น่าตกใจไม่น้อย เพราะตอนนี้กำลังยืนอยู่ตรงหน้าระเบียง"อืม...""พะ พอ อืม..." วานิลพยายามเบี่ยงหน้าหลบ แต่แล้วก็ถูกเขาประคองให้กลับมาอยู่ในท่าเดิม เริ่มที่จะขัดขืนยากขึ้น เพราะมือทั้งสองข้างถูกล็อคเอาไว้ บวกกับร่างกายที่เหมือนจู่ๆ ก็ร้อนวูบวาบขึ้นมาบอกไม่ถูก"ระ รัณ...!" คราวนี้เธอผลักเขาออกไปได้สำเร็จ แต่ถึงจะจูบกับเธอต่อไม่ได้ ก็ใช่ว่าเขาจะหยุดการกระทำของตัวเองเสียหน่อยจมูกโด่งเริ่มซุกไซ้ตามลำคอขาวต่อจากนั้น คลอเคลียอยู่กับใบหูของเธอจนมาถึงหน้าอก ทำอยู่อย่างนั้นไม่ยอมหยุด เหมือนกับแมวน้อยที่กำลังคลอเคลียเจ้านาย"อะ อืม...พอแล้ว""ตัวคุณหอมจัง""ระ รัณ...""ผมไม่เคยรังเกียจคุณ ผมรักคุณ ผมรักคุณ...""อะ อือ...หยะ หยุดก่อน" เพราะเขาไม่ได้พูดอย่างเดียวเนี่ยสิ มือสองข้างก็เล้าโลม จับตรงนั้นตรง
ตกกลางคืน หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาแสนหวานกับศรัณย์มา วานิลกำลังนั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวเงียบๆ จนกระทั่งศรัณย์เดินเข้ามา"คิดอะไรอยู่ครับ""มีเรื่องให้ต้องคิดน่ะค่ะ" วานิลตอบ"พอจะบอกผมได้ไหม ว่าคุณกำลังคิดเรื่องอะไร?""....." วานิลเงียบ ก่อนจะถอนหายใจออกมา การกระทำแบบนี้เหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของเธอไปแล้ว "ฉันมีเรื่องจะบอกคุณ""ครับ?""ฉันคิดว่าเรื่องนี้คุณเองก็ยังไม่รู้ และถ้าฉันเล่าออกไป คุณอาจจะรังเกียจคนอย่างฉันไปเลยก็ได้""ไม่ ผมจะไม่...""ฟังฉันก่อนสิ" วานิลรีบพูดดักขึ้น เขายังไม่รู้เลยว่าเธอจะพูดเรื่องอะไรให้ฟัง บางทีถ้าเขาได้ยินแล้วเขาอาจจะรับไม่ได้และเลิกรักเธอไปเลยด้วยและที่เธอเลือกที่จะพูดเอาตอนนี้ เพราะหลายครั้งที่ผ่านมาเธอไม่มีความกล้าซะเลย ยิ่งเธอนึกถึงเรื่องเหล่านั้น มันก็ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของเธออยู่ตลอด"พูดมาสิครับ...""ฉันเคยติดคุก แต่คุณคงรู้แล้ว ฉันถูกอดีตแฟนใส่ร้ายเรื่องยาเสพติด ฉันเลยต้องติดคุก เพราะไม่มีพยาน ไม่มีหลักฐาน ไม่มีคนมาช่วยเรื่องคดี""ใช่ ผมรู้เรื่องนี้แล้ว""เรื่องข้างใน...""ครับ?""ขอโทษนะ ที่เพิ่งบอกเอาตอนนี้ แต่ทุกครั้งที่นึกถึงมัน ฉันก็ยังเจ็บใจอยู
หลายเดือนต่อมาร้านดอกไม้ Tawan Flower Shop"อะไรเนี่ย?" วานิลพึมพำกับตัวเอง เพราะจู่ๆ ตรงหน้าของเธอก็มีช่อดอกไม้ใหญ่อยู่ตรงหน้า และดูเหมือนว่าจะมีคนยืนถือมันอยู่ด้วย"จ๊ะเอ๋!~""คุณ! เล่นอะไรเนี่ย ตกใจหมด!""เซอร์ไพรส์ครับ""ร้านดอกไม้อยู่ตรงนี้แท้ๆ คุณไปอุดหนุนร้านอื่นเหรอ?" ถามเสียงแข็งเหมือนหาเรื่อง"ปะ ป่าวนะครับ ผมสั่งมาจากร้านตรงที่บริษัทที่ผมไปทำงาน ซื้อจากร้านคุณ คุณก็รู้น่ะสิ แบบนั้นก็ไม่เซอร์ไพรส์หรอก""......" ก็ไม่อะไรหรอก แค่แกล้งเขาเล่นก็เท่านั้นแหละ"ดอกไม้สวยๆ สำหรับคนสวยๆ ของผมครับ""อื้ม...ขอบใจนะ""หิวกาแฟจังเลยครับ""เข้าไปข้างในสิ""ไปนั่งด้วยกันนะครับ""อ๊ะ! ดะ เดี๋ยว! ฉันยังทำงานอยู่นะ!"เหมือนศรัณย์จะไม่ฟังอะไรเลย เขาจับแขนของวานิลแล้วดึงเธอเข้าไปในร้าน และตอนนี้ร้านขยับขยายไปอีกเพราะซื้อคูหาใกล้ๆ กันรวมเป็นร้านเดียวไปแล้ว เป็นร้านดอกไม้ที่มีคาเฟ่อยู่ด้วย พอจัดด้วยดอกไม้สวยๆ แล้ว เรียกลูกค้าได้ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะคนที่ชอบมาถ่ายรูป"อะไรของคุณเนี่ย!?""พนักงานก็เต็มร้าน ไม่เห็นต้องทำเองเลยครับ""ก็คนมันว่าง จะให้ฉันทำอะไร ทำไม่ให้ฉันทำแบบนี้""ตอนนี้ไม่ว่างแล้วน
เวลาผ่านไปร่วมเดือน"ตะวัน!!" วานิลตะโกนเรียกลูกชาย พร้อมกับเท้าเอวยืนรออยู่ตรงบันได เพราะนี่มัน 7:45 แล้วแต่ลูกชายยังมัวแต่โอ้เอ้อยู่ได้ ศรัณย์นี่แหละตัวดีเลย คอยอยู่เบื้องหลังคอยให้ท้ายกันอยู่แบบนี้ไงตะวันถึงได้เป็นแบบนี้"มาแล้วคร้าบแม่นิล..." เสียงหวานของหนุ่มน้อยดังมาแต่ไกล"สายแล้วนะ มัวทำอะไรกันอยู่!" เธอถามเสียงเข้ม"เสร็จแล้วครับ เสร็จแล้ว""คุณ...!" กำลังจะบ่นแต่ก็ถูกเขาพูดแทรกซะก่อน ราวกับว่ารู้ว่าเธอจะบ่นยังไงเลยชิงพูดก่อน"ขอโทษครับ ผมลืมดูเวลา จะรีบไปส่งเดี๋ยวนี้เลย""....." วานิลยืนมองนิ่ง ส่ายหน้าเล็กน้อยให้กับสองพ่อลูกคู่นี้ที่กำลังพากันวิ่งไปที่รถ มันน่าจริงๆ เลยนะสองพ่อลูกคู่นี้"มีอะไรกันเหรอพี่นิล?" เจียอีเดินเข้ามาถาม"จะอะไรซะอีกล่ะนอกจากสองพ่อลูกคู่นี้""หึหึ ดูเขาเข้ากันได้ดีเลยนะ" เจียอีหัวเราะใส่ ตอนแรกที่รู้ความจริงว่าพ่อของตะวันเป็นใครก็ตกใจอยู่นะ แต่ตอนนี้ก็ชินแล้วล่ะ"เข้ากันได้ดีเกินน่ะสิ หัวจะปวด โอ้ยยย!""เอาน่าพี่ อย่าไปเคร่งนักเลย""พี่ไม่ได้เคร่งนะ แต่เขากำลังจะทำให้ตะวันเสียคน ตะวันเคยตรงเวลา มีระเบียบเรียบร้อย แต่พอมีเขาที่ทำให้ทุกอย่าง ตะวันเปลี